คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : SF : EXO HUNHAN 100%
เป็นเพราะความฝันบ้านั่นแท้ๆที่ทำให้ตอนนี้ลู่หานเอาแต่หลบหน้าคนพี่บวกกับความผิดสะสมที่ใช้หน้าที่ในทางที่ผิดแกล้งระหว่างที่ประชุมเชียร์ ด่าว่าไม่ตั้งใจบ้างล่ะ เรียกให้ออกไปทำโทษด้านหน้าให้เพื่อนๆดูบ้างล่ะ และยังมีอีกหลายอย่างที่ไอ้รุ่นพี่บ้านั่นทำ กว่าจะผ่านแต่ละอย่างทั้งการเรียนและการประชุมเชียร์ เรียกได้ว่าแทบจะลากเลือด ตอนนี้เลยไม่อยากจะเห็นหน้าไม่อยากจะพูดคุยด้วยสักเท่าไหร่จึงเลือกที่จะหลบหน้าพี่มันซะเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งหลบหน้ามากเท่าไร มันก็ยิ่งมีเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้เราสองคนต้องมาเจอกันอย่างเช่น เหตุการณ์ที่เพื่อนรักจอมซุ่มซ่ามอย่างอี้ชิงสะดุดล้มต่อหน้ารุ่นพี่ที่แอบชอบ จนเลือดกำเดาไหล เดือดร้อนไปถึงรุ่นพี่ว๊ากต้องเข้ามาช่วยกันห้ามเลือดไม่ให้มันไหลออกมามากกว่าที่ควร ทำไมการใช้ชีวิตของเสี่ยว ลู่หานที่ต่างแดนมันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้ ไอ้โชคชะตานรกทำไมถึงทำแบบนี้กับเราได้ลงคอ
เรียนก็เหนื่อยอาจารย์ก็สั่งงานประหนึ่งว่าลูกศิษย์แต่ละคนเรียนแค่วิชาของแก คือไม่คิดเผื่อให้อาจารย์ท่านอื่นสั่งงานบ้างเลยเหรอครับ เหมือนเช่นวันนี้หลังจากเรียนเสร็จเราทั้งหกคนได้มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของซูโฮ เพื่อทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลี
ห้องเรียนนักศึกษาแพทย์
โอเซฮุนที่กำลังนั่งเรียนอย่างเช่นปกติทุกวันแต่วันนี้มันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะว่าใครบางคนที่เขาเองก็เพิ่งจะรู้จัก แต่ความแสบซนนั่น อย่าได้บอกใครเลยเซียว เพราะอยู่ๆไอ้เด็กแสบนั่นก็มีทีท่าว่าเหมือนกำลังพยายามที่จะหลบหน้าเขา จนตัวเขาเองก็ยังงงอยู่ว่าเป็นอะไรไป หรือจะโกรธเขาช่วงรับน้องงั้นหรอ บ้าน่าถ้าเป็นเรื่องนั้นจริงเหตุผลเด็กน้อยสิ้นดี แต่จะว่าไปคิดถึงวันรับน้องแล้วผมก็ขำหน้าเด็กนั่นไม่หายเลย
การประชุมเชียร์ของมหาลัย EXO UNIVERSITYได้ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเหมือนอย่างเช่นปีนี้ รุ่นน้องทุกคนรวมไปถึงเด็กคนนั้นด้วยทุกคนดูสนุกกับกิจกรรมต่างๆ แต่พอเจอหน้าเขาเท่านั้นแหละ เดินหนีแทบไม่ทัน จนมีอยู่วันหนึ่งผมมาดักรอเด็กนั่นที่ทางเข้าหอนักศึกษาต่างชาติ พอเห็นว่าอีกคนกำลังเดินเข้ามาก็ถือโอกาสคว้ามือเรียวนั้นไว้ แล้วพยายามดึงให้มาขึ้นรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลและจัดการล็อกเสร็จสับทันที
ผมไม่ปล่อยให้เสียเวลาเริ่มเปิดบทสนทนาที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างตนนั้นเป็นอะไรไป
“เธอหลบหน้าฉันทำไม” ร่างสูงเริ่มเปิดประเด็น
“เปล่า เสี่ยวลู่ไปทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไร”
