ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My RabBit [รักมากมายกระต่ายของผม HanMin KiHae WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #1 : My RabBit Chapter #0 InTro

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 53


     

    My RabBit Chapter #0 InTro

     

     

     

    กรี๊ดดด

     

                    เสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆในมหาวิทยาลัยเซนที่ยังคงมีให้ได้ยินเช่นทุกวันนับตั้งแต่สามหนุ่มหน้าหล่อผู้ได้รับฉายาว่าสามกษัตริย์ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ซึ่งนี่ก็นับเป็นปีที่สามแล้ว และไม่ว่าพวกเขาจะเดินไปทิศทางไหนของมหาลัยก็มักจะได้เสียงตอบรับเป็นความคลั่งไคล้ของคนบริเวณนั้นเสมอไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย(?)

     

    “ฮ๊า~ ได้ยินแบบนี้แล้วสดชื่นจริงๆ”   ซีวอนเจ้าของรอยยิ้มเทพบุตรว่าขึ้นก่อนจะหันไปฉีกยิ้มกว้างให้สาวๆที่อยู่รอบตัวจนบางคนถึงกับเข่าอ่อนให้กับรอยยิ้มอันน่าหลงใหล

     

    “โรคจิตหรือไง”   เสียงทุ้มของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างคิบอมว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก เพราะเขาไม่ชอบซักนิดไอ้ที่มาส่งเสียงให้น่ารำคาญหูแบบนี้

     

    “แกสองคนนี่ก็ขยันทะเลาะกันดีนะ คบกันมาได้เป็นสิบปี”   หนุ่มหน้ามังกรที่ชื่อฮันกยองว่าขึ้นหลังจากเงียบมานาน ก็ไอ้เพื่อนสองคนนี้มันขัดกันได้ตลอดเวลาอีกคนก็อ่อนโยนจนดูทะเล้นอีกคนก็เย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลก ก็ไม่รู้อะไรผลักดันมันมาเป็นเพื่อนกันแต่ที่แปลกก็คือ มันก็คบกันมาได้ตั้งนานนะเห็นต่างกันขนาดนี้

     

    “ใครมันกวนก่อนเล่า ไอ้บวมนี่ไม่ใช่หรือไง”   ซีวอนว่าขึ้นก่อนจะหันไปชิปากใส่คิบอม

     

    “บอมโว๊ย! คิบอม ไม่ใช่บวม ไอ้นี่นิ”

     

    “โอ๊ย! ไม่ต้องกัดกันแล้ว พวกนายช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะเลี้ยงอะไรดี พอดีช่วงนี้อยากจะมีสัตว์เลี้ยงกับเขาบ้างอ่ะ”   คนหน้าจีนว่าขึ้นก่อนจะหยิบแลปทอปขึ้นมาเพื่อเปิดดูว่าตอนนี้ใครนิยมเลี้ยงอะไรกันอยู่

     

    “หน้ามังกรก็เลี้ยงมังกรไปดิ”  คิบอมว่าอย่างไม่สนใจนักก็เขาไม่ได้ฉลาดเรื่องอ่อนโยนพวกนี้นี่นา

     

    “เวร! ถ้ามีให้เลี้ยงก็เลี้ยงไปแล้ว”   ตอกกลับแรงๆกับความคิดที่ไม่ได้คิดของเพื่อนแก้มบวม

     

    “หมาหรือไม่ก็แมวน่ารักดีออก”   ซีวอนเสนอขึ้นบ้างแต่ก็ไม่วายโดนตอกกลับมาหน้าแทบหงาย

    “ไอ้วอน ฉันแพ้ขนหมาขนแมว! แกเพื่อนฉันเปล่าวะเนี่ย”

     

    “อะไรของแกวะ อันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะถามทำซากอะไร”   คิบอมว่าขึ้นก่อนจะเปรยยิ้มออกมาบางๆเมื่อเหลือบไปเห็นบางอย่างบนหน้าจอแลปทอป

     

    “ไปกันเถอะ ฉันรู้แล้วว่าแกควรเลี้ยงอะไร”   ว่าขึ้นแล้วจัดการปิดแลปทอปของเพื่อนหน้าจีนเสียเองก่อนจะพยักหน้าเรียกให้ทั้งคู่ลุกตามไป

     

    “เดี๋ยวเซ่ แกไม่ได้หมายถึงเต่าใช่มั้ย ไม่เอานะ ฉันไม่อยากซ้ำกับไอ้เยซองประธานหน้าจืดนั่น”   ฮันกยองโวยวายขึ้นมาแต่อีกคนก็ไม่ได้สนใจจะฟังมันซักนิด ขายาวก้าวเร็วๆไปที่รถสปอร์ตคันหรูของตัวเองส่วนฮันกยองกับซีวอนที่พอจะรู้แล้วว่าถามไปก็คงไร้ประโยชน์จึงแยกย้ายไปรถตัวเองแล้วขับตามคิบอมไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตูมหาลัยรถคันหรูของคิบอมก็เบรกกะทันหันจนคนตามแทบจะจูบบั้นท้ายเอา

     

