คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความเคลือบแคลงที่ยังมีอยู่
CHAPTER 2
ภายในห้องนอนอันมืดมิดนั้น ทากาฮาชิ เรียวซุเกะพลิกตัวไปมองตัวเลขแสดงเวลาสีแดงซึ่งฉายอยู่บนนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงของเขา.... 5.23 am… ชายหนุ่มถอนหายใจน้อยๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มออกไปแล้วลุกขึ้นจากเตียง เมื่อคืนนี้เขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้เลย ชายหนุ่มผู้นอนไม่หลับหยิบเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำ ไม่นานนักเขาก็กลับมายังห้องของตนก่อนที่จะหยิบกุญแจรถแล้วเดินลงบันไดบ้านไปยังประตูใหญ่ เรียวซุเกะเดินออกจากบ้านขณะที่ความมืดของยามเช้ายังปกคลุมอยู่โดยที่ไม่ลืมล็อคประตูก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังรถของตน ชายหนุ่มถอนหายใจขณะที่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยมอย่างโรตารีนั้นช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้เล็กน้อย เปลือกตาของเขาปิดลงชั่วครู่ขณะที่ปล่อยให้เครื่องยนต์นั้นทำงานอยู่ ในไม่ช้าเขาก็ลดเบรกมือลงก่อนที่จะเข้าเกียร์อย่างนิ่มนวล
เคซุเกะเดินลงบันไดใหญ่อย่างงัวเงียก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวและพบว่ากาแฟนั้นได้ถูกเตรียมเอาไว้แล้ว เขารินกาแฟให้ตัวเองแก้วหนึ่งก่อนที่จะเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่เพื่อมองออกไปนอกบ้าน รถของพี่ชายของเขานั้นไม่ได้จอดอยู่ตามที่คาดไว้ ชายหนุ่มจิบกาแฟอย่างเงียบๆ .....เมื่อคืนนี้พี่ชายของเขานั้นดูแปลกๆ ไป ... ทำไมพี่จะต้องสงสัยในตัวฟุโคโตมิ มิทสึด้วยนะ? ยังไงๆ เธอก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ ไม่ใช่เหรอ? คิ้วของทากาฮาชิคนน้องนั้นขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด ไม่สิ...เป็นเด็กสาวที่สะสวยคนหนึ่งต่างหาก... นี่อาจคือสิ่งที่พี่ชายของเขาหมายถึงก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเธออาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไขว้เขวได้ถ้าเขาเผลอไป ซึ่งตัวเขาเองก็ยอมรับเรื่องนี้ในจุดหนึ่ง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ชายหนุ่มเปิดน้ำล้างแก้วของเขาพอประมาณก่อนที่จะวางไว้ในอ่างล้างจานแล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้องและหยิบกุญแจรถของตน เคซุเกะตัดสินใจว่าเช้านี้เขาจะขับไปหาพี่ของเขาบนอากากิแล้วจากนั้นจะฝึกซ้อมอีกนิดหน่อย ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำให้เขาไขว้เขวจากความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายของเขาได้ทั้งนั้น ทิ้งความคิดเรื่องผู้หญิงไปซะ พี่ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก ซึ่งต่อมาไม่นานนักทากาฮาชิคนน้องก็ขึ้นไปถึงยอดเขาอากากิและพบว่าพี่ชายของเขาไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างที่คาดไว้ เคซุเกะจอดรถข้างๆ พี่ชายของตนแล้วจึงเดินข้ามที่กั้นถนนไปหาเรียวซุเกะซึ่งกำลังยืนมองวิวเมืองกุนมะอยู่
“พี่” ชายหนุ่มเรียกขณะที่เดินไปถึงคนที่เขามาหาก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ”
“เปล่า” คนถูกถามตอบห้วนๆ “มาซ้อมเหรอเคซุเกะ”
