คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SF]Spicy or Sweetie? (Kris+Suho) part IV :Kris 100%
ตื้ดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดด~
เสียงออดที่แผดลั่นเรียกให้คนตัวเล็กที่กำลังชุลมุนกับการจับเจ้า "อีกัวน่า"
เซนต์เบอร์นาดตัวใหญ่วัยฉกรรณ์ ต้องหยุดชะงักลง
หมาหนุ่มตัวใหญ่ที่พยายามยื้อปลอกคอตัวเองไว้มองเจ้าของหน้าหวานอย่างเป็นต่อ
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆอย่างใช้ความคิดแต่เสียงออดที่แผดซ้ำๆ
ทำให้ฝ่ามือสวยปล่อยออกจากปลอกคอเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักไปอย่างจำใจ
จุนมยอนมองเจ้าตูบตัวยักษ์เดินสะบัดตูดหนีไปอย่างหงุดหงิด
ก่อนจะหันไปมองทางประตูหน้าบ้านแล้วพึมพำออกมาเสียงเย็น
" ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ........"
…Spicy or Sweetie…
ผมยืนฮัมเพลงอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังใหญ่อย่างอารมณ์ดีพลางสอดส่ายสายตามองเข้าไปในบริเวณบ้าน
ขยับตัวเข้าไปกดออดซ้ำอีกครั้ง ทั้งๆที่เพิ่งกดไป จงใจยั่วยุอารมณ์เจ้าของบ้าน
คาดว่าอีกไม่ถึง 5 นาที จุนมยอนก็เดินมาหักหน้างอมาเปิดแล้วล่ะครับ
วันนี้วันเสาร์ ทั้งๆที่ผมควรจะได้นอนตื่นสายๆให้สมกับที่เรียนหนักมาทั้งอาทิตย์
แต่ผมกลับได้รับโทรศัพท์จากไอ้ลู่ห่านตั้งแต่หกโมงเช้า
โทรมาปลุกแล้วบอกให้ผมออกไปซื้อของที่จะสังสรรค์กันตอนเย็นไว้
และแน่นอนว่าผมอิดออดกระเง้ากระงอดงอแงใส่มันว่าหัวเด็ดตีนขาดเล็บหลุดฟันคุดเน่า
ยังไงก็จะไม่ยอมลุกจากเตียงก่อนสิบโมงเช้าแน่ๆ
ไอ้ลูกพี่ลูกน้องเวรตะไลบั้งไฟแตกของผมมันก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
มันคิดจะเอาที่อยู่บ้านจุนมยอนมาฟาดหัวผม มันคงจะคิดว่าผมเป็นคนซื้อง่าย
แค่เอาที่อยู่ของคนที่ตัวเองกำลังตามจีบมาแลกผมก็ยอมทำทุกอย่าง
ไอ้น้องชั่ว...................
เสือกรู้ใจกรู
มันคิดถูกแล้วล่ะครับที่เอาที่อยู่จุนมยอนมาแลก เพราะทันทีที่ผมได้ยินข้อเสนอมัน
ผมก็ตกลงทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข แทบจะขี่รถออกไปซุปเปอร์ทั้งที่ยังไม่อาบน้ำด้วยซ้ำครับ
แต่ติดที่ว่าผมแบกเกียรติยศ ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของคณะอยู่น่ะสิครับ
จะให้เดือนวิศวะปีสามอย่างผมออกไปเดินอวดสายตาทั้งที่หน้ายังไม่ได้ล้างฟันไม่ได้แปรงก็ยังไงอยู่
ผมเลยจัดการอาบน้ำอาบท่าล้างหน้าแปรงฟันเกาไข่ก่อน……..
