คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF]Spicy or Sweetie? (Kris+Suho) Intro part
Title: Spicy or Swettie?
Auther: ฝาละมีน้องโด้
Paring : Kris+Suho
Rate : PG -15
หลังจากการสอบมิดเทอมสุดหฤโหดผ่านพ้นไป มหาวิทยาลัยที่เงียบประดุจป่าช้าก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง บรรดานักศึกษาต่างพากันจับกลุ่มตามสุมทุมพุ่มไม้ นั่งเม้าท์มอยหอยกาบอัพเดทข่าวสารทั่วทั้งมหาลัยคณะไหนใครเป็นยังไงไม่มีพลาดข่าว นักศึกษาชายส่วนใหญ่ก็จับกลุ่มกันตามซุ้มน้ำแกว่งปากหาคัชชูจากรุ่นน้องสาวๆสวยๆเล่น
ร่างขาวบางสว่างเจิดจ้านั่งไขว้ห้างดูดไมโลอ่านแมกกาซีน “พยาธิรายสัปดาห์” ด้วยสีหน้าแช่มชื่น ริมฝีปากแดงสวยคลี่ยิ้มบางๆส่งผลให้ใบหน้านั้นน่ามองยิ่งขึ้น
“ อ่านหนังสือแบบนั้นแล้วยิ้มหวานมันหมายความว่ายังไงห๊ะ จุนมยอน “ คนถูกทักละสายตาจากหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท ก็ยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยแซว
“ แต่งตัวสมฉายา ‘ สวยแต่งตัวทราม ’ เหมือนเดิมเลยนะลู่ห่าน “ คนฟังได้ยินแล้วถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาลั่นอย่างไม่แคร์สายตาคนมอง ความจริงแล้วคงไม่แคร์ตั้งแต่เรื่องแต่งตัวแล้วล่ะ เพราะคนอะไรหน้าส๊วยสวยแต่แต่งตัวแนวบรม เสื้อบอลสีดำสวมทับด้วยเสื้อนักศึกษาไม่ติดกระดุมสองเม็ดบน เน็คไทไม่ใส่ กางเกงสแลคสีดำขาลอย ลองเท้าสตั๊ดสีชมพูบานเย็นสะท้อนแสง
“ ก็เดี๋ยวตอนเย็นไปเตะบอลต่อไง ขี้เกียจเปลี่ยนอ่ะ ว่าแต่มานั่งอ่านหนังสือสบายอารมณ์นี่ไม่มีเรียนเช้าหรอ “ ลู่ห่านถามหลังจากที่เลิกหัวเราะแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆจุนมยอน
“ ถ้ามีจะเห็นนั่งหัวโด่อยู่นี่ป่ะล่ะ ว่าแต่ลมอะไรหอบแกมาถึงคณะฉันได้วะ ได้ข่าวว่าตึกไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยนะจ้ะน้องลู่ “ จุนมยอนคั่นหน้าหนังสือไว้แล้วหันมาจิ้มแก้มแซวอีกคนอย่างจริงจัง ลู่ห่านหน้าแดงแกล้งปัดมือจุนมยอนออกอย่างหงุดหงิดกลบเกลื่อนอาการ
“ ก็มาหาแกไง “
“ ตอแหล มาเต๊าะไอ้เซฮุนเด็กปีหนึ่งวิทย์แพทย์ก็บอกมาเหอะ “ ว่าแล้วเบะปากใส่ก่อนจะดูดไมโลต่อ
“ โหยยยยยยยยย ไรวะ ก็รู้อยู่แล้วยังจะแซวอีก “ โวยวายแล้วบุ่ยปากใส่อีกคนอย่างน่ารักน่าตี ก่อนจะตบเข่าเบาๆเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ จุนมยอนแกจำเรื่องลูกพี่ลูกน้องฉันที่ชื่อคริสที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังได้ป่ะ “
“ ไอ้ที่แกว่าหน้าตาดีๆ เรียนเก่งๆ ป่ะ “ จุนมยอนถามก่อนจะงัดนิตยสาร “พยาธิรายสัปดาห์ “ ที่คั่นไว้ขึ้นมาอ่านต่ออย่างไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่ลู่ห่านพูดเท่าไหร่
“ เออ เดือนคณะฉันเลยนะเว้ย นั่นไงมันเดินมานู่นพอดีเลย “ ลู่ห่านว่าแล้วก็สะกิดไหล่จุนมยอนให้เงยหน้าขึ้นมามอง
“ คนไหนวะ “ จุนมยอนหรี่ตาพยายามมองตามนิ้วมือลู่ห่านไป