น้องชายของเขาพยักหน้าเป็นคำตอบ “แต่ผมก็มีเรื่องอยากจะพูดกับพี่ด้วยเหมือนกัน”
ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะถูกทำลายลงด้วยเสียงทุ้มต่ำของเรียวซุเกะ
“เรื่องของฟุโคโตมิ มิทสึล่ะสิ” เรียวซุเกะผงกหัวเล็กน้อย
เคซุเกะถึงกับผงะไปข้างหลังเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายของตน
พี่รู้ได้อย่างไรกัน? หรือว่าพี่เองก็กำลังคิดถึงเรื่องของเธออยู่? “พี่
ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้สนใจในตัวเธอแม้แต่นิดเดียวเลยนะ” ชายหนุ่มแก้ต่าง
ทากาฮาชิคนพี่หันมามองน้องชายของตนก่อนที่จะเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“จริงเหรอ?” เขากล่าวอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
เคซุเกะยักไหล่ “เธอก็น่ารักอยู่นะ แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากมีแฟนหรอก ผมรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันส่งผลต่อพี่ยังไง และก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับผมด้วย”
“เคซุเกะ สิ่งที่เกิดขึ้นกับชั้นมันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับแกเสมอไปหรอกนะ แกควรจะทำในสิ่งที่แกคิดว่าควรทำมากกว่า” เรียวซุเกะถอนหายใจ
ชายหนุ่มคนน้องมองพี่ชายของตนอย่างงงๆ “แต่ว่าเมื่อวานพี่เตือนผมให้ออกห่างจากเธอนี่นา” เขาแย้ง
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่บอกว่าให้ระวังเฉยๆ” เรียวซุเกะกล่าว “เด็กคนนั้นรู้บางอย่างและเธอกำลังปิดบังมันอยู่ ชั้นคิดว่าชั้นน่าจะรู้มันในอีกไม่ช้า แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเวลาจะพูดอะไรกับเธอก็ระวังหน่อยก็แล้วกันเคซุเกะ พวกเราไม่ต้องการให้ข้อมูลรั่วของเราไหลออกไปยังคู่แข่งหรือแม้แต่คนทั่วไปหรอกนะ” เขาเว้นวรรคเล็กน้อย “ชั้นไม่ไว้ใจเธอเลย”
“โอเค”เคซุเกะพยักหน้ารับ “แล้วพี่คิดว่าเธอกำลังปิดบังอะไรอยู่ล่ะ”
“เยอะแยะ” ชายหนุ่มตอบอย่างห้วนๆ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังเมืองกุนมะ แน่นอนว่าเธอรู้จักทั้งตัวเขาและเคซุเกะ นอกจากนี้ยังรู้เรื่องรถอีกด้วย แล้วทำไมเธอจะต้องไม่เต็มใจที่จะตอบเขาว่าเธอขับอะไรด้วยล่ะ? เธอคงจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ปิดบังไว้ซึ่งเรียวซุเกะนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร ไม่มีทางที่เธอจะเข้ามาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้สร้างไว้อย่างยากลำบากอย่างแน่นอน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แกน่าจะเริ่มทำในสิ่งที่แกตั้งใจจะทำซะทีนะเคซุเกะ” เขาเปลี่ยนประเด็ขณะนหันไปมองน้องชายของตน
ชายหนุ่มผู้ถูกหันไปมองขมวดคิ้ว “พี่รู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีเรื่องที่จะมาคุยกับพี่แล้วน่ะ”
“มีเหรอ?”
“เปล่า”
เรียวซุเกะผงกหัวเล็กน้อยก่อนที่จะเอาเท้าลงแตะพื้น “มาดูซิว่ามีอะไรที่ชั้นต้องช่วยบ้าง”
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะเดินตามพี่ชายของตนไปยังรถของพวกเขาซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนัก....
“อ๊ะ! มากันแล้วเหรอลูก!”
ทากาฮาชิ
เอมิกล่าวอย่างร่าเริงเมื่อได้เห็นลูกชายทั้งสองของเธอกำลังเดินเข้ามาในบ้าน “ไปอาบน้ำได้แล้วจ้ะ
เดี๋ยวคุณฟุโคโตมิก็จะมาแล้วนะ”
“กำลังมาเหรอครับ?”
