คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
“เพชร!” เสียงนั้นเรียกความสนใจจากพนักงานทั้งหลายที่กำลังเริ่มวันทำงานอันน่าเบื่อหน่าย
สองสาวที่แต่งตัวเนี้ยบราวกับเตรียมตัวจะไปงานสำคัญ ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นหญิงสาวเดินตรงเข้ามาที่พวกเธอ
“ไงวิกกี้เจเจ สบายดีหรือเปล่า...ไม่พบกันอาทิตย์เดียว ดูพวกเธอสวยขึ้นนะ” เภตรายิ้มกว้างต่างกับใบหน้าของผู้ที่จ้องมอง
“เพชร! เพชรจริงๆ ด้วย” บาเลียนาที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองตรงรี่เข้ามา ภายหลังจากที่สองสาวยืนนิ่งเป็นหุ่นโชว์เสื้อผ้าไปแล้ว
“บี...ดีใจจัง”
เภตราสวมกอดเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง ด้วยกฎอันเคร่งครัดของราชสำนัก ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งการพบปะเพื่อนดังเช่นกิจวัตร อย่างดีก็ได้แต่โทรศัพท์คุยได้ไม่ถึงห้านาทีก็จำต้องวาง ด้วยบุคคลที่ยืนรายรอบ ทั้งทหารที่เข้าเวรยืนประจำในที่ต่างๆ และนางข้าหลวงที่สลับสับเปลี่ยนมาคอยดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำให้เรื่องสนุกที่คิดจะเล่ากลายเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ไม่น่าจดจำโดยปริยาย
“เพชร...คิดถึงจัง” เพื่อนสนิททั้งสองแสดงความตื้นตันที่ได้เจอกัน โดยสุดท้ายทั้งสองก็สามารถหาที่ส่วนตัวตามประสาเพื่อนสนิทจนได้ในห้องกาแฟนั่นเอง
“ดูเธอผอมไปนะ ฉันคิดว่าอาหารที่นั่นคงจะอร่อยกว่าซะอีก” บาเลียนาพิจารณาอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นยังไงไม่รู้สิ เหมือนว่าเพื่อนสนิทคนนี้เริ่มห่างไกลจากเธอมากไปทุกที
“อร่อยจ้ะ แต่ว่าฉันกินไม่ค่อยลงน่ะ...ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องมีคนคอยตามกันเป็นพรวน”
“นางข้าหลวงพวกนั้นเป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่เหรอ” บาเลียนาตั้งข้อสงสัย
“นั่นล่ะที่ยิ่งแย่ ลองคิดดูนะในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารชั้นดีที่มีให้เลือกมากมายบนโต๊ะ แต่เพื่อนของเธอกลับทำได้แค่ยืนมองอยู่เงียบๆ”
“อืม ฉันพอจะนึกสภาพออก ความสุขของคนเราบางทีก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุสิ่งของ มันอยู่ที่ว่าเรากำลังอยู่กับใครมากกว่า”
เภตราพยักหน้า สิ่งเดียวที่ยังยึดเหนี่ยวให้เธออดทนอยู่ได้ก็เพราะใครคนนั้น...
“กฎก็แสนจะเข้มงวด แล้วยิ่งตอนนี้คุณข้าหลวงใหญ่กำลังเล่นเกมโปลิศจับขโมยกับฉัน พลอยทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจด้วย”
“คิดมากหรือเปล่า มันเป็นเรื่องปกตินะที่แม่คนนั้นจะต้องหลบเธอ ก็หล่อนแสดงออกนอกหน้าเหลือเกินนี่ว่าไม่ชอบเธอ...คงจะกลัวล่ะสิว่าจะถูกเฉดหัวออกจากวัง” บาเลียนาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก ออกจะเห็นด้วยเสียอีกที่นางข้าหลวงใหญ่รู้หน้าที่ ไม่เดินป้วนเปี้ยนสร้างความรำคาญให้ แต่ถ้าเป็นเธอล่ะนะจะไล่ออกหรือไม่ก็ปลดตำแหน่ง โทษฐานที่หายใจเสียงดัง...
“เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันต่างหากที่เป็นคนไปสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่อยู่ในนั้น”
“บ้าน่า! ใครจะกล้าคิดกับว่าที่ราชินีแห่งวาดิเมียร์แบบนั้นล่ะ” บาเลียนาหัวเราะเบาๆ ด้วยเธอก็มีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นคนสนิทของราชีนีด้วยน่ะสิ
เภตรากลอกตาไปมาท่าทางเบื่อหน่าย ไม่ใช่เพราะเพื่อนสนิท แต่เป็นสรรพนามใหม่ที่เธอยังไม่คุ้นชินนั่นเอง นี่ขนาดแค่เป็น‘ว่าที่ราชินี’ นะเนี่ย หากอีกหน่อยถูกสถาปนาขึ้นมา นึกไม่ออกเลยว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเพชร ผู้หญิงทั่วประเทศหรือทั่วโลกก็ได้เอ้า ต่างอิจฉาเธอกันทั้งนั้น ฉันยังอยากเป็นเลย” บาเลียนาสร้างจินตนาการให้แก่ตนเองด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มเหลือประมาณ
“ดีนะว่าที่นี่ยังไม่มีใครรู้ว่าฉันไปอยู่ที่ไหน ไม่งั้นล่ะก็ฉันคงเป็นตัวประหลาดที่มีแต่คนมองแต่ไม่มีใครกล้าคุยด้วย”
“ไม่เอาแล้ว อย่าคุยเรื่องนี้ดีกว่า ว่าแต่วันนี้นอกจากจะมารายงานตัวแล้ว เธอมีโปรแกรมไปไหนต่อหรือเปล่า”
บาเลียนาเบิกตาโตเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้า ดังนั้นเธอจึงเสนอโปรแกรมพิเศษที่เตรียมไว้แล้วกับอีกสองสาวไฮคลาส และนั่นคือคำตอบสำหรับชุดที่พวกหล่อนสวมใส่นั่นเอง
ปราสาทโบราณดูเก่าแก่แต่ทว่าเต็มไปด้วยมนต์ขลังของลวดลายแห่งศิลปะในยุคประวัติศาสตร์ เภตรามองด้วยความทึ่งจัดเนื่องจากไม่เคยทราบมาก่อนว่า ห่างจากโบสถ์ที่เธออาศัยอยู่ในเยาว์วัยเพียงไม่กี่กิโลเมตรจะมีสถานที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย
“ไงล่ะ สวยใช่ไหม ใครจะเชื่อล่ะว่าออกนอกเมืองมาไม่กี่นาทีจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย” บาเลียนากระซิบกระซาบระหว่างที่เจ้าตัวกำลังขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่
ส่วนเจเจและวิคกี้ก็สำรวจกระจกภายในรถที่ตัวเองหยิบยืมมาจากชายหนุ่มที่เข้ามาติดพันคนหนึ่ง ในขณะนี้รถอีกหลายคันเริ่มทยอยเข้ามาจอดในสถานที่แห่งนี้แล้ว
“งานเลี้ยงเหรอ?” เภตรามองเข้าไปในประตูบานใหญ่ของปราสาท เสียงเพลงดังแว่วออกมาประกอบกับผู้คนที่ต่างเดินพาเหรดกันเข้าไปไม่ได้หยุด
“ไม่เชิงหรอก เป็นงานเปิดตัวของคู่รักคู่ใหม่ในวงสังคม...แหวะ” เจเจทำท่าสะอิดสะเอียนแต่ก็ไม่วายจะมองตัวเองผ่านกระจกรถที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดตรงหน้าอีกครั้ง
“ท่าทางเหมือนจะชื่นชมนะ” เภตราแสดงความคิดเห็นในขณะที่บาเลียนายิ้มกว้าง ก่อนจะคล้องแขนพาเพื่อนสนิทเดินตามอีกสองสาวเข้าไปในงาน
ภายในปราสาทช่างแตกต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง ความเก่าแก่และมีมนต์ขลังดุจปราสาทของเจ้าแห่งรัตติกาลมีอันตรธานไปจากจินตนาการโดยสิ้น เพราะภายในเรืองรองจากโคมไฟระย้าดวงใหญ่ที่ยาวลงมาจากเพดานสูงคล้ายรูปโดมใหญ่ ภาพวาดและผ้าปักกลายเป็นจิตรกรรมฝาผนังชั้นเยี่ยมที่สามารถพบได้ทุกหนทุกแห่ง โดยรวมแล้วช่างคล้ายคลึงกับสโมสรริชมอนด์เดลต่างกันตรงที่ สถานที่แห่งนี้มีความงดงามที่มีเสน่ห์ดึงดูดชวนขนลุกได้ทุกวินาที