“ฉันว่าเธอก็รู้อยู่แก่ใจ บอกมาอย่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
“มันเป็นเรื่องของเสี่ยวลู่ ไม่เกี่ยวกับรุ่นพี่สักหน่อยไอ้คนบ้า” เด็กนั่นว่าพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทางทันที
“หรือโกรธที่ฉันแกล้งเธอ”
“เสียวลู่ไม่ใช่เด็กนะ ไม่เก็บเรื่องแค่นี้มาโกรธหรอก”
“ไม่โกรธแล้วหันหน้าหนีทำไม”
“แล้วรุ่นพี่จะยุ่งอะไรด้วย”
“……………………” นั่นสิผมจะอยากยุ่งเรื่องของเด็กนี่ไปทำไม เพราะเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เลือกเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกที
“อ่ะ!ให้…….” ยื่นบางอย่างมาให้กับคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง แต่เด็กนั่นก็ทำเพียงแค่มองของที่อยู่ในมือผมเท่านั้น เพื่อไม่ให้สถานการณ์น่าอึดอัดไปมากกว่านี้ผมเลยเลือกที่จะทำลายความเงียบด้วยการพูดอะไรสักอย่างออกไป อะไรสักอย่างที่โคตรจะไม่เข้ากับผมเลย
“ฉันไม่อยากเป็นฆาตกรแย้งขนมเด็กหรอกนะ แล้วก็จำไว้ด้วยว่าต่อไปฉันต้องเป็นผู้ที่รักษาไม่ใช่ฆาตกร” ยื่นชานมไข่มุกไปไปตรงหน้าเด็กนั่นมองอยู่สักพักก่อนจะยื่นมือเรียวออกมารับจากมือผม
“ไม่ได้เห็นแก่ของกินหรอกนะ แต่จะขอบคุณแล้วกันนะครับ” สมกับเป็นเด็กนั่นจริงๆเมื่อขอบคุณผมเสร็จดวงตากวางสุกใส่นั่นก็เฉไฉไปมองทางอื่น ทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไร
คิดถึงหน้าเด็กนั่นตอนโกรธทีไร มันทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งเลย ว่าแล้วคงต้องหาเวลาไปแกล้งเด็กนั่นสักหน่อยคงดี
“เอาล่ะนักศึกษาทุกท่าน สำหรับวันนี้อาจารย์ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ สัปดาห์หน้าเรามีสอบย่อย อย่าลืมอ่านทบทวนที่เรียนไปวันนี้ด้วยล่ะ” อาจารย์ที่กำลังเตือนนักศึกษาเกี่ยวกับการสอบย่อยในครั้งต่อไปก่อนที่จะเดินออกไป
หญังอาจารย์เดินออกจากหน้องไปนักศึกษาแพทย์ทุกคนต่างก็เก็บอุปกรณ์ต่างๆบ้างก็นัดกันติวสำหรับสอบย่อยในสัปดาห์ถัดไป บ้างก็นัดกันไปหาอะไรกิน บางคนก็นัดเพื่อนต่างคณะอย่างโอเซฮุนเองก็เช่นกันที่วันนี้มีนัดกับไอ้พวกวิศวะ หลังยัดทุกอย่างลงกระเป๋าเรียบร้อย และกำลังจะเดินออกจากห้องสายตาคมมองเห็นใครบางคนที่ไม่น่าจะอยู่ที่นี้ แต่จะเป็นไปได้ยังไงกันนะ คนคนนั้นกลับมาอย่างนั้นเหรอ
แต่ช่างเถอะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ หรือจะเรียกให้ถูกเลยก็คือมันไม่ใช่เรื่องของเขา เขาไม่มีสิทธิตัดสินใจแทนใครให้ทำอะไรอยู่แล้ว ก่อนที่จะเดินออกไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองใต้ตึกคณะแพทย์ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีแค่ไอ้ชานยอลกับไอ้เทาที่มาถึงก่อนใครเพราะพวกเราเรียนคณะเดียวกันเพียงแต่คนละสาขาก็เท่านั้นนับรวมไอ้จงแดด้วยก็เป็นสี่คน นั่งรอไอ้พวกที่เหลือได้ไม่นานพวกมันก็มาสมทบเป็นอันครบองค์ประกอบแก๊งส์