เคซุเกะกล่าวอย่างประหลาดใจ
ขณะที่สายตาของเขานั้นเหลือบมองพี่ชายของตนซึ่งไม่ได้แสดงท่าทีอะไรทั้งนั้น
“จ้ะ พ่อของลูกเชิญพวกเขาตอนที่ลูกออกไปซ้อมกันเมื่อคืนน่ะ” เธอตอบขณะที่กำลังย้ายโต๊ะกินข้าวและปูผ้าคลุมโต๊ะที่ทำจากไหมอยู่ เมื่อรู้สึกได้ว่าลูกชายทั้งสองนั้นยังไม่เคลื่อนไหวไปไหนจึงหันไปกล่าวอีกครั้ง “ไปเตรียมตัวได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะมาถึงกันแล้ว”
เคซุเกะชำเลืองมองพี่ชายอีกครั้งก่อนที่จะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปยังบนบ้าน
“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะเรียวซุเกะ” เอมิกล่าวขณะที่เห็นว่าลูกชายคนโตของตนยังยืนอยู่ที่เดิม
ชายหนุ่มส่ายหัวเป็นคำตอบก่อนที่จะเดินขึ้นไปแต่งตัวเหมือนกับน้องชายของตน มีอะไรบางอย่าง....บางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลย ลางสังหรณ์ของเขาบอกเขาว่าพ่อแม่จะต้องทำอะไรกับเขาแน่ๆ.... เรียวซุเกะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ ขณะกำลังใช้ความคิด ....นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขารู้สึกไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงอันอ่อนนุ่ม ขณะที่สายตาทอดมองลงไปยังพื้นพรมข้างล่าง จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ..... เขาเชื่ออย่างนั้น
เคซุเกะเดินออกจากห้องน้ำก่อนที่จะมาเก็บของของตนแล้วเดินลงบันไดมา
“วันนี้ก็ออกไปซ้อมเหมือนอย่างเคยเหรอลูก” เอมิยิ้มให้กับลูกชายคนเล็กขณะที่กำลังช่วยแม่บ้านจัดโต๊ะกินข้าวอยู่
ลูกชายคนเล็กพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเปิดประเด็น “ทำไมพ่อถึงไม่เคยพูดถึงบ้านฟุโคโตมิมาก่อนเลยล่ะครับแม่”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเหรอจ๊ะ?” เอมิยักไหล่
“พ่อของมิทสึจังเล่าเรื่องของพวกเราให้เธอฟังน่ะครับ ผมก็เลยสงสัยว่าทำไมพ่อถึงไม่เคยพูดถึงพวกเขาบ้าง”
“แม่ว่าลูกคงต้องถามพ่อเองแล้วล่ะจ้ะ” เธอยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับลูกชาย
แต่แล้วบทสนทนาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกริ่งประตูบ้าน
แม่ลูกสบตากันเล็กน้อย
ก่อนที่จะหันไปยังฟูจิมาโระซึ่งเดินเข้ามาในห้องและกำลังจะไปเปิดประตูรับแขก
“เรียวซุเกะล่ะ?” ชายวัยกลางคนถาม
“เดี๋ยวผมไปตามให้” ลูกชายคนเล็กตอบขณะที่รีบวิ่งออกไปจากห้อง
“ยินดีต้อนรับ!” ฟูจิมาโระกล่าวทักทายขณะเปิดประตูบ้านและพบกับแขกของเขาซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีทุกคน” ครอบครัวฟุโคโตมิกล่าวทักทาย
“เข้ามาสิ เชิญๆ” ฟูจิมาโระกล่าวเชิญขณะที่ผายมือไปยังในบ้าน ซึ่งเอมิก็มาสมทบกับฟูจิมาโระด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวพวกเด็กๆ ก็ลงมาแล้วค่ะ พอดีพวกเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านสักพักนี่เอง ขอโทษด้วยนะคะ “เอมิกล่าว “เชิญเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ”
เคซุเกะเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูห้องของพี่ชายของตนก่อนที่จะเคาะประตูและเปิดมันเข้าไป
“พี่ พวกฟุโคโตมิมากันแล้วนะ” ชายหนุ่มกล่าวขณะที่สายตาไปหยุดอยู่ที่พี่ชายของตนซึ่งกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ในห้อง เขาสังเกตได้ว่าพี่ชายของเขายังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเลย “พี่ยังไม่อาบน้ำเหรอ?”