ผู้คนภายในงานล้วนแต่เป็นบุคคลที่เภตราเคยเห็นปรากฏอยู่ในหน้านิตยสารทั้งหน้าสังคมและการเมือง จนทำให้เภตราหวนนึกถึงใครบางคนที่เธอเคยติดหนี้ชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่ง
“คุณยูริ” บาเลียนาเรียกชื่อบุคคลที่โลดแล่นอยู่ในความทรงจำของเภตราออกมา เธอจึงเริ่มต้นกวาดตามองไปทั่วบริเวณ แต่ท่ามกลางผู้คนที่ขวักไขว่เหล่านั้นกลับไม่มีผู้ชายคนนั้นปรากฎอยู่เลย
และที่สำคัญพวกเขากำลังมองไปยังจุดๆ เดียว ตรงชานบันไดกลางโถงนั่น ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนเด่นและโบกมือทักผู้ที่อยู่ในงาน เสียงฟึดฟัดแสดงความไม่พอใจดังขึ้นข้างหู เจเจนั่นเอง เธอกำลังยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มราวกับกระหายซะเหลือเกิน
เสียงหึ่งๆ ขานรับการก้าวลงมาของคนคู่นั้น ด้วยระยะที่ห่างไกลไม่อาจทำให้เห็นได้ว่าคนคู่นั้นเป็นใคร แต่ดูจากจำนวนแขกเหรื่อที่เข้ามาในงานแล้ว เภตราคิดว่าทั้งสองต้องเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศแน่ๆ
“เมื่อกี้เธอเรียกคุณยูริ...เขาอยู่ที่ไหน” เภตราถามเพื่อนสนิทที่กำลังสนใจอยู่กับเสื้อผ้าของผู้หญิงผมสีทองซึ่งยืนหันหลังให้
“ไม่เห็นเหรอ คนที่เดินลงมาจากบันได”
“ก็นี่แหละเจ้าของงาน...เชอะ” เจเจส่งการ์ดสีฟ้าใบเล็กให้เภตรา มือขาวรับมามองอย่างสนใจ ในนั้นมีข้อความระบุเรียนเชิญให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานเลี้ยงฉลองการหมั้นระหว่างคุณยูริและแอนเดรียบุตรสาวคนเดียวของรัฐมนตรีคลัง
“ถ้าลองฉันมีบิดาเป็นรัฐมนตรีดูสิ ขี้คร้านคุณยูริจะวิ่งมาเข้ามาขอฉันแต่งงาน” เจเจคว้าเครื่องดื่มจากพนักงานเสิร์ฟอีกสองแก้ว
วิคกี้ยักไหล่ให้เภตราประหนึ่งว่าให้อีกฝ่ายเคยชินกับอาการ ‘อกหัก’ ของเพื่อน แม้เธอเองจะรู้สึกผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็ทำใจได้ในที่สุด อย่างว่าแหละผู้ชายสมบูรณ์แบบที่จะกระโจนลงในโคลนตมเพื่อคัดเลือกเพชรมาประดับหัวใจคงมีแต่กษัตริย์แห่งวาดิเมียร์เท่านั้น
“ฉันว่าไม่จริงนะ ดูคู่หมั้นของเขาสิหน้าตาสวยเก๋ไม่เหมือนใครเลย นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นอกเหนือไปจากคำว่ารัฐมนตรี...ฉันว่านะ” บาเลียนาชี้ชวนให้ดูหญิงสาวผมสั้นที่มีใบหน้าละม้ายกับตุ๊กตาบาร์บี้ในเวอร์ชั่นเอเชีย
รูปร่างของหล่อนสูงเพรียวคล้ายกับนางแบบ ผมตัดสั้นตามแฟชั่น ดวงตาเรียวเฉียงเล็กน้อย จมูกเล็กได้รูปและที่โดดเด่นคือริมฝีปากอวบอิ่มที่มีลิปสติกมันวาวเคลือบจนทำให้ดูเหมือนขนมหวานยวนตาที่วางโชว์ในตู้กระจกใส
คนคู่นั้นรับการแสดงความยินดีจากผู้คนที่รายล้อมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งชายหนุ่มสะดุดตากับใครคนหนึ่งที่เก็บซ่อนอยู่ในห้วงลึกของหัวใจมานานเหลือเกิน
“ยินดีด้วยนะคะคุณยูริ” เภตราเอ่ยเมื่อสายตานั้นจับจ้องมาที่เธอ พลอยทำให้เพื่อนๆ ต้องกล่าวกับคู่หมั้นอย่างเสียไม่ได้