“ ไอ้นี่ไง ไอ้ตัวสูงๆ หัวทองๆเนี่ย เป็นไงๆ หล่ออย่างกับพระเอกการ์ตูนเลยป่ะ “ ลู่ห่านชี้ไปที่ร่างสูงโปร่ง ซึ่งยืนยิ้มสดใสอยู่ท่ามกลางหมู่คน จุนมยอนขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาไม่เบานัก ทำเอาคนแถวนั้นรวมทั้งคนที่เพิ่งถูกชี้ให้มองต่างมองมาที่คนตัวเล็กเป็นสายตาเดียว
“ พระเอกการ์ตูนเชี่ยอะไร ดูยังไงๆแมร่งก็แองกรี้เบิร์ดชัดๆ ยิ้มทีนี่หยั่งกะพยาธิแส้ม้าที่ฉันส่องกล้องเจอเมื่อวาน “ จุนมยอนพูดจบก็ยกหนังสือขึ้นอ่านต่อ รอยยิ้มบางๆกับใบหน้าอิ่มสุขแสดงให้เห็นว่าคนตัวเล็กนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกแล้วโดยสิ้นเชิง
นี่แหละครับจุนมยอนเจ้าของฉายา “หวานแต่หน้าปากหมามาก“
ใต้ตึกวิศวะที่คราคร่ำไปด้วยบรรดานักศึกษา ลู่ห่านชะโงกหน้ามองหาลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มผมทองรูปร่างหน้าตาเหมือนนายแบบนั่งไขว่ห้างพิงม้านั่งอยู่ คนหน้าหวานก้าวฉับๆไปหาลูกพี่ลูกน้องตัวสูงแทบจะทันที
“ ไงวะมรึง “ มือเล็กตบเข้าที่บ่ากว้างเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆ คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้
“ ก็ดีได้ยินน้องเขาด่าชัดเจนครบถ้วนทุกคำเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ “ คริสว่าก่อนจะหัวเราะอย่างคนไม่คิดมาก
“ สมฉายาเลยมั๊ยล่ะ ฮ่าๆๆๆ “ ลู่ห่านว่าก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ กุว่าตัวจริงยิ่งกว่าฉายาอีกว่ะ แต่เขาก็น่ารักดี กุแมร่งโคตรชอบอ่ะ “ คริสพูดแล้วยิ้มกว้าง ทำเอาลู่ห่านอดแซวไม่ได้
“ เฮ้ย! โรคจิตป่ะวะมรึง ชอบให้เขาด่าเนี่ย “
“ ไม่รู้ว่ะ กุฟังแล้วกุก็ขำๆอ่ะ ออกแนวอึ้งแล้วก็ประทับใจมากกว่า ไปสรรหาคำด่าแบบนั้นมาจากไหนว่ะ แล้วตัวจริงๆก็เป็นคนอ่อนโยนไม่ใช่รึไง? “
“ เออ จุนมยอนมันก็มีมุมน่ารักอ่อนโยนอ่ะ แต่มันไม่ค่อยแสดงให้คนที่ไม่สนิทเห็น มรึงไปรู้มาได้ไงเนี่ย “ ลู่ห่านถามอย่างสงสัย คริสยิ้มบางๆสายตามองเหม่อไปข้างหน้า
“ พรหมลิขิตน่ะ “
“แหวะ! น้ำเน่านะมรึง แล้วมรึงจะเอาไงต่อเนี่ย กุแมร่งอุตส่าห์ปูทางให้ละ จุนมยอนมันด่ากลับมาซะป่นปี้หมดเลย” คนหน้าหวานเบรคอารมณ์ลูกผู้พี่ซะหัวแทบทิ่ม
“ ก็ถ้าจีบอ้อมๆไม่น่าจะได้ ก็คงต้องจีบตรงๆละว่ะ “
“ ระวังมันด่าพ่อเอานะ “ ลู่ห่านพูดขำๆ คริสยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอ
“ เออ กุก็กลัวอยู่เนี่ย ว่าแต่พรุ่งนี้บ่ายมรึงมีเรียนป่ะวะลู่ “
“ พรุ่งนี้บ่ายกุว่างทำไมวะ “
“ แล้วจุนมยอนว่างด้วยป่ะ “
“ ไม่มั่นใจว่ะ แต่น่าจะว่าง “
“ เออ....งั้นพรุ่งนี้บ่ายนัดจุนมยอนให้กุหน่อย ม้านั่งข้างคณะวิทย์ที่เดิมของมรึงนั่นแหละ กุไปก่อนนะมีแลบว่ะ
บาย “ ลู่ห่านพยักหน้าตอบน้อยๆ มือเรียวล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาก่อนจะต่อสายหาใครบางคน
“ ฮัลโหล จุนมยอนหรอ..................”
