The marble - นิยาย The marble : Dek-D.com - Writer
×

    The marble

    ซิสเด็กชายผู้มีพลัง แต่ดันไปอยู่ในโลกที่ไม่มีใครที่มีพลังแบบเขา ท่านเจ้าปีศาจรู้เข้าจึงจัดการให้ไปอยู่อีกโลกซะเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    60

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    60

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 ต.ค. 58 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





    บทที่ 1- จุดเริ่มต้น

                   




     

                  

                     ไปให้พ้น ไอตัวประหลาด

              “ออกไปจากที่นี่ ไอปีศาจร้าย

              “แม่ฉันบอกว่านายมันเป็นตัวซวยของหมู่บ้าน  อย่ามายุ่งกับพวกเรา!!!”

                เด็กชายที่มีดวงตาและเส้นผมสีดำสนิทยืนร้องไห้อยู่กลางถนนสายหลักของหมู่บ้าน ท่ามกลางผู้คนที่เข้ามารุมล้อมและพากันส่งเสียง ปาข้าวของใส่เขา เพื่อที่จะไล่เขาออกไปจากหมู่บ้านนี้

                ทำไม ทำไมทุกคนถึงต้องไล่เราออกจากหมู่บ้าน หมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดของเรา ที่ที่มีทุกอย่างของเรา เราทำอะไรผิดหรอ เพียงเพราะคิดว่าเรามีพลังปีศาจหน่ะหรอเด็กชายคิดกับตัวเองและเริ่มร้องไห้หนักขึ้นๆ เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้น มีรังสีบางอย่างเริ่มแผ่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบค่อยๆถอยห่างออกไปด้วยท่าทีหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่หยุดส่งเสียงและปาข้าวของใส่เด็กชาย

              “หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!!”

                ทุกอย่างหยุด หยุดเพียงเพราะเสียงๆเดียว เสียงที่ทรงอำนาจมากที่สุดในหมู่บ้านนี้ เด็กชายค่อยๆเงยหน้ามองเจ้าของเสียง รังสีที่แผ่ออกมาค่อยๆจางหายไป เขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่ แล้วเดินไปหาคนๆนั้นที่กำลังส่งยิ้มมาให้เขา คนๆเดียวที่ไม่เคยรังเกียจเขา ไม่เกลียดเขาแม้ว่าจะรับรู้ว่าสิ่งที่เค้าทำลงไปมันร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม

                คุณยาย ฮืออๆๆเด็กชายวิ่งโผเข้าไปกอดคุณยาย แล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น

                เมื่อไหร่พวกเธอจะหยุดซักที ซิสเค้าไปทำอะไรให้พวกเธอ

              “แม่เฒ่า จำไม่ได้รึไง วันที่เจ้านั่นมันระเบิดพลังปีศาจของมันทำลายบ้านตัวเอง แล้วคลั่งอาละวาดทำร้ายผู้คนไปทั่วหน่ะ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นมา

              “ไอบ้านั่นทำให้เดวิดของฉันต้องตาย ออกไปจากหมู่บ้านซะ!!”

                ขอโทษ...ผมขอโทษ...ซิสนึกถึงวันที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นภาพของพ่อกับแม่ที่กลายเป็นศพ กอดกันอยู่กลางซากปรักหักพังของบ้านที่ชาวบ้านบอกว่าเค้าเป็นคนทำลาย ทั้งๆที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาตัวสั่นและพยายามที่จะลบภาพเหล่านั้นออกไปจากสมอง

               “ไม่เป็นไรๆ ปีศาจนั่นหน่ะไม่ใช่ซิสหรอกนะ...พวกเธอรู้ได้ยังไงว่าปีศาจตัวนั้นคือซิส มีหลักฐานไหม ถ้าไม่ก็เลิกซะที  แม่เฒ่าปลอบแล้วถามคำถามที่ไม่มีใครเคยตอบได้ เหตุผลที่จะยืนยันว่าซิสเป็นปีศาจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทุกอย่างเงียบและนิ่งเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ แต่แล้วก็มีชายสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทเดินเข้ามา

                เจ้าไม่รู้จริงๆอย่างนั้นเหรอว่าเหตุการณ์ในวันนั้นใครเป็นคนทำ ชายที่เข้ามาใหม่พูดขึ้น

                ยังคงไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้นต่อจากนั้น ซิสมองไปรอบๆก็ได้รับรู้ว่าตอนนี้มันกำลังถูกหยุดเวลาอยู่จริงๆ! เหลือแค่เขากับชายคนนั้นเท่านั้น

                คุณเป็นใครซิสรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป

                ข้าถามว่าเจ้าไม่รู้จริงๆอย่างนั้นเหรอ

              “ผม..ผมไม่รู้ ซิสตอบเสียงเบา

                แล้วนี่ไม่ใช่เจ้าจริงๆอย่างนั้นหรอชายในเสื้อคลุมสีดำพูดแล้ว ชูลูกแก้วให้ซิสดู ภาพในลูกแก้วเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหตุการณ์วันนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ วนไปวนมาอย่างนั้น

                ไม่ใช่เจ้าจริงๆอย่างนั้นหรือ

              “พอ พอที หยุด หยุด ได้โปรด นั่นไม่ใช่ผม ไม่ใช่ ไม่ ม่ายยยย...ซิสร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วทุกอย่างก็ค่อยๆมืดลง...

