ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แบสต้า
บทที่1 แบสต้า
เสียงจ๊อกแจ๊กดังระงมไปทั่วเรื่อ เมื่อเรือขนาดกลางของรัฐบาลแบสต้าจอดเข้าเทียบฝั่ง ผู้คนจำนวนมากทยอยลงเรื่ออย่างเบียดเสียดไม่ต่างอะไรกับเด็กที่แย่งกันซื้อขนม เหลือแต่หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ดวงหน้าอ่อนหวาน นัยน์ตาสีดำสนิท ยืนมองทัศนียภาพของเมืองอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะกระโดดลงเรือ ตุบ! สร้างความฮือฮาแก่ชาวเมืองชกใหญ่ เพราะเจ้าตัวโดดลงมาจากเรือสูงเกือบ 5 เมตรได้ แถมอยู่ห่างจากฝั่งอีกเกือบ 500 เมตรนี่สิ จนต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาคุมสถานการณ์ พร้อมหาตัวการก่อความวุ่นวายไปลงโทษ แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวการไม่โง่พอที่จะอยู่ให้เห็นหน้า จึงต้องกลับไปประจำการตามระเบียบ  ทำเอาคนก่อเรื่องหายใจ ฟู่~~อย่างโล่งใจ
“เอาแล้วไหมละ เกือบเข้าคุกเข้าตารางแล้วเรา” ปากก็บ่นไปอย่างนู้นอย่างนี้ แต่นัยน์ตากลับระริกระรี้ชอบใจแปลกพิกล พอหมดเรื่องกลุ่มท้องเจ้ากรรมก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ จนต้องแวะร้านอาหารข้างทางเพราะตนก็ไม่ใช่เศรษฐีที่ไหน พอตูดนั่งถึงเก้าอี้ปุ๊บปากมันก็ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องให้สองสั่งการเสียเวลา
“หมี่น้ำ 5 ชาม”
ผ่าไปไม่ถึง 5 นาทีหมี่น้ำกลิ่นหอมฉุน 5 ชามก็ถูกวางไว้ตรงหน้าคนสั่ง เจ้าตัวเลยจักการยัดบะหมี่น้ำเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมา 5 วันซะอย่างนั้น ซึ่งมันไม่เหมาะกับดวงหน้างามๆ แต่ก็ต้องหยุด กึก! เมื่อหูของตนไปสะดุดกับคำพูดของชายวัยกลางคนคุยกันที่โต๊ะข้างๆ
“นี่เห็นประกาศนั่นรึยัง?” ชายร่างผมท่าทางบอบบางกล่าวเปิดการสนทนา
“อืม เห็นแล้วไม่รู้คราวนี้กษัตริย์บัลลาสคิดพิเลนอะไรอีนะสิ” ชายร่างท้วมหัวล้านเกลียน พยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนพูดสำทับ
“ข้าว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน อย่าหาว่าท่านพิเลนเลย อย่างครามก่อนนู้นท่านก็สั่งทำอะไรแปลกๆแต่นั่นก็ช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองเราเจริญขึ้นไม่ใช่เรอะ” ชายร่างบางกล่าวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“หึ! นั่นก็ถูก แต่คราวนี้เล่นประกาศรับสมัครนักรบไม่จำกัดเพศ อายุ หรือแม้กระทั่งอาชีพ และที่สำคัญบ้านเมืองก็สงบสุขดีด้วย ไม่ได้เกิดสงครามหรือรัฐประหาร ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นที่ต้องการนักรบเยอะซะขนาดนั้นเลยนี่นา” ชายร่างท้วมยังกล่าวยืนกรานความคิดของตน
“นั่นนะสิ แต่อย่างว่ากษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์” ชายร่างบางกล่าวพร้อมกับกลั้วหัวเราะ
“นั่นสินะ ข้าลืมไปว่ากษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์” ทันทีที่ชายร่างท้วมกล่าว  เสียงหัวเราะก็กระหึ่มโดยชายทั้ง 2 ทันที ทำให้คนฟังพลอยอมยิ้มไปด้วย