_________________________________________________________________________________
ม้านั่งข้างตึกวิทยาศาสตร์มักจะถูกใช้เป็นแหล่งพักพิงอิงอาศัยของบรรดานักศึกษาไม่วาจะคณะวิทย์เองหรือคณะอื่นที่มาเพื่อการใดๆก็ตาม ความร่มรื่นจากเงาของต้นไม้ใหญ่กับลมเย็นๆที่พัดโชยอยู่ตลอดเวลาทำให้หนังตาคนตัวเล็กที่ถูกเพื่อนสนิทนัดไว้หนักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คนตัวเล็กพลิกหน้าหนังสือจุลชีพในมือช้าๆก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากหาว เมื่อเห็นหัวทองๆของเพื่อนสนิทโผล่มาแต่ไกลก็อ้าปากไว้เตรียมจะพ่นคำด่า แต่ทว่าลู่ห่านรู้ทันยกมือขึ้นปรามก่อนที่จะโดนสรรเสริญบรรพบุรุษ
“หยุดเลย! อะไรที่คิดจะพ่นออกมาน่ะกลืนลงคอไปเดี๋ยวนี้เลย “ ลู่ห่านว่าพร้อมกับชี้นิ้วสั่ง ทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากด่าตกใจเผลอทำตามที่อีกคนบอก หุบปากฉับแล้วกลืนคำด่าที่มีลงคอไปจนหมด ลู่ห่านหัวเราะขำกับปฎิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่ายก่อนจะยื่นมือข้ามโต๊ะไปยีจนกลุ่มผมสีแดงของอีกฝ่ายแตกยุ่ง
“ ฮ่าๆๆๆ นายนี่มันน่ารักจริงๆเลยจุนมยอน “
“ พอเลยๆ แล้วนี่น้ำจะท่วมเทือกเขาหิมาลัยรึไงเนี่ย แกถึงได้แต่งตัวถูกระเบียบเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเนี่ย “จุนมยอนปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า แอบตกใจเล็กๆที่วันนี้ลู่ห่านแต่งตัวได้สวนทางกับแนวทางการดำเนินชีวิตมาก เสื้อเชิ้ตนักศึกษาแขนยาวสีขาวสะอาดถูกติดกระดุมทุกเม็ด ใส่เน็กไทด์สีดำติดตราสัญญาลักษณ์มหาลัย แถมท้ายด้วยรองเท้าหนังสีดำขัดมันอย่างดี ผมสีทองถูกเซ็ทมาอย่างพิถีพิถันทำให้หน้าตาน่ารักนั้นชวนมองมากขึ้นจม ลู่ห่านแต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีจะตาย ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมมันถึงได้คิดใกล้ใฝ่ต่ำแต่งตัวล้ำชาวบ้านมาได้แทบทุกวัน
“ พรีเซ็นต์งานอ่ะดิ่ โดนอาจารย์โขลกซะเละเลยคร้าบบ ไม่อยากจะคุยขางี้สั่นพั่บๆอ่ะ ฮ่าๆๆ “
“ ฮ่าๆๆ เออๆเข้าใจ ว่าแต่วันนี้นัดมามีอะไรอ่ะ “ จุนมยอนถาม ลู่ห่านหยุดหัวเราะแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“ มีคนๆนึงอยากเจอแก “
“ ใคร? “ คิ้วเล็กขมวดเป็นปมอย่างสงสัย
“ ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง “ คำตอบของลู่ห่านทำเอาจุนมยอนร้องออกมาเบาๆ กุว่าแล้ว คนอย่างเสี่ยวลู่ห่านที่วันๆไม่พูดถึงอะไรนอกจากแมนยูกับโอเซฮุนถึงได้ออกปากเล่าเรื่องพี่ชายหน้าตาดีขึ้นมา