เรียวซุเกะส่ายหัวเป็นคำตอบก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวใหม่ เขาเพิ่งจะอาบน้ำไปตอนเมื่อเช้านี้เอง... เมื่อเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปพูดกับน้องชายของตน
“ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวขณะเดินออกไปจากห้องซึ่งเคซุเกะนั้นเดินตามอออกไปอย่างเงียบๆ ขณะที่ความรู้สึกว่าพี่ชายของเขานั้นแปลกๆ ไปได้ก่อตัวขึ้นในสมองของเขา ชายหนุ่มทั้งสองเดินลงบันไดมาด้วยกันก่อนที่จะเดินเข้าไปทักทายแขกในห้องนั่งเล่นของบ้าน
“สวัสดีครับ ต้องขอโทษด้วยครับที่มาสาย” เรียวซุเกะกล่าวขณะที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับน้องชายของตนก่อนที่จะโค้งอย่างสุภาพ
“สวัสดี เรียวซุเกะ เคซุเกะ” มาซาโอะกล่าวทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ” โยโกะกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
เรียวซุเกะโค้งคำนับอย่างสุภาพ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแล้ว ดวงตาของเขานั้นก็ได้สบกับฟุโคโตมิ มิทสึ “ดีจริงๆ ที่ได้พบกับเธออีก มิทสึจัง” ชายหนุ่มกล่าว
“หวัดดี มิทสึจัง”เคซุเกะทักทายบ้าง ซึ่งรอยยิ้มของเขานั้นเจืออยู่บนใบหน้าต่างกับพี่ชายของเขาซึ่งไม่ได้มีรอยยิ้มให้เธอ
“สวัสดีค่ะเรียวซุเกะซัง เคซุเกะซัง” หญิงสาวกล่าวขณะที่โค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ถ้างั้นเราย้ายไปที่ห้องทานข้าวกันดีกว่านะคะ” เอมิกล่าวอย่างนิ่มนวลเมื่อเห็นว่าสมาชิกนั้นมากันครบแล้ว ซึ่งพวกผู้ใหญ่ก็เริ่มเดินออกจากห้องก่อนที่จะตามด้วยพวกเด็กๆ
“มิทสึจัง เชิญ” เรียวซุเกะกล่าว หมายความว่าให้เธอเดินออกไปจากห้องก่อน
“ขอบคุณค่ะ”
มิทสึผงกหัวและกล่าวอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินผ่านชายหนุ่มออกไป
เธอรู้ดีว่าเขากำลังจับตามองเธออยู่อย่างระมัดระวัง
เคซุเกะนั้นเดินไปพร้อมกับเธอและได้คุยกันในเรื่องเบาๆ
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยปัดเป่าความรู้สึกไม่ไวใจของเรียวซุเกะที่มีในตัวของเธอออกไปเลย
สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอตลอดเวลา
เมื่อทั้งสามเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารแล้ว เคซุเกะก็เลือกที่นั่งซึ่งอยู่ติดกับเธอในขณะที่ยังคุยกับเธออยู่
ซึ่งเรียวซุเกะก็ได้ตรงเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตัวเดียวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมิทสึจัง
พวกผู้ใหญ่นั้นยังคงคุยกันอยู่เมื่อแม่บ้านได้เข้ามาเสิร์ฟอาหารจานแรก
สายตาของเรียวซุเกะนั้นมองไปรอบๆ ห้อง เขาพบว่ามาซาโอะกับพ่อของเขานั้นกำลังคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ
กันอยู่ โยโกะกับแม่ของเขาก็กำลังเปิดประเด็นเรื่องงานอดิเรกของตน
และเคซุเกะกับมิทสึนั้นกำลังคุยกันในเรื่องธรรมดาๆ
อย่างที่คนในวัยนี้คุยกันเหมือนเดิม ชายหนุ่มมองทั้งสองคนอย่างพิจารณา
ดูเหมือนว่ามิทสึจังจะดูเปิดเผยกับน้องชายของเขามากกว่า
เธอหัวเราะ
ดวงตาของเรียวซุเกะนั้นหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะไปอยูที่น้องชายของเขาซึ่งรอยยิ้มนั้นฉายอยู่บนหน้า ...บ้าเอ๊ย เคซุเกะปล่อยตัวกับเธอมากเกินไปแล้ว.... ทั้งๆ ที่เตือนไปแล้วแท้ๆ ...ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบถ้วยซุปมิโสะก่อนที่จะยกมันขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ ซึ่งเขาวางมันลงอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ไปข้างหลังและลุกขึ้น
“ขอตัวซักครู่นะครับ” เรียวซุเกะกล่าวขณะโค้งอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินออกไป
เมื่อได้เห็นดังนั้น ความงงงันก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเคซุเกะ พี่ชายของเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา เมื่อได้เห็นท่าทีที่ผิดหวังของพ่อของเขาแล้ว เขาก็แน่ใจได้เลยว่าพี่เขาต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