เออะ อย่างหลังสุดนี่ไม่ได้ทำจริงนะครับแค่พูดไปให้มันคล้องจองกันเฉยๆ
ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาไม่ทันที่จะได้มองหน้าปัด
ประตูรั้วสีน้ำตาลเข้มถูกกระชากออกอย่างรุนแรงตามอารมณ์ของผู้เปิด
ก่อนที่ร่างเล็กๆของเจ้าของบ้านจะตามออกมาและหยุดอยู่ครึ่งตัว
จุนมยอนเม้มริมฝีปากทันทีที่เห็นหน้าผม ใบหน้าหวานนั้นงอง้ำลงอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตากลมใสฉายแววดื้อรั้นขึ้นมาทันที ปลายจมูกเล็กๆนั้นเชิดขึ้นอย่างท้าทาย
วันนี้คนตัวเล็กสวมเพียงเสื้อยืดสีกรมท่าตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นสีส้มเท่านั้น
ผิวขาวๆที่ปกติจะถูกปกปิดอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกางเกงสแลคยาวสีดำ
เลยโผล่ออกมาท้าแดดท้าลม รวมถึงท้าสายตาผมด้วย
น่ารัก.........
คำๆนี้เป็นคำเดียวที่ลอยวนไปเวียนมาในหัวผมขณะนี้ จนกระทั่งเสียงหวานที่เอ่ยๆขึ้นอย่างห้วนๆ
กระชากให้ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง
" มีอะไรครับ "น้องเขากอดอกแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ
ผมยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างทะเล้น
" หลงทางมาน่ะครับ เลยจะมาขอหลบฝนหน่อย "
จุนมยอนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วพูดกับผมด้วยสีหน้าเพลียๆ
" ขอเถอะครับ จะตอแหลอะไรก็เห็นใจแดดที่มันส่องเปรี้ยงอยู่กลางกบาลนี่หน่อยเหอะ "
ผมหัวเราะรวนกับท่าทีของน้องเขาก่อนจะใช้นิ้วโป้งชี้ข้ามหัวไหล่ตัวเองไปที่รถสปอร์ตซีดานสีดำคันงามของบิดาผมที่จอดอยู่ด้านหลัง
"ฮ่าๆ พี่แวะเอาเสบียงที่จะกินกันตอนเย็นมาลงก่อนน่ะ " จุนมยอนชะโงกมองตามไป ก่อนจะหันหลับมามองผมแล้วพยักหน้าอย่างรับรู้ แววตาที่เคยดื้อรั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ เยอะมั๊ยอ่ะ เดี๋ยวผมช่วยเอาลง “ คนตัวเล็กถามก่อนจะก้าวออกจากประตูบ้านมาแบบเต็มตัว
“ ก็เยอะอยู่ครับ แต่ถ้าช่วยกันสองคนสองรอบน่าจะเสร็จ “ ผมบอกก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำจุนมยอนไปแล้วเปิดกระโปรงหลัง จุนมยอนเห็นของที่ผมซื้อมามาก็อุทานออกมาเบาๆก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ นี่ซื้อมาถมที่หรอ เยอะขนาดเนี้ยอ่ะ! ใจคอพี่จะกินแทนน้ำเลยรึไงเนี่ย “
“ ก็พี่เห็นคนเราเยอะอ่ะ ไม่รู้ว่าพวกจุนมยอนกินกันเก่งมั๊ยแต่พี่กับไอ้เหี่ยวแล้วก็ไอ้ลู่น่ะก็คนละเกือบกลมแล้วนะ“
“ ผมไอ้แบคไอ้ชานแล้วน่ะไม่เท่าไหร่ ไอ้เลย์ คยองซูแล้วก็จงอินเยอะอยู่ แต่เยอะขนาดนี้คงกินไม่หมดกันหรอกฮะ “ น้องเขาว่าก่อนจะดึงโซดาออกมาสามแพ็คแล้วทำท่าจะยก
