คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF]Spicy or Sweetie? (Kris+Suho) part I ;joonmyun
“ พยาธิตัวตืดเป็นพยาธิตัวแบนในกลุ่มของ Cestoidea มีลักษณะแบนเป็นปล้องๆต่อกันยาวคล้ายเส้นมาม่าไวไวที่พวกแกนั่งโจ้กันอยู่ทุกคืนนั่นแหละ พยาธิตัวตืดที่เป็นปรสิตในคนก็มีหลายชนิด ตืดหมู ตืดวัว ตืดปลา ตืดแคระ ตืดห่าตืดเหวอะไรก็แล้วแต่อันนี้พวกแกไปจำเอาเอง จำไอ้ข้อมูลที่มันเด่นๆแล้วก็แตกต่างกัน สูตรจำก็หากันเองสมองมีก็ใช้ๆคิดกันมั่งไม่ใช่เอาไว้กั้นหูซ้ายกับหูขวา………………..”
“แล้วขอโทษเถอะครับพี่จะนั่งโชว์เหงือกอีกนานมั๊ย!!! ไม่ต้องยิ้มมากก็ได้เดี๋ยวจอบคู่พี่หล่นใส่ตีนผม “ ผมที่กำลังนั่งติวให้น้องรหัสอยู่ถึงกับหมดความอดทนตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะม้าหินอ่อนดังเสียงแปะ เพราะว่าไอ้ผู้ชายหัวทองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ข้างๆน้องผมเอาแต่นั่งมองผมแล้วแยกเขี้ยวโชว์เหงือกสีแดงสดใสและไรฟันขาวสะอาดให้ คนในคณะมันตีลังกาดูรึไงถึงว่าหล่อเลยเลือกให้เป็นเดือนคณะ
คนหน้าคล้ายพยาธิแส้ม้าไม่เพียงแต่ไม่สะทกสะท้านซ้ำยังตอบกลับมาพร้อมฉีกยิ้มหวานปานน้ำเชื่อมลอดช่อง ชนิดที่จุนมยอนเห็นแล้วอยากเอาสมุดแลคเชอร์น้องฟาดสักทีให้ฟันเข้าที่
“ ก็ที่พี่ยิ้มนี่เพราะพี่แพ้ไงครับ “
“ ห๊ะ? แพ้ แพ้อะไร “ ผมขมวดคิ้วทันที
“ แพ้รักทบ........พบรักแท้ไงครับ “
“………………………..”
“ ฮิ้วววววววว “ ทันทีที่คริสพูดจบไอ้น้องรหัสตัวดีของผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามก็ลุกขึ้นโบกมือไชโยโฮ่ฮิ้วทันที จนผมต้องตวัดสายตาไปมองมันถึงค่อยๆนั่งลงแต่ยังยิ้มล้อๆผมอยู่ดี
“ พ่อแกเป็นจราจรแล้วเอานกหวีดให้กินเป็นอาหารเช้ารึไงจื่อเทา แล้วแนวข้อสอบกับหนังสือนี่จะไม่เอาแล้วใช่มั๊ย ฉันจะได้เอาไปให้กระจั๊วห้องไอ้ลู่มันแทะเล่นเป็นอาหารว่าง “ ผมว่าแล้วทำท่าจะโกยข้าวโกยของที่อยู่บนโต๊ะมาไว้ในอกลุกหนี ไอ้น้องรหัสตัวดีแทบจะพุ่งตัวข้ามโต๊ะมาเกาะแขนผมไว้แล้วล้วงหนังสือทั้งหลายทั้งปวงออกจากอ้อมอกผมออกมาวางลงบนโต๊ะอย่างเดิม
“ โธ่พี่อ่ะ ใจเย็นๆดิ่ น้องจื่อย้อเย่นนะ ที่ฮิ้วตะกี้นี้มดกัดตูดเฉยๆ “ มันว่าก่อนจะเอาหัวมาถูๆแขนอ้อนตะแง้วๆ อย่ามาๆ ตะกี้มันทำอะไรกับผมไว้ผมยังไม่ลืม
“ อ้าวววว มดกัดตูดหรอกหรอ ฉันก็นึกว่าแกเป็นฝีคัณฑสูตร!!! “ ผมแก้เผ็ดด้วยการพูดประโยคท้ายออกไปดังๆ ทำเอาคนแถวนั้นหันมามองแล้วพากันซุบซิบว่าใครวะใครเป็นฝีคัณฑสูตร ไอ้น้องรหัสผมมันถึงกับสะดุ้งแล้วรีบนั่งลงทันที
