คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 (100%)
“กรี๊ด!~!”
เภตราสะดุ้งสุดตัว เสียงนั่นอีกแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องวิตกว่าใครที่นอนข้างๆ จะตื่นอย่างเช่นคืนวาน เนื่องจากคืนนี้เธอครอบครองเตียงนี้แต่เพียงผู้เดียว สงสัยว่าเจ้าหญิงเรเชลคงจะโกรธที่เธอผิดนัดอาหารค่ำจึงไม่เข้ามานอนด้วยนั่นเอง
ใบหน้าของหญิงสาวแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงจากภายนอก แต่ทว่าเสียงที่เธอได้ยินเมื่อนาทีที่แล้วคงจะเป็นเสียงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ เภตราถอนหายใจยาว นี่เป็นคำตอบที่ไม่อาจหาเหตุผลได้สำหรับค่ำคืนอันยาวนาน ผู้หญิงคนนั้นคงทุกข์ทรมานกับห้วงเวลาที่ผู้คนกำลังเข้าสู่ฝันดีในยามหลับสนิท
แต่ตอนนี้เจ้าของเสียงร้องคงไม่ต้องโดดเดี่ยวกับความมืดอีกต่อไปแล้ว เพราะจะมีเภตรานอนลืมตาเป็นเพื่อนจนถึงรุ่งเช้าอย่างแน่นอน
“เรเชลเป็นอะไร” องค์อาดีนตรัสถามเด็กหญิงที่บัดนี้เม้มปากเข้าหากัน พร้อมกับวิ่งออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ทันทีที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอาหาร
“คงจะงอนฉันมั้งคะ” เภตราส่ายหน้าเบาๆ เอ็นดูเด็กหญิงมากกว่า
“แล้วคุณทำอะไรให้เรเชลงอนล่ะ” ทรงประทับยืนขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว
“ฝ่าบาทไม่ได้สังเกตหรือคะว่าเมื่อวานฉันไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย”
องค์อาดีนทรงพยักพระพักต์ช้าๆ สายพระเนตรคมเลื่อนมาจับใบหน้านวลเนียนของหญิงสาว
“งั้นผมคงต้องทำแบบเรเชลบ้างแล้ว”
คิ้วเรียวเข้มเลิกสูง ดวงตาสุกสกาวเบิกโตด้วยความประหลาดใจ
“งอนน่ะหรือคะ...”
“แปลกตรงไหน ทีเรเชลยังทำได้”
“แหมฝ่าบาท ถ้าเด็กทำก็ว่าน่ารักน่าหยิก แต่ถ้าผู้ใหญ่โดยเฉพาะองค์อาดีนด้วยแล้ว...นึกไม่ออกเลยค่ะว่าจะไม่น่ามองมากแค่ไหน”
เภตราแสร้งถอนหายใจยาว อันที่จริงแล้วยังรู้สึกอิดโรยกับอาการนอนไม่หลับเมื่อคืน แต่ทว่าสบพระพักตร์กับดวงเนตราของผู้ที่เกาะกุมหัวใจของเธอไว้แต่เช้าแบบนี้ อาการเหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง
“แต่ผมว่าคุณงอนแล้วคงน่ามองนะ”
“ไว้ฉันจะทำให้ดูก็แล้วกันนะคะ” เภตราส่งยิ้มให้สำหรับคำชม
องค์อาดีนทรงเอื้อมหัตถ์ไปจับมือของหญิงสาวไว้ แล้วประทับพระโอษฐ์กับมือนั่นแรงๆ ทำให้อีกฝ่ายหน้าระเรื่อขึ้นอย่างเขินอาย
แม้ว่าเภตราจะเข้ามาอยู่ในพระราชวังร่วมกับพระองค์เกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนรอบข้างที่ยืนเฝ้าเป็นเงาตามตัวแบบนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายสามารถแสดงความรู้สึกได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยความคุ้นชิน ถ้าลองนึกว่าอยู่กันตามลำพัง หญิงสาวจะไม่นึกขัดเขินแม้แต่นิดเดียว