แอนเดรียมองหญิงสาวผิวขาวด้วยความสนใจ หากแต่สนใจยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นของเธอเอาแต่จับจ้องใบหน้างามนั้นแทบจะลืมหายใจ
“คุณยูริไม่แนะนำให้แอนเดรียรู้จักแขกของคุณหน่อยหรือคะ”
เจเจมองอกที่แนบชิดกับแขนของชายหนุ่มด้วยความขัดเคือง รู้แล้วย่ะว่าเป็นเจ้าของแต่ไม่ต้องแสดงออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้
วิคกี้ที่เหมือนกับรู้ใจเพื่อน จึงรีบเดินเข้ามาขนาบข้างด้วยกลัวว่าสิ่งที่อยู่ในมือเพื่อนจะไปปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าหรูหราของคู่หมั้นคุณยูริ
“นี่คุณเจเจ คุณวิคกี้ คุณบาเลียนา และคุณเภตรา” ชายหนุ่มสะดุดลมหายใจยามเอ่ยชื่อหญิงสาวคนสุดท้าย หัวใจของเขาเหมือนขาดเป็นห้วงๆ ยามเมื่อหญิงสาวที่เขาได้ครอบครองอยู่ในความฝัน มายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
“ฉันชื่อแอนเดรียเป็นคู่หมั้นของคุณยูริ ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณ” คู่หมั้นสาวเชิดหน้าพร้อมกับเบียดตัวเข้าหาชายหนุ่มประกาศความเป็นเจ้าของให้สาวๆ ได้รับรู้
“คุณสบายดีหรือเปล่า” ยูริเอ่ยถามหญิงสาวในฝันของเขาด้วยความประหม่า ไม่ใช่เพราะเขามีคู่หมั้นแล้ว หากแต่เธอกลายเป็นผู้หญิงต้องห้ามสำหรับผู้ชายทุกคนไปแล้วต่างหาก
“สบายดีค่ะ...ฉันคงไม่ต้องถามคุณหรอกนะคะ เพราะเท่าที่เห็นคงไม่ต้องอธิบายว่าคุณมีความสุขมากแค่ไหน” เภตราเอ่ยด้วยความจริงใจ และยิ้มให้เจ้าของงานเลี้ยงแสดงความยินดี
“เรารักกันมากค่ะ คุณยูริแทบจะรอไม่ไหวเชียวที่จะประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขารักฉันขนาดไหน อันที่จริงฉันอยากให้แต่งงานก่อนแล้วค่อยเลี้ยงฉลอง แต่คุณยูริไม่ยอม...ฉันก็เลยตามใจเขา”
เจเจกำมือแน่น ดวงตาจับจ้องอยู่กับผู้หญิงผมสั้นที่เชิดหน้าราวกับเป็นพญาหงส์ที่กำลังกระพือปีกท่ามกลางฝูงเป็ดสาว
“ความจริงก็ดีเหมือนกันที่จะทำให้เป็นทางการเสียที พวกมดน่ารำคาญจะได้เลิกยุ่งกับเราเสียที” แอนเดรียยังคงข่มขวัญบรรดาเป็ดสาวไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าเป็ดตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกเตรียมสอยหงส์ให้ร่วงจากขอนไม้แข็งแรง
แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำขึ้น แอนเดรียก็เป็นฝ่ายดึงคู่หมั้นหนุ่มให้ออกไปจากฝูงเป็ดสาวซะเอง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยืนอยู่ตรงนั้นนานๆ ความเป็นคู่หมั้นมันไม่ได้หมายความถึงการครอบครองหัวใจของชายหนุ่มได้ทั้งหมด
เธอรู้ดีว่าลึกๆ แล้วเขายังคงหวงแหนความโสด การตกลงปลงใจหมั้นคล้ายงานอดิเรกยามว่างแก้เซ็ง เมื่อใดที่ชายหนุ่มหันกลับไปสนใจกิจวัตรประจำวันต่อ ของเล่นแก้เบื่ออย่างเธอก็คงถูกทิ้งโดยไม่ใยดี แอนเดรียสังหรณ์ใจเหลือเกินว่าวันนั้นจะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ เมื่อสายตาของเขามีแต่ผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของดวงตากลมโตที่เธอนึกอิจฉาตั้งแต่แรกเห็น