“ว่าไงครับพวกมึง กว่าจะมาได้” ชานยอล ที่เอ่ยทักเป็นคนแรก
“ไอ้จงแดล่ะ” ถามหาเพื่อนอีกคนที่วันนี้ยังไม่ได้เจอกันเลย
“เดี๋ยวมันคงมามั้ง” เทา
“มึงมาก็ดีแล้วคริส เมื่อกี้กูเจอยัยนั่นด้วยไหนมึงบอกอยู่เมกาไม่ใช่เหรอ” ผมเริ่มเปิดประเด็นเรื่องที่ตัวเองสงสัยกับไอ้คริสทันที
“ใคร”
“กูรู้ว่ามึงรู้”
“อื้ม”
“พวกมึงคุยอะไรกันวะ พูดกันคนละคำสองคำแต่เสือกเข้าใจกันอีก” ชานยอลที่ฟังบทสนทนาระหว่างเพื่อนสองคนเอ่ยถาม
“เปล่า”
พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่องเพื่อนอีกคนก็เดินมาสมทบด้วยท่าทางที่เงียบขรึมเป็นปกติของมัน คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้จงแด
“มาช้านะมึง” เป็นชานยอลเหมือนเคยที่เอ่ยทักขึ้นก่อนใครเเพื่อน
“โทษที พอดีอาจารย์เลทนิดหนน่อย”
“เอาล่ะไหนๆก็มากันครบทุกคนแล้วจะไปเลยไหม” ปาร์ค ชานยอล
“…………………………….” ทุกคนเงียบ โดยมีเพียงแค่ปาร์ค ชานยอลคนเดียวเท่านั้นที่กำลังพูด
“พวกมึงแม่งไม่ตอบกูอีกและเอาเป็นว่าไปเจอกันที่ผับพี่กูแล้วกัน ” และเพื่อนหูกางก็เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆคนอื่น
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มตอนนี้บวกกับนักท่องราตรีที่ตอนนี้เริ่มทยอยกันมาที่ผับเพราะเป็นสถานที่ที่โด่งดังเอามากๆ ตอนนี้กลุ่มผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะ VIP ชั้นสองของผับจะเหลือก็แต่ไอ้คริสที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่หัวมาเลย แต่ไม่นานเกินรอไอ้คริสก็เดินเข้ามานั่งด้านข้างของไอ้ชานยอลที่ว่างอยู่
“ไอ้คุณชาย มาๆๆนั่งนี้” ชานยอลขยับที่ให้เพื่อนอีกคนที่เดินเข้ามา
“ดื่มอะไรครับ” เทาที่รับหน้าที่เป็นบารเทนเดอร์จำเป็นเอ่ยถาม
“อะไรก็เอามาเถอะ” ผมที่ทำได้แค่สังเกตว่าวันนี้ไอ้คริสมันดูคิดมากเกี่ยวยัยนั้นก็เท่านั้น
“วันนี้ไอ้คริสแม่งมาแปลก” เทาที่เห็นเพื่อนดูแปลกไปหนิดหน่อย เพราะปกติแม่งจะปฏิเสธ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรกลุ้มใจจริงๆมันแม่งก็จะไม่ดื่ม
“เป็นไรป่าวว่ะมึง” ผมที่ทนเห็นเพื่อนทำหน้าอมทุกข์เอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“เปล่า” ไอ้คริสปฏิเสธพร้อมกับยกมือรับเอาเครื่องดื่มจากไอ้เทาที่ยื่นมาให้พอดี
“พวกกูเพื่อนมึง..ไม่สบายใจก็ปรึกษา ไม่ใช่เก็บเงียบ” จงแดที่นานๆทีจะมีบทสนทนาขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าหน้าตาของเพื่อนดูกลุ้มใจเอามากๆ
“ขอบใจ” และมันก็เป็นอีกครั้งที่ไอ้คริสยกเครื่องดื่มสีอำพันธ์นั้นกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด ก่อนที่จะส่งแก้วคือให้ไอ้เทาเหมือนเดิม
“เอามาอีก” คริส
“ค่อยๆดื่มดิมึง เดี๋ยวก็เมา” เทา
“กูอยากเมา” คริส
อีกด้าน
ที่กลุ่มเพื่อนร่างเล็กที่ตอนนี้อยู่ที่บ้านของซูโฮซึ่งกำลังทำรายงานกันอยู่ อย่างเคร่งเครียดไม่ต่างกัน เพราะเหลืออีกนิดเดี๋ยวก็จะเสร็จอยู่แล้ว