พระองค์ทรงปล่อยมือหญิงสาวอย่างรู้ใจ ก่อนจะเริ่มเสวยไม่ได้สนใจดวงตากวางที่ส่งค้อนมาให้หลายครั้ง
“ดูเหมือนเมื่อคืนคุณจะนอนไม่หลับนะ” ทรงเห็นความอิดโรยในดวงตาสวยคู่นั้นตั้งแต่แรกพบแล้ว
“คะ?...อ๋อ...ใช่ค่ะ เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงแปลกๆ ตกใจตื่นแล้วก็เลยนอนไม่หลับทั้งคืน”
พระองค์ทรงชะงักพระหัตถ์ขณะยกถ้วยกาแฟขึ้น นางข้าหลวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักค่อนข้างกระสับกระส่ายกับคำพูดของหญิงสาว
“งั้นหรือ”
“ฝ่าบาทได้ยินหรือเปล่าคะ” เภตราคิดว่าวันนี้จะต้องถามสาเหตุที่ทำให้เธอนอนไม่หลับให้จงได้
“วันนี้คุณจะกลับมาทานอาหารค่ำหรือเปล่า” ทรงเลื่อนสายพระเนตรไปจับจ้องที่ชุดทำงานของหญิงสาว
“น่าจะทันนะคะ หรือถ้ามีโปรแกรมอะไร ฉันจะโทรมาบอกก่อน จะได้ไม่ต้องรอกัน” หญิงสาวใคร่ครวญกับประเด็นใหม่ที่อีกฝ่ายถาม กว่าจะรู้ตัว องค์อาดีนก็ประทับยืนขึ้นก่อนจะยิ้มให้
“แล้วผมจะรอ”
“เดี๋ยวสิคะ!” เภตราลุกพรวดวิ่งตามร่างสูงซึ่งก้าวยาวๆ ไปจนสุดประตูห้องอาหารแล้ว นางข้าหลวงคนสนิทสองคนรีบเดินเร็วๆ ตามทันที แต่เภตราหันกลับมาสั่งให้ทั้งสองไม่ต้องตาม
“ขอเวลาสักสิบนาทีนะคะ” จากนั้นเธอก็วิ่งตามหัวใจไป
“ฝ่าบาทคะๆ” เสียงเรียกของเธอทำให้ทหารยามและบรรดานางข้าหลวงหันมาทางเดียวกัน กระนั้นพวกเขาก็ต้องก้มหน้าเมื่อเห็นผู้ที่หญิงสาวเรียกนั้นกำลังสาวพระบาทเร็วๆ อยู่ไม่ไกลนัก
“อาดีนคะ”
ร่างสูงชะงัก หันกลับมาพอดีกับที่หญิงสาววิ่งมาถึง สองหัตถ์จับบ่าบอบบางของเธอเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเซถลายามเมื่อปะทะกัน
“วิ่งตามผมมาทำไมเพชร”
“ก็คุณไม่หยุด ฉันก็ต้องวิ่งน่ะสิ” เภตราสูดอากาศระบายความเหนื่อย
“ผมมีประชุมเช้า ต้องรีบไปให้ทันเสนาบดีพวกนั้น เดี๋ยวเขาจะหาว่าคนแก่ตื่นเช้ากว่าอีก” ทรงอธิบายด้วยพักตร์ยิ้มละไม
“คุณยังไม่ตอบคำถามเลยนะคะ”
พระองค์ทรงสบสายตาอ้อนวอนของหญิงสาวอย่างอ่อนใจ จะมีใครบ้างที่สามารถใจแข็งไม่ยินยอมทำตามคำขอร้องที่ออกมากจาสายตาคู่นี้ของเธอได้บ้าง
“ผมมีประชุม...”
“แต่...” เภตราถอนหายใจยอมแพ้ รู้สึกว่าตนเองชักทำตามใจมากเกินไปแล้ว
“เพชรที่รัก ไว้ตอนเย็นค่อยคุยกันนะ” ตรัสจบก็คว้าร่างบางมากอดพร้อมกับประทับโอษฐ์ที่แก้มนวลแรงๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะพระดำเนินต่อไป
เภตราชะงักค้างอยู่กับที่ เธอเหลียวมองไปรอบๆ โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีคนอื่น ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงต้องอายม้วนไม่กล้าสู้หน้าใครไปทั้งวันทีเดียว
เอาเข้าจริงๆ หญิงสาวก็ยังคงไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงโหยหวนชวนเวทนาผู้นั้นเป็นใคร หากแต่เธอมั่นใจว่าเรื่องราวคงกระจ่างในเร็ววัน จากปากของผู้มีอำนาจสูงสุดในพระราชวังและหัวใจของเธอเพียงคนเดียว...