“ ไม่หมดก็เก็บไว้ก็ได้นี่ ของพวกนี้มันไม่เสียอยู่แล้ว “ ผมว่าก่อนจะดึงโซดาออกจากแขนน้องเขาหนึ่งแพ็ค
คนตัวเล็กหันมามองหน้าผมอย่างขัดใจ
“เดี๋ยวพี่เอาไปเอง เราน่ะเอาไปแค่สองแพ็คก็พอ แค่นี้ก็เกือบร้อยกิโลแล้วมั้งน่ะ “ ผมว่ายิ้มๆ น้องเขามองหน้าผมงงๆ ก่อนจะถาม
“ เกือบร้อยโลอะไรพี่ โซดาแพ็คนึงไม่ถึงห้าสิบกิโลสักหน่อย “
“ อื้มโซดาสองแพ็คน่ะหนักไม่ถึงร้อยหรอกครับ แต่ถ้ารวมกับน้ำหนักของพี่ที่นั่งอยู่ในจุนมยอนด้วยน่ะก็เกือบร้อยกิโลแล้วล่ะ “ ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างๆหูคนตัวเล็กแล้วละใบหน้าออกมายิ้ม
จุนมยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ริมฝีปากแดงสดเม้มเข้าหากัน หูขาวๆขึ้นสีแดงจางๆ
“ พี่แมร่ง.......” ว่าออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินหันหลังแบกแพ็คโซดานำหน้าไป ผมอมยิ้มจนเมื่อยแก้มกับท่าทีหวั่นไหวน่ารักๆแบบนั้นของน้องเขาก่อนจะยกแพ็คโซดากับกล่องเหล้าตามน้องเขาไป
จุนมยอนที่เดินนำหน้าผมมาจนถึงประตูรั้วๆ จู่ๆก็หยุดเดินกะทันหัน
ทำเอาผมหยุดเท้าแทบไม่ทัน คนตัวเล็กหันมาเผชิญหน้ากับผม
“ พี่............” น้องเขาเรียกผมเสียงนิ่งๆ สายตาออกจะกังวลเล็กๆ
“ ครับ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ หมาบ้านผมอ่ะมันดุหน่อยนะ ถ้ามันวิ่งมาเห่าน่ะปล่อยให้มันเห่าแล้วก็ดมไป
อย่ายกแข้งยกขาสะบัดสะบิ้งใส่เดี๋ยวมันจะกัดเอา แล้วก็เรียกชื่อมัน เดี๋ยวมันก็จะหยุดไปเอง
เดี๋ยวผมจะคอยห้ามมันให้ด้วย แต่อย่าไปทำท่าตกอกตกใจใส่มันจะได้ใจ ไอ้นี่มันแสบนักล่ะ“
จุนมยอนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปด้วยขณะพูดถึงเจ้าตูบแสนรัก ผมได้แต่อมยิ้มตาม
ผมเดินตามคนตัวเล็กเอาของเข้าไปเก็บในบ้านก็เรียบร้อยดีไม่มีอะไร
จนกระทั่งขากลับออกมาจะมาขนของรอบสองนี่แหละครับ
ผมแทบลืมตัวปล่อยแพ็คน้ำอัดลมกับขวดเหล้าลงพื้นแล้วกรี๊ดแตก
เมื่อเจ้าอีกัวน่าที่จุนมยอนพูดถึงวิ่งหูตูบหน้าตั้ง มาเห่ากรรโชกประชิดติดขา
แล้วเจ้าอีกัวน่านี่ไม่ใช่เซนต์เบอร์นาร์ดธรรมดาๆนะครับ
อารมณ์แบบเซนต์เบอร์นาร์ดจีเอ็มโอ คือแมร่งจะใหญ่ไปไหนครับ
จุนมยอนที่ยืนอยู่ข้างผมรีบเดินเข้ามาขวางระหว่างผมกับหมาจีเอ็มโอ
“ หยุดเลยกัวน่า! พอ! นั่งลงเดี๋ยวนี้!!! “ คนหน้าหวานออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงขึง เจ้าหมายักษ์ยอมนั่งลงโดยดี
แต่สายตายังคงมองเขม็งมาที่ผม คนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่งก่อนจะคว้ามือผมไปจับไว้แล้วดึงให้นั่งตาม
ถ้าอยู่ในเวลาปกติผมคงดีใจกริบกริ้วไปแล้วที่น้องเขาจับมือผมแบบนี้ แต่อารมณ์ ณ จุดนี้ๆบอกเลยฟินไม่ออก
ผมไม่ใช่คนกลัวหมานะ แต่ท่าทีที่เจ้าตัวยักษ์นี่แสดงออกมาทำเอาผมไม่กล้าหือกล้าอือด้วย
