ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My name is Capeer

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 >> พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 51


    “ผมอยากเป็นมนุษย์”
     
    เสียงทุ้มบ่งบอกถึงความต้องการของตัวเอง ให้อีกฝ่ายตรงหน้ารับรู้
     
    “เจ้าอยากเป็นจริงๆหรอ ไม่อยากเป็นพ่อทูลหัวแล้วรึ”
     
    บุคคลตรงหน้ากล่าวเสียงเรียบอย่างเอ็นดู
     
    “ครับ”
     
    “แต่เจ้าต้องทำภารกิจ ทำให้เซซานมีความรัก”
     
    “เซซาน?”
     
    “เธอคือเด็กสาวที่ไม่เคยมีความรักแม้แต่ครั้งเดียว”
     
    “ข้าให้เวลาเจ้า 6 เดือนเพียงเท่านั่น ถ้าเจ้าทำสำเร็จจะได้สิ่งที่เจ้าต้องการ แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถทำได้เจ้าก็จะสลายไป”
     
    สิ้นสุดคำพูด ก็เกิดควันสีขาวลอยคละคลุ้ง ก่อนร่างตรงหน้าจะหายไป
     
    “แล้วกูจะหาเจอมั้ยวะ”
     
    เสียงทุ้มสบถเบาๆ ก่อนจะหายตัวไปเพื่อทำภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิต
     
     
    “ยัยเซซานหยุดเดียวนี้น้าาา”
     
    เสียงของยัยปีศาจไอริส ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ว่าไปเท้าก็วิ่งตาม สามารถจริงๆเลยนะเธอ
     
    “ช้านนนนน ขอออออออ โต๊ดดดดดด”
     
    “ไม่ยะ”
     
    ฮือๆๆ TT^TT ฉันทำอะไรผิด ฉันก็แค่ทำไมโลหกใส่เสื้อยัยไอริสเฉยๆ
     
    “ใครก็ได้ช่วยฉันที”
     
    “อยากให้ฉันช่วยหรอเจ้านาย”
     
    “เจ้านาย??”
     
    ไอ่นี้ถ้าจะบ้า อยู่ๆก็เรียกฉันเจ้านาย
     
    “เธอไม่ต้องงงหรอก แล้วนี่เธอชื่อเซซานใช่มั้ย”
     
    “ธ...เธอ รู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
     
    “สามารถ แต่ว่าตอนนี้เธอรีบหนีก่อนเถอะ”
     
    หลังจากนายอะไรนั่นพูดจบ ก็เกิดแสงสีทอง แล้วฉันก็โผล่มาอยู่บนดาดฟ้า
     
    “เฮ้อ~~ เธอนี่ตัวหนักชะมัด ลดน้ำหนักซะบ้างก็ดี”
     
    “นายจะมายุ่งอะไรกับฉันเนี่ย แล้วเมื่อกี้นายทำได้ยังไง”
     
    พูดตามตรงนะ ฉันยังงงกับเรื่องเมื่อกี้อยู่เลย มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เพราะชายตรงหน้าฉัน แต่ว่าไอ่หมอนี่หน้าตาก็หล่อดีนะเนี่ย
     
    “มองอะไรหน้าฉันมากมาย”
     
    แต่ปากเสียไปหน่อย
     
    “นายเป็นใคร ทำแบบเมื่อกี้ได้ยังไง เล่ามาให้หมด ว่ามายุ่งกับฉันทำไม”
     
    “มาๆ ฉันจะเล่าให้ฟัง”
     
    หมอนั่นว่าพลางเสกเก้าอี้ มาตัวเดียวย้ำว่าตัวเดียว มาให้ตัวเองก่อนจะนั่งลงไป
     
    “แล้วฉันละ”
     
    “เธอก็เสกเองสิ ไม่ก็นั่งพื้นไป”
     
    ฉันไม่สนใจคำพูดของหมอนั่น ก็จะนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับมันเนี้ยแหละ เบียดๆกัน
     
    “อยากนั่งกับคนหล่ออย่างฉันล่ะสิ”
     
    “แหวะ แล้วจะเล่าได้ยัง”
     
    “เดี๋ยว!!”
     
    “อะไรอีกล่ะ”
     
    หมอนั่นก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะเสกเก้าอี้ให้ฉันอีกตัว
     
    “ไป ไปนั่งตรงนู้น”
     
    นายนั่นพูดก่อนจะชี้ไปเก้าอี้ ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา
     
    “นายอยู่ไกลขนาดนี้ฉันจะได้ยินมั้ย”
     
    “ก็เขยิบเก้าอี้มาเองเดะ”
     
    หึ้ย อารมณ์เสีย ได้แต่สั่งๆ แต่ฉันก็จำใจเขยิบมานั่งหน้ามันอยู่ดี
     
    “เริ่มละนะ”
     
    “ว่ามาสิ”
     