เภตราออกจากห้องประชุมด้วยใบหน้าผ่องใส นี่เป็นโปรเจคแรกในรอบสองอาทิตย์ เธอตระหนักว่างานช่วยให้ชีวิตของเธอมีคุณค่าขึ้น ซึ่งความหมายนี้ไม่ได้รวมถึงการที่กลายเป็นคนคนสำคัญซึ่งกันและกันระหว่างเธอและอาดีน
ความคิดที่จะเดินไปหากาแฟดื่มก่อนอาหารเที่ยงต้องหยุดลง เมื่อระหว่างทางนั้นเหลือบไปเห็นเจเจกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในซอกเล็กๆ ก่อนที่จะแยกไปห้องน้ำ
“เจเจ” เภตรากระซิบเรียก แต่กระนั้นก็ทำให้ผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์เศร้าถึงกับสะดุ้งได้
“เพชรน่ะเอง...” เจเจหันหน้าไปอีกทาง เธออายเหลือเกินที่จะให้ใครเห็นน้ำตา
“มาทำอะไรอยู่นี้จ้ะ” เภตราเอ่ยถามเบาๆ แม้จะพอรู้ต้นสายปลายเหตุแห่งหยาดน้ำตาบ้างแล้ว แต่มันคงจะไม่ยุติธรรมถ้าไม่ได้ออกมาจากปากเจ้าของหยาดน้ำนั่นเอง
“ฉัน เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก” เจเจตัดสินใจไม่เล่า ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยมีเภตราเดินตามมาห่างๆ
เภตราค่อนข้างแปลกใจเมื่อเห็นผู้ที่เดินนำหน้านิ่งหยุดอยู่นาน หญิงสาวเดินอ้อมไปข้างหน้าแล้วก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายกำลังสำรวจตัวเองในกระจกอย่างตั้งใจ
“เพื่ออะไร...ฉันทำไปทำไม?” เจเจพึมพำกับตัวเองในกระจก เงาของเภตรายืนอยู่ข้างๆ กำลังมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
“เจ...มีอะไรบอกฉันได้นะ...ถึงฉันจะไม่ใช่วิคกี้ แต่ถ้าเธออยากจะพูดกับใครสักคน ฉันยินดีรับฟัง”
เจเจมองกระจกเห็นดวงตาที่จริงใจทอประกายอยู่ หญิงสาวจึงปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลอาบแก้มอย่างสุดกลั้น
“ฉันกินน้อย หรือแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยก็ว่าได้ ของชอบทุกชนิดกลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจเพื่อไม่ให้ตัวเองกินมากเกินไป ฉันออกกำลังกายอย่างหนักและขนซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางทุกแบบทุกเทรนด์ จนเงินแทบจะไม่เหลือใช้ เพื่อค้นหาว่าตัวเองเหมาะกับเสื้อผ้าแบบไหน ใส่อะไรแล้วทำให้โดดเด่น จนถึงดูดสายตาคนอื่น...นี่ล่ะคือสิ่งที่ฉันทำมาตลอดหนึ่งปีเต็ม...”
เภตรานิ่งฟังอย่างมีคำถาม ซึ่งคำตอบก็ปรากฎอยู่ในสมองของเธอแล้วแม้จะไม่แจ่มชัดนักก็ตาม
“ตั้งแต่เจอเขา ฉันก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ฉันทำทุกอย่างให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ เพื่อให้เขาหันกลับมามองฉันบ้าง...แต่คุณยูริกลับมองข้ามฉันทุกครั้ง”
เจเจปล่อยก้อนสะอื้นออกมา ความผิดหวังและโศกเศร้าตลอดอาทิตย์เริ่มปลดปล่อยออกมาทีละน้อย ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์
“เจ...”
“รู้มั้ยว่าฉันอิจฉาเธอมากแค่ไหน ที่คุณยูริเอาแต่มองเธอ...ฉันอยากเป็นคนที่เขาให้ความสนใจบ้าง ไม่ว่าจะต้องเป็นเครื่องเรือนในบ้านของเขา หรือแม้แต่เป็นสัตว์เลี้ยงเพียงแค่ให้เขาเรียกให้วิ่งตาม อะไรก็ได้ที่เขาไยดีมากกว่าหญิงแปลกหน้าอย่างฉัน”
“เจ...ความรักน่ะไม่ได้มีบทสรุปแค่การสมหวังของคู่รักเสมอไปหรอกนะ ในความเห็นของฉัน...เธอคือผู้ประสบความสำเร็จทางด้านความรักคนหนึ่งแล้วล่ะ”
“เธอพูดอะไรน่ะ!...จริงสิ ฉันลืมไป ก็เธอได้สุดยอดปรารถนาของผู้หญิงในประเทศนี้มาครอบครองแล้วนี่...จะมาเข้าใจอะไรกับความรู้สึกของฉัน” เจเจตวัดสายตามองอีกฝ่ายผ่านกระจกด้วยความไม่พอใจ
“รักข้างเดียว ถึงจะเป็นความรักที่ไม่สมหวังก็จริง แต่ก็ขึ้นชื่อว่าได้รัก เฝ้ามองคนที่เรารักมีความสุขโดยไม่เข้าไปขัดขวางหรือแย่งชิง แม้ว่าสุดท้ายเราจะต้องมานั่งเศร้าเสียใจว่าทำไมคนที่อยู่เคียงข้างเขาไม่ใช่เรา...แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็เชื่อว่าเธอจะต้องเก็บความเสียใจไว้คนเดียว ปล่อยให้เขาเดินตามเส้นทางที่เขาเลือก”
เภตราลูบหลังเพื่อนปลอบใจ ร่างบางสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น
“นั่นเพราะฉัน...ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นต่างหาก...”