คนตัวเล็กหันมามองหน้าผมก่อนจะอมยิ้มขำๆ แล้วกระชับฝ่ามือผมแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นไปให้เจ้าหมาจีเอ็มโอดม
จมูกแฉะๆ ดมมือผมอย่างระแวดระวัง
“ อ่ะดมซะๆ นี่พี่คริส พี่ชายลู่ห่านไง “ จุนมยอนเหลือบมาสบตาผมก่อนจะดึงมือให้ใกล้เข้าไปอีก แล้วคุยกับเจ้าอีกัวน่า
ในใจผมก็นึกอยากจะพูดกับเจ้าอีกัวน่าว่าผมนี่แหละแฟนในอนาคตเจ้าของแก ญาติดีกันไว้นะ
แต่เกรงว่าเจ้าของหมาจะสั่งให้เจ้ายักษ์ขนปุยตัวนี้มันงับผมนิ้วขาดครับ ไม่เอาดีกว่า
“ ดีๆ ญาติดีกันไว้นะ ถึงพี่เขาจะหน้าไม่เป็นมิตรแต่ก็ไว้ใจได้อยู่ “ จุนมยอนว่าแล้วหันมามองหน้าผมยิ้มๆ
ทำเอาผมเคลิ้มจนเกือบจะเขินแล้วล่ะครับ ถ้าไม่ติดว่าน้องเขาหันมายิ้มแล้วพูดประโยคหลังต่อ
“ พันธ์ใกล้ๆกัน แต่ไม่รู้พี่เขาได้วัคซีนครบป่ะนะ “
“ แหมะ พูดงี้เดี๋ยวพี่ก็งับให้ติดเชื้อเลยครับ “ ผมว่าแล้วดึงมือข้างที่น้องเขาจับผมไว้ขึ้นมาแล้วงับลงไปเบาๆ
คนตัวเล็กกว่าแหวเสียงดัง ก่อนจะพยายามดึงมือออกแต่ผมไม่ยอมปล่อย
ใบหน้าหวานเบ้ลงเมื่อมองหลังมือตัวเองที่ผมเพิ่งจะอ้าปากแล้วละใบหน้าออกมา
รอยน้ำลายผมติดอยู่เป็นรูปฟัน
“ อี๋!!! พี่แมร่งโสโครกอ่ะ แหวะ รับผิดชอบเลย “ จุนมยอนว่าแล้วทำหน้าพะอืดพะอม
ผมที่เห็นน้องเขาทำหน้าแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะขำ ก่อนจะดึงมือน้องเขามาแล้วเช็ดเข้ากับเสื้อเชิ้ตตัวเอง
“ โอ๋ๆ พี่ขอโทษๆ ฮ่าๆๆ “
“ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย พี่รู้ป่ะว่าในน้ำลายคน 1 ซีซี มีแบคทีเรียอยู่ประมาณ 500 ล้านตัว
แล้วแบคทีเรียพวกนี้นะ......อื้อ!!! “ คนตัวเล็กตั้งท่าจะเปิดสกินแลคเชอร์วิชาจุลชีพใส่ไม่หยุดผมเลย
จัดการใช้ไม้ตายที่เคยเห็นผ่านตามา!!!!!
งัดนิ้วชี้ขึ้นก่อนจะป้ายลงไปบนลิ้นน้องเขางามๆหนึ่งที
จัดว่าได้ผลดีทีเดียวครับ จุนมยอนงับปากลงฉับก่อนจะพยายามถุยน้ำลายไล่ความเค็มออกจากปาก
“ พี่ยอมแล้วครับๆ ผิดไปแล้ว ขนของเข้าบ้านกัน “ แล้วก่อนที่น้องจะเขาจะทันตั้งตัว ผมรีบยกมือขึ้นยอมแพ้
ชวนน้องเขากลับเข้าเรื่องก่อนที่จะโดนสรรเสริญบรรพบุรุษ คนตัวเล็กมองผมอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมหยุด
ผมหย่อนก้นลงนั่งกับโซฟาในห้องนั่งเล่นหลังจากที่ชวนกับเจ้าของบ้านจัดของจนเสร็จ
สายตาผมมองสำรวจไปรอบๆ บ้านจุนมยอนจัดว่าใหญ่พอสมควรครับ แต่ก็ไม่เว่อร์อลังการ
ในบ้านตกแต่งแบบเรียบๆ ให้ความรู้สึกสบายๆ แต่มีบางมุมของบ้านที่ตกแต่งแบบอาร์ทๆด้วยของดีไอวาย
ที่ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเป็นฝีมือลูกชายเจ้าของบ้านแน่นอน
“ มองอะไรพี่ วางแผนขโมยของบ้านผมหรอ “ เสียงหวานเอ่ยแซวขำๆ ก่อนที่มือเล็กจะยื่นแก้วน้ำผลไม้เย็นๆให้