    “ฉันชื่อคาเพียร์ เป็นพ่อทูลหัวของเธอ จุดประสงค์ที่ฉันลงมาโลกมนุษย์ เพื่อทำให้เธอมีความรัก”
     
    “คนอย่างนายเนี่ยนะ”
     
    “เธอไม่เชื่อฉันหรือไง”
     
    “ก็ประมาณนั่น”
     
    ไอ่ทูลหัวบ้านั่นไม่พุดอะไร ก็จะกระชากฉันไปตามทาง
     
    “เธอชอบคนไหนละ ชี้ให้ดูดิ๊”
     
    “ฉันไม่เคยชอบใคร”
     
    “ไม่มีใครเอาละสิ”
     
    “แน่ใจนะว่านายคือพ่อทูลหัว”
     
    ฉันชักจะไม่แน่ใจในตัวพ่อทูนหัวนี่แล้วล่ะสิ
     
    “ฉันใช้พลังขนาดนั่นเธอยังไม่เชื่อใจฉันอีกหรอ”
     
    “อืม ก็นายมันไม่น่าเชื่อ”
     
    กริ๊ง ง ง ง
     
    “เฮ้อ~~ ได้เวลาเข้าเรียนละ ฉันไปก่อนนะ”
     
    “ไปด้วย ฉันต้องตามเธอทุกฝีก้าว”
     
    นายนี่วุ่นวายชะมัดเลยแหะ
     
    “ไม่ต้องเลยนายอยู่นี้แหละ”
     
    “เห้ย!!”
     
    ฉันไม่สนใจเสียงคัดค้านของนายคาเพียร์ หมอนั่นก็ไม่ตามลงมา สงสัยจะเลิกยุ่งกับฉันได้แล้วมั้ง
     
    “ชูการ์วิชาแรกวิชาอะไรหรอ”
     
    “ดนตรีค่ะ”
     
    เฮ้อ~~ เบื่อ ดนตรีอีกละ มันเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุดเลยวันๆมัวแต่อะไรก็ไม่รู้
     
    “นักเรียนๆเข้าแถวๆ”
     
    เสียงของอาจารย์นมตู้มม บอกพวกนักเรียนที่นั่งอยู่น่าระเบียงให้เข้าแถว แล้วทุกคนก็ทำตามหลอนอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปห้องดนตรีตามปกติ แต่ว่าวันนี้มันไม่ปกติน่ะสิ
     
    “โอ๊ะ โทษทีน้าทุกคนครูลืมโน้ตเพลงไว้ที่โต๊ะนะจะ ซ้อมรอครูกันไปก่อน”
     
    หลังจากอาจารย์ไป ก็ไม่มีใครเดินเข้าห้องเลยฉันรำคาญจริงๆ เลยเดินเข้าไปก่อนเจอ...
    นายพ่อทูนหัวคาเพียร์ นั่งกดคอร์ดเปียโนอย่างผิดๆถูกๆ
     
    “อ้าว เซซานเจอกันอีกแล้ว”
     
    “นายเล่นเป็นหรอ”
     
    “เป็นสิ เล่นออกจะบ่อย”
     
    “นายมันขี้โม้จริงๆ”
     
    เห็นๆอยู่ว่าเล่นไม่เป็น ยังบอกว่าเป็นอีก
     
    “พูดกับใครหรอคะ เซซาน”
     
    “อ้าว ชูการ์เข้ามาแล้วหรอ”
     
    “ค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้คุยกับใครหรอคะ?”
     
    ไอ่ตัวเจ้าปัญหาที่ทำให้ฉันโดนคดีพูดคนเดียว ยังนั่งหน้าบานกดคอร์ดเปียโนต่อไป
     
    “เอ๊ะ เสียงเปียโนหนิ ไม่เห็นมีใครกดเลยหนิ”
     
    “ชูการ์ไม่เห็นหรอ”
     
    “เห็นไรคะ”
     
    “ก็ คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไง คนที่เล่นเปียโนอยู่”
     
    “ไหนๆๆ”
     
    “ป่าวๆ สงสัยตาจะฝาด”
     
    “ไม่ฝาดหรอก ฉันอยู่ที่นี่จริงๆ”
     
    ไอ่ตัวปัญหาตัวเดิม ยังมีหน้ามายิ้มอยู่อีก ไม่มีใครเห็นนายนอกจากฉันก็ไม่บอก
     
    “เมื่อกี้ใครเล่นเปียโน”
     
    เสียงของอาจารย์นมตู้มถามอย่างงงๆ เพราะว่าไม่มีใครนั่งอยู่บนเก้าอี้เลย แต่เสียงยังคงดังเรื่อยๆ มีหลายๆคนทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปากสั่น หน้าซี๊ด
     
    “ผะ...ผะ...ผะ...ผี”
     
    เวรแล้วไง ฉันหันไปมองหน้านายคาเพียร์เล็กน้อย ก็จะส่งสายตาอาฆาตรไปให้
     
    “มองผมทำไมหรอครับ”
     