“ แล้วนี่แกขายฉันให้พี่ชายแกเท่าไหร่ล่ะเนี่ย “ จุนมยอนถามอีกฝ่ายที่เริ่มลงมือปลดกระดุมแขนเสื้อนักศึกษาแล้วพับจนมาถึงข้อศอก
“ รองเท้าสตั๊ดคู่นึง “ ลู่ห่านตอบทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาพับแขนเสื้อ
“ อะไรวะ ฉันมีค่าแค่รองเท้าสตั๊ดคู่เดียวเองไง๊ น้อยใจว่ะ “ จุนมยอนว่าแล้วเบะปากใส่อีกฝ่าย
“ ของนำเข้า รุ่นลิมิตเต็ด ขาดอีกไม่กี่สตางค์ก็แตะแสนแล้ว “ ลู่ห่านเงยหน้าขึ้นมาบอกแล้วขยิบตาให้
“ เออ แบบนี้ค่อยพอให้อภัยได้หน่อย “
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ น่าๆ ลองคุยดูก่อน คริสมันก็เป็นคนดีคนนึงเลยนะเว้ย “ ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปโยกหัวจุนมยอนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ ดีที่แกว่านี่ยังไง ถ้าเป็นแบบแกนี้ฉันไม่นับว่าดีนะ “ จุนมยอนถามกลับแล้วแลบลิ้นใส่อีกฝ่าย
“ แหม ปากอย่างงี้เดี๋ยวพี่ก็จูบโชว์เลยนิ “ ลู่ห่านชี้หน้าคาดโทษ จุนมยอนยักไหล่เหมือนไม่แคร์
“ เอาสิจะด่าให้จำชื่อแม่ไม่ได้เลย “ ได้ยินแบบนั้นแล้วลู่ห่านก็ได้แต่ทำหน้ายู่แล้วนั่งลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เล่นอะไรเล่นได้แต่อย่าเล่นให้เลยเถิดจนจุนมยอนทนไม่ไหวด่าออกมา เพราะมันจะพาลเดือดร้อนไปถึงบุพการีที่บ้านและบรรพบุรุษที่อยู่บนชั้นฟ้า
จุนมยอนนั่งคุยกับลู่ห่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อช๊อปวิศวะเดินตรงเข้ามา จุนมยอนเลิกคิ้วให้ลู่ห่านเป็นเชิงให้หันไปมองด้านหลัง ลู่ห่านยิ้มกว้างแล้วกวักมือเรียกลูกผู้พี่อย่างสนิทสนม
“ ไงวะไอ้ลู่ หวัดดีครับจุนมยอน “ คนตัวสูงทักทายลูกพี่ลูกน้องตัวเองก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามแล้วส่งยิ้มพร้อมทักทายคนน่ารัก
“ สวัสดีฮะ “ จุนมยอนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้กระชากเสียง เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนตัวสูงยิ้มออกมาได้แล้ว
“ พี่ชื่อคริสนะ วิศวะสิ่งแวดล้อมปีสามครับ “
“ ไม่บอกชื่อพ่อชื่อแม่กับบ้านเลขที่ด้วยเลยล่ะฮะ “ จุนมยอนตอกกลับ ลู่ห่านที่นั่งอยู่ข้างๆคริสอมยิ้มออกมาจางๆเมื่อเพื่อนสนิทเริ่มแผลฤทธิ์ก่อนจะต้องใช้เล็บจิกแขนตัวเองแน่นเพื่อกลั้นหัวเราะเมื่อคริสตอบคนตัวเล็กกลับไป
“ ตอนแรกก็ว่าจะบอกด้วยแหละครับ เผื่อว่างๆจุนมยอนจะแวะไปหา แต่พี่กลัวว่าเราจะลำบากเลยคิดไว้ว่าเดี๋ยวมารับเองดีกว่า ส่วนเรื่องชื่อพ่อชื่อแม่นี่ก็ไว้บอกตอนพี่พาจุนมยอนไปพบท่านเลยดีกว่าครับ “ คิ้วเล็กกระตุกน้อยๆเมื่อคนตัวสูงตอบเขากลับมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ กวนตีน.... “ ปากเล็กพึมพำออกมาเบาๆ คริสเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามซ้ำ