ในไม่ช้า บทสนมนาก็เริ่มต้นอีกครั้ง เคซุเกะจึงเปิดประเด็นกับมิทสึจังถึงเรื่องที่ว่าวันก่อนนั้นเธอได้ทำอะไรมาบ้าง
“พูดก่อนสิ” เคซุเกะกล่าวเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่นั่งข้างๆ มีท่าทางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“ขอโทษค่ะ พอดีอยากจะขอเข้าห้องน้ำหน่อยน่ะค่ะ” เธอพูดอย่างเขินๆ
เคซุเกะรู้สึกประหลาดใจในคำถามเล็กน้อย “แน่นอนสิ อยู่ตรงมุมแถวบันไดน่ะ”
หญิงสาวผงกหัวรับก่อนที่จะกล่าวขอตัวออกจากห้อง เธอเดินขึ้นไปยังบันได ผ่านระเบียงบ้านและพบว่าห้องน้ำนั้นอยู่ทางขวามือริมสุดทาง ซึ่งต่อมาไม่นานนักเธอก็ออกมาจากห้องน้ำ เมื่อกำลังเดินกลับไปยังห้องรับประทานอาหาร เธอก็พบว่าระเบียงที่เดินผ่านมาเมื่อครู่นั้นได้มีใครบางคนเข้าไปยืนอยู่แล้ว เท้าของเธอนั้นหยุดลงก่อนที่สายตานั้นจะจับจ้องไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มซึ่งยืนมองออกไปนอกบ้านอย่างเงียบๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนจับจ้องอยู่ ชายหนุ่มจึงค่อยๆ หันมาสบตากับเธอ
มิทสึค่อยๆ หายใจเข้าอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเปิดประตูซึ่งออกไปยังระเบียงบ้าน เธอปิดประตูอย่างนุ่มนวล ขณะที่สายตานั้นสำรวจทั่วๆ ชายหนุ่ม และแล้วสายตาของเธอก็มาหยุดตรงที่บุหรี่ซึ่งอยู่ระหว่างนิ้วของเขาในมือซ้าย
เรียวซุเกะรู้สึกได้ถึงจุดที่สายตาของเธอมาหยุดอยู่ เขาไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนที่จะนำมันกลับมาที่ริมฝีปากของเขาอีกครั้ง เขามองตาของเธอซึ่งยังจดจ้องอยู่ที่บุหรี่ของเขาจนกระทั่งดวงตาของทั้งสองนั้นมาสบกัน
หญิงสาวก้าวเท้ามาอยู่ตรงหน้าเขาขณะที่สายตาของเขาและเธอยังไม่ได้ละจากกัน ส่วนบนสุดของศีรษะของเธอนั้นเกือบจะถึงริมผีปากบนของเขา มือของเธอนั้นคว้าบุหรี่ไปจากเขาก่อนที่จะดับมันในที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะซึ่งอยู่ใกล้ๆ “คนที่กำลังจะเป็นหมออย่างคุณควรจะรู้ว่าการสูบบุหรี่มันไม่ดีกับตัวคุณเองนะ” หญิงสาวกล่าว
เรียวซุเกะมองเธออย่างตกตลึง เธอแย่งบุหรี่จากเขาไปแล้วก็มาเทศน์เขายังงั้นเหรอ!? เขาไม่เคยถูกใครอบรมแบบนี้มาก่อน สายตาที่แข็งกระด้างของเขานั้นกลับไปจับจ้องที่เธอเช่นเดิม
เธอมองเขากลับ
“เธอไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่นหรอกนะ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเรียบๆ ขณะที่ความรู้สึกในใจของเขานั้นไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาที่เขาไม่สบายใจแบบนี้ เขาต้องการสูบบุหรี่ซักมวนจริงๆ
มิทสึรู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเมื่อถูกจับจ้องด้วยสายตาที่เย็นชาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกที่เหมือนถูกยิงด้วยน้ำแข็งซึ่งทะลุเข้าไปยังร่างและวิญญาณของเธอนั้นทำให้ความเย็นเยียบค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เธอมีความรู้สึกว่านิ้วเท้าของเธอเริ่มไม่มีความรู้สึกราวกับว่าเลือดนั้นไม่ได้ไปหล่อเลี้ยงเลยซักนิด แต่ว่าสายตาของเธอนั้นก็ยังไม่ลดละที่จะจับจ้องสายตาของเขา
“ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่เสียเวลาอันมีค่าเป็นครั้งที่สองไปกับคนที่ไม่สมควรจะได้รับมันหรอก” หญิงสาวกล่าวขณะที่มองเขาอย่างหัวจรดเท้าซึ่งหมายความว่าเธอพูดถึงเขานั่นเอง
แต่ว่าสีหน้าของเรียวซุเกะก็ไม่ได้มีปฏิกริยาใดๆ กับคำพูดนั้น เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ ก่อนที่จะก้มลงกระซิบใกล้ๆ หูของเธอ
“ชั้นกำลังจับตาดูเธออยู่นะ ฟุโคโตมิ มิทสึ ถ้าเธอเข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวหรือทีมของชั้นล่ะก็ เธอจะต้องเสียใจไปจนตายแน่” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขานั้นทำให้กระดูกสันหลังของเธอเย็นเยียบ ขนบริเวณต้นคอของเธอนั้นตั้งชันขณะที่ลมหายใจของเขานั้นสัมผัสกับผิวของเธอ และกลิ่นของเขาที่เธอสัมผัสได้เช่นกัน
เธอพยายามบังคับร่างกายที่สั่นเทาของเธอไม่ให้ทรุดฮวบลง ....
