คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
“กรี๊ด!!”
เสียงหวีดร้องกลางดึกทำให้หลายคนตื่นจากการหลับใหลรวมทั้งผู้ที่อยู่บนเตียงไม้กว้างสลักด้วยลวดลายงดงามจับตา นัยน์ตากวางเบิกโตด้วยความตกใจ หากในวินาทีต่อมาทุกอย่างกลับเงียบสงัด หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เพ่งไปยังประตูด้วยความคลางแคลงใจ...
เสียงใคร?
การขยับตัวของผู้ที่นอนอยู่ข้างๆ ทำให้เธอหยุดความคิดที่จะลุกออกจากเตียง ก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอหมดความสนใจกับเสียงหวีดร้องน่าเวทนาเมื่อครู่
แปลกจริง ในพระราชวังที่เปี่ยมไปด้วยความรักของผู้ครอบครอง ยังมีสิ่งใดให้น่าหวาดกลัวอีกหรือ?
เด็กหญิงผมสีน้ำตาลยาวประบ่า ดวงตากลมโตร่าเริงวิ่งรี่เข้ามาในห้องหลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จในตอนเช้าของวันที่อากาศสดใส
“เรเชลจะไปโรงเรียนแล้ว” เด็กหญิงหัวเราะคิกคักหลังจากที่เมื่อคืนได้นอนกับหญิงสาวสมความปรารถนา
“ค่ะ” เภตราอ้าแขนรับร่างเล็กที่โถมเข้าหา พร้อมกับจูบเบาๆ ที่เรือนผมสีน้ำตาล
“แล้ววันนี้คุณเพชรจะไปไหนคะ?” เด็กหญิงผละจากอ้อมกอด แล้วมองชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่
“ว่าจะไปทำงานค่ะ”
“ว้า! แล้วเย็นนี้เรเชลจะได้ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมกันหรือเปล่า”
เภตรายิ้มกว้างให้เด็กหญิง ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตมีแววตัดพ้อ ใบหน้าเล็กๆ หม่นหมองลงไปถนัด จะว่าไปแล้วตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เธอได้มาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ เหมือนได้กลับมาสู่ความสุขในเยาว์วัย
ผู้ร่วมโต๊ะพร้อมหน้าประหนึ่งครอบครัวที่อบอุ่นในความทรงจำของเธอ ต่างกันตรงที่เธอได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้ได้รับความรัก มาเป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน ในตอนเช้าผู้ร่วมโต๊ะอาหารจะมีเพียงสองคนคือเธอและเด็กหญิง ในขณะที่ตอนกลางวันจะมีเพียงเธอ สำหรับตอนเย็นที่เด็กหญิงเรียกว่า ‘พร้อมหน้า’ นั้น มีเจ้าของพระราชวังแห่งนี้ร่วมโต๊ะด้วยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
พระเจ้าเชสท์ อาดีน หรืออาดีนของหญิงสาวนั้น พยายามอย่างยิ่งที่จะมาให้ทันอาหารเย็น ซึ่งเภตราก็เคยแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะสร้างความวุ่นวายให้แก่เขา ในขณะที่เด็กหญิงกลับสนับสนุนให้ท่านลุงของเธอ ‘โดดงาน’ โดยให้เหตุผลว่า
‘ตอนเย็นท่านลุงดื่มแต่กาแฟ...อาหารเย็นไม่ตกถึงท้อง...หากได้กินทุกวันแบบนี้ท่านลุงจะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะไงคะ’
ช่างเป็นเหตุผลแทงใจเหลือเกิน เภตราได้แต่ภาวนาไม่อยากให้อาดีนของเธอต้องผจญกับโรคที่ไม่น่าพิสมัยเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นในท้ายที่สุดก็ต้องจำยอมให้เด็กหญิงเป็นผู้คุ้มกฎของมื้อเย็น
“ฉันจะกลับมาให้ทันค่ะ”
“สัญญานะคะ...แล้วเรเชลจะคอยดูว่าใครมาจะถึงก่อนกัน” เด็กหญิงหน้าชื่นขึ้น