“นี้ๆพวกเรา” ซูโฮที่เห็นเพื่อนช่วยกันทำงานเพื่อให้เสร็จเร็วๆ เพราะจะได้รีบไปพักผ่อนกันเนื่องจากสภาพของแต่ละคนตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นซอมบี้กันอยูแล้ว
“อื้มว่าไงเหรอ” คยองซู
“ถ้าทำงานเนี่ยเสร็จเราไปเที่ยวกันป่ะ” ซูโฮเริ่มเปิดประเด็นทันที
“เที่ยวเหรอ แต่นี้ดึกมากแล้วนะ มันมีที่ให้เที่ยวด้วยเหรอ ” อี้ชิงที่สงสัยว่าดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดนี้สถานที่ท่องเที่ยวหรือแม้แต่ร้านอาหารห่าเหวอะไรที่ไหนมันจะเปิด ไม่หลับไม่นอนกันบ้างหรือยังไง
“นั้นสิ” ลู่หานเองก็ร่วมวงสนทนาด้วยเหมือนกัน
“มีสิ ”
“แล้วจะไปเที่ยวไหนเหรอ” มินซอก
“ผับ”
“ห่ะ” เพื่อนอีกห้าคนอุทานออกมาพร้อมกัน เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าเพื่อนตัวขาวอย่างซูโฮอยากจะไปเที่ยวผับ
“จะดีเหรอชิงไม่เคยไปผับมาก่อนเลยนะ” อี้ชิงที่ดูเหมือนจะกังวนกับเรื่องนี้อยู่มากๆ
“เราก็เหมือนกัน ว่าแต่ซูโฮเคยไปเหรอ” แบคฮยอนถามบ้าง
“เปล่าหรอก”
“อ้าว เราก็นึกว่าเคยไป” คยองซู
“แล้วจะไปกันยังไง แล้วในกลุ่มเรามีใครเคยไปบ้างหรือเปล่าอายุเท่าเราเข้าได้ด้วยเหรอ” ลู่หานถามพร้อมกับมองกลุ่มเพื่อนตัวเองก็เห็นว่าทุกคนยังคงช่วยกันทำงานอย่างตั้งใจอยู่
“ไม่อ่ะ” และเพื่อนๆก็ตอบออกมาเป็นเสียงเดียวเลยว่าไม่เคยไปมาก่อน
“แต่ไม่ต้องห่วงเลยนะ เรามีแผนสำรอง แต่ก่อนที่จะฟังแผน เราต้องช่วยกันทำงานนี้ให้เสร็จก่อน” เพียงเท่านั้น ก็เร่งรีบช่วยกันทำงานโดยทันทีจากตอนแรกที่เป็นซอมบี้ตอนนี้อัพเกรด next level มาเป็นซอมบี้ที่มีความกระตือรือร้น เพราะอยากจะไปเที่ยวกันเต็มแก่แล้ว
เวลามาผ่าไม่นาน งานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยโดยสมบูรณ์แบบ ก่อนที่แก้งส์เพื่อนรักทั้งหกคนจะ เข้ามาประชุมแผนเรื่องการไปเที่ยวในครั้งนี้
“เรามีตัวช่วย แต่เรื่องนี้ต้องขอร้องให้ชิงเป็นคนจัดการ” ซูโฮรีบเอ่ยถึงวัตถุประสงค์ทันที
“อ้าว ทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ” อี้ชิงตอบออกไปด้วยสีหน้างุนงง และผมเองก็งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นอี้ชิง
“อ้าวชิงนี้ช่างไม่รู้อ่ะไรบ้างเลย”
“รู้อะไรเหรอ” อี้ชิงยังคงถามด้วยความสงสัย และผมเองก็ทำได้แค่ฟังบทสนทนาเงียบๆเท่านั้น
“อ่ะนี้ จำได้ไหมว่าใคร” ยื่นโทรศัพท์ส่งให้เพื่อนดูภาพใครบางคนที่อยู่ในนั้น
“พี่เฮ็นรี่”
“อืม”
“แล้วยังไงเหรอ” ยังคงไม่เข้าใจ
“โอ๊ยชิง ฟังนะข้อแรกคือบ้านพี่เค้าทำธุรกิจผับบาร์โอเค้ แล้วข้อที่สองคือพี่เฮ็นรี่เนี้ยแอบชอบชิงอยู่ และนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นชิงไง”
“ก็เลยจะให้เราจะข้อนี้ไปต่อรองให้พี่เขาพาไปเที่ยวว่างั้น” อี้ชิง
“ถูกต้องสุดๆเลยเพื่อน” ซูโฮ
ผมและเพื่อนคนอื่นที่ฟังอยู่ก็พยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจ ก่อนที่ทุกสายตามจะมองไปที่อี้ชิง เพราะเป็นเพียงความหวังที่เหลืออยู่ของเพื่อนๆทุกคน