ผมรับมาจิบดับกระหายก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ ของพี่ไม่อยากได้หรอกครับ ที่อยากได้อ่ะหัวใจลูกชายเจ้าของบ้าน “
“ว่าและต้องโดน.......พี่ไม่เสี่ยวซักวันได้มั๊ยเนี่ย “ จุนมยอนถามสีหน้าจริงจัง
“ พี่ไม่ได้เสี่ยวนะ พี่แค่ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ “
“ พอเลยๆ อยู่กับพี่นานๆละไมเกรนผมจะขึ้น “
“ จะเป็นไมเกรนหรือว่าหวั่นไหว “ ผมแซวแล้วยิ้มหวานให้ แต่น้องเขาทำหน้าเฉยๆก่อนจะตอบกลับมา
“ ไมเกรน “
“ ไม่หวั่นไหวเลยอ่ะ? “ ผมว่าก่อนจะทำหน้าอ้อน แต่คนตัวเล็กก็ส่ายหน้าช้าๆตอบกลับมา
“ หึ “
“ สักนิดก็ไม่? “ ผมถามอีกครั้งแล้วมองค้อนน้องเขาแบบดัดจริต จุนมยอนอมยิ้มแล้วตอบกลับมา
“ ไม่ “
“ นี่พี่งัดมุขมาใช้จนเกือบเกลี้ยงโกดังแล้วนะ หวั่นไหวให้หน่อยเห๊อ “ ผมพูดเหมือนกับว่ากำลังต่อสินค้าแถวชายแดน
แต่น้องเขาก็แค่ยิ้มเล็กแล้วส่ายหน้า
“ ใจร้ายจัง “ ผมว่าแล้วทำปากยื่นเหมือนเด็ก
“ พอแล้ว ผมไปละ “
จุนมยอนหัวเราะเสียงใสก่อนตั้งท่าจะเดินออกไป ทำเอาผมร้องท้วงแทบไม่ทัน
“ อ้าว ไปไหนอ่ะ “
“ ไปหาทำงานครับ สายโด่งแล้ว “
“ งานไรอ่ะ ให้พี่ช่วยป่ะ “
“ ผมว่าจะไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านหน่อยอ่ะ “
“ หรอๆ งั้นรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วไปรดน้ำสังข์กับพี่ต่อได้มั๊ยอ่ะ “
“ เปลี่ยนเป็นรดน้ำศพแทนจะไม่ปฏิเสธเลยครับ “
“ ฮ่าๆๆ พี่หยอกเล่น เดี๋ยวพี่ไปช่วยรด “ ผมหัวเราะร่าเมื่อเห็นจุนมยอนตอบกลับมาแบบเหนื่อยหน่าย
ก่อนจะสะอึกเพราะคำพูดน้องเขา
“ ไม่ต้องกระแดะเลยพี่ แต่งตัวมาซะหยั่งกับจะไปหาเสียงเลือกตั้ง “ คนตัวเล็กว่าแล้วชี้นิ้วไปที่เสื้อเชิ้ตสีครีม
กับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลที่คนตัวสูงใส่มา
และเมื่อเห็นว่าคนหน้าพยาธิเหมือนจะจุกกับคำพูดตัวเอง คนหน้าหวานเลยแก้ลำ
พูดความจริงออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“เดี๋ยวเสื้อเปื้อนหมด พี่รอผมอยู่นี่แหละ ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว “
“ อ่าครับ “ผมตอบรับไป ในใจแอบเซ็งตัวเอง รู้งี้น่าจะใส่เสื้อแถมลิโพกับกางเกงขาสั้นมาก็พอ
เสือกห่วงหล่อไม่เข้าเรื่อง เลยพลาดโอกาสจะได้ส่องน้องเวลาอยู่ในโลกส่วนตัวเลย
อยากด่าตัวเองแมร่งสักพันครั้ง วุ้ย! ไอ้คริสไอ้หน้าหล่อ ไอ้หน้าหล่อเหี้ยๆ ไอ้โคตรของโคตรหล่อ
“ พี่...... “
และก่อนที่ผมจะได้ด่าตัวเองไปมากกว่านี้ คนหน้าหวานก็เอ่ยเรียกขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ
ทำเอาซะผมตกใจจนต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย และเมื่อเห็นสีหน้าหม่นลงของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมตกใจมากขึ้น