    “ขอโทษนะครับ เราอนุญาตให้คุณออกนอกมหาลัยตอนนี้ไม่ได้ นี่เวลาบ่ายโมงสิบสามนาทีสี่สิบสี่วินาทียังไม่มีคลาสไหนเลิกเรียน กรุณากลับเข้าไปด้วยครับไม่งั้นผมจะลงบันทึกพวกคุณนะครับ”   เสียงหวานเอ่ยอย่างนอบน้อม ฮันกยองที่ชะโงกหัวออกมาจากรถพอเจอเข้ากับรองประธานหน้าจืด(พอกับไอ้ประธานเลย)ก็แทบจะหุบหัวเข้าไปไม่ทัน คุณระเบียบมาคุมเองเลยหรอวันนี้

     

    “นี่อย่ามาทำตัวน่ารำคาญน่า พวกฉันมีธุระนะ”  คิบอมว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ตาคมกวาดมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ โตขนาดนี้แล้วยังใส่แว่นอันเท่าบ้าน ไหนจะไอ้เสื้อตัวโคร่งนี่อีก รกหูรกตาชะมัด

     

    “มีธุระก็ไม่ได้ครับ กฎคือกฎ”   ว่าขึ้นอย่างไม่ท้อถอย ตาโตจ้องมองอีกฝ่ายผ่านแว่นหนาด้วยสายตาที่ดุดันไม่แพ้กัน ซีวอนที่รออยู่นานจึงลงจากรถมาเจรจากับรองประธานเสียเอง

     

    “ปล่อยเราไปดีกว่านะ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่านายเป็นใคร รองประธานลีดงเฮ”   กระซิบแผ่วเบาข้างหูร่างบาง อีกฝ่ายถลึงตาโตอย่างตกใจที่ซีวอนพูดเหมือนรู้ความลับ แม้จะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่พอเงยหน้าไปสบตากับร่างสูงที่ยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างออก

     

    “ฉลาดใช่เล่น ความลับก็คงต้องเป็นความลับ พวกนายไปได้แล้ว”   ร่างบางว่าขึ้นก่อนจะโบกมือเล็กหยอยๆไปเชิงไล่ ซีวอนหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะเดินขึ้นรถตัวเองไปโดยที่คิบอมกับฮันกยองได้แต่มองอย่างงงๆแต่ไม่ทันได้ถามซีวอนก็บีบแตรไล่ซะก่อน คิบอมจึงค่อยๆเลื่อนรถออกไป

     

    “เนี่ยน่ะหรอ คิมคิบอมเจ้าชายน้ำแข็ง นึกว่าจะหล่อซักแค่ไหน”   ร่างบางว่าขึ้นพลางขยับแว่นหนาของตัวเองให้กลับมาอยู่บนจมูกโด่งรั้นตามเดิมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตึกเพราะเขามีเรียนต่ออีกหนึ่งคลาส

     

    *******************************

     

                    ทางด้านสามหนุ่มที่ตอนนี้กำลังเดินหาร้านขายสัตว์เลี้ยงกันให้วุ่นภายในตลาดเมียงดง ไหนจะคนที่เยอะมากซะเวอร์ ไหนจะอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนอยากจะเป็นลม ทำเอาคุณชายทั้งสามที่เพิ่งจะเคยมาเดินที่แบบนี้ครั้งแทบอยากหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ติดตรงที่ว่ายังไม่เจอสิ่งที่ต้องการ

     

    “เฮ้ย! จะเจอได้หรือยังฉันอึดอัดนะโว๊ย!   ซีวอนที่ความอดทนน้อยสุดโวยวายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

     

    “ก็เดี๋ยวสิวะ คนมันยังหาไม่เจอนี่หว่า”   คิบอมว่าขึ้นสายตายังคงเหลียวซ้ายแลขวาหาในสิ่งที่ตั้งใจพาฮันกยองมาซื้อก่อนจะยิ้มออกมาบางๆเมื่อเหลือบไปเห็นร้าขายสัตว์เลี้ยงตรงหัวมุมจึงไม่รอช้ากอดคอเพื่อนสองคนตรงดิ่งไปทันที

     

    “กระต่าย!!!!   ฮันกยองร้องออกมาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตานัก ไอ้ที่เขามาเดินตากแดดตากลมแทบตายเพื่อที่จะมาซื้อกระต่ายตัวน้อยเนี่ยนะ

     

    “เออดิ เห็นเป็นมังกรหรือไง รีบๆเลือกเหอะน่า”   คิบอมว่าก่อนจะเดินออกไปรอหน้าร้านที่มีซีวอนยืนอยู่ก่อนแล้ว

     

    “ตกลงแกพามันมาซื้ออะไร”   ซีวอนถามขึ้น

     

    “กระต่ายน่ะ”

     

    “กระต่ายเนี่ยนะ แกดูหนังหน้ามันหน่อยสิวะ หน้าอย่างโหดให้เลี้ยงกระต่าย”   ว่าขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยนัก ก็หน้าฮันกยองมันออกจะโหดแบบมีระดับขนาดนั้นเรื่องที่จะให้เลี้ยงกระต่ายมันออกจะตลกไปหน่อย

     