“ หูยยยยยยย เล่นแรงว่ะพี่ “ จื่อเทาเบะปากแล้วบ่นให้ ผมยิ้มแล้วยักไหล่แต่พอเหลือบไปเห็นใครอีกคนนั่งยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆคลออยู่ด้วยก็รู้สึกคันคอขึ้นมาทันที คนอะไรหน้าตายั่วให้ต่อมอยากด่าให้ทำงานได้ดีจริงๆ
“ มานั่งหายใจทิ้งเล่นอยู่นี่ ที่คณะคงว่างมากสินะฮะ “
“ ครับว่าง.........แต่คงไม่เท่าใจพี่ที่รอจุนมยอนอยู่หรอก อันนั้นทั้งว่างทั้งกว้างใส่จุนมยอนได้ทั้งตัวพอดีเลย “ พูดจบพี่ชายไอ้ลู่ก็ใช้มือรองเท้าคางแล้วมองหน้าผม
“ ..............................” เงียบครับ เป็นอีกครั้งที่ผมเงียบ ผมพยายามจะอ้าปากขึ้นด่าอีกฝ่ายแต่ก็ต้องหุบปากลงเพราะนึกอะไรไม่ออก
“ คิกคิก “ เสียงหัวเราะต่ำๆดังลอดออกมาจากจื่อเทาไอ้น้องรหัสทรยศที่ตอนนี้ยกชีทขึ้นมาบังแล้วก้มหน้าลงแนบกับโต๊ะม้าหินอ่อนกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเหมือนไอ้ลู่วันนั้นไม่มีผิด ผมละอยากจะตัดสายรหัสมันนี่ถ้าไม่ติดว่าต้องพึงพาอาศัยให้มันนู่นทำนี่ให้นี่ผมจะเนรเทศให้มันไปเป็นน้องรหัสไอ้รุ่นพี่เดือนวิศวะนี่ซะให้เข็ด เข้ากันดีนัก ไอ้ลู่เพื่อนสนิทก็ขายผมไปคนนึงละไอ้น้องรหัสผมมันยังมาเนรคุณขายผมอีกคน มันน่าฆ่าปาดคอแล้วเอาศพไปฝังหลังส้วมซึมตึกคณะซะจริง
และในขณะที่ผมนั่งเป็นเป้านิ่งให้พี่ชายไอ้ลู่เต๊าะและกวนตีนทางสายตาแล้ว ก็มีเสียงสวรรค์เสียงหนึ่งดังขึ้นช่วยชีวิตผมไว้
“ จุนเมียนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!! “ เสียงนุ่มแผดเรียกชื่อผมลั่นทำเอาเด็กคณะวิทย์ที่อยู่แถวนั้นแตกฮือออกเป็นวง ส่งผลให้เห็นชายหนุ่มรูปร่างเพียวในชุดนักศึกษาสวมทับด้วยเสื้อลายสก็อตสีเขียวแดง ผมสีดำยาวละบ่า ใบหน้าละมุนละไมและรอยบุ๋มลึกน่ารักที่ข้างแก้ม กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่ารูเท่าส้วมหลุมและรองเท้าสีเคยขาวเหยียบส้นจนยับเยิน นิ้วก้อยน้อยๆน่ารักออกโผล่ออกมากระดิกจากรูข้างรองเท้ามือข้างซ้ายถือสมุดสเก็ตภาพ ไหล่ข้างขวาสะพายกระบอกใส่แบบ ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยเลย์เพื่อนรักผมเอง บุคคลผู้สอบเข้าคณะสถาปัตย์ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่าอยากจะเจอรักแท้ที่ออกแบบได้ เลย์เพื่อนรัก
ผมยิ้มออกมาด้วยหัวใจลิงโล้ดพร้อมกับยกมือขึ้นโบกให้ ร่างเพียวยิ้มตอบก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาและทักทายผม………………………
“ อ้าวเฮ้ย!! นี่มันพี่คริสเดือนวิศวะปีสามไม่ใช่หรอ เฮ้ยพี่หวัดดีๆ “
ซะเมื่อไหร่..................