‘กษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์’ นั่นสินะ  แล้วเจ้าตัวก็ลุกพรวด แต่ก็ไม่ลืมวางเหรียญค่าบะหมี่น้ำ 5 ชามไว้กับโต๊ะ ก่อนที่จะตรงไปยังพระราชวังกลางเมืองแบสต้าซึ้งเป็นจุดศูนย์กลางในการรับสมัครนักรบในครั้งนี้
    ผู้คนมากหน้าหลายตาหลั่งไหลเข้ามาสมัครจนดูละลานตาเต็มไปหมด แถวต่อคิวยาวตั้งแต่ประตูทางเข้าปราสาทจนสุดทางเดินเพื่อรับเสด็จ  แม่ค้าพ่อค้าต่างพากันตั้งร้านประดับประดาทางเดินเต็มทั้ง 2 ข้างทางเพื่อรอรับลูกค้าจากต่างถิ่น มันเป็นสวรรค์ชั้นเลิศสำหรับนักช๊อปต่างแดนยิ่งนัก เว้นเสียแต่คนๆนึงเท่านั้นที่เกลียดอากาศร้อนอบอ้าวจากผู้คนเยอะๆเป็นที่สุด
“โอ้ย! ร้อยชะมัด ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้เนี่ย” เสียงบ่นพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นมาปาดเหงื่ออย่างไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่หันมามองเธอเป็นตาเดียวแต่อย่างใด แต่อยู่ๆก็มีเสียงพูดสำทับสนับสนุนจากคนที่ยืนต่อหลังเธอนี่สิ เธออยากจะบอกมันเหลือเกินว่าเคยซื้อหนังสือ “วิธีจีบหญิง” มาอ่านบ้างไหม
“ใช่ๆ แบสต้าก็ออกจะร่ำรวย ทำไมให้ผู้สมัครมาอาบแดดอย่างนี้ โดยเฉพาะให้สาวน้อยน่าตาจิ้มลิ้มต้องมายืนปาดเหงื่อเช่นนี้ เฮ้อ~~” ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันพูดพร้อมกับเสยผมสีทองของตนช้าๆ อย่างไม่รู้กาลเทศะการจีบหญิง ทำให้ดวงตาคู่โตหันกลับไปมองพร้อมปั้นหน้ายิ้มสุดฤทธิ์เท่าที่เธอจะทำได้
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมเค เดอร์ลองย่า จากมาร์กคลันลายินดีที่ได้รู้จักครับ” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับงามๆ ที่ทำให้หญิงสาวอยากถืบมันออกนอกแถวนัก แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแฉ่งให้มันไปก่อน
“ฟีเน่  โกรนาด มิรอนย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” 
“ว้าว! คุณมาจากมิรอนย่าเหรอคับ ผมเคยไปที่นั่นครั้งนึง เป็นเมืองเล็กๆกลางหุบเขา ของกินที่นั่นอร่อยมากเลย” เคยังคงปฎิบัติการจีบสาวต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่าเข็มวัดความอดทนของคนที่ถูกจึบนั้นพุ่งปรี๊ดจนจะถึงขีดสุดอยู่แล้ว
“เอ...แต่ทำไมข้าไม่เจอท่านละ มิรอนย่าก็ออกจะเล็กแท้ๆ มีหรือที่ข้าจะพลาดยลโฉมสาวงามอย่างท่านไปได้ เสียแต่ว่า” ไม่ทันที่หนุ่มนักจีบจะจักการเดาต่อ ก็โดนฟีเน่ตอบแทนให้อย่างไม่ต้องเดาให้เสียเวลา
“ข้าไม่ชอบออกไปไหน ก็ไม่แปลกที่ท่านจะไม่เคยเห็นข้า จริงไหม?”
“นั่นสินะ ข้าก็ไม่ได้ถือวิสาสะดูทุกบ้านซะด้วย” เคยังหน้าระรื่นพูดกลั้วหัวเราะ แต่คนฟังสิกลับไม่ขำเลยแม้แต่น้อย ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ใต้หน้ากากฝืนยิ้มอ่อนโยนพร้อมที่จะเผด็จศึก
“ข้าอยากรู้เรื่องของท่านเรื่องนึง ไม่ทราบว่าทานจะตอบข้าได้รึไม่?” สาวน้อยยิ้มละไม แสดงความใคร่รู้
“ได้สิ” เสียงตอบรับอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเล่นด้วย
“แม่ท่านเคยซื้อหนังสือ “วิธีจีบหญิง” ให้ท่านอ่านรึไม่ ถ้าท่านยังไม่มีติดตัวละก็... เดี๋ยวข้าซื้อให้เป็นของขวัญที่เราได้รู้จักกันท่านเห็นว่ายังไง?”