เรียวซุเกะเคลื่อนศีรษะของเขาออกห่างจากหญิงสาวก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้หันมามองเธออีกเลย เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้ว มิทสึก็พยายามทำให้ร่างกายตัวเองหยุดสั่นจากการคุกคามของเรียวซุเกะโดยการกอดตัวเธอเอง เธอไปทำอะไรให้เขากัน เขาถึงได้ทำอย่างนั้นกับเธอ... หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะเตือนสติตัวเองให้สงบลง เธอจะต้องรีบกลับไปในห้องรับประทานอาหารก่อนที่พวกเขาจะสงสัยว่าเธอไปไหนมา เธอสูดลมหายใจอีกครั้งก่อนที่จะหลับตาลงชั่วครู่ ลมเย็นๆ ยามค่ำพัดกระทบใบหน้าของเธอก่อนที่เธอจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น หญิงสาวเดินกลับเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารอีกครั้งแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม เธอวางผ้ากันเปื้อนลงบนตักก่อนที่จะคีบอาหารรับประทานอย่างเงียบๆ
“เมื่อกี๊คิดว่าหลงทางซะแล้วนะเนี่ย”
เคซุเกะแหย่ หญิงสาวยิ้มน้อยๆ
ขณะสบตาเขาก่อนที่มันจะกลับไปอยู่ที่จานของเธออีกครั้ง
เคซุเกะมองเธออย่างสงสัย เขาหันไปมองพี่ชายของตนซึ่งสายตาของเขานั้นลดลงไปอยู่ที่จานอีกครั้งเช่นกัน พี่ชายของเขาทานข้าวราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรในโลกนี้อีกแล้วอย่างนั้นแหละ....
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย มิทสึจัง” เคซุเกะถาม
หญิงสาวผงกหัวก่อนที่จะส่งยิ้มเพื่อเป็นการทำให้เขาแน่ใจ เธอมองเรียวซุเกะแวบหนึ่งก่อนที่จะลดสายตาลงอีกครั้ง เขาทำท่าราวกับว่าเมื่อครู่นั้นไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าเธอรู้ดี...รู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้คิดว่าคนรอบข้างของเขานั้นเป็นคนโง่กันทุกคน แต่เธอจะไม่ใช่หนึ่งในคนพวกนั้น อย่างไรก็ตาม ทากาฮาชิ เรียวซุเกะย่อมรู้สึกถูกเธอคุกคามอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงจะไม่ทำอะไรอย่างนั้นแน่ๆ หญิงสาวหันไปมองพ่อแม่ของเธอซึ่งมีท่าทางภูมิใจในตัวเธอเหลือเกิน ถ้าพวกเขารู้”เรื่องนั้น”ของเธอล่ะก็......เธอสะบัดความคิดนั้นของเธอทิ้งไป ทากาฮาชิ เรียวซุเกะจะต้องไม่มีวันรู้เรื่องนั้น เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพบว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอนั้นกำลังมองเธออยู่ เธอมองเขากลับ ....นายน่ะแหละที่จะต้องหันไปมองทางอื่นก่อน...เธอคิด
เพราะสายตาที่ท้าทายของเธอ เรียวซุเกะจึงมองเธออย่างไม่ละสายตาเช่นกัน ชายหนุ่มคีบบางอย่างในจานของเขาก่อนที่จะนำมันเข้าปากและเคี้ยวโดยที่ยังจ้องตากับเธออยู่ ...น่าสนุก....เขาคิด สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย เขากระตุกรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปมองพ่อแม่ของเธอ เขารู้สึกได้ว่าความกังวลของเธอนั้นฉายขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนที่มันจะหายไป
การรุกก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ...