“มีไม่กี่คนหรอกนะที่คิดแบบเธอ...ไม่ใช่เรื่องของสิทธิ์ แต่เป็นทางที่เธอได้เลือกแล้วต่างหาก...เธอเลือกที่จะรักเขามากกว่ารักตัวเอง...ลองนึกดูนะเจ ถ้าเธอเลือกที่จะยื้อแย่งเพื่อให้ได้เขามาครอบครองตามที่หัวใจเธอเรียกร้อง ป่านนี้เธอคงหมกมุ่นอยู่กับการทรมานตัวเอง ไหนจะต้องทนอดอาหารทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา หรือเสแสร้างแกล้งทำในสิ่งที่คิดว่าเขาจะพอใจ แล้วเธอคิดว่าทำแบบนี้จะซื้อเวลาได้นานเท่าไหร่...จะเดือน สองเดือน หรือว่าสองอาทิตย์”
คนฟังกำมือแน่น หัวใจที่ร้าวรานถูกกะเทาะออก กาวชนิดติดแน่นราคาแพงที่นำมาประสานรอยร้าวนั้น ไม่อาจปกปิดหัวใจที่บอบช้ำได้ จริงอย่างที่เภตราพูด หนึ่งปีที่เธอเพียรทำตลอดนั้นเพียงเพื่อให้เขาหันมาพูดคุยกับเธอแค่สองประโยค แล้วอย่างนี้จะต้องใช้เวลาอีกสักกี่สิบปี ถึงจะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกที่มีต่อเขาจนหมดได้
“ฉันเสียใจเหลือเกินเพชร...ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองโง่...โง่ที่ไม่ได้แสดงตัวว่าชอบหรือหาวิธีแย่งเขามา...บางครั้งฉันก็คิดว่าอยากจะเรียกร้องเขาด้วย
” เจเจหวนกลับไปนึกถึง‘ความตาย’ วิธีที่จะทำให้เขาหันกลับมามองเธอบ้าง
“เธอไม่ได้โง่หรอกเจ ตรงกันข้าม เธอมองความรักด้วยเหตุผลและเข้าใจมัน ลองนึกดูนะ คนที่ไม่สมหวังแบบเธอมีอีกตั้งไม่เท่าไหร่ และในจำนวนเหล่านั้นเลือกวิธีการยื้อแย่งช่วงชิง สุดท้ายผลลัพธ์ของมันคืออะไร...เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอ”
พระชายาคือบทเรียนที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ความหวังที่จะครอบครองกลายเป็นเงื่อนปมที่ผูกโยงใยมัดเกี่ยวตนเองจนดิ้นไม่หลุด แม้กระทั่งทุกวันนี้พระชายาก็ยังหาวิธีแก้ปมเหล่านั้นไม่ได้ คงปล่อยให้มันพันทั้งร่างกายและจิตใจ จนจิตใต้สำนึกดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความสุขที่ตัวเองไม่อาจพานพบในชีวิตจริงได้
เจเจเข้าใจในที่สุด แม้ว่าจะยังยอมรับความผิดหวังไม่ได้ก็ตาม แต่ความเจ็บปวดที่แทรกซึมเวลาที่หายใจเข้าออกนั้น เต็มไปด้วยการรับรู้อย่างมีสติ โดยหวังว่าความรวดร้าวนั้นคงจะเจือจางลงไปตามจำนวนครั้งที่หายใจ
“ฉันเสียใจ” เจเจครางออกมา น้ำตาจำนวนมากพรั่งพรูคล้ายกับประตูเขื่อนได้เวลาระบาย
“แล้วเธอจะผ่านมันไปได้เจ...มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้หัวใจหยั่งรู้ความรู้สึก ขณะเดียวกันหัวใจยังทำหน้าที่บำบัดรักษาอาการเจ็บปวดรวดร้าวได้ด้วยตัวของมันเอง...ฉันเชื่อว่าหัวใจของเธอกำลังทำสิ่งนั้นอยู่...ขอให้ความสุขอยู่กับเธอ”
เภตรารั้งร่างสั่นเทาของเพื่อนเข้ามากอด พร้อมกับพึมพำคำอวยพรที่องค์อาดีนมักจะพร่ำบอกในเวลาที่เธอกำลังผจญอยู่กับความทุกข์หรือดื่มด่ำอยู่กับความสุข และคำเหล่านั้นมักจะเป็นจริงเสมอ และเธอก็เชื่อว่าเจเจจะไม่ต้องทนทุกข์เฉกเช่นเดียวกับพระชายา เพราะว่าเพื่อนของเธอรู้จักรักนั่นเอง
ความคิดเห็น