     

                ซิส ซิส เป็นอะไร ตื่นได้แล้วซิสเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะ ซิสลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ หน้าอกยกขึ้นลงด้วยความเร็วเกินปกติ แสงแดดลอดผ่านรูขาดเล็กๆตรงผ้าม่าน นั่นเตือนให้เขารู้ว่าเขาฝันเรื่องนั้นอีกแล้ว

                ฝันร้ายอีกแล้วเหรอจ้ะ

                ครับคุณยาย

              “เรื่องนั้นอีกแล้วหรอ

              “ครับซิสตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า ดวงตาสีดำเริ่มมีน้ำตาปริ่มๆ ใกล้จะไหลออกมาเหมือนทุกครั้งที่เขาฝันถึงเรื่องนี้

              “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนะซิส ไม่มีใครรู้ความจริง อย่ากังวลไปเลยนะ เป็นเด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง ไม่ร้องนะจ้ะคนดีของยาย โอ๋ๆ คุณยายปลอบ เธอรู้ดีว่ามันเศร้าแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องในวันนั้น เธอรู้ดี เธอเห็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าที่สุดในวันนั้นด้วยตัวเธอเองไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวยายไปรอที่ครัวทานอาหารเช้ากัน

              “ครับ คุณยายเมื่อได้ยินอย่างนั้นซิสก็เช็ดน้ำตา ลุกลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป

                ระวังล้มนะซิสคุณยายร้องเตือน แต่...โครม! อูยยย เจ็บๆๆเสียงดังมาจากห้องน้ำ

                เห้ออ ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้... ท่านคะเด็กคนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไร ได้โปรดอย่าทำอะไรเขาเลย ได้โปรด...คุณยายพึมพำกับตัวเอง แล้วเดินไปที่ห้องครัว

               

                ผมขอออกไปเดินเล่นนะครับ ซิสพูดขึ้นหลังจากที่ทานอาหารเช้าในห้องครัวเล็กๆของบ้านหลังน้อยของคุณยาย ห้องครัวนี้มีเคาน์เตอร์ทำอาหารที่เพียงพอสำหรับทำอาหารได้ 2-3 อย่าง และมีโต๊ะกินข้าวเล็กๆทำจากไม้โอ๊ค ผ้าปูโต๊ะลายตารางสีแดงสดสลับขาว อยู่ตรงกลางห้องครัว

                ได้จ้ะ แต่อย่าลืมใส่เสื้อกันหนาวออกไปด้วยนะ อากาศเริ่มหนาวแล้ว คุณยายอนุญาต แต่ยังไม่ลืมที่จะเตือนเรื่องเล็กๆน้อยๆ

                คุณยายเป็นผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้าน เธออยู่คนเดียว บ้านของเธอเล็กที่สุด เธอรักบ้านนี้มาก รักหมู่บ้านแห่งนี้ ทุกคนเคารพเธอ เชื่อฟังเธอ พูดง่ายๆ เธอเป็นผู้ใหญ่บ้าน คุณยายเป็นคนใจดี แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องแสดงอำนาจของเธอออกมา เธอไม่เคยทำให้ผิดหวัง เมื่อเธอพูดขึ้นมาแล้ว ทุกคนจะต้องฟัง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้

              “คร้าบบ ซิสตอบ แล้วหยิบเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินเข้มถักจากไหมพรมที่คุณยายถักให้เป็นของขวัญวันเกิดมาจากตู้เสื้อผ้า สวมมัน แล้วออกจากบ้านไป

                ซิสเดินไปตามถนนเล็กๆของหมู่บ้าน มองดูสวนของชาวบ้านที่ตอนนี้บนต้นไม่เหลือใบไม้สีเขียวให้เห็นอีกแล้ว มีเพียงใบไม้สีแดงส้มที่รอคอยวันร่วงหล่นจากต้นเท่านั้น ใต้ต้นมีกองใบไม้ที่เจ้าของสวนกวาดรวมกันไว้หลายกอง ตอนนี้เขาอายุ 10 ปี หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้นมาก็ 5 ปีแล้ว แต่ทุกคนเมื่อเห็นเขาก็ยังไม่กล้าพูดคุยกับเขาอยู่ดี เพื่อนๆที่เคยเล่นด้วยถึงแม้จะไม่ขับไล่เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่ยอมให้เขาเล่นด้วยอยู่ดี เขาเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเหลือบสายตาไปเห็นร้านกาแฟเล็กๆตรงหัวมุมถนน