“เฮ้อ คุณยูริก็ยังคงเป็นคุณยูริอยู่วันยังค่ำ ดูสิมองยัยเพชรของเราไม่วางตาเชียว แล้วยัยคุณแอนเดรียนั่นก็ท่าทางจะรู้ใจนะ รีบพาคู่หมั้นหายไปเลย”
เภตราส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของบาเลียนา แม้เธอจะรู้ดีว่าเศรษฐีหนุ่มยินดีจะมอบหัวใจให้เธอ แต่ไม่อาจตอบแทนเขาด้วยการมอบหัวใจแก่เขาได้ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเธออีกต่อไปแล้ว
“หล่อนเป็นอะไรมากหรือเปล่าเจเจ จะกลับบ้านเลยไหม” วิคกี้ที่ยังคงเกาะแขนอีกฝ่ายแน่นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าไหลผ่านลำคอของเจเจอย่างไม่รู้จักคำว่าพอ จนทำให้เพื่อนเป็นกังวล
“ท่าทางจะเป็นเอามากนะ” บาเลียนากระซิบกระซาบ
เภตราเองก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน ท่าทางของเจเจเหมือนคนกำลังบ่งหนองออกจาแผล แต่ยิ่งปักเข็มลงลึกเท่าไหร่ ความเจ็บปวดกลับทวีคูณขึ้นเท่านั้น
“เดี๋ยวฉันมาพาเจเจไปนั่งตรงโน้นก่อนนะ” วิคกี้ละสายตาจากหนุ่มผมทองที่ทอดมองมาเป็นระยะด้วยความเสียดาย
“ฉันพาไปเอง พอดีจะไปเข้าห้องน้ำด้วย มาเถอะเจเจ” เภตราเข้าไปรับช่วงพยุงเจเจจากอีกฝ่าย แล้วพาเดินออกไปห่างไกลความพลุกพล่าน ดวงตาที่ตกแต่งมาอย่างงดงามของอีกฝ่ายเริ่มมีน้ำเอ่อคลอด้วยความเสียใจที่ทั่งท้นสุดประมาณ
“รู้ว่าเจ็บแล้วยังจะมาทำไม” เภตราประคองอีกฝ่ายนั่งลงบนโซฟาระหว่างทางเดินไประเบียงที่เปิดประตูกว้างระบายอากาศ
“ฉันแค่อยากจะทำใจ คิดว่าน่าจะทำได้...แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับยิ่งแย่เข้าไปใหญ่” เจเจถอนหายใจยืดยาว
เภตราที่เฝ้ามองอาการพร่ำรำพันของเพื่อนรู้ดีว่านี่เป็นสาเหตุมาจากการขาดสติที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้แก่ตัวเองแก้วแล้วแก้วเล่า ดังนั้นเธอจึงคิดหาหนทางให้อีกฝ่ายกลับคืนสติอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันจะลองไปหากาแฟแก่มาให้ดื่ม รออยู่ตรงนี้นะ” เภตรากำชับเจเจด้วยการกอดอีกฝ่ายแน่นๆ เจเจพยักหน้าเบาๆ บนบ่าบอบบางของเพื่อน
ทุกอิริยาบถของเภตราถูกจับจ้องโดยเศรษฐีหนุ่ม ดังนั้นเมื่อหญิงสาวแยกตัวออกมาเพียงลำพัง เขาก็ได้โอกาสที่จะทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง
“คุณเพชร”
เภตราหันไปตามเสียงเรียก
“คุณยูริ...ฉันต้องขอแสดงความยินดีกับคุณอีกครั้งนะคะ คู่หมั้นของคุณสวยมาก ดูเธอน่ารัก ฉันว่าคุณต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน ความคิดที่จะเป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้ยังแปรเปลี่ยน หนำซ้ำกลับโหยหายามเมื่อห่างไกล
“ผมคิดถึงคุณ” เขาดึงมือหญิงสาวมากอบกุมไว้
เภตราแสดงความตกใจแต่ไม่ชักมือกลับ อย่างน้อยเขาก็ได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่ามีความปรารถนาดีต่อเธอเพียงใด
“คุณยูริคะ”