“มิทสึจังกับเคซุเกะพูดถูก มันน่าจะดีกว่าถ้าพรุ่งนี้มิทสึจังติดรถไปมหาวิทยาลัยกับผมน่ะครับ” ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ
พวกผู้ใหญ่กันมาทางเขาเป็นทางเดียว
“เป็นความคิดที่ดีมากเลย” ฟูจิมาโระกล่าว “คิดว่ายังไงฮึ มาซาโอะ”
“เป็นความคิดที่ดีมาก” ชายวัยกลางคนกล่าวขณะหันไปทางลูกสาวของตน “ทีนี้ลูกก็จะได้ไม่ต้องไปคนเดียวแต่เช้าแล้วนะ”
“แม่ก็เห็นด้วยจ้ะ ถ้าลูกมีเพื่อนไปด้วยลูกก็จะได้ไม่เหงาไง” โยโกะเสริม
“แม่คะ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่อยากรบกวนเรียวซึเกะซัง เขาคงจะต้องยุ่....”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะถึงยังไงๆ ผมก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว”
เคซุเกะมองพี่ชายของตนอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะได้อ้าปากถามเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจ เขาก็ต้องเก็บคำถามไว้เมื่อสายตาของพี่ชายของเขานั้นบอกให้เขาอยู่เงียบๆ
มิทสึมองชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “ชั้นขับไปเองได้ค่ะ” เธอกล่าว “แต่ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะเรียวซุเกะซัง “
“ถ้างั้นเราผลัดกันขับก็ได้
พรุ่งนี้ผมจะเป็นคนขับเอง แล้วมิทสึจังก็เป็นคนขับในวันต่อไป”
ชายหนุ่มยักไหล่ เขาเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวกำลังเคี้ยวฟันของตัวเองอยู่
....จะอะไรกันนักกันหนาฮึ...เธอคิด
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ อีกอย่าง ชั้นอาจจะต้องอยู่ที่มหาวิทยาลัยจนถึงค่ำก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรออยู่ที่ห้องสมุดก็แล้วกัน” เรียวซุเกะกล่าวอย่างเรียบๆ
มิทสึพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนนี้เธออยากกรี๊ดใส่เขาดังๆ เหลือเกิน
“ถ้างั้นก็ตกลงกันได้แล้วนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เรียวซุเกะไปรับหนูที่บ้านในตอนเช้าก็แล้วกัน” ฟูจิมาโระกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองไปทางมาซาโอะซึ่งกำลังยิ้มด้วยเช่นกัน
เรียวซุเกะไม่มีทางที่จะไม่ทันสังเกตเห็นถึงสายตาของพ่อของเขาเมื่อครู่ เขามองไปยังแม่ของตนและไปที่โยโกะ ซึ่งคู่หลังนั้นกำลังคุยกันอย่างออกรสถึงเรื่องที่ว่าลูกสาวของเธอจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวเวลาไปมหาวิทยาลัย และแล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดลงที่เคซุเกะซึ่งกำลังมองเขาอยู่อย่างงงๆ แต่ชายหนุ่มก็เริ่มทานต่ออย่างเงียบๆ เช่นเคย
หลังจากที่ตบท้ายมื้อเย็นด้วยของหวานและผลไม้แล้ว พวกผู้ใหญ่ก็กลับเข้าไปคุยในห้องนั่งเล่นอีกครั้งขณะที่พวกลูกๆ เข้าไปในห้องเครื่องเสียงและเครื่องเล่นต่างๆ แทน
เคซุเกะนั่งลงบนโซฟาหนังสีขาวตัวใหญ่ก่อนที่จะเปิดทีวี ซึ่งมิทสึก็ได้นั่งลงข้างๆ อย่างเงียบๆ
เรียวซุเกะนั้นเลือกที่จะนั่งเก้าอี้ซึ่งเข้าชุดกัน ซึ่งความระแวดระวังในตัวของเธอนั้นยังไม่หายไปจากสายตาของเขา เมื่อความเงียบได้เข้าปกคลุมชั่วครู่ ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะและเริ่มเปิดอ่าน เมื่อเวลาผ่านไปราวชั่วโมงหนึ่งหรือมากกว่านั้น พ่อแม่ของพวกเขาก็พบว่าทั้งเคซุเกะและมิทสึกำลังนั่งดูทีวีอย่างเงียบๆ ในขณะที่เรียวซุเกะกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ เช่นกัน
“มิทสึ ได้เวลาไปกันแล้วลูก” มาซาโอะกล่าว ขณะมองมายังลูกสาวของตน
พี่น้องทากาฮาชิลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เคซุเกะนั้นปิดทีวีส่วนเรียวซุเกะนั้นวางหนังสือไว้ที่เดิม ซึ่งทั้งหมดได้เดินไปส่งแขกที่ประตูใหญ่ของบ้าน
“มิทสึจัง ขอที่อยู่เธอสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย” เรียวซุเกะกล่าวขณะที่เดินเข้าไปหาหญิงสาว
“คือว่า ชั้นยังไม่แน่ใจว่าที่อยู่ของเรา...” หญิงสาวขมวดคิ้ว
มาซาโอะหัวเราะก่อนที่จะส่งที่อยู่ของบ้านของเขาให้กับเรียวซุเกะ
“จะไปรับตอนหกโมงเช้านะมิทสึจัง” เรียวซุเกะกล่าว
หญิงสาวพยักหน้ารับ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้.....