เสียงจ๊อกแจ๊กดังระงมไปทั่วเรื่อ เมื่อเรือขนาดกลางของรัฐบาลแบสต้าจอดเข้าเทียบฝั่ง ผู้คนจำนวนมากทยอยลงเรื่ออย่างเบียดเสียดไม่ต่างอะไรกับเด็กที่แย่งกันซื้อขนม เหลือแต่หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ดวงหน้าอ่อนหวาน นัยน์ตาสีดำสนิท ยืนมองทัศนียภาพของเมืองอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะกระโดดลงเรือ ตุบ! สร้างความฮือฮาแก่ชาวเมืองชกใหญ่ เพราะเจ้าตัวโดดลงมาจากเรือสูงเกือบ 5 เมตรได้ แถมอยู่ห่างจากฝั่งอีกเกือบ 500 เมตรนี่สิ จนต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาคุมสถานการณ์ พร้อมหาตัวการก่อความวุ่นวายไปลงโทษ แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวการไม่โง่พอที่จะอยู่ให้เห็นหน้า จึงต้องกลับไปประจำการตามระเบียบ  ทำเอาคนก่อเรื่องหายใจ ฟู่~~อย่างโล่งใจ
“เอาแล้วไหมละ เกือบเข้าคุกเข้าตารางแล้วเรา” ปากก็บ่นไปอย่างนู้นอย่างนี้ แต่นัยน์ตากลับระริกระรี้ชอบใจแปลกพิกล พอหมดเรื่องกลุ่มท้องเจ้ากรรมก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ จนต้องแวะร้านอาหารข้างทางเพราะตนก็ไม่ใช่เศรษฐีที่ไหน พอตูดนั่งถึงเก้าอี้ปุ๊บปากมันก็ทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องให้สองสั่งการเสียเวลา
“หมี่น้ำ 5 ชาม”
ผ่าไปไม่ถึง 5 นาทีหมี่น้ำกลิ่นหอมฉุน 5 ชามก็ถูกวางไว้ตรงหน้าคนสั่ง เจ้าตัวเลยจักการยัดบะหมี่น้ำเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมา 5 วันซะอย่างนั้น ซึ่งมันไม่เหมาะกับดวงหน้างามๆ แต่ก็ต้องหยุด กึก! เมื่อหูของตนไปสะดุดกับคำพูดของชายวัยกลางคนคุยกันที่โต๊ะข้างๆ
“นี่เห็นประกาศนั่นรึยัง?” ชายร่างผมท่าทางบอบบางกล่าวเปิดการสนทนา
“อืม เห็นแล้วไม่รู้คราวนี้กษัตริย์บัลลาสคิดพิเลนอะไรอีนะสิ” ชายร่างท้วมหัวล้านเกลียน พยักหน้าเชิงรับรู้ ก่อนพูดสำทับ
“ข้าว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน อย่าหาว่าท่านพิเลนเลย อย่างครามก่อนนู้นท่านก็สั่งทำอะไรแปลกๆแต่นั่นก็ช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองเราเจริญขึ้นไม่ใช่เรอะ” ชายร่างบางกล่าวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“หึ! นั่นก็ถูก แต่คราวนี้เล่นประกาศรับสมัครนักรบไม่จำกัดเพศ อายุ หรือแม้กระทั่งอาชีพ และที่สำคัญบ้านเมืองก็สงบสุขดีด้วย ไม่ได้เกิดสงครามหรือรัฐประหาร ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นที่ต้องการนักรบเยอะซะขนาดนั้นเลยนี่นา” ชายร่างท้วมยังกล่าวยืนกรานความคิดของตน
“นั่นนะสิ แต่อย่างว่ากษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์” ชายร่างบางกล่าวพร้อมกับกลั้วหัวเราะ
“นั่นสินะ ข้าลืมไปว่ากษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์” ทันทีที่ชายร่างท้วมกล่าว  เสียงหัวเราะก็กระหึ่มโดยชายทั้ง 2 ทันที ทำให้คนฟังพลอยอมยิ้มไปด้วย
‘กษัตริย์ย่อมมีความคิดเป็นของกษัตริย์’ นั่นสินะ  แล้วเจ้าตัวก็ลุกพรวด แต่ก็ไม่ลืมวางเหรียญค่าบะหมี่น้ำ 5 ชามไว้กับโต๊ะ ก่อนที่จะตรงไปยังพระราชวังกลางเมืองแบสต้าซึ้งเป็นจุดศูนย์กลางในการรับสมัครนักรบในครั้งนี้