“ต้องเป็นฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ” เภตราสวมกอดเด็กหญิงอีกครั้ง ก่อนที่ร่างเล็กจะออกไปจากห้อง
นางข้าหลวงเจนช่วยขยับเสื้อของเภตราให้เรียบร้อย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะตอนแรกฉันยังคิดว่าองค์หญิงต่างหากที่ไม่ปกติ”
“นั่นน่ะสิ...หลงคิดว่าคนดีเป็นคนบ้า...ส่วนคนบ้าก็กลายเป็นคนดี สะใจคุณข้าหลวงล่ะ”นางข้าหลวงฟาน่าเพิ่งเดินเข้ามาในห้อง หลังจากหยุดทำความเคารพองค์หญิงน้อยที่หน้าประตูเอ่ย
เภตราถอนหายใจยาวๆ ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ความรักสามารถเป็นยารักษาโรคและเป็นยาพิษได้ในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนที่ดื่มเข้าไปมีจุดประสงค์สร้างสรรค์หรือทำลาย
“ว่าแต่ฉันยังไม่เห็นคุณมาร์ทาเลยนะคะ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่”
นางข้าหลวงทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะหัวเราะออกมา จนคนถามอดที่จะสงสัยต่อไม่ได้
“ทำไมเหรอคะ...อย่าบอกนะว่าคุณข้าหลวงใหญ่ลาออกไปแล้ว”
“โถ...อย่างคุณมาร์ทาน่ะหรือจะลาออก ไม่มีทางหรอกค่ะกว่าจะมายืนอยู่จุดนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายสิบปี...นี่เป็นความฝันของนางข้าหลวงทุกคนเชียวนะคะ” นางข้าหลวงเจนพูดขณะที่ใบหน้ายินดีราวกับเพิ่งได้รับข่าวแสนวิเศษจากแดนไกล
“ตอนนี้คุณข้าหลวงใหญ่พยายามหลบหน้าหลบตา จะแสดงตนออกมาเฉพาะในยามวิกาลที่ผู้คนหลับใหลกันหมดแล้วเท่านั้น” ฟาน่ายิ้มกว้างพลางพยักพเยิดกับเพื่อนที่ยืนมองผลงานตัวเองด้วยความพอใจ
แต่ ‘ผลงาน’ กลับไม่ชอบใจนัก นี่แสดงว่าการหลบซ่อนของคุณข้าหลวงใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับเธอไม่มากก็น้อย
“อย่าบอกนะว่าคุณมาร์ทาหลบฉัน”
“จะอะไรอีกล่ะคะ...ก็แสดงออกว่าไม่ชอบคุณซะขนาดนั้น พอคุณมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงอะไร คนฉลาดๆ อย่างคุณมาร์ทาก็ต้องรีบกักบริเวณตัวเองเป็นการลงโทษก่อนน่ะสิคะ”
นางข้าหลวงฟาน่าพยายามกลั้นหัวเราะไว้ในลำคอให้ถึงที่สุด ความเย่อหยิ่งระเบียบจัด และเข้มงวดเริ่มเบาบางลง เมื่อรู้ว่าผู้ที่ตนเองสนับสนุนนั้นกลายเป็นบุคคลอันตราย ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ตนขัดขวางนั้นกลายเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับเป็นเพชรประดับยอดมงกุฎ
“หายซ่าไปเยอะเลยล่ะค่ะ ไม่เข้มงวดกับเราเหมือนเมื่อก่อน จะว่าไปแล้วเราแทบจะไม่เคยเห็นคุณข้าหลวงใหญ่มาคอยสั่งการในตอนกลางวันเหมือนเคย แม้แต่ห้องบรรทมยังมอบหมายให้คนอื่นไปทำแทนเลยค่ะ”
เภตราส่ายหน้า ทำให้การหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจของนางข้าหลวงทั้งสองต้องหยุดลง แม้ในทางทางปฏิบัติเภตราจะเห็นพวกเธอเป็นเพื่อน แต่ในความเป็นจริงหญิงสาวผู้นี้คือว่าที่ราชินีแห่งวาดิเมียร์ อีกไม่นานการก้าวขึ้นในตำแหน่งของเภตราจะสร้างช่องว่างระหว่างฐานะมากขึ้น ดังนั้นพวกเธอจึงตระหนักอยู่เสมอในการวางตัวต่อเพื่อนคนนี้
“ขอโทษค่ะ” นางข้าหลวงทั้งสองก้มหน้าแสดงความสำนึก