เมื่อพวกเขากล่าวลากันเรียบร้อยและประตูบ้านนั้นปิดสนิทแล้ว ฟูจิมาโระก็ได้หันมาทางลูกชายของเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
“พ่อฮะ ทำไมพ่อไม่เคยพูดถึงพวกเขามาก่อนเลยล่ะฮะ” เคซุเกะถาม
ชายวัยกลางคนยักไหล่ “พ่อยุ่งมากจนลืมไปเลยน่ะ” ฟูจิมาโระหันไปทางลูกชายคนโตของเขา “ดีมากที่ลูกเสนอตัวไปรับมิทสึจังไปมหาวิทยาลัย เพราะเธอยังไม่ค่อยรู้ทางของที่นี่เท่าไหร่”
“มันเป็นความคิดของเคซุเกะต่างหากล่ะครับ” เรียวซุเกะกล่าวอย่างเรียบๆ
“ยังไงก็เถอะ ทั้งสองคนก็ขึ้นไปนอนได้แล้ว อีกอย่าง ลูกดูเหนื่อยมากเลยนะเรียวซุเกะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบขณะกำลังหมุนตัวเดินขึ้นไปบนบ้าน
เคซุเกะเดินตามพี่ชายของตนไป “พี่”
“หืม?” คนถูกเรียกกล่าวขณะเปิดประตูห้องของตนแล้วเดินเข้าไป
“ทำไมพี่ถึงเกิดเปลี่ยนใจเรื่องไปรับเธอพรุ่งนี้ขึ้นมาได้ล่ะ”
“เมื่อวานชั้นไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปรับเธอซักหน่อย มิทสึจังเป็นคนบอกว่าเธออยากจะขับไปเองต่างหาก”
“อือฮึ” ชายหนุ่มมองพี่ชายในขณะที่เขากำลังหยิบเสื้อผ้าของตนก่อนที่จะออกไปอาบน้ำ เคซุเกะเดินไปยังเตียงของพี่ชายของเขาก่อนที่จะนอนลงขณะรอให้เขากลับมา เมื่อเขากลับมาแล้วชายหนุ่มจึงเริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง
“พี่”
“หือ?”
“ถ้าพี่ไม่ไว้ใจเธอแล้วทำไมพี่จะต้องไปกับเธอด้วยล่ะ”
เรียวซุเกะนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของเขาก่อนที่จะตอบอย่างเรียบๆ “เพราะว่าชั้นอยากจะรู้อะไรบางอย่างน่ะสิ”
เคซุเกะไตร่ตรองในคำพูดของพี่ชายของตนชั่วครู่ “แล้ว....พี่จะสืบเรื่องของเธออย่างนั้นเหรอ”
เรียวซุเกะพยักหน้า “ประมาณนั้น ชั้นจะต้องรู้ในสิ่งที่ชั้นอยากรู้ให้ได้ และเธอจะต้องบอกมันกับชั้น ถึงแม้ว่าเธอจะอยากบอกหรือไม่ก็ตาม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนานนะคะ
พอดีตอนนี้เพิ่งปิดเทอม เพิ่งมีเวลามาแปลนี่แหละค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกการเยี่ยมชมนะคะ คิดว่าคงจะได้อัพตอนต่อไปในอีกไม่กี่วันนี่แหละค่ะ
แล้วเจอกันนะคะ ^^/
ความคิดเห็น