“โอเค ชิงลองดูก็ได้”
“นี่เลยเพื่อน” ซูโฮยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เพื่อนพร้อมกับโทรออกให้แล้วเสร็จสัพ แลพนั่งลุ้นมองหน้าเพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบ
“สวัสดีครับน้องซูโฮ”
“ครับ นี่ชิงเองนะครับพี่เฮ็นรี่”
“น้องชิงเหรอ สวัสดีครับ ว่าแต่น้องชิงโทรมาหาพี่มีอะไรเหรอ หรือว่า…..” อี้ชิงยกโทรศัพท์ออกจากหูก่อนที่จะมองตาเพื่อนแต่ละคนที่กำลังลุ้นอยู่
“เอ่อ คือว่าพอดีชิงได้ยินซูโฮพูดให้ฟังว่าบ้านพี่เปิดผับเหรอครับ”
“น้องชิงอยากมาเหรอครับได้เลย พี่ยินดีต้อนรับครับ เแต่ช่วงนี้ร้านปิดปรับปรุงนี่สิ แย่จัง”
“อ้าว เหรอครับ งั้นไม่เป็น……………”
“เดี๋ยวก่อนครับน้องชิง” ปลายสายรีบเอ่ยรั้งไว้ทันที
“ครับ”
“ถ้าน้องชิงอยากไป พี่อาสาพาไปก็ได้นะครับ เป็นผับของคนที่พี่รู้จัก”
“เหรอครับ เอ่อ สักครู่นะครับ” เพื่อนรักเอาโทรศัพท์ออกจากหูอีกครั้ง ก่อนที่จะหันมาปรึกษากับพวกกับผมว่าจะเอาไงต่อ
“ผับพี่เค้าปิดปรับปรุง แต่พี่เขาอาสาพาไปอ่ะ เราจะเอาไงเหรอ”
“ตกลงไปเลยชิง” ดูเหมือนว่าเพื่อนตัวขาวคนนี้อยากจะไปมากซะเหลือเกิน ดูมีพิรุธแปลกๆ
“เอ่อ พี่เฮ็นรี่ครับ”
“ครับผม”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป ชิงต้องขอรบกวนรุ่นพี่ด้วยนะครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่รับรับนะครับ ว่าแต่น้องชิงอยู่ที่ไหนครับตอนนี้”
“บ้านของซูโฮครับ”
“โอเค แล้วเจอกันครับ” อี้ชิงยื่นโทรศัพท์คืนให้เพื่อน ผมและเพื่อนคนอื่นก็มองหน้าอี้ชิงตาไม่กระพริบด้วยความตื่นเต้นว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอย่างไร และคำตอบนั้นก็เป็นไปตามที่หวังซะด้วยแฮะ
“เยี่ยมไปเลยชิงงั้นแปบนะ ส่งที่อยู่ให้พี่เค้าก่อน ” เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทั้งหกคนก็จัดการมาแต่เติมใบหน้าให้ดูดีให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
รอเพียงไม่นาน รถคันหรูของรุ่นพี่ก็มาถึง ก่อนที่กลุ่มเพื่อนจะเดินเข้าไปในรถ โดยมีอี้ชิงที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ เพียงไม่นานก็มาถึงสถานที่ทันที ด้วยความหรูหราของผับแห่งนี้ ทำให้คนที่ไม่เคยมาเที่ยวสถานที่แบบนี้เลยอย่างหนุ่มน้อยทั้งหกคนดูตื่นตาตื่นใจกันมากๆ ก่อนที่จะเดินเข้ามาด้านใน และพบว่าคนที่ชอบมาเที่ยวอะไรแบบนี้มันมีเยอะมากๆ แทบจะไม่มีที่นั่งกันเลยที่เดียวแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่พอมีโต๊ะว่างสำหรับทุกคน
“ว่าแต่ อยากกินอะไรกันครับ เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงเอง”
“พูดแล้วคืนคำไม่ได้นะครับพี่” ซูโฮที่มีโอกาสรีบพูดกันท่าไว้ก่อนทันที
“อืม ไม่คืนคำหรอกน่า” ก่อนที่รุ่นพี่ที่ชื่อว่าเฮ็นรี่จะหันไปหาเพื่อนของผมอย่างอี้ชิง
ความคิดเห็น