ไอ้เลย์ที่วิ่งรี่ตรงเข้ามากำลังจะอ้าปากทักทายผมแต่พอพี่ชายไอ้ลู่ที่นั่งหันหลังให้มันอยู่หันไป มันก็ชะงักและเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปนั่งเบียดตบไหล่ทักทายพี่ชายไอ้ลู่ทันทีปล่อยให้ผมยืนอึ้งอยู่คนเดียว
“ อืมๆ หวัดดี น้องใช่คนที่เล่นบอลให้คณะถาปัตย์วันนั้นป่ะ เล่นเก่งใช้ได้เหมือนกันนะเรา“ ไอ้พี่คริสทักทายเพื่อนสนิทผมกลับแล้วเริ่มเปิดบทสนทนาที่ดูเหมือนพวกมันจะสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“ เฮ้ยยยย ใช่พี่ใช่ พี่จำผมได้ด้วยอ่ะ โคตรดีใจเลย ผมแมร่งโคตรปลื้มพี่อ่ะ พี่แมร่งเล่นบอลเก่งเหี้ยๆเลย วันนั้นนะลูกยิงพี่โคตรสวยเลยอ่ะ ผมนี่โคตรนับถืออ่ะ นี่ถ้าเป็นไปได้นะผมอยากจะเอาพวงมาลัยมากราบไหว้พี่สักสามทีอ่ะ “ ไอ้เลย์ว่าแล้วแทบจะถลาลงไปกราบแทบเท้าไอ้พี่คริส ไอ้คนตัวสูงยิ้มหัวเราะชอบใจแล้วดึงเพื่อนผมขึ้นมา ไอ้จื่อเทาคอยผสมโรงหัวเราะไปด้วย เออดีพวกไปตั้งคณะตลกกันเลยไป
“ ฮ่าๆๆๆ เวอร์ไปๆ “ ไอ้พี่คริสยิ้มแล้วส่ายหัว ผมเบะปากใส่ไปทีก่อนจะพูดประชด
“ ทำไมแกไม่ขอเล็บขบพี่เขาไปบูชาด้วยเลยล่ะเลย์ “ ผมจิกตาใส่ พี่ชายไอ้ลู่ที่อมยิ้มมองตาผมนิ่ง ไอ้เลย์ปรบไม้ปรบมือชอบใจ
“ เฮ้ยแมร่งความคิดดีว่ะจุนเมียน พี่ๆผมขอเล็บขบหน่อยดิ่ “ ไอ้เลย์ยกนิ้วโป้งให้ผมแล้วหันไปขอเล็บขบจากไอ้พี่คริส ผมอดไม่ได้เอื้อมตัวข้ามฝั่งไปดึงคอเสื้อมันให้นั่งดีๆแล้วหันมาหา
“ เลย์กุประชดเลย์ “ ไอ้เลย์มันหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ ว่าแต่ไอ้เลย์กับไอ้เทานี่มันเพื่อนกับน้องผมไม่ใช่หรอ ทำไมแมร่งไปนั่งฝั่งเดียวกับไอ้พี่คริสหมดแล้วทิ้งผมไว้ข้างนี้คนเดียววะ แล้วประเด็นคือเหมือนช่วยกันรุมทึ้งผมวะ
“ ฮ่าๆๆ ว่าแต่พี่คริสมาทำอะไรที่นี่อ่ะ “ ไอ้เลย์เลิกหัวเราะแล้วเริ่มมองคนรอบข้างมากขึ้น มันหันไปมองไอ้พี่คริสแต่ไอ้เสาไฟฟ้าหน้าแองกรี้เบิร์ดมันไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มเฉยๆ มันเลยหันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ผมกำลังจะอ้าปากตอบแต่ไอ้จื่อเทาน้องรักคนเดิมก็ยื่นหน้ามาทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ส่วนตัวให้แบบไม่ได้ร้องขอ