    นายนั่นเอียงคออย่าแอ๊บแบ๊ว สำหรับฉันมันกวนประสาทมากกว่า ฉันมองหน้าหมอนั่นอีกครั้ง ก่อนหมอนั่นจะพยักหน้าเชิงเข้าใจ พร้อมกับหยุดเล่นเปียโนตัวนั่น
     
    “อ๊ะ เงียบแล้ว”
     
    ฉันพูดเสียงดังเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ของคนอื่น
     
    “หรือว่า มันจะจับเราหักคอทุกคน”
     
    โถ่ เธอคิดได้ไง นายตัวปัญหาก็ยังคงกลั้นหัวเราะ เพราะว่าคิดของเพื่อนคนหนึ่งในห้อง
     
    “เรียนต่อๆ อย่าสนใจอาจจะหูแว่วไปก็ได้”
     
    “ใช่ค่ะๆ”
     
    ฉันรีบเสนอความเห็นให้กับครู ทำให้ทุกคนวางใจแล้วทุกคนก็เรียนต่อ ส่วนฉันเรียนไม่เป็นสุขเลย ก็นายคาเพียร์มัวแต่กวนฉันตลอดเวลาเลย
     
    “เซซานผมเธอทำไมเด้งล่ะ ลืมหนีบผมมาหรอ”
     
    เอาอีกแล้ว หันไปเจอไอ่เวรกำลังเล่นผมฉันอย่างเมามันส์
     
    “ผมนายก็มีให้เล่นทำไมไม่เล่น ห๊ะ!!”
     
    “คุยกะใครห๊ะเซซาน”
     
    โถ่ๆ สงสารตัวเองโดนจะโดนเจ๊นมตู้มเอานมฟาดหน้ามั้ย เจ๊แกยิ่งโหดๆอยู่
     
    “เอิ่ม...คือว่าหนูคุยกับลมค่ะ”
     
    “ลมบ้านเธอสิ ไม่อยากเรียนกับฉันใช่มั้ย บลาๆๆๆๆ”
     
    หึ้ย ให้มันได้ยังงี้สิ ไอ่ตัวการทำให้ฉันโดนอาจารย์บ่นทั้งคาบกับทำลอยหน้าลอยตา มันหน้านักๆ
     
    “อาจารย์เธอนี่ดุชะมัดเลยแหะ”
     
    “ยังมีน่ามาถาม”
     
    ตอนนี่ฉันอยู่กับนายนั่น เพียงแค่ 2 คนบนดาดฟ้า
     
    “เพราะนายคนเดียวเลย รู้มั้ย”
     
    “รู้”
     
    “หึ้ย ฉันคุยกับนายแล้วปวดหัว”
     
    “เอายามั้ย ฉันจะได้เสกให้”
     
    “ไม่เฟ้ยย ฉันอยากให้นายไปไกลๆฉันก็พอละ”
     
    นายนั่นทำหน้างอเล็กน้อย ก่อนจะลอยไปนั่งสุดขอบระเบียง หลังจากนั่นก็บ่นอุบอิบ
     
     “หิวข้าวมั้ย”
     
    “พ่อทูนหัวบ้านเธอสิกินข้าว เคยดูมั้ยซินเดอร์เรล่าอ่ะแม่ทูนหัวเค้ากินข้าวมะ”
     
    “คนอุสาถามดีๆ ไม่กินใช่มะ”
     
    อะไรฟ่ะ คนอุสาถามดีๆดันตอบกวน ก็คนมันไม่เคยดูนิเฟ้ย
     
    “แล้วนายจะกินอะไร”
     
    “พิซซ่า”
     
    ป๊าดดดด ไม่กินข้าวแต่กินพิซซ่า
     
    “พ่อทูนหัวเป็นแบบนายทุกคนป่าว”
     
    “ถ้าเป็นนิสัยดีแบบฉัน ไม่มีหรอก”
     
    ถ้าอย่างนายดีนะ พ่อทูนหัวคงดีเลิศประเสริฐ กันหมดแล้ว
     
    “ฉันรู้นะว่าเธอคิดว่า ถ้าฉันดี พ่อทูนหัวคงดีเลิศประเสริฐ กันหมดแล้ว”
     
    “นายอ่านใจคนได้หรอ”
     
    “อ่านได้สิ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอ่านไม่ได้”
     
    “อะไร”
     
    “ความรัก”
     
    ถ้านายอ่านได้ ก็เรียกว่าสอดรู้สอดเห็นแล้ว
     
    “เธอว่าฉันสอดรู้สอดเห็นหรอ”
     
    ป่าว ฉันไม่ได้ระบุอะไรซะหน่อย
     
    “ก็ความคิดเธอมันฟ้องชัดๆ”
     
    ตอนนี้ฉันพยายามจะพูดกับนายคาเพียร์ด้วยความคิด เพราะว่าขืนพูดออกเสียงฉันต้องโดนอาจารย์อีกหลายคนด่าแน่ๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×