“ ครับ? “
“ ไม่โกรธผมใช่มั๊ย “ จุนมยอนถามด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“ เฮ้ย พี่จะไปโกรธเราทำไมอ่ะ “ ผมถามกลับไปด้วยความตกใจปนสงสัย
“ ก็ที่ผมว่าพี่เรื่องเสื้อผ้าพี่อ่ะ “
“ ฮื่ออ “ ผมครางออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าน้องเขาคิดมากเรื่องที่ว่าผมไปตะกี้
ก่อนจะที่ผมจะขยับขึ้นไปยืนข้างหน้าน้องเขา “ คิดมากก พี่ไม่อะไรหรอก ก็ถูกของเราแหละ
พี่แค่เสียดายเฉยๆว่าน่าจะใส่เสื้อยืดมาจะได้ไปช่วยได้ ขอบใจนะที่เป็นห่วงความรู้สึกพี่อ่ะ “
ผมพูดแล้วยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มของอีกฝ่าย
น้องเขาจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าผมต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนห้ามแขน
ตัวเองไม่ให้ดึงน้องเขาเข้ามากอดแน่นๆ
เล่นห่วงความรู้สึกกันแบบนี้ ผมดีใจจนรู้สึกเหมือนว่าเท้าจะลอยๆจากพื้นเลย
น้องเขาปล่อยให้ผมยืนลูบหัวอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม
แล้วหลบสายตา ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนใจสั่นอยู่คนเดียวกับท่าทางเคอะเขินของน้องเขา
“ ทีวีเปิดดูได้ตามสบายเลยนะพี่ ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินในครัวได้เลยนะ
ผมปอกผลไม้แช่ไว้ในตู้เย็นอ่ะ ผม...ผมไปรดน้ำต้นไม้ละ “
ตายแน่ไอ้คริส มรึงตายแน่ๆ
50%
หลังจากที่ผมนอนกลิ้งเกลือกบนโซฟาไปสามร้อยหกสิบแปดท่า
จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววว่าคนน่ารักที่บอกผมว่าจะไปทำงานแป็บนึง จะกลับมา
ผมเลยหยิบเอานาฬิกาพูม่าเรือนสีดำโก้เก๋ของเก๊จากประเทศบ้านเกิดเตี่ยขึ้นมาดูเวลา
12:30
เป็นชั่วโมงแล้ว ที่จุนมยอนหายไป น้องเขาคงไม่ได้ลื่นล้มหัวฟาดพื้นเพราะใจผมที่ละลายอยู่ใช่มั๊ยครับ
ถุ้ยยยย! ทำเป็นเล่นไป ผมผุดลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสาวเท้าออกจากบ้านหลังโต
หูแว่วเสียงงุ้งงิ้งๆ เหมือนใครกำลังทะเลาะกับอะไรอยู่ เร่งให้ผมสาวเท้าตามเสียงนั้นไปเร็วขึ้นจนเกือบจะวิ่ง
ผมเดินลัดเลาะมาตามทางที่โรยหินแม่น้ำก้อนเล็กๆไว้ โดยมีต้นชาประดับกั้นทั้งสองข้างเหมือนกำแพงเตี้ยๆ
สูงประมาณหัวเข่า
ยิ่งใกล้เสียงก็ยิ่งชัดขึ้น ทำให้ผมมั่นใจว่าเป็นเสียงของจุนมยอนแน่นอน
“ หยุด!! บอกให้หยุดไง! เฮ้ย!!! อย่า!!! “ จุนมยอนตะโกนออกมาลั่นด้วยน้ำเสียงออกจากตื่นตระหนก
หัวใจผมบีบตัวแน่นร่างของผมพุ่งออกไปโดยอัตโนมัติ
“จุนมยอน!!!!! “ ผมตะโกนออกไปสุดเสียง
ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำให้ลำคอผมตีบจนแทบจะหายใจไม่ออก.....
