คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CRY 4 SCA
CRY 4 SCA
‘ถ้าเราหายดีแล้วทำไมต้องตรวจเราขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งแสกนสมอง ตรวจการมองเห็น ความเร็ว แล้วก็อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมดเลย’
“เรียบร้อยแล้วครับ รอผลเอ๊กซ์เรย์สมองอีกสามวันนะครับ” รออีกตั้งสามวันเลยหรอเนี่ย
“ทำไมต้องตรวจอะไรเยอะแยะไปหมดด้วยละครับคุณแม่ครับ ไหนหมอบอกว่าผมหายดีแล้วยังไงละครับ”
“อย่าบ่นมากเลยลูก ตรวจอาการเดินเซ แล้วก็อาการที่เราชอบล้มบ่อยๆด้วยนั้นละ” อะไรก็ไม่รู้แม่ก็พูดเป็นในในให้ผมหาคำตอบเองทุกทีไป
“แล้วนี้คือใบสั่งยานะครับ มียาแก้อาการเดินเซ นำใบสั่งยานี้ไปยื่นที่ห้องจ่ายยาเลยนะครับ” กินยาอีกแล้วหรอ ไม่กินได้ไม่ครับหมอออออออ
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ ป่ะมิกส์ออกไปรอรับยากัน”
“ครับแม่ ไปก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ”
“ครับน้องมิกส์”
“เชิญคุณ อิทธินันท์ รับยาที่ช่องหมายเลข 5 ค่ะ” เสียงนางพยาบาลประกาศชื่อผมให้ไปรับยาได้แล้วครับ แต่แม่ผมก็อาสาไปรับยาแทน
“รอแม่อยู่ตรงนี้นะมิกส์เดียวแม่ไปเอายาให้ แม่กลัวว่ามิกส์จะรีบแล้ววิ่งล้มเป็นอะไรไปอีก”
“ครับแม่ เดียวมิกส์นั่งรออยู่ที่นี้ก็ได้ครับ”
“คุณพ่อครับ เป็นยังไงบ้างครับไปตรวจสุขภาพมา เป็นยังไงบ้างครับ” ผมมองตามเสียงของเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึ่งยืนคุยกับพ่อของเขาอยู่ครับ แต่ที่ผมสังเกตเห็นก็คือพ่อของเด็กคนนั่นนั่งรถเข็นแสดงว่าเขาเดินไม่ได้และยังชี้นิ้วไล่ตามตัวอักษรไปที่ละคำ
“ไม่ เป็น อะ ไร มาก หรอก นะ ลูก การ ตรวจ สุ ขะ ภาพ ก็ ผ่าน ไป ได้ ด้วย ดี”
“ครับ ดีแล้วละครับ ป่ะครับเรากลับห้องกันดีกว่านะครับ ^^”
“มิกส์ลูดดูอะไรอยู่หรอจ่ะ”
“เอ่อ ครับ ผม” ตกใจหมดเลยครับ แม่ผมมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยครับ
“มีอะไรจ่ะลูก ดูอะไรอยู่หรอ”
“ปะ...เปล่าครับไม่มีอะไรครับ กลับกันดีกว่านะครับแม่”
“ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรจ่ะ ป่ะถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”
“ครับผม”
“น้องมิกส์ครับ! เอ่อคุณน้าสวัสดีครับ” นึกว่าใคร เรียกซะเสียงดังลั่นเลย
“อ้าวเชฟเองหรอลูกแม่นึกว่าใครมาเรียกมิกส์ซะดังขนาดนี้”
“อ่ะครับ คือผมมาเยี่ยมมิกส์นะครับ แต่พอเข้าไปดูที่ห้องก็ไม่เห็นซะแล้ว เลยรีบวิ่งตามหานะครับว่าอยู่ไหนกัน จนมาเจอกันอยู่ที่นี้ละครับ” ร่ายซะยาวเลยครับพี่เชฟ
“เอ่อ มิกส์ต้องขอโทษที่เชฟด้วยนะครับที่ไม่ได้บอกก่อนว่ามิกส์ต้องตรวจร่างกายก่อนออกจากโรงพยาบาลนะครับ ดับบอกแต่ว่าจะออกจากโรงพยาบาลเท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ พี่ก็วู้วามไปเองด้วยแหละ เอ่อแล้วนี้จะพากันไปไหนหรอครับเนี่ย”
“ว่าจะกลับกันแล้วนะจ่ะ แล้วเชฟละจะไปไหนต่อไหม”
“อ่อครับ คงไม่ไปไหนหรอกครับ จะกลับกันแล้วหรอครับ ถ้าอย่างนั้นขอผมกลับด้วยคนนะครับ”
นั่งรถกลับบ้านแบบเซ็งๆ อายๆ มากเลยครับ เพราะอะไรหรอครับ เพราะผมเดินมาที่รอรถก็เดินล้มเกือบหน้าคะมำเลยที่เดียวครับ อานมากๆเลยครับ คนก็เยอะมากด้วยละครับ
“พ่อค่ะพี่มิกส์กลับมาแล้วค่ะ พ่อออกมาเร็ว”
“มิกส์! พ่อขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมมิกส์เลยนะ แล้วเป็นไงบ้างลูกยังเจ็บตรงไหนอยู่บ้างไหมลูก แล้วนี้ใครกันนะ”
“เอ่อครับ พ่อครับนี้พี่เชฟครับรุ่นพี่...”