                เปิดใหม่งั้นเหรอ เอ....Blackcap café. ร้านแบบนี้ไม่น่าจะมาเปิดในหมู่บ้านเล็กๆอย่างนี้นี่นา ซิสคิดต่อแล้วเดินมาหยุดที่หน้าร้าน ร้านนี้มีรูปหมวกสีดำเป็นสัญลักษณ์ตามชื่อ ภายนอกเป็นสีน้ำตาลอ่อน ตกแต่งด้วยแก้วใสทรงสูงสีดำบ้าง น้ำตาลเข้มบ้างวางเรียงสลับกันไป มีดอกกุหลาบสีแดงเข้มมากจนถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจจะเห็นเป็นสีดำเสียบไว้ ประตูเป็นกระจกใสมีป้ายคำว่า ‘open’ ติดอยู่ ซิสยืนลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไป ข้างในร้านมีโต๊ะกาแฟสีน้ำตาลอยู่ 3 โต๊ะ แต่ละโต๊ะมีหมวกสีดำใบจิ๋ววางอยู่เป็นของตกแต่ง มีเคาน์เตอร์ไว้ให้ลูกค้านั่งได้ประมาณ 4คน ข้างเคาน์เตอร์มีตู้โชว์สำหรับวางเค้กและของหวาน ซึ่งตอนนี้มีเพียงสตรอว์เบอรรี่ชอตเค้กกับขนมแครมบรูเล่เท่านั้น ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นชั้นวางของสีดำเอาไว้วางกระปุกใส่เมล็ดกาแฟ ใบชาและอุปกรณ์ต่างๆ ช่องว่างบนชั้นจะถูกเติมเต็มด้วยดอกกุหลาบสีแดงเข้มแบบเดียวกับหน้าร้าน ร้านนี้มีโทนสีเข้มทั้งร้าน ยกเว้นก็แต่ผนังร้านเท่านั้นที่เป็นสีน้ำตาลเหลืองอ่อนจนเกือบจะซีด

                ทำไมไม่เห็นมีคนเลยนะ ซิสพึมพำเบาๆ

                ไม่เจอกันนานเลยนะ...เด็กน้อยเสียงที่ไม่ได้ยินอีกเลยตั้งแต่ห้าปีก่อนดังขึ้น

                คุณ...เสียงของซิสสะดุดเมื่อเห็นชายคนเดิมในชุดเสื้อคลุมสีดำตัวเดิมยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

                ซิสตัวสั่น เรื่องราวเหมือนในฝันพรั่งพรูเข้ามาสู่ความคิด

                ผม ผมขอโทษ... เขาพูดพร้อมกับก้าวถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว เขาไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องนั้นอีกแล้ว ไม่อยากอีกแล้ว

                เจ้าคงยังไม่ลืมสิ่งที่เจ้าทำใช่ไหม? เจ้าไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกครั้ง เจ้าไม่อยากรับรู้เรื่องที่เจ้าทำ ข้าจะช่วยเจ้า แต่เจ้าต้องทำงานบางอย่างให้ข้า  เจ้าจะทำหรือไม่ชายคนนั้นถาม

              “คุณจะให้ผมทำอะไรซิสพูดเสียงสั่น

                แค่ไปจากหมู่บ้านนี้ แล้วตามหาของให้ข้าเท่านั้นชายคนนั้นตอบ   

                ไม่ ผมไม่ทำ!!! ผมจะไม่ออกจากหมู่บ้านนี้ผมจะอยู่กับคุณยาย ซิสพูดพร้อมกับส่ายหน้าแรงๆ

                ปีศาจน้อยเจ้าไม่ห่วงว่าคุณยายของเจ้าจะเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรอ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกรอบ จะทำไหม ชายในเสื้อคลุมยังให้โอกาส

                คุณจะทำอะไรคุณยาย ผมไม่ทำ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซิสยังปฏิเสธ เขาหันหลังแล้ววิ่งออกจากร้านไป

                ตามหลังเด็กชายซิส ชายในชุดเสื้อคลุมถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นหน้าตาหล่อเหล่า เส้นผมสีเดียวกับดวงตาปล่อยสยายเต็มหลังยาวถึงเอว แววตาเย็นชาสีน้ำตาลของเขามองตามซิส และพูดว่า

                เด็กน้อยแล้วเจ้าจะเสียใจ.. พูดจบเขาก็ยกเสื้อคลุมมาใส่ตามเดิม แล้วเดินเข้าหลังร้านไป ร้านที่คิดว่าไม่มีใครอยู่จริงๆแล้วมีชายแก่เจ้าของร้าน นอนสลบอยู่หลังร้าน ชายในเสื้อคลุมโยนเงินให้เจ้าของร้านจำนวนหนึ่งซึ่งคงมากพอที่จะซื้อเตาอบที่พังใหม่ได้ แล้วเดินไปทางประตูหลังแต่ยังไม่ทันถึงประตู ร่างกายของเขาก็จางลงแล้วหายไป ทิ้งเพียงคำพูดเอาไว้ว่า

                ทุกอย่างเริ่มแล้ว เจ้าเป็นคนเลือกเอง ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วเด็กน้อย...

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น