จุนมยอนใช้ฝ่ามือเล็กๆกำปลอกคอเจ้าอีกัวน่าไว้แน่น
อีกมือถูกยกขึ้นมาเพื่อป้องใบหน้าไม่ให้ถูกน้ำที่เจ้ากัวน่ากำลังจะสะบัดใส่
สายตาสองคู่ทั้งจากเจ้านายหน้าหวานและหมายักษ์หน้าปุยหันมามองผมที่ตะโกนจนฝ้าบ้านแทบถล่มแบบงงๆ
“อะไรของพี่อ่ะ ตะโกนทำไมไปรษณีย์มาส่งพัสดุหรอ “ จุนมยอนถามผมงงๆ
ผมที่ไม่รู้จะแก้เก้อยังไงได้แต่ผงกหัวไปตามน้ำแอ๊บเนียนบนกองหน้าที่แตกละเอียดยับ
“ ก็เซ็นรับแล้วก็เอาของไปไว้ให้ผมที่รับแขกก็ได้ไม่เห็นต้องแตกตื่นเลย
แล้วนี่พี่ไม่ได้วิ่งตามไปกัดล้อรถเขาใช่มั๊ย “ จุนมยอนว่าเรียบๆแล้วอาบน้ำให้เจ้าตูบต่อ
“จ้ะ “ ผมขานรับออกไปแบบที่สติยังไม่ค่อยเข้าร่างดี ก่อนจะชะงัก เอ๊ะ! น้องเขาว่าผมเป็นกวางมูสป่ะครับ
“ ดีละๆ งันกลับไปรอผมในบ้านแป็บ เดี๋ยวผมอาบน้ำไอ้ยักษ์นี่เสร็จแล้วผมตามเข้าไป “ คนหน้าหวานว่าพลางพยักเพยิดหน้าให้ผมกลับเข้าบ้านไป
“ ไม่เอาอ่ะ ให้พี่นั่งๆนอนๆ เฉยๆ ไม่สบายใจเลยเลยอ่ะ “ ผมส่ายหน้า
“ ไม่ต้องคิดมากหรอกฮะ และอีกอย่างพี่เป็นแขกผมเป็นเจ้าบ้านจะให้พี่มาทำงานบ้านงกๆได้ไง “ จุนมยอนว่าแล้วยิ้มบางๆ ทำเอาผมใจเต้นจนอดพูดกับน้องเขาไม่ได้ว่า
“ พี่เป็นคนจีนนะ “
“แล้วคนจีนอยากโดนตีนมั๊ยครับ “
“ ไม่จ้ะ “ ผมรีบงับปากลงเมื่อน้องเขาหันมาค้อนให้วงเบ่อเร้อ
“ เอาน่ะพี่ไปรอในบ้านเหอะ เดี๋ยวผมก็เสร็จแล้ว แป็บเดียว “ จุนมยอนเอ่ยปัดขึ้นมาอีกครั้งอย่างอึดอัด
หลังจากที่ผมเงียบไปแล้วยืนดูน้องเขาเอาน้ำจากสายยางราดให้เจ้ากัวน่านิ่งๆ
“ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วก็พูดงี้อ่ะ “ ผมว่า จุนมยอนแกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยิน
ผมเลยพูดต่อ “ ให้พี่ช่วยเหอะเตี่ยกับม๊าพี่สอนมาว่าอยู่บ้านท่าอย่านิ่งดูดาย เปิด wifi ให้ลูกท่านเล่นนะ นะ ให้พี่ช่วยเหอะ”
ผมว่าอย่างสำบัดสำนวน จุนมยอนได้แต่หันมามองผมอย่างเอือมระอาก่อนจะหันกลับไปอาบน้ำให้เจ้ากัวน่าต่อ
ปากขมุบขมิบเบาๆพอให้หูผมกระดิก “สำนวนมันมาจากพจนานุกรมเล่มไหนวะ “
“ มาจากพจนานุกุ ฉบับปรับปรุงพิเศษ สร้างโดยกุ ใช้โดยกุ กุรู้เรื่องอยู่คนเดียวครับ “
“ครับ งั้นