คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : มิตร...หรือศัตรู?
CHAPTER 3
ความมืดและอากาศที่เย็นเยียบของยามเช้านั้นได้ปกคลุมย่านที่พักอาศัยของเมืองมาเอบาชิทั้งหมด
ส่งผลให้แทบไม่มีบ้านหลังไหนเลยที่จะมีแสงไฟลอดออกมาจากหน้าต่างในเวลานี้
แต่หนึ่งในจำนวนน้อยนิดนั้น
บ้านของครอบครัวทากาฮาชิก็เป็นหนึ่งในบ้านไม่กี่หลังที่แสงไฟยังคงเปิดอยู่ในเวลานี้เช่นกัน
เรียวซุเกะชำเลืองมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงขณะที่กำลังอ่านตำราอยู่ทั้งคืนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
...4.58 am ....
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่สายตาจะกลับไปที่หนังสือที่อยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง
เขาตั้งใจไว้ว่าอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงจึงจะเตรียมตัวออกจากบ้าน
แต่แล้วความตั้งใจของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเขาต้องอ่านบรรทัดเดิมซ้ำๆ
กันมามากกว่าโหลหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มจึงปิดหนังสือและหยิบแลปทอปของตนขึ้นมาก่อนที่จะล็อกอินเข้าไปในเว็บของโปรเจคดี
อย่างที่เขาได้คาดไว้ มีอีเมล์มากมายจากทั่วกุนมะถูกส่งมาท้าแข่งกับทีมของเขา
ซึ่งในอาทิตย์นี้โปรเจคดีจะมีแข่งกับทีมโอเวอร์ไดรฟ์ซึ่งมาจากเขาชิราเนะ แน่นอนว่าคนฉลาดและรอบคอบอย่างทากาฮาชิ
เรียวซุเกะย่อมเตรียมตัวรับมือคู่แข่งของเขามาอย่างดีแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาก็ได้ไปถ่ายวีดีโอเส้นทางไว้เรียบร้อย
ชายหนุ่มจึงนั่งดูไฟล์นั้นสองครั้งก่อนที่จะปิดแลปทอปและไปเตรียมตัวเพื่อที่จะไปมหาวิทยาลัย
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มก็ได้คว้ากระเป๋าของเขาและออกไปจากห้อง
เรียวซุเกะเดินตรงไปยังรถของตนก่อนที่จะวางมันลงข้างหลังที่นั่งก่อนที่จะเข้าไปในตัวรถ
เครื่องยนต์ได้ถูกสตาร์ท
เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องโรตารีนั้นดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ
ชายหนุ่มได้ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานชั่วครู่ก่อนที่จะเหยียบเร่งรอบขึ้นมาสองสามครั้งก่อนที่จะเข้าเกียร์และขับออกไป
เรียวซุเกะนั้นชอบที่จะขับรถในตอนเช้าๆ แบบนี้ ซึ่งถนนนั้นทั้งโล่งแล้วก็เงียบ
ในเวลานี้แสงแดดอ่อนๆ เริ่มฉายไปทั่วบริเวณ หมอกบางๆ
ปกคลุมทั่วทั้งเมืองส่งผลให้เป็นทิวทัศน์ที่ดูแล้วรู้สึกสบายใจ
ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจหลังจากที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองได้เผลอเหยียบคันเร่งหนักไปในการขับภายในที่ชุมชนแบบนี้
เขาค่อยๆ ลดความเร็วลงและสายตาก็เริ่มสอดส่ายหาบ้านที่เป็นจุดหมายแรกของการเดินทางในเช้านี้ของเขา
ไม่นานนักเขาก็พบบ้านหลังที่เขากำลังตามหาอยู่ก่อนที่จะหยุดรถและมองไปยังบ้านหลังนั้น
ไม่นานนักเขาก็นำรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินไปเคาะประตูบ้านเบาๆ
ถึงแม้ว่าบ้านที่เขามาหลังนี้นั้นจะไม่ใหญ่โตและหรูหราเท่าบ้านของครอบครัวทากาฮาชิ
แต่มันก็เป็นบ้านที่ท่าทางอยู่สบายทีเดียว มีสนามหญ้าเล็กๆ หน้าบ้านที่เขียวชะอุ่ม
บ้านมีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ทาด้วยสีครีมดูสบายตา
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของเจ้าของบ้านได้ดีเลยทีเดียว
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาประตูนั้นก็ได้เปิดออก
เผยให้เห็นดวงหน้าของคนที่เป็นเป้าหมายของเขาออกมาต้อนรับ“หวัดดีค่ะ โทษทีนะคะ
ขอไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตแป๊บนึง” มิทสึกล่าวก่อนที่จะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
เรียวซุเกะมองเธอขณะที่เธอหายตัวเข้าไปในบ้าน
ซึ่งปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้เช่นเดิม
ชั่วครู่หนึ่งเธอก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าซึ่งสะพายอยู่บนบ่า
หนังสือเรียนถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนและเสื้อแจ็คเก็ตซึ่งอยู่ในมือขณะที่เธอกำลังพยายามใส่รองเท้าบูทของเธออยู่
ไม่นานนักเธอก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วก็เตรียมตัวออกจากบ้านก่อนที่จะเหวี่ยงกระเป๋าออกมาข้างหน้าเพื่อที่จะหากุญแจมาไขประตูบ้านอย่างทุลักทุเล
เรียวซุเกะยืนมองเธออยู่ตลอดก่อนที่จะเดินเข้าไปหยิบหนังสือและแจ็คเก็ตออกจากมือของเธอเพื่อทำให้เธอหาของได้สะดวกขึ้น
“พวกเราไม่ไปสายหรอก ใจเย็นๆ”
น้ำเสียงสบายๆ
ของเขาทำให้เธอหยุดคุ้ยกระเป๋าก่อนที่จะมองไปยังชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เขากำลังจัดเรียงของๆ เธอในมือของเขาอยู่
สายตาของเธอกลับไปยังกระเป๋าของเธออีกครั้งก่อนที่จะเจอกุญแจในที่สุด
เธอจัดการล็อคประตูก่อนที่จะใส่มันลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขณะเอื้อมมือไปรับสัมภาระที่เธอได้ฝากไว้
เรียวซุเกะส่งแจ็คเก็ตของเธอให้ก่อนที่จะตามมาด้วยหนังสือเรียน
เธอถือมันทั้งสองข้างขณะที่ทั้งสองเดินไปที่รถด้วยกัน
ชายหนุ่มเดินไปถึงก่อนและเปิดประตูรถให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” มิทสึกล่าวอย่างประหลาดใจในการปฏิบัติของชายหนุ่มที่ดีเกินกว่าที่เธอคาดไว้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ระหว่างเธอกับเขาที่ระเบียงบ้านเมื่อคืน
เขาปิดประตูให้เธอหลังจากที่เธอเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเดินไปยังอีกฝั่งของรถ
เรียวซุเกะมองไปรอบๆ บ้าน และเขาก็พบว่าไม่มีร่องรอยหรือรถคันใดๆ
นอกจากคันที่ครอบครัวของเธอขับมายังบ้านของเขาเมื่อวันก่อนเท่านั้น
ชายหนุ่มเปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนทีจะหันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่ลืมอะไรนะ?”
เธอมองเขาและพยักหน้าเป็นคำตอบ
เรียวซุเกะเข้าเกียร์ก่อนที่จะลดเบรกมือลงและมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยกุนมะ
ความเงียบได้เข้าปกคลุมในรถชั่วครู่ก่อนที่มิทสึจะหันไปมองชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่ข้างๆ
เธอ เขาดูผ่อนคลาย
มั่นใจในตัวเองและกระปรี้กระเปร่ามากเธอเห็นเขาชำเลืองมองเธอจากทางหางตาเล็กน้อย
ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร
...มองไปยังถนนที่อยู่ข้างหน้าแล้วขับไปตามปกติก็พอแล้ว.... เขาคิด
บนใบหน้าของชายหนุ่มนั้น ถ้าหากสังเกตดีๆ แล้ว
จะเห็นได้ว่าใต้ตาของชายหนุ่มมีสิ่งที่บ่งบอกว่าเขานอนไม่พออยู่
ซึ่งมันก็คือริ้วรอยแห่งความเหนื่อยล้านั่นเอง
“อ่านหนังสือทั้งคืนเลยเหรอเรียวซุเกะซัง” มิทสึถาม
“ใช่” คนถูกถามตอบห้วนๆ ขณะที่สายตาไม่ได้ละไปจากด้านหน้า
มิทสึชำเลืองมองเขาอีกชั่วครู่ก่อนที่จะไปอยู่ที่ถนนตรงหน้าเช่นเดียวกับชายหนุ่ม
...แค่อ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ทำให้เขาดูล้าได้ถึงขนาดนี้หรอก... เธอคิด
มีอะไรบางอย่างที่รบกวนจิตใจของเขา....
แต่เรื่องที่เธอจะต้องป้องกันตัวเองจากเขาก็เป็นเรื่องสำคัญกว่าการซักไซ้อะไรไปมากกว่านี้
อีกอย่าง มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอด้วยที่จะต้องมาถามคำถามในตัวเขาเพิ่มเติมอีก
เป็นเวลาไม่กี่นาทีต่อมาที่มิทสึหันไปหาเขาอีกครั้งหนึ่ง
“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าจะขอเปิดวิทยุหน่อยน่ะค่ะ” เธอกล่าว
“ไม่”คำตอบที่สั้น ห้วน ง่ายจากปากของเจ้าของรถ
และมันกลายเป็นชนวนสงครามของทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ
ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
“คุณรู้มั้ย ถ้าคุณไม่อยากมารับชั้นนักล่ะก็
เมื่อคืนนี้คุณก็ไม่ควรที่จะเสนอตัวขึ้นมาแบบนั้นหรอกนะ
และถ้ายังไม่รู้ตัวอีกล่ะก็ จะบอกให้ก็ได้ว่าชั้นเองก็ไม่อยากให้คุณมารับเหมือนกัน
ชั้นขับรถไปเองก็ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมารับชั้นอีกแล้วนะ”
“ไม่”
“ไม่ยังงั้นเหรอ!!!?? หมายความว่ายังไง!!?” มิทสึโพล่งออกมา
“การไปรับมิทสึจังเป็นการกระทำที่มีเหตุผลดีกว่าการที่มิทสึจังจะขับรถไปเอง”
“มีเหตุผลดีกว่างั้นเหรอ!!!? ชั้นว่าการฆ่าคุณซะตอนนี้ยังจะเป็นเรื่องที่มีเหตุผลมากกว่าอีก!!!”
เรียวซุเกะยักไหล่ก่อนที่จะขับรถต่อไป
หญิงสาวโกรธจนเกือบถึงขีดสุด
“พาชั้นกลับไปเดี๋ยวนี้” เธอกล่าวเสียงเข้ม
“ไม่” เรียวซุเกะตอบ
“ใช่”
“ไม่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปสาย”
หญิงสาวขมวดคิ้ว
“ไหนว่าจะไม่ไปสายไง” เธอกอดอกอย่างวางท่า
แต่ชายหนุ่มกลับยักไหล่
“โกหก ทากาฮาชิ
เรียวซุเกะผู้มีชื่อเสียงคนนี้ย่อมขับไปทันเวลาอยู่แล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างลืมตัว
“เธอรู้จักชั้นจริงๆ ด้วย” คนมีชื่อเสียงกล่าวเรียบๆ
“แน่นอน ชั้นน่ะรู้จักทั้งคุณแล้วก็เคซุเกะน่ะแหละ”
ในที่สุด
ชายหนุ่มก็หันมาหาเธอ
“แล้วเธอรู้อะไรอีก?”
หญิงสาวถอยหลังไปเล็กน้อย
“หมายความว่ายังไง”
เรียวซุเกะนำรถเข้าจอดที่ข้างทางซึ่งมันทำให้เขาสามารถสบตาสีน้ำเงินเทาของเขากับเธอได้อย่างตรงๆ
มือซ้ายของเขาเอื้อมไปจับเบาะของเธออย่างช้าๆ ก่อนที่ดวงหน้าของเขาจะเข้ามาใกล้เธอ
“เธอกำลังปิดบังอะไรจากชั้นอยู่?”เสียงเย็นยะเยียบอย่างเคยนั้นได้ออกมาจากปากของทากาฮาชิ
เรียวซุเกะ
ประกายแห่งความหวาดกลัวที่อยู่ในนัยน์ตาของเธอเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
“บอกมาซะ”
“จะบ้าไปแล้วเหรอ!!! ชั้นจะไม่บอกอะไรคุณทั้งนั้น!!! อย่ามายุ่งเรื่องของชั้นนะ!!!!” หญิงสาวร้องอย่างโกรธเกรี้ยว พยายามที่จะดิ้นรนจากการคุกคามของเรียวซุเกะ
“เหรอ...แต่อย่างที่บอกไว้นะว่า
ถ้าเธอเข้ามายุ่งวุ่นวายกับครอบครัวหรือทีมของชั้นล่ะก็
ชั้นเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ในเรื่องในเรื่องที่เธอปิดบังอยู่เหมือนกัน”
“คุณไม่ได้เป็นคนสร้างทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้หรอกนะ ทากาฮาชิ
เรียวซุเกะ!!!!”
ในที่สุด
ชายหนุ่มก็กลับไปพิงพนักของเขาอีกครั้ง ดวงตาอันเยียบเย็นของเขาหันมาสบกับเธอ “ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็จะสืบให้ได้ว่าเธอกำลังปิดบังอะไรจากชั้นอยู่
ฟุโคโตมิ มิทสึ” เขากล่าวอย่างเรียบๆ ก่อนที่รถจะเริ่มออกตัวอีกครั้ง
“คุณไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าพูดอะไรออกมาน่ะ” มิทสึกล่าวขณะที่น้ำเสียงเธอเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ชายหนุ่มยักไหล่
สิ่งทีเธอได้ระเบิดออกมาเมื่อครู่ได้บอกอะไรบางอย่างเป็นนัยๆ กับเขาแล้ว
ชายหนุ่มชำเลืองมองเธอเล็กน้อย
ซึ่งเขาพบว่าสายตาของเธอนั้นกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด
มือของเธอนั้นอยู่ที่ประตูรถราวกับว่าเธอกำลังพยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขามากที่สุด
เขากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุตามที่เธอขอไว้ตั้งแต่แรก
เมื่อเสียงเพลงได้โลดแล่นผ่านลำโพง
มิทสึจังหันไปมองชายหนุ่มอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง
ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าหรือท่าทางใดๆ ปรากฏออกมาทั้งสิ้น เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว
เธอจังกลับไปจ้องมองวิวนอกหน้าต่างอีกครั้ง เป็นเวลากว่าชั่วโมงครึ่งที่การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีเสียงของบทสนทนาหรือเสียงใดๆ
เกิดขึ้นนอกจากเสียงเพลงของวิทยุ
เมื่อเรียวซุเกะได้เข้าไปจอดรถในลานจอดของมหาวิทยาลัยแล้ว
มิทสึก็เปิดประตูรถออกและเดินฉับๆ โดยที่ไม่มีคำใดๆ ออกมาจากปากของเธอทั้งสิ้น
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว
เรียวซุเกะจึงเริ่มหยิบสัมภาระของเขาออกมาและเดินไปยังตึกเรียนของเขาเช่นกัน
ชั่วโมงเรียนในตอนเช้าของเขาในวันนี้แทบไม่ได้เข้าหัวของเขาเลย
เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงที่เขาและเพื่อนร่วมคณะกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
โรงอาหารของมหาวิทยาลัยกุนมะนั้นเป็นโรงอาหารที่สร้างใหม่
ห้อมล้อมไปด้วยกระจกและทาด้วยสีขาวทั้งหมดซึ่งทำให้ดูเรียบร้อยสะอาดตา รอบๆ
โรงอาหารจัดเป็นสวนหย่อมขนาดย่อมซึ่งทำให้บรรยากาศการรับประทานอาหารที่นี่นั้นดีเยี่ยมทีเดียว
พวกเขาได้เลือกนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ริมหน้าต่าง บางคนก็เริ่มหยิบอาหารกลางวันของตนออกมา
บ้างก็วางของทิ้งไว้และออกไปซื้อหาอะไรมารับประทาน ซึ่งบนโต๊ะนั้น
ก็เหลือแต่เพียงทากาฮาชิ เรียวซุเกะซึ่งกำลังนั่งอ่านตำราอยู่เพียงคนเดียว
“เรียวซุเกะคุง คู่แข่งคราวหน้าของโปรเจคดีเป็นใครเหรอ?”
เสียงของเพื่อนของเขาคนหนึ่งถามขณะกลับมาจากการซื้ออาหารกลางวันและวางมันลงบนโต๊ะ
แต่คนถูกถามก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาขณะตอบ
“ตอนนี้ก็มีแค่ทีมโอเวอร์ไดรฟ์เท่านั้นแหละ” เรียวซุเกะยักไหล่
“น่า บอกมาเหอะว่าจะมีทีมอะไรอีก
พวกเรารู้ดีว่ามีทีมตั้งไม่รู้เท่าไหร่มาต่อแถวยาวเหยียดเพื่อที่จะมาท้าโปรเจคดีน่ะ” แต่ชายหนุ่มผู้ถูกถามกลับยักไหล่อีกครั้งก่อนที่จะไปจดจ่อกับตำราเหมือนเดิม
พวกเพื่อนๆ
ของเรียวซุเกะนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าเรียวซุเกะนั้นเคร่งเครียดกับการแข่งของเขามากขนาดไหน
พวกเขาจึงไม่รบกวนชายหนุ่มอีกโดยเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่นแทน
ไม่กี่นาทีต่อมา
สายตาของเรียวซุเกะก็ละจากตำราของตนก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ว่าขนบริเวณลำคอของเขานั้นลุกชัน
ความรู้สึกที่แปลกประหลาดนั้นได้เข้าครอบงำภายในจิตใจของเขา
ความรู้สึกที่ว่านั้นทำให้สายตาของชายหนุ่มเริ่มมองสำรวจรอบๆ โรงอาหาร
..ไม่มีอะไรผิดปกติ....ในขณะที่เขากำลังขจัดความรู้สึกนั้นออกไปก่อนที่จะเริ่มอ่านตำราอีกครั้ง
บางสิ่ง....ไม่สิ บางคนที่อยู่ภายนอกโรงอาหารก็ได้กลายมาเป็นจุดสนใจของเขาแทน
จุดสนใจที่ทากาฮาชิ
เรียวซุเกะกำลังมองอย่างสงสัยอยู่นั้นกำลังเดินทั่กๆ
ไปยังร่มไม้ใหญ่ภายในสวนหย่อมซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากจุดที่เขานั่งอยู่
เธอวางสัมภาระของเธอลงก่อนที่จะหยิบอาหารกลางวันและตำราของเธอออกมา
เธออยู่คนเดียว.... จากอีกด้านหนึ่งของสายตาของเขา
เขามองเห็นคนๆหนึ่งกำลังเดินไปยังที่ๆ เธอนั่งอยู่
ดวงตาของชายหนุ่มนั้นหรี่ลงขณะที่มองทั้งสองคนอย่างระแวดระวัง
ผู้ชายคนนั้นเกือบจะเดินไปถึงตรงหน้าเธอแล้วในขณะที่เธอไม่ได้รู้สึกตัวเลย
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมาอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวจึงยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกัน
.....เธอคงจะไม่เป็นอะไร....แต่ทำไมความรู้สึกแย่ๆ
กลับก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเขากัน? แต่ว่าสัญชาติญาณของทากาฮาชิ
เรียวซุเกะก็ไม่เคยผิดพลาด เขารู้ดีว่าควรจะเชื่อในสัญชาติญาณของตัวเขาเอง
ดวงตาสีน้ำเงินเทาของชายหนุ่มจึงยังไม่ละไปจากผู้ชายคนนั้นเลย
ชายคนนั้นเริ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ
....ใกล้....นั่งใกล้เกินไป...ซึ่งมิทสึนั้นได้เขยิบออกห่างเขาเล็กน้อย
แต่แล้วเรียวซุเกะก็ลุกขึ้นในทันทีเมื่อผู้ชายคนนั้นเอามือไปจับแขนของเธอ
“เดี๋ยวมา” ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ก่อนที่จะเดินออกไป
....ในเวลาไม่นานนัก.....
มิทสึค่อยๆ
ขยับแขนเธอออกจากมือของผู้ชายคนนั้น “ชั้นจำเป็นต้องอ่านหนังสือจริงๆ ค่ะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“คืนนี้จะมีปาร์ตี้ที่หอของผม เธอน่าจะมาสนุกด้วยกันนะ”
“ขอโทษด้วยค่ะ คือคืนนี้ชั้นมีนัดแล้ว ขอบคุณที่เชิญค่ะ”หญิงสาวกล่าวอย่างสุภาพขณะที่ค่อยๆ
เขยิบตัวออกห่าง
แต่ชายคนนั้นไม่ลดละ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า
ปารตี้คืนนี้จะเป็นปาร์ตี้ใหญ่ของปีเลยนา ถ้าไม่มาเธอจะต้องเสียใจแน่ๆ”
“คืนนี้เธอไม่ว่างหรอก” เสียงเข้มเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทั้งมิทสึและชายคนนั้นหันไปทางต้นเสียงทันที
ซึ่งคนหนึ่งมองต้นเสียงด้วยสายตารำคาญที่ถูกรบกวน
ในขณะที่อีกคนหนึ่งมองด้วยสายตาที่รู้สึกยินดีเหมือนได้รับรางวัลอะไรบางอย่าง
มิทสึไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกดีใจที่ได้พบทากาฮาชิ
เรียวซุเกะมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกยินดีเป็นที่สุด
“ไม่มีใครถามอะไรนายซักหน่อย”
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นขณะที่ความประหลาดใจฉายชัดอยู่บนหน้าเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือทากาฮาชิ
เรียวซุเกะ “เธอเป็นของชั้นแล้วทากาฮาชิ ไปหากลุ่มสาวๆ แฟนคลับของนายไป”
“ชั้นไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น!!”มิทสึโพล่งอย่างเดือดดาลขณะที่กระเถิบออกห่างจากเขาเป็นวาแล้ว
“นายจะไปไหนก็ไปได้แล้ว” เรียวซุเกะกล่าวขณะที่ยืนกอดอกด้วยท่าทีข่มขู่อยู่ตรงหน้าชายคนนั้น
“มันยังไม่จบหรอกนะทากาฮาชิ!!” เขากล่าวเสียงกร้าวขณะหยิบกระเป๋าของเขาและเดินเข้ามาหาเรียวซุเกะ
ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกันแวบหนึ่งก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินชนชายหนุ่มแล้วจากไป
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว
เรียวซุเกะจึงหันไปหามิทสึ ชายหนุ่มเดินไปยังสัมภาระของเธอซึ่งยังคงวางอยู่บนพื้น
เขานั่งยองๆ ลงเก็บดินสอของเธอขึ้นมา
“ทำอะไรอยู่น่ะ” เธอถามขณะที่เดินเข้าไปหาเขา
ชายหนุ่มกำลังเขียนอะไรบางอย่างบนปกในของหนังสือของเธอ
“ถ้ามีอะไรล่ะก็นะ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
ดวงตาของเขาจับจ้องเธอก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกไป
มิทสึมองเขาชั่วขณะก่อนที่จะหยิบหนังสือของเธอขึ้นมา
ความประหลาดใจฉายขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อเธอเปิดไปยังปกใน
เธอหันไปมองเรียวซุเกะที่กำลังเดินออกไปก่อนที่จะกลับมาที่หนังสือของเธออีกครั้ง
ซึ่งชื่อและเบอร์มือถือของเขาได้ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือสะอาดสะอ้านบนปกในของหนังสือของเธอนั่นเอง
ทั้งวันของวันนั้นได้ผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น
มิทสึเก็บข้าวของของเธอหลังจากชั่วโมงเรียนสุดท้ายได้ผ่านพ้นไป
เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับการเดินทางกลับบ้านกับทากาฮาชิ
เรียวซุเกะที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ซึ่งทุกๆสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องและอาคารเรียน ลมเย็นๆ ที่กระทบหน้าเธอมันทำให้รู้สึกดีขึ้น
เธอปล่อยตัวไปกับความรู้สึกดีๆ
ที่มีความอบอุ่นของดวงอาทิตย์มากระทบใบหน้าชั่วครู่ก่อนที่จะนึกถึงเรียวซุเกะซัง
เท้าของเธอก้าวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังลานจอดรถซึ่งเรียวซุเกะกำลังคอยอยู่
คิ้วของมิทสึขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เธอกำลังจะเดินไปหานั้นกำลังยืนอยู่ข้างๆ
รถของตนขณะที่มีสาวๆ จำนวนหนึ่งยืนหัวเราะคิกคักอยู่รอบๆ ตัวเขา
....น่าหมั่นไส้..... เธอเดินไปหาพวกเขาอย่างเงียบๆ
เมื่อชายหนุ่มมองเห็นคนที่เขากำลังยืนรออยู่เดินเข้ามาหาแล้วนั้น
เขาจึงพยักหน้าเป็นการรับรู้ เมื่อเห็นดังนั้นแล้วกลุ่มสาวๆ
ก็หันไปหาคนที่ชายหนุ่มกำลังมองอยู่อย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เด็กคนนั้นเป็นใครกัน?” เสียงกระซิบกระซาบเสียงหนึ่งได้ลอยเข้ามากระทบหูของเธอ
“เด็กคนนั้นจะต้องไม่ใช่แฟนหรืออะไรของเขาทั้งนั้นแหละ”
อีกเสียงหนึ่งกล่าวอย่างหงุดหงิด
มิทสึพยายามที่จะไม่ยิ้ม
ผู้หญิงพวกนั้นอิจฉาเธอ!
“ขอโทษนะ”
เรียวซุเกะกล่าวก่อนที่จะเดินไปยังฝั่งผู้โดยสารของรถแล้วจึงเปิดประตูให้กับมิทสึ
หญิงสาวพยักหน้าขณะกล่าวขอบคุณและก้าวเข้าไปข้างใน
ไม่นานนัก
ชายหนุ่มก็เข้ามานั่งในรถเช่นกัน มิทสึมองออกทางด้านข้างหน้าต่างไปยังกลุ่มแฟนๆ
ของเรียวซุเกะซึ่งได้ถอยห่างออกไปและเริ่มกระซิบกระซาบกันยกใหญ่ ไม่ว่าที่ไหนๆ
ก็มีแต่คนชื่นชอบทากาฮาชิ
เรียวซุเกะทั้งนั้น...เธอคิด....เครื่องยนต์ได้ถูกสตาร์ทก่อนที่จะเคลื่อนออกจากช่องจอดและมุ่งหน้าไปยังทางออกของลานจอดรถ
ทันใดนั้น แสงไฟแสงหนึ่งก็ได้ดึงความสนใจจากเรียวซุเกะไป
เขารู้สึกได้ว่ามิทสึกำลังโน้มตัวมาข้างหน้าและมองออกไปยังกระจกรถข้างตัวเขา
รถคันหนึ่งได้พุ่งเข้ามาหาFC ตรงกลางลำด้วยความเร็วเดียวกัน
เรียวซุเกะกดน้ำหนักเท้าลงบนคันเร่งก่อนที่จะเหยียบเบรกอย่างหนักในชั่วเสี้ยววินาที
ส่งผลให้ด้านท้ายรถนั้นปัดออกไปทางซ้ายและทำให้ FC
สามารถหลบรถที่พุ่งเข้ามาได้อย่างเฉียดฉิว
รถคันนั้นพุ่งผ่านพวกเขาไป
ซึ่งเรียวซุเกะจำได้ว่าคนขับรถคันนั้นคือผู้ชายที่เข้ามาหามิทสึเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง
ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยโทสะเมื่อพบว่าแผนของเขานั้นทำไม่สำเร็จ
FC สีขาวนั้นกลับมาตั้งลำอีกครั้งและออกไปจากลานจอดรถราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
นักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นต่างหายใจไม่ทั่วท้องกันไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นสายตาของพวกเขาก็ไปรวมอยู่ที่รถต้นเหตุกันเป็นจุดเดียว
รถคันนั้นได้ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างจัง
ประตูของรถได้เปิดออกและคนขับได้คลานออกมาก่อนที่จะมองไปยังด้านหน้าของกระโปรงรถ
เครื่องยนต์นั้นได้ดับไปแล้วและเขาก็ตะโกนกร่นด่า FC
สีขาวที่กำลังลับไปจากสายตายกใหญ่
ต่อมา...
ความเงียบงันนั้นได้เข้าปกคลุมภายในรถมาตลอดทาง
เรียวซุเกะยังคงขับรถต่อไปโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้น
หญิงสาวข้างตัวเขานั้นดูท่าทางไม่ได้ตกใจอะไรมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เขามองเห็นเธอกำลังเอื้อมมือไปเปิดวิทยุจากทางหางตา เธอกลับดูท่าทางสบายๆ ด้วยซ้ำ
.....น่าสนใจมาก
“เรียวซุเกะซัง...”
“หืม?”
“คือชั้น...ชั้นอยากจะขอบคุณน่ะค่ะ”หญิงสาวพยายามกล่าวน้ำเสียงให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด”ที่ช่วยชั้นไว้”
ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง
ชายหนุ่มเริ่มสงสัยว่าจะอีกนานเท่าไหร่กันเธอถึงจะนึกถึงเรื่องที่เกิดในลานจอดรถได้
“ปกติแล้วเรียวซุเกะซังจะมีผู้หญิงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนอย่างวันนี้เหรอคะ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย
เรียวซุเกะหันมามองเธออย่างประหลาดใจ
สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นมันหลุดจากที่เขาคิดเอาไว้มาก
ชายหนุ่มซ่อนความประหลาดใจไว้ก่อนที่จะเอ่ยตอบอย่างเรียบๆ
“มันน่ารำคาญน่ะ”เรียวซุเกะเริ่มรู้สึกสงบลงอีกครั้งก่อนที่จะขับต่อไปอย่างเงียบๆ
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นก็คือเธอไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในลานจอดรถตลอดระยะทางจนถึงบ้านเลยสักนิด
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่ได้อยู่ในความสนใจของเธอเลยล่ะ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.....
ปฏิกริยาของเธอนั้นไม่ใช่ปฏิกิริยาเด็กสาวทั่วไป... ซึ่งเมื่อเขาส่งเธอเสร็จแล้ว
เรียวซุเกะก็ตรงกลับบ้านทันที
“กลับมาแล้วเหรอลูก”เอมิกล่าวด้วยรอยยิ้ม”น้องของลูกเพิ่งทานข้าวเสร็จจ้ะ ตอนนี้กำลังคอยลูกอยู่ข้างบนบ้านแน่ะ”
เรียวซุเกะพยักหน้าก่อนที่จะเข้าไปทานอาหารเย็นในห้องครัว
ไม่นานนักชายผมทองหัวตั้งก็เข้ามาในห้อง
“ผมได้ยินเรื่องของพี่วันนี้แล้วล่ะ”
ชายหนุ่มกล่าวขณะนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพี่ชายของตน”เป็นยังไงบ้าง?
เรื่องมิทสึเจออะไรบ้างรึเปล่าพี่”
เรียวซุเกะกลืนสิ่งที่กำลังเคี้ยวอยู่ก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“มีเรื่องน่าสนใจเล็กๆ น้อยๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ชายหนุ่มตักเข้าปากอีกคำหนึ่ง
“แล้วเจออะไรกันล่ะพี่”
“ถ้ารู้อะไรมากกว่านี้ก็จะบอกก็แล้วกัน” คนที่เป็นพี่ชายกล่าว “เตรียมพร้อมรึยังเคซุเกะ
อ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอ?”
เคซุเกะกลอกตาไปมาเล็กน้อย
“เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มวางข้อศอกลงบนโต๊ะก่อนที่จะเอ่ยต่อ
“หลังจากที่เราพิชิตกุนมะแล้ว เราจะไปไหนต่อเหรอพี่”
“เมือถึงตอนนั้นเดี๋ยวเราก็จะรู้เอง”
และแล้ว
เรียวซุเกะทานก็ทานข้าวอย่างเงียบๆ
ในขณะที่น้องชายของเขานั้นนั่งเคาะโต๊ะอย่างใจลอย....
“พี่ พี่คิดว่าคืนนี้มิทสึจังจะอยากออกไปกับเรามั้ย” เคซุเกะเอ่ยทำลายความเงียบ
แต่คนถูกถามกลับไม่ได้ตอบอะไร พี่ชายของเขายังทานข้าวอยู่อย่างเดิม
“ผมรู้น่าว่าพี่ไม่เชื่อใจเธอ
เวลาพูดกับเธอผมก็จะระวังให้มากก็แล้วกัน
ผมแค่อยากจะถามเธอเรื่องโตเกียวเท่านั้นแหละ” เคซุเกะแจง
“ยังมีอีกหลายวิธีที่จะรู้เรื่องของโตเกียวนะเคซุเกะ” เรียวซุเกะขมวดคิ้ว
เคซุเกะยักไหล่ขณะที่ปากของเขานั้นยิ้มน้อยๆ
“ผมก็แค่สงสารเธอน่า
เธอย้ายมาที่นี่โดยที่ไม่มีเพื่อนเลยนะ”
ได้ยินดังนั้น
ภาพของมิทสึซึ่งกำลังนั่งใต้ต้นไม้อยู่คนเดียวแวบเข้ามาในหัวของเรียวซุเกะทันที....”มันก็แล้วแต่แกละกัน
แค่ระวังตัวไว้ด้วยล่ะเคซุเกะ”
“แน่นอน อีกอย่าง คนที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอมากกว่าผมก็คือพี่น่ะแหละ”ทากาฮาชิคนน้องพยักหน้า
เรียวซุเกะตักอาหารเข้าปากอีกคำ
เรื่องนั้นมันไม่เคยอยู่ในหัวของเขามาก่อนเลยสักนิด
เขาจะต้องอยู่กับเธอตลอดเวลาที่ทาคุมิและน้องชายของเขากำลังฝึกซ้อมอยู่
ช่วงนี้เขาเป็นอะไรไปกัน....ดูเหมือนว่าศูนย์ของเขาจะเสียไป....การนอน...ใช่แล้ว
คงเป็นเพราะเขาไม่ได้นอนมาสองวันติดกันแล้วแน่ๆ นี่คือเหตุผลทีเขาบอกกับตัวเอง....
“โอเค ถ้างั้นผมจะไปโทรหาพ่อแล้วขอเบอร์เธอนะ”เคซุเกะกล่าวขณะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกไป
เรียวซุเกะมองน้องชายของตนเดินออกไปจากห้อง
เขารู้สึกได้ถึงความสนใจซึ่งกันและกันของน้องชายของเขาและมิทสึ
แต่ความรู้สึกนี้มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขารู้สึกได้มาก่อนหน้านี้
เขาจัดการอาหารที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็วก่อนที่จะขึ้นไปยังชั้นสองเพื่ออาบน้ำ
ซึ่งเขารู้ดีว่าเขาไม่มีเวลาเหลือเมื่อกลับมาจากชิราเนะแน่ๆ
ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
ชายหนุ่มก็ลงมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับกระเป๋าใส่แลปทอปของเขาในมือ
เขาได้ยินเสียงคนคุยกันลอยออกมาจากห้อง.....
เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าเคซุเกะกำลังคุยอย่างออกรสกับมิทสึ
ทั้งสองยิ้มและหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“พี่!”เคซุเกะกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “มิทสึจังตัดสินใจจะไปกับเราด้วย
ผมก็เลยออกไปรับตอนที่พี่กำลังอาบน้ำอยู่แน่ะ”
เรียวซุเกะพยักหน้ารับ “ไปคอยข้างนอกกันเถอะ” ชายหนุ่มเดินออกไปโดยที่ไม่ได้หันมามองว่าพวกเขาจะเดินตามมาหรือไม่
เพราะเขารู้ดีว่าทั้งสองคนจะต้องเดินตามมาอย่างแน่นอน
ทั้งสามนั้นยืนรออยู่ข้างๆ
รถของสองพี่น้องในโรงรถ ความมืดและอากาศเย็นๆ นั้นได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เรียวซุเกะมองนาฬิกาข้อมือของเขาชั่วแวบหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองถนน
ซึ่งเหล่าลูกทีมของเขานั้นได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
มิทสึได้หันไปมองพี่ชายของเคซุเกะและสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มเล็กๆ
ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา รอยยิ้มแรกของทากาฮาชิ เรียวซุเกะที่เธอได้เห็น....
เห็นได้ชัดว่าเขามีความภูมิใจในทีมของเขามากเพียงใด
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงปกป้องทีมของเขาขนาดนั้น เธอรู้สึกดีต่อเรียวซุเกะมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา
แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็จางหายไปอย่างช้าๆ เมื่อลูกทีมของเขานั้นเข้ามาใกล้
ซึ่งในที่สุดเขาก็กลายเป็นเรียวซุเกะแบบเดิม
เมื่อรถตู้สองคันและ
86 ทูโทนขาวดำนั้นมาหยุดลงตรงหน้าพวกเขา
ทุกๆ คนก็ออกมาจากรถและทักทายสองพี่น้องทากาฮาชิและมิทสึ
“ถ้าเรียบร้อยแล้วเราก็ไปกันเถอะ ชั้นจะไปกับรถตู้เอง”
เรียวซุเกะกล่าวขณะทีทุกคนกำลังเข้าไปนั่งในรถของแต่ละคน
“วันนี้พี่จะไม่ขับไปเองเหรอ” เคซุเกะถามอย่างประหลาดใจ
พี่ชายของเขาส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะปีนเข้าไปในรถตู้
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะเข้าไปในรถของตน
มิทสึเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่ม เธอปิดประตูรถก่อนที่จะถามเขาอย่างนิ่มนวล
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะ?”
เคซุเกะพยักหน้าก่อนที่จะสตาร์ทรถและตามทาคุมิออกไปซึ่งตบท้ายด้วยรถตู้ทั้งสองคัน
เป็นตอนที่พวกเขาขึ้นมาอยู่บนทางด่วนแล้วกว่าที่เคซุเกะจะหันไปหาเธอ
“ติดใจพี่แล้วล่ะสิ”
มิทสึหันขวับ
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ!!!??”เธอตาโต
เคซุเกะยักไหล่ก่อนที่สายตาของเขาจะกลับไปที่ถนนอีกครั้ง
“ก็เห็นเธอจ้องพี่นี่”
“ชั้นไม่ได้จ้อง ชั้นแค่มองอย่างที่ชั้นมองนายน่ะแหละ
แล้วก็เหมือนกับที่มองคนอื่นๆ ด้วย”หญิงสาวกล่าวขณะที่ตาเธอจ้องเคซุเกะเขม็ง
“โอเคๆ ก็แค่ถามดูเท่านั้นแหละ” เคซุเกะตอบ
“แล้วทำไมถึงต้องถามแบบนั้นด้วยล่ะ”
มิทสึถามอย่างงงๆ
“ก็เพราะว่าพวกผู้หญิงมักจะพยายามเข้าหาพี่น่ะสิ”
“อ๋อ....ใช่ วันนี้ตอนที่เลิกเรียนแล้วก็มีกลุ่มผู้หญิงเข้ามารุมล้อมเขาเหมือนกัน” เธอกล่าว
“หืมมมมม” เคซุเกะพยักหน้ารับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขาเลย
สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือทำไมพี่ชายของเขายังคงสติมั่นคง ยังรักษาสถานะโสดได้ต่างหาก
“ทำไมเขาถึงยังโสดอยู่ล่ะ เคซุเกะคุง”
มิทสึถามอย่างสงสัย
เคซุเกะหันไปมองเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำพูดที่ให้ระวังเวลาพูดคุยกับเธอของพี่ชายนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
“ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ จะสืบเรื่องพี่รึไง?” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
เขาเพิ่งจับได้ว่าเธอแอบมองแล้วทีนี้จะมาซักไซ้เขาเรื่องชีวิตส่วนตัวของพี่อย่างนั้นเหรอ?
“เปล่านะ ก็แค่สงสัยเท่านั้นแหละ ก็มีสาวๆ
ตั้งหลายคนอยากจะออกเดทกับเขาแทบตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สำหรับเขาแล้ว
มันดูไม่น่าจะเป็นปัญหาในการหาแฟนสักคนเลยนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรยุ่งเลยนะมิทสึจัง” เคซุเกะกล่าวเสียงเข้ม
หลังของมิทสึถอยไปข้างหลังด้วยความงุนงง
ทำไมเขาจะต้องโกรธขนาดนี้ด้วยล่ะ? สายตาของเธอกลับไปอยู่ที่วิวนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ความรู้สึกอยากกลับบ้าน....กลับโตเกียวและกลับไปหาเพื่อนๆ
ของเธอนั้นได้แวบเข้ามาในหัวของเธอ
การเดินทางที่เหลือในคราวนั้นไม่มีอะไรอีกนอกจากความเงียบ....ซึ่งเคซุเกะก็ไม่ได้คุยอะไรกับเธออีกเลย
ความเหงานั้นได้ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเธออีกครั้ง ทั้งๆ
ที่เขาน่าจะเป็นสิ่งที่เข้าใกล้คำว่า”เพื่อน”ที่เธอมีอยู่ตอนนี้แล้วแท้ๆ....ถ้าเธอเรียกเขาว่า”แบบนั้น”ได้น่ะนะ
การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อทั้งสองคนมาถึงยอดเขาชิราเนะ
ชิราเนะเป็นภูเขาไฟเก่าซึ่งดับไปนานแล้ว ที่นี่เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงอีกที่หนึ่งของกุนมะ
ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญที่หนึ่งทีเดียว เมื่อ FD ได้ดับเครื่องแล้ว
หญิงสาวจึงมองเคซุเกะแวบหนึ่งก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“ต้องขอโทษด้วยนะ ชั้นไม่น่าไปซักไซ้เรื่องพี่ชายของนายเลย” เธอกล่าวอย่างเศร้าๆ ขณะก้าวออกมาจากรถ
และอออกเดินฉับๆ โดยไม่ได้สนใจรอใครเลย
“เฮ้!” ทาคุมิตะโกนเรียก “จะไปไหนเหรอครับ?” ชายหนุ่มถามขณะกำลังออกมาจากรถ
“พอดีชั้นเห็นว่าที่นี่มีทะเลสาบด้วยน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะไปดูซักหน่อย” เธอตอบอย่างนุ่มนวล “โชคดีในการซ้อมนะคะ” สิ้นเสียงของหญิงสาว เธอก็เดินลับไป
ความเคลือบแคลงใจยังอยู่ในสายตาของทาคุมิขณะที่มองเธออยู่
ซึ่งเธอดูแปลกๆ ไปจากเมื่อสองวันที่แล้ว
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนที่จะเดินไปรวมตัวกับสมาชิกของโปรเจคดี
“เธอคงไม่เป็นไรนะครับ” ทาคุมิกล่าวกับเคซุเกะ
แต่คำตอบของเคซุเกะคือการยักไหล่และมองไปทางอื่นแทน
“ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะฟูจิวาระ” เรียวซุเกะถามขณะที่เพิ่งเดินมาถึง
“เธอดูแปลกๆ ไปน่ะครับ”
“อ้อ?” เรียวซุเกะเอ่ยขณะที่สายตาของเขาผ่านจากนักขับรถของทีมไปยังที่ๆ
มิทสึหายลับไปก่อนที่จะกลับมาที่ทั้งสองคนอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม เรามาเริ่มงานของเราดีกว่า อย่างที่พวกนายเห็นตอนที่ขึ้นมาที่นี่
ถนนที่นี่เป็นถนนสองเลน ซึ่งแสดงว่ามีโอกาสที่จะมีรถสวนมาด้วย
และถนนก็ค่อนข้างกว้างกว่าที่เคยเจอมา ดังนั้นการเลือกไลน์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้านายจะเข้าข้างใน พึงระลึกไว้ด้วยว่าคู่แข่งเองก็อาจจะเข้ามาจากเลนนอกได้เช่นกัน
ที่นี่ไม่มีร่องระบายน้ำก็จริง แต่ว่าก็ต้องระวังขอบของท่อด้วย
เรื่องความแตกต่างระหว่างความสูงของคอสะพานกับถนนก็สำคัญ
อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องน้ำที่ขังอยู่บนถนน
เพราะฉะนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันเสาร์ล่ะนะ
ซึ่งพวกนายทั้งสองคนก็อย่าลืมเรื่องการรักษากริ๊พของยางระหว่างการแข่งด้วยล่ะ
ฟุจิวาระ เคซุเกะ ทั้งสองคนไปลองขับเพื่อจำจังหวะของถนนก่อน ชั้นมีเวลาให้ 2 ชั่วโมงก่อนที่เราจะเริ่มจับเวลากัน เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
เคซุเกะและทาคุมิพยักหน้ารับก่อนที่จะเข้าไปในรถของแต่ละคน
“เคซุเกะ”
ชายหนุ่มหันไปหาต้นเสียงก่อนที่จะหยุดเดิน
“เกิดอะไรขึ้นรึ”
เคซุเกะถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“พี่พูดถูก
เธอถามคำถามกับผมมาตลอดทางเลยล่ะ แล้วผมก็บอกไปว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ...”
“เธอถามอะไรบ้างล่ะ” เรียวซุเกะกล่าวอย่างเรียบๆ
“ก็นะ.....มันเริ่มจากการที่ผมเห็นเธอมองพี่อยู่ตลอด
ซึ่งเธอก็บอกว่าเธอแค่มองเฉยๆ
แต่ผมก็เริ่มรู้สึกเอะใจตอนที่เธอถามเรื่องส่วนตัวของพี่นี่แหละ
อย่างเช่นว่าทำไมถึงไม่มีแฟนอะไรทำนองนี้
น้ำเสียงเธอดูเหมือนกับว่าเธอกำลังสืบเรื่องพี่อยู่ยังไงก็ไม่รู้”
“อย่างนั้นเหรอ...” สายตาของชายหนุ่มมองออกไปไกลๆ ก่อนที่จะกลับมาที่น้องชายของตนอีกครั้ง
“ชั้นคิดว่าเธอคงแค่สงสัยเฉยๆ
น่ะแหละเคซุเกะ แต่ก็ดีแล้วที่ได้รู้ว่าแกยังทำตามสิ่งที่ชั้นบอกอยู่ ไม่ต้องห่วงในเรื่องที่เธอถามหรอก”
“แต่เรื่องที่เธอถามคำถามเกี่ยวกับพี่มันจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ”
เรียวซุเกะยักไหล่
“ชั้นไม่ปล่อยเรื่องหยุมหยิมแบบนี้มากวนใจชั้นหรอก
เอาเรื่องนี้เก็บไว้ในใจซะ
เวลาแข่งแกก็ทิ้งอารมณ์หรือความรู้สึกออกไปให้หมดแล้วจดจ่ออยู่กับการขับอย่างเดียวด้วย”
เคซูเกะพยักหน้า
“ไปได้แล้ว แกมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงนะ”
น้องชายพยักหน้ารับก่อนที่จะเข้าไปในรถของเขาและปิดประตู
เรียวซุเกะมองน้องชายของตนขณะที่กำลังคาดเข็มขัดและเริ่มสตาร์ทรถ
เคซุเกะมองพี่ชายของเขาแวบหนึ่งก่อนที่จะพา FD ออกไป
ชายหนุ่มมองน้องชายของตนพักหนึ่งก่อนที่จะหมุนตัวและออกเดินไปยังทิศทางเดียวกันกับที่มิทสึได้เดินไปก่อนหน้านี้
-----------------------------------------------------------------
ไปงานหนังสือเมื่อวันที่ 19 มาค่ะ หมดเงินไปสามพันกว่ากับการ์ตูน ดิค และหนังสือนิยายอื่นๆ อีกมากมาย วันนั้นคนเยอะมากๆ จนไม่อยากนึกเลยค่ะว่าวันหยุดจะคนเยอะขนาดไหน
แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า..
ความคิดเห็น