“ มาเป็นทูตคณะสานสัมพันธ์กับเด็กวิทย์จุลผู้เลื่องชื่อน่ะพี่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ “ จื่อเทาว่าจบแล้วตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะทุ้มลึก พลอยหัวเราะกันไปทั้งโต๊ะ ผมกำลังจะอ้าปากด่าไอ้จื่อเทาไอ้เลย์เพื่อนรักก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ โหยพี่ คนนี้ผมหวงนะเนี่ย.......... “ ผมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อพี่ชายไอ้ลู่หน้าเสียหน่อยนึง กำลังจะยิ้มสะใจแต่ไม่ทันที่มุมปากผมจะได้ขยับ ผมก็ต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นแทน
“ แต่ถ้าเป็นพี่นะผมยกให้ฟรีเลย แถมข้าวสารให้สองกระสอบกับควายสองตัวด้วยเลยเอา ฮ่าๆๆ “ ไอ้เลย์ว่าแล้วก็หัวเราะลั่นหันไปแท็กไม้แท็กมือกับไอ้เทา ไอ้คนหัวทองที่นั่งคั่นกลางอยู่ก็หัวเราะตามเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนแก้วหน้าม้าเมากัญชาไม่มีผิด
“ ไอ้เชี่ยเลย์!!! หัวเราะขนาดนี้ดูดเนื้อกับเพื่อนที่คณะมารึไง ไอ้สอง ห.!!! “ ผมแว้ดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ รู้สึกร้อนผ่าวนิดๆที่ใบหน้า ทำไมใครๆก็หักหลังผมวะ ไอ้พี่หน้าพยาธิแส้ม้านี่แมร่งมีดีตรงไหน ปกติใครมาจีบผมนะพวกมันกันซีนแทบเป็นแทบตายแต่พอเป็นไอ้พี่คริสนี่ พวกมันแทบจะจับผมใส่พานแล้วถวายให้
“ บ้าหรอตะเองเค้าไปทำงานกับเพื่อนที่คณะมาไม่ได้ไปดูดเนื้อซะหน่อย ว่าแต่ 2ห.ที่พูดถึงนี่อะไรจ้ะคนดี “ ไอ้เลย์ใช้นิ้วกรีดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากหางตาออกแล้วถามผมขำๆ ผมยกยิ้มมุมปากแล้วบอกออกไป
“ ห.แรกก็ห้อยไง “ ผมแอบขำเมื่อเห็นคิ้วไอ้เลย์กระตุกเบาๆ แต่ใบหน้ามันยังคงเปื้อนยิ้มแล้วถามผมต่อ
“ แล้วห.ที่สองล่ะ “
“ ก็เหี้...... เชี่ย!!! แหวะ!! ถุ้ย!!! “ ไม่ทันที่ผมจะปล่อยสัตว์โลกน่ารักคลานออกมาจากปาก นิ้วเรียวยาวของไอ้เลย์ก็ป้ายลงบนลิ้นผม ทำเอาผมต้องหยุดพูดแล้วถุยน้ำลายทิ้งเพราะนิ้วมันทิ้งความเค็มไว้ที่ปลายลิ้นผม
“ ไม่เอาๆ จุนเมียนพูดไม่เพราะเดี๋ยวเพื่อนไม่รักนะครับ “ ไอ้เลย์ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างก่อนจะเช็ดนิ้วที่เปื้อนน้ำลายผมลงกับแขนเสื้อนักศึกษาของจื่อเทา ไอ้จื่อเทาทำหน้าหยีน้อยๆก่อนจะบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
“ พี่อ่ะ เดี๋ยวผมติดเชื้อปากมอมของพี่จุนมยอนมาพอดี “ จบประโยคไอ้พี่คริสกับเลย์ก็หัวเราะลั่นผมเม้มปากก่อนจะลุกขึ้นเก็บข้าวเก็บของทันที ไม่ทนแล้วแมร่ง!!!!
“ เฮ้ยเดี๋ยวๆ จะไปไหนอ่ะจุนเมียน “ ไอ้เลย์หยุดหัวเราะแล้วรีบคว้าข้อมือผมไว้ทันทีที่ผมลุกจากโต๊ะ
“ ไปห้องสมุด พวกแกอยู่กับฉันมากเดี๋ยวจะพลอยติดเชื้อปากมอมของฉันไปด้วย “
“ เฮ้ยพี่อย่างอนดิ่ ผมล้อเล่นเฉยๆ “ ไอ้เทาพูดเสียงอ่อย ผมเหลือบไปเห็นมันทำหน้าสลดแล้วก็พอใจนิดๆ แต่พอมองเลยไปเห็นพี่ชายลู่นั่งอมยิ้มมองผมด้วยสายตามองเด็กแล้วอาการคันคออยากด่าก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีก แต่ผมจะไม่ยอมพลาดอีกแล้ว ด่าไปเดี๋ยวได้โดนสวนมาด้วยมุขชวนวิงเวียนอีกพอดี สะบัดหน้าใส่แล้วเดินหนีแมร่งดีกว่า
“ ฉันไม่ได้งอน แล้วก็ถ้าไม่มีใครตายหรือเป็นอะไร ไม่ต้องโทรมาแล้วก็ไม่ต้องไปตามด้วยเข้าใจมั๊ย “ ผมว่าก่อนจะเดินออกมาทำทีเหมือนว่าโกรธมาก ความจริงก็โกรธแหละแต่ไม่มาก แค่อยากให้แมร่งตามมาง้อเฉยๆ
ผมก้าวขาฉับๆมุ่งหน้าจะไปห้องสมุด หลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะยังไม่ทันจะถึงหน้าคณะดี ก็มีเสียงตะโกนเรียกมาจากข้างหลัง
“ จุนเมียนๆๆๆๆๆ เดี๋ยวๆรอก่อน “ ผมแอบอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเก็กขรึมแล้วหันหน้ากลับไปหา ไอ้เลย์วิ่งมากับจื่อเทาด้วยท่าทีตื่น ก่อนจะมาหยุดยืนหอบอยู่เบื้องหน้าผมแต่ไม่ยักกะเห็นพี่ชายไอ้ลู่ตามมาด้วยแต่ช่างหัวพยาธิแส้ม้ามัน แค่สุดท้ายไอ้เลย์กับไอ้เทาตามมาง้อก็พอแล้ว
“ มีอะไร ใครตาย? รู้ใช่มั๊ยว่าถ้าไม่มีใครตาย ใครบางคนแถวนี้อาจจะได้ตายแทน “ ผมพูดเสียงเข้ม ไอ้จื่อเทาที่ก้มหน้าเอามือเท้าเข่าหายใจหอบอยู่รีบเงยขึ้นมาแล้วบอกเสียงร้อนรน
“ มีฮะพี่ มีคนตายแน่ๆอ่ะถ้าพี่ไม่ได้ เด็กคณะเราแมร่งตีกันอ่ะ “
“ เอ๊าาาาาา!!! “ ผมร้องออกมา ไอ้กุก็นึกว่ามาง้อ
“ ไม่องไม่เอ๊าแล้วจุนเมียน รีบไปเหอะ ก่อนที่มันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตเหอะ “ ไอ้เลย์เร่งเร้า ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่เวลามางอนนี่หว่า
“ แล้วมันตีกันอยู่ตรงไหนวะ “
“ ทางเชื่อมตึกอ่ะพี่ “ จื่อเทาตอบผมพยักหน้าน้อยๆรับรู้
“ เออๆ ไปเหอะว่ะ “ ผมว่าแล้วออกวิ่งไปยังทางเชื่อมตึก เมื่อไปถึงภาพที่ผมเห็นคือนักศึกษาเกือบยี่สิบคนยืนล้อมเป็นวงกลมอยู่ เมื่อพยายามมองฝ่าเข้าไปกลางวงเห็นนักศึกษาชายสองคนกำลังดึงและผลักกันนัวเนีย ป้ายที่ห้อยคออยู่บอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นพวกปีหนึ่ง ผมถอดกระเป๋าที่สะพายอยู่โยนไปให้เทาที่วิ่งตามมาหยุดอยู่ข้างๆก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมเข้าไป
เพี้ยะ!!! เพี้ยะ!!!
ผมพุ่งตัวเข้าไปยังรุ่นน้องคณะทั้งสองคนที่กำลังกำคอเสื้อกันและกันไว้แล้วผลัดกันแลกหมัดนัวเนีย ก่อนจะง้างมือตบลงไปแรงๆบนหัวทุยๆของไอ้เด็กปีหนึ่งทั้งสองคน หนึ่งในนั้นคาดว่ายังโกรธจนหน้ามืดตาลายอยู่ปล่อยมือออกจากปกคอเสื้อเพื่อนแล้วเหวี่ยงหมัดใส่ แต่ผมโยกตัวหลบทันก่อนจะสวนกลับไปด้วยหมัดขวาเต็มแรงจนรุ่นน้องคนนั้นหงายหลังแล้วดึงเอาเพื่อนที่ตัวเองกำลังชกอยู่ด้วยหงายหลังล้มลงไปด้วย
“ ทำอะไรกัน!!!! “ ผมตะโกนถามเสียงดังลั่น จนได้ยินเสียงตัวเองก้องสะท้อนกับผนังตึก กว่ายี่สิบชีวิตที่ยืนอยู่ ณ บริเวณนั้นเงียบสนิท รุ่นน้องสองคนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
“ ฉันถามว่าพวกนายทำอะไรกัน!!! ทำไมไม่ตอบเป็นใบ้กันรึไงหรือว่าไม่เข้าใจภาษามนุษย์ จะเอาล่ามมั๊ยเดี๋ยวหาให้ “ ผมถามซ้ำด้วยน้ำเสียงดุดัน น้องสองคนสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแบบกล้าๆกลัว คนทางด้านซ้ายมือชี้นิ้วไปทางอีกคนแล้วพูดเสียงเบา
“ มันมาหาเรื่องผมก่อนครับพี่ “
“ ฉันไม่รับรู้และไม่สนใจว่าพวกนายมีเรื่องกันด้วยเหตุผลอะไรมันไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่พวกนายควรจะให้เกียรติสถานที่บ้าง หัวมีก็หัดคิดกันบ้างไม่ใช่ว่าวางไว้บนบ่าให้มันหนักเล่น ช่วยคิดและพัฒนาตัวเองให้เท่ากับระดับการศึกษาที่พวกนายได้รับด้วย แล้วมารยาทน่ะถ้าเคยได้รับการอบรมสั่งสอนมาก็เอาออกมาใช้ด้วย อย่าให้เขาด่าเขาว่าได้ว่า ”ต่ำ” คณะเราไม่เคยสั่งเคยสอนให้พวกนายทำตัวแบบนี้ การศึกษาก็มีแล้วช่วยพัฒนาด้วย เข้าใจมั๊ย? “ ผมร่ายยาวแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อยรุ่นน้องทั้งสองคนพยักหน้าน้อยๆ
“ เข้าใจก็ดีแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาแล้วแต่งตัวใหม่ซะ แล้วพวกที่ยืนล้อมกันอยู่นี่ไม่มีอะไรทำกันใช่มั๊ยถึงมาหายใจทิ้งเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้โลกโดยไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเนี่ย “ ผมที่บอกรุ่นน้องสองคนนั้นจบก็หันมาเล่นไอ้พวกที่ยืนล้อมวงอยู่ต่อ ทุกคนบริเวณนั้นรีบแตกฮือออกจากกันแล้วเดินหนีไปแทบจะทันที ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปหมดเหลือไอ้เลย์ จื่อเทาแล้วก็ไอ้พี่คริส............
ว่าแต่ไอ้คนหลังนี่มาจากไหนวะ นึกว่าแมร่งกลับคณะไปไหนต่อไหนละ
ผมขยับดึงแขนเสื้อนักศึกษาที่ร่นขึ้นมาจนกระดุมตึงลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาไอ้เลย์กับจื่อเทา น้องรหัสมันยื่นกระเป๋าให้ผมก่อนไอ้เลย์จะถามแล้วเดินรอบตัวผมราวกับจะสำรวจความเสียหาย
“ เจ็บตรงไหนรึเปล่าอ่ะจุนเมียน โดนอะไรมั่งมั๊ย “
“ หึ ไม่โดนอะไรหรอก หลบทันแต่กระดุมแขนเสื้อแมร่งเกือบขาดอ่ะ สงสัยเป็นเพราะตอนชกแน่ๆเลย “ ผมว่าแล้วพลิกกระดุมตรงข้อมือขึ้นมาดู
“ พี่ก็เปรี้ยวเกิ๊นนนน ไม่พูดไม่จาเดินเข้าไปตบหัวไอ้สองตัวนั้นซะคว่ำ ตัวมันไม่ใช่น้อยๆนะพี่ น้องหมีควายเลย ผมละใจหายหมด “ จื่อเทาว่าสีหน้าแสดงความวิตกกังวล ผมอมยิ้มแล้วยื่นมือเข้าไปลูบหัวมันเบาๆ
“ ไม่ใช่อะไรหรอก ผมกลัวว่าถ้าพี่ตายแล้วสายรหัสขาด ผมจะไม่มีแนวข้อสอบกับหนังสือเรียนไว้อ่านน่ะ “ ไอ้น้องทรพียิ้มพูดแล้วยิ้มละไม จนผมอดไม่ได้ใช้มือที่ลูบหัวมันอยู่ขยุ้มกลุ่มผมสีดำเป็นประกายของมันแล้วกระชากลงมาแรงๆหนึ่งที ทำเอาไอ้เด็กขอบคล้ำร้องลั่น ผมหัวเราะกับเลย์เบาๆ ก่อนที่ผมจะหยุดหัวเราะเพราะเสียงหัวเราะทุ้มๆจากใครบางคนที่ผมลืมไปแทบสนิทว่ายืนใช้ออกซิเจนอยู่แถวนั้นด้วย ผมจ้องจนคนตัวสูงเปลี่ยนจากหัวเราะมาเป็นยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้น เป็นเชิงถาม
“ ทำไมฮะ ผมมองพี่ไม่ได้หรอ “ ผลเลยตอบกลับไปแบบกวนๆปนจิกกัด
“ มองได้ครับ แต่ถ้าสงสารก็อย่ามองแบบนั้นนานๆ “
“ ทำไม “
“ มันเป็นการทำร้ายหัวใจพี่ให้ทำงานหนักครับ “ ผมพรูลมหายใจออกมายาวเหยียดทันทีที่ได้ยิน
“ ผมเพิ่งรู้นะว่านอกจากพี่จะพิการเพราะฟันไม่เข้าปากแล้วยังอยากจะปากแตกเพิ่มด้วยอ่ะ “ ผมตอกกลับไป คราวนี้ไอ้พี่คริสมันหัวเราะออกมาเบาๆแทน ผมขมวดคิ้วน้อย ไอ้พี่นี่ก็บ้า โดนด่าแล้วเสือกสนุก ตลกอะไรนักหนาวะ
“ เฮ้ยเลย์ฉันว่าไอ้รุ่นพี่ที่แกนับถือนักนับถือหนามีปัญหาทางสมองแล้วว่ะ ส่งไปให้ไอ้แบคฮยอนกับชานยอลตรวจสมองหน่อยก็ดีนะ ฉันไปล่ะนะ “ ผมว่าแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนลมหายใจจะสะดุดเพราะมือใหญ่ที่เอื้อมมาใกล้ใบหน้า นิ้วเรียวยาวหยิบเส้นผมที่อยู่บนเสื้อนักศึกษาผมออกแล้วปัดเบาๆ ผมไม่รู้ว่าคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าผมรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาแปลกๆ
“ เดินดีๆนะครับ ระวังอย่าไปตกหลุมรักของพี่เข้าล่ะ “ เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ผมเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะหันหน้าหนีแล้วรีบเดินออกจากบริเวณนั้นแทบจะทันที
ได้ยินเสียงไอ้เทากับเลย์โห่ฮิ้วอะไรกันอยู่เบื้องหลังแมร่งสงสัยจะซ้อมพากันไปแห่บั้งไฟกัน แต่ผมไม่สนใจหันไปมอง พยายามย้ายตัวเองออกไปให้ไกลจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด
ผมว่าที่ที่แห่งนั้นมีพลังงานพิเศษบางอย่างแล้วแหละ ผมได้ถึงใจสั่นแปลกแบบเนี้ย...................
To be continue
______________________________________________________________________________
ความคิดเห็น