“แฟนพี่มิกส์ค่ะพ่อ” ยังพูดไม่ทันจบ น้องสาวตัวแสบคนสวยของผมก็พูดแทรกขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ห่ะ! เป็นแฟนกันอย่างนั้นหรอ” พ่อก็บ้าจี้ไปกลับน้องสาวของผมครับ
“ไม่ใช่ครับพ่อ มิวส์ก็พูดเกินไปนะ นี้พี่เชฟครับรุ่นพี่ที่โรงเรียนของมิกส์เองครับพ่อ พ่อก็อย่าไปบ้าจี้ตามมิวส์สิครับพ่อ”
“เหนื่อยจังเลยนะ อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเราสินะ”
“มิกส์ ทำอะไรอยุ่หรอลูก ลงมากินข้าวได้แล้วนะลูก”
“ครับแม่ เดียวมิกส์ลงไปครับ ขอมิกส์เก็บของก่อนนะครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วครับ”
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ “โอ๊ย!”
“น้องมิกส์! พี่มิกส์!” พี่เชฟและน้องๆของผมร้องออกมาอย่างตกใจที่ผมตกบันไดอีกครั้งครับ “เป็นอะไรไหมครับ” พี่เชฟก็เดินมาพยุงตัวผมครับ
“ไม่เป็นไรครับ เดินสะดุดจนได้นะเราเนี่ยไม่ไหวจริงๆเลยนะ อ้าวพีเชฟยังไม่กลับบ้านอีกหรอครับ”
“ก็ว่าจะกลับแล้วแหละครับ แต่แม่ของมิกส์ขวนให้กินข้าวเย็นด้วยกันนะสิ” แม่ผมเอาอีกแล้วครับ
เดินเข้ามาในครัวเพื่อที่จะกินข้าว บรรยายกาศการกินข้าวของครอบครัวของผมก็เป็นบรรยายกาศเดิมๆครับ
Chef Say
“พ่อค่ะกินดีดีหน่อยสิค่ะ ข้าวหกเลอะเทอะหมดแล้วนะค่ะ” น้องมิวส์เอ็ดพ่อของตัวเองนิดๆครับ
“กินไปเหอะนะ” ไม่ยอมกันจริงๆครับพ่อลูกคู่นี้
“กินกันดีดีหน่อยนะครับพ่อ มิวส์ อย่ามัวแต่ถียงกันสิครับ เกรงใจแขกของเราด้วยสิครับ พี่เชฟมิกส์ต้องขอโทษแทนพ่อกับมิวส์ด้วยนะครับ” ช่างเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีอะไรอย่างนี้นะน้องมิกส์
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ร่าเริงดีนะครับ เป็นแบบนี้ทุกวันเลยหรอครับเนี่ย”
“ก็แบบนี้ทุกวันแหละครับ บ่นกันไปบ่นกันมาสองพ่อลูกเขาไม่มีใครยอมใครเลยละครับ แต่ก็สนุกดีนะครับ”
“เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีนะครับ” อบอุ่นจริงๆเลยนะ
‘อยากให้ครอบครัวของเราเป็นแบบนี้จังนะ คงไม่มีวันนั้นได้หรอกมั่ง พ่อของเราออกจะเคร่งครึดซะขนาดนั้น ใครจะไปกล้าสนุกกันได้ละ ยิ่งผมเป็นลูกชายคนเดียวด้วยแล้วยิ่งดูเหมือนใข่ในหินเข้าไปใหญ่ครับ ครอบครัวที่เย็นชาของผมกับครอบครัวที่สนุกสนานเฮฮาของน้องมิกส์นั้นมันทำไมช่างแตกต่างกันโดยสินเชิงเลยนะครับว่าไหม’
“พี่เชฟครับคิดอะไรอยู่หรอครับ เหม่อลอยเชียว” ผมสะดุดเฮือกเลยครับที่น้องมิกส์เรียกผม
“เปล่าครับไม่มีอะไร อิ่มแล้วครับ อิ่มมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ อาหารอร่อยมากเลยครับ ขอบคุณจริงๆนะครับ” อิ่มจนลุกไม่ขึ้นเลยครับอาหารของแม่น้องมิกส์นี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ
“วันหลังก็มากินอีกซิจ่ะเชฟ” อยากมาทุกวันเลยครับ
“ผมคงมาทุกวันไม่ได้หรอกครับ”
“วันไหนว่างๆค่อยมาก็ได้จ่ะ” แม่ของน้องมิกส์เป็นสาววัยกลางคนที่มีจิตใจดี แต่ดวงหน้าของเธอนั้นแลมองว่าดูเฮฮาแต่พอมองเข้าไปลึกๆข้างในแล้วมันกับดูเศ้รามองอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ แต่ก็คงทำใจดีและยิ้มรับอยู่ตลอดเวลาครับ
“ครับผม ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับนี้ก็ดึกมากแล้วเดียวที่บ้านจะเป็นห่วงเอาครับ ไม่ได้โทรบอกที่บ้านด้วย วันไหนที่ผมว่างๆผมจะมาใหม่นะครับ” กับกันผมไม่อยากกลับไปที่บ้านเลยครับ อยากอยุ่ที่นี้ทุกๆวันเลยครับ เพราะเหตุผลเดียวที่ผมอยากมาทุกวันนก็คือคนน่ารักตรงหน้าของผมครับ น้องมิกส์คนน่ารักที่ผมแอบเฝ้ามองมาตลอดตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกนั้นแหละครับ
Mom Say
“คุณวิค่ะโทรศัพท์มาค่ะ จากโรงพยาบาลXโทรมาหาคุณค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วก็กล่าวทักทายปลายสาย
(สวัสดีครับคุณแม่ของน้องมิกส์)
“ค่ะ คุณหมอมีอะไรหรอค่ะหรือว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นเกี่ยวกับลูกชายของดิฉันไหมค่ะ”
“คุณแม่รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยครับ”
“ค่ะค่ะ ได้ค่ะ จะรีบไปทันทีเลยค่ะ” วางสายจากคุณหมอไปก็ทำอะไรไม่ถูก ขออย่าให้เกิดอะไรร้ายแรงเลยนะ
“เซลล์สมองของลูกชายคุณเริ่มที่จะฝ่อลง และเริมตายไปเรื่อยๆนะครับ”
“แล้วโรคที่ลูกชายของดิฉันเป็นมันคือโรคอะไรหรอค่ะ” ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลยนะ
“จากผลตรวจที่ได้ดูและได้ตรวจทานแล้วนั้น ทั้งเปรียบเทียบกับภาพสมองของคนที่เป็นปกติแล้วก็สรุปได้ว่าลูกชายของคุณเป็นโรค Spinocerebellar atxia เรียกสั้นๆว่า SCA และชื่อภาษาไทยคือโรคกล้ามเนื้อเสียการประสานงานจากสมองน้อยและไขสันหลังครับ”
“ไม่จริงนะ”
“ทำไมหรอครับ หรือว่าทางครอบครัวของคุณมีคนที่เป็นอยู่หรอครับ”
“คือว่าคุณตาของน้องเขาก็เป็นโรคนี้ค่ะ”
“ครับ แต่ตอนนี้ก็คงให้ดูอาการไปก่อนนะครับ”
“ค่ะได้ค่ะ แต่ดิฉันไม่ขอบอกลูกของดิฉันได้ไหมค่ะว่าเข้าเป็นโรคอะไร”
“ได้ครับ แต่ยังไงก็ต้องบอกลูกชายให้เขารู้เรื่องในเร็ววันนะครับ”
“ก่อนที่จะให้เขารู้ดิฉันขอปิดไว้ก่อนได้ไหมค่ะ อย่าพึ่งบอกเขาเลยนะค่ะคุณหมอ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ครั้งต่อไปให้มาตรวจดูอาการอีกนะครับ”
“ค่ะได้ค่ะ”
‘คิดไว้แล้วไม่มีผิดจริงๆ ว่าแล้วสักวันมันต้องเกิดขึ้น แต่ทำไมโรคนี้ถึงได้เลือกลูกของเรานะ ทำไมนะ ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยนะ’
ความคิดเห็น