    ผู้คนมากหน้าหลายตาหลั่งไหลเข้ามาสมัครจนดูละลานตาเต็มไปหมด แถวต่อคิวยาวตั้งแต่ประตูทางเข้าปราสาทจนสุดทางเดินเพื่อรับเสด็จ  แม่ค้าพ่อค้าต่างพากันตั้งร้านประดับประดาทางเดินเต็มทั้ง 2 ข้างทางเพื่อรอรับลูกค้าจากต่างถิ่น มันเป็นสวรรค์ชั้นเลิศสำหรับนักช๊อปต่างแดนยิ่งนัก เว้นเสียแต่คนๆนึงเท่านั้นที่เกลียดอากาศร้อนอบอ้าวจากผู้คนเยอะๆเป็นที่สุด
“โอ้ย! ร้อยชะมัด ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้เนี่ย” เสียงบ่นพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นมาปาดเหงื่ออย่างไม่แคร์สายตาคนรอบข้างที่หันมามองเธอเป็นตาเดียวแต่อย่างใด แต่อยู่ๆก็มีเสียงพูดสำทับสนับสนุนจากคนที่ยืนต่อหลังเธอนี่สิ เธออยากจะบอกมันเหลือเกินว่าเคยซื้อหนังสือ “วิธีจีบหญิง” มาอ่านบ้างไหม
“ใช่ๆ แบสต้าก็ออกจะร่ำรวย ทำไมให้ผู้สมัครมาอาบแดดอย่างนี้ โดยเฉพาะให้สาวน้อยน่าตาจิ้มลิ้มต้องมายืนปาดเหงื่อเช่นนี้ เฮ้อ~~” ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันพูดพร้อมกับเสยผมสีทองของตนช้าๆ อย่างไม่รู้กาลเทศะการจีบหญิง ทำให้ดวงตาคู่โตหันกลับไปมองพร้อมปั้นหน้ายิ้มสุดฤทธิ์เท่าที่เธอจะทำได้
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมเค เดอร์ลองย่า จากมาร์กคลันลายินดีที่ได้รู้จักครับ” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับงามๆ ที่ทำให้หญิงสาวอยากถืบมันออกนอกแถวนัก แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแฉ่งให้มันไปก่อน
“ฟีเน่  โกรนาด มิรอนย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” 
“ว้าว! คุณมาจากมิรอนย่าเหรอคับ ผมเคยไปที่นั่นครั้งนึง เป็นเมืองเล็กๆกลางหุบเขา ของกินที่นั่นอร่อยมากเลย” เคยังคงปฎิบัติการจีบสาวต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่าเข็มวัดความอดทนของคนที่ถูกจึบนั้นพุ่งปรี๊ดจนจะถึงขีดสุดอยู่แล้ว
“เอ...แต่ทำไมข้าไม่เจอท่านละ มิรอนย่าก็ออกจะเล็กแท้ๆ มีหรือที่ข้าจะพลาดยลโฉมสาวงามอย่างท่านไปได้ เสียแต่ว่า” ไม่ทันที่หนุ่มนักจีบจะจักการเดาต่อ ก็โดนฟีเน่ตอบแทนให้อย่างไม่ต้องเดาให้เสียเวลา
“ข้าไม่ชอบออกไปไหน ก็ไม่แปลกที่ท่านจะไม่เคยเห็นข้า จริงไหม?”
“นั่นสินะ ข้าก็ไม่ได้ถือวิสาสะดูทุกบ้านซะด้วย” เคยังหน้าระรื่นพูดกลั้วหัวเราะ แต่คนฟังสิกลับไม่ขำเลยแม้แต่น้อย ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ใต้หน้ากากฝืนยิ้มอ่อนโยนพร้อมที่จะเผด็จศึก
“ข้าอยากรู้เรื่องของท่านเรื่องนึง ไม่ทราบว่าทานจะตอบข้าได้รึไม่?” สาวน้อยยิ้มละไม แสดงความใคร่รู้
“ได้สิ” เสียงตอบรับอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเล่นด้วย
“แม่ท่านเคยซื้อหนังสือ “วิธีจีบหญิง” ให้ท่านอ่านรึไม่ ถ้าท่านยังไม่มีติดตัวละก็... เดี๋ยวข้าซื้อให้เป็นของขวัญที่เราได้รู้จักกันท่านเห็นว่ายังไง?”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น