เภตราถอนหายใจอีกครั้ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดหวังที่จะได้รับจากเพื่อนทั้งสอง ฐานันดรที่ไม่อยากได้จะกลายเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ของเพื่อน
“พวกคุณอย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยค่ะ ทำแบบนี้เท่ากับสร้างเงื่อนไขให้ฉันอยู่ที่นี่ลำบากขึ้น”
นางข้าหลวงทั้งสองเบิกตาโตด้วยความตกใจ เจนถึงกับหน้าซีดพร้อมกับเอ่ยอย่างร้อนรนว่า
“คุณเพชร...พวกเราขอโทษจริงๆ นะคะ...ได้โปรดอย่าได้พูดอย่างนั้นอีกเลย”
นางข้าหลวงฟาน่าพยักหน้าเร็วๆ มือทั้งสองประสานกันแน่นและกดอยู่ที่ท้อง
“เอาเถอะค่ะ...แต่ฉันขอร้อง...อย่าทำเหมือนฉันเป็นเพชฌฆาตกลางลานประหารแบบนี้อีก...ฉันไม่ต้องการท่าทีนอบน้อมหรือคำพูดเกรงใจจนเกรงกลัวกันแบบนี้...จำไม่ได้หรือคะว่าเราเป็นเพื่อนกัน...เพื่อน”
เภตราย้ำคำ ใบหน้าสวยเคร่งเครียดและจริงจังราวกับต้องการให้คนฟังได้ยินเสียงจากในหัวใจของเธอ
นางข้าหลวงทั้งสองมองหน้ากัน อย่างกระจ่างชัดในความรู้สึก จะมีทางออกไหนดีสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอ
“ถ้าคุณเพชรต้องการ...” นางข้าหลวงฟาน่าเปรย
“ค่ะ ฉันต้องการเพื่อน ไม่ใช่ผู้ติดตามหรือนางสนองโอษฐ์”
นางข้าหลวงพยักหน้าด้วยความลำบากใจ นางข้าหลวงเจนมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนฝาผนัง ก่อนจะเอ่ยอย่างเร่งรีบ
“คุณเพชรค่ะได้เวลาอาหารเช้าแล้วล่ะค่ะ”
“พวกคุณไปก่อนเถอะ ฉันขอเวลาห้านาทีแล้วจะตามไป” เภตรายิ้มให้เพื่อนทั้งสอง ก่อนจะหันไปมองกระจกบานยาวที่ล้อมกรอบด้วยไม้ฉลุลวดลายสวยงาม เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นสาวสวยอยู่ในห้องหรูหราตามลำพัง
นี่ก็เหมือนกัน ทุกอย่างล้วนแต่ได้รับการคัดสรรมาอย่างงดงามที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน ของประดับตกแต่ง หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อย เช่นกลอนหน้าต่าง ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่สามารถหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หญิงสาวจึงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จนบางครั้งเหมือนกับว่าในห้องมีกล้องวงจรปิด ไม่ว่าเธอจะขยับตัวไปไหน ต้องมีคนคอยติดตามทุกฝีก้าว เพียงแค่เธอหันหรือหยุดจ้องมองสิ่งใดก็จะมีนางข้าหลวงคอยเข้ามายืนใกล้ๆ ตลอดเวลา
แม้แต่เวลานอนเธอยังรู้สึกเหมือนว่ามีเงาบางอย่างคอยจับจ้องและตามมาหลอกหลอนถึงในความฝัน ความรู้สึกเหล่านี้เกาะกุมจิตใจของเธอตลอดหนึ่งอาทิตย์ ถึงตอนนี้เธอได้แต่คิดว่า คุ้มแล้วหรือกับการมาอยู่ที่นี่...เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับคนที่เธอรัก
ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากได้รูป มีแต่เพียงเงาในกระจกสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาว...ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน...หรือเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่...มันก็ไม่สำคัญ
เธอรู้แต่เพียงว่า...ทุกที่และทุกวินาที หัวใจของเธอจะมีเขาอยู่เพียงคนเดียวชั่วกาลนาน
ความคิดเห็น