“ ห๊ะ? ว่าอะไรนะครับ “
“ อยากกินขนมจีนน่ะฮะ “
“ พอดีเลย พี่รู้จักอยู่ร้านนึงอร่อยเหาะเลย วันหลังจุนมยอนสนใจไปกินด้วยกันมั๊ยล่ะ “ คริสยิ้มสดใสให้อีกฝ่าย จุนมยอนเองก็ไม่ยอมการ์ดตกพูดตัดบทอีกฝ่ายทันที
“ ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เห็นลู่ห่านว่าพี่มีเรื่องอยากจะคุยกับผม “
“อ๋อครับ........พี่จะบอกว่าพี่จะจีบเราน่ะ “
“ ห๊ะ? “ จุนมยอนร้องออกมาเมื่อคริสออกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยและรอยยิ้มกว้างเหมือนพูดเรื่องปลูกผักทำนาอยู่ยังไงหยั่งงั้น
“ พี่บอกว่าพี่จะจีบเรานะครับ “ คริสพูดย้ำอีกครั้งแต่จุนมยอนยังคงอึ้งไม่หาย ตั้งแต่ออกจากท้องพ่อท้องแม่มาเคยโดนจีบก็เยอะ แต่ไอ้ที่เดินเข้ามาแล้วบอกตรงๆว่าจะจีบนี่ก็มีไอ้ผู้ชายหัวทองสูงเป็นเสาไฟฟ้าคนนี้แหละคนแรก
“ พี่รู้ว่าตอนนี้จุนมยอนเองก็ไม่มีใคร พี่ถามไอ้ลู่มาแล้ว แล้วจริงๆจุนมยอนก็เป็นคนน่ารักมากๆด้วย อันนี้พี่บังเอิญรู้มาเอง เพราะฉะนั้นเราไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะปฏิเสธพี่เพราะพี่จะขอแค่จีบก่อนเฉยๆ ถ้าหลังจากนี้ไปจุนมยอนจะว่าอะไรยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วนนี่ขนมพี่ซื้อมาฝากครับ “ คริสฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังอึ้งทึ่งมึนอยู่ร่ายยาวก่อนจะยื่นถุงขนมที่ซื้อติดมือมาให้คนตรงหน้า จุนมยอนก้มลงมองถุงขนมก่อนจะถามมึนๆเมื่อเห็นกล่องขนมสามสี่กล่องวางซ้อนกันอยู่ข้างใน
“ อะไร? ทำไมหลายกล่องจัง “
“ ขนมเอแคร์น่ะฮะ จุนมยอนจะได้รู้ว่าพี่แคร์มาก “ สิ้นคำคริสจุนมยอนแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะตาย ถึงแม้จะรู้สึกว่าผิวหน้าจะร้อนผ่าวนิดๆกับประโยคเมื่อครู่แต่ความรู้สึกรับไม่ได้นั้นมีมากกว่า ส่วนลู่ห่านที่นั่งอยู่ข้างๆคริสนี่กำไม้กำมือกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง จุนมยอนเห็นแล้วก็อยากจะเชือดให้ตายนัก
“ ผมไม่ชอบของหวานฮะ “ แม้จะรู้สึกแพ้เล็กๆกับประโยคของคนตัวสูงแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมแพ้ดันถึงขนมกลับคืนไปให้ คริสยิ้มแล้วดันกลับก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาท้องไส้จุนมยอนปั่นป่วน
“ ไม่หวานหรอกครับ ถ้าเทียบกับหน้าจุนมยอนแล้วเอแคร์พี่นี่จืดสนิทเลยแหละ “
น็อคดาวน์.......................
To be continue
ความคิดเห็น