    “เอ้าหมาแมวก็เลี้ยงไม่ได้ มังกรก็ไม่มีให้มัน เต่ามันก็ไม่เอา จะให้มันเลี้ยงเสือหรือไง”   ตอบเสียงห้วนก่อนจะเดินตัวปลิวไปซื้อน้ำร้านข้างๆมาดับกระหาย


    “คุณจะซื้อกระต่ายหรือจ๊ะ”   เสียงแหบพร่าของเจ้าของร้านว่าขึ้น ฮันกยองหันไปพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันกลับมาสนใจเจ้ากระต่ายสีขาวขนปุยในกรงต่อ

     

    “ตัวนั้นมันแพงนะจ๊ะ คุณซื้อไม่ไหวหรอก ตัวนี้มันเป็นตัวพิเศษของร้าน”

     

    “พิเศษยังไงผมเห็นมันก็เหมือนตัวอื่นๆ”   ถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเท่าที่ดูก็ไม่เห็นมันจะพิเศษตรงไหนนอกจากดึงดูดคนให้มองมันเท่านั้น

     

    “ก็มันสามารถทำให้คุณมีความสุขได้น่ะสิ แต่บางครั้งมันก็ทำให้คุณหึงมันได้ด้วยนะ”   ฮันกยองขมวดคิ้วยุ่งกับคำที่ได้ยินที่บอกว่ามันทำให้มีความสุขได้ก็พอจะเชื่ออยู่หรอกก็มันน่ารักนี่ แต่อย่างที่สองทำให้หึงได้ บ้า! ใครมันจะหึงกระต่ายกันฟ่ะ

     

    “คุณไม่เชื่อก็ได้นะจ๊ะ เพราะที่มันยังอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่มีใครเชื่อป้านั่นแหละ”

     

    “งั้นหรอ? ผมจะซื้อมัน”   ฮันกยองว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อยากจะรู้นักกระต่ายที่ไหนทำให้คนหึงได้ แต่ถ้าไม่หึงละก็พ่อจะเอาระเบิดมาปาร้านให้ดู แล้วก็เอาไอ้กระต่ายนี่ไปทิ้งข้างทางด้วย

     

    “เอ๋? มันแพงนะจ๊ะ ตัวนี้สามแสนวอนเชียวนะ”

     

    “ย่าส์!!! ใช่เล่นเลยนะเราเจ้าตัวเล็ก คุณป้ารับบัตรเครดิตมั้ยครับ ผมพกเงินสดมาไม่พอ”

     

    “รับสิจ๊ะ”   ทันทีที่เจ้าของร้านพูดจบฮันกยองก็ยื่นบัตรเครดิตสีเงินให้โดยไม่ลังเล มือหนาลูบหูกระต่ายเบาๆอย่างกลัวว่ามันจะเจ็บ  ไม่นานนักจึงออกมาสมทบกับเพื่อนที่ยืนรอกันจนหน้าด้านไปตามๆกัน

     

    “เฮ้ๆ น่ารักใช่หยอก ทำไมตัวนี้มันดูดีจังอ่ะ”   ซีวอนว่าพลางลูบหัวเจ้ากระต่ายน้อยอย่างนึกเอ็นดู

     

    “เอ้าๆ ไปกันได้แล้ว ร้อนแก้มแตก”   คิบอมว่าออกมาทำเอาฮันกยองที่ยังไม่คล่องเกาหลีแม้จะอยู่มานานถึงกับหน้าเอ๋อไปทันที อะไรคือ ร้อนแก้มแตกฟ่ะ

     

    “ไอ้นี่ก็มัวสงสัยอยู่นั่นแหละ มันหมายถึงร้อนตับแตกน่ะแต่นั่นมันมั่วไปเอง พวกแกจะไปไหนกันต่อก็ไปเลยนะ ฉันมีเดทวะ”   ซีวอนว่าก่อนจะแยกตัวไปหาเด็กที่นัดเอาไว้

     

    “ฉันก็ต้องไปรับเรียวอุคที่โรงเรียนอ่ะ แกก็ไปตามทางแกล่ะกันนะ”   ว่าขึ้นก่อนจะเดินไปที่รถตัวเองแล้วขับออกไปด้วยความเร็วเพราะนี่ใกล้เวลาเลิกเรียนของน้องชายตัวแสบแล้ว

     

    “เอาล่ะ งั้นเรากลับบ้านกันบ้างดีกว่านะคุณกระต่าย”   ว่าขึ้นแล้วเดินไปที่รถของตัวเองบ้างแต่ยังไม่ทันจะออกรถเจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยงก็วิ่งมาดักหน้าไว้ซะก่อน

     

    “เอ่อ..ป้าลืมบอกไป กระต่ายตัวนี้กินเป็นแต่พายฟักทองนะจ๊ะ แล้วอีกสามวันมันจะกินข้าวตามปกติ”   คุณป้ายังสวยพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง ฮันกยองหันไปมองเจ้ากระต่ายที่อยู่เบาะข้างคนขับอย่างงงๆ กระต่ายกินพายฟักทอง? กระต่ายกินข้าว? เอ...หรือมันจะพิเศษจริงๆนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×