“คุณจำไม่ได้เหรอว่าผมเคยบอกว่ารักคุณ...จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวพยายามชักมือกลับ แต่มันไม่เป็นผล มีคนเคยบอกว่าถ้าวิ่งหนีจะยิ่งถูกไล่ตาม และนี่ก็ใช้ได้ผลกับกรณีของยูริ เขากำลังไล่ตามเธอ...ไล่ตามเพื่อทวงคืนหัวใจของตัวเอง
เภตราอุทานเบาๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายรั้งตัวเข้ามากอด ไออุ่นที่ได้จากผู้ชายที่บอกว่ารักเธอนั้นช่างรุ่มร้อนจนเธอไม่อาจยืนนิ่งเฉยได้ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะผลักร่างแข็งแรงออกไปได้
“คุณยูริปล่อยฉันเถอะค่ะ...คุณหมั้นแล้วนะคะ”
“ผมไม่สนใจ! ผมจะถอนหมั้นเดี๋ยวนี้เลย ได้โปรดเถอะคุณเพชร หากคุณรับรักผม...ผมจะยอมตายตรงหน้าคุณก็ได้” น้ำเสียงที่ดังขึ้นข้างหูนั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
“แต่คุณต้องสนใจนะคะ ถ้าคุณเห็นแก่ใครก็ควรนึกถึงจิตใจของคุณแอนเดรียบ้าง เธอจะเสียใจแค่ไหนถ้าคุณทำแบบนั้น...อีกอย่างนะคะ หากคุณยังไม่เคยได้ยิน...ฉันมีคนรักแล้ว”
ได้ผล คำพูดของเธอทำให้วงแขนแข็งแรงที่รัดแน่นคลายออก ร่างสูงใหญ่ถอยห่างอย่างอ่อนแรง
“ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ผมอยู่ในโลกแห่งความฝัน คุณตอกย้ำความจริงที่แสนโหดร้ายกับผมทำไม...ทั้งๆ ที่ผมรักคุณหมดใจ...” น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่ผ่านความชอกช้ำมานับครั้งไม่ถ้วน ยากเหลือเกินที่จะฝ่าฟันขวากหนามที่เรียกว่าความเจ็บปวดนี้ไปได้
“ทุกอย่างย่อมมีทางเดินของมันเองค่ะ ก็เหมือนกับฉันที่ผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทางแยกที่ต้องเลือกสำหรับการงานหรือการดำเนินชีวิตต่างๆ และในที่สุดฉันก็ค้นพบเส้นทางสำหรับหัวใจค่ะ”
“เพราะเป็นเขาใช่ไหม ผมสู้เขาไม่ได้แค่ยศศักดิ์เท่านั้น!” เขาเอ่ยออกมาอย่างสุดกลั้น
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงหรอกค่ะ ลองพวกเธอรักแล้ว ต่อให้เขาเหลือแต่เสื้อผ้าเพียงชุดเดียว ฉันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนเส้นทางแน่นอนค่ะ”
“คุณโกหก ถ้าผมไม่มีเงิน ผู้หญิงที่จะมายืนเคียงข้างผมในวันนี้อาจเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง...ไม่ใช่ลูกสาวรัฐมนตรีคลังแบบนี้หรอก”
เภตราถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า วันนี้คงไม่เหมาะที่จะอธิบายหรือพูดคุยให้เขาเข้าใจอะไรได้มากนัก เท่าที่เธอทำได้ก็คือปลอบใจและจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมี ‘สิ่งใด’ มาสร้างรอยด่างให้แก่ความรักของเธออีก
“ฉันเป็นเพื่อนที่ดีให้แก่คุณได้นะคะ...ยินดีด้วยสำหรับความสุขของคุณในวันนี้”
ยูริปล่อยหญิงสาวให้เดินจากไป เขากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะทำตามที่หัวใจปรารถนาหรือว่าปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นผู้กำหนดเอง
เบื้องหลังแห่งความผิดหวังของชายหนุ่ม ภายนอกระเบียงยังมีสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่ทุกความเคลื่อนไหวของเขาโดยไม่อาจคาดเดาจุดประสงค์ได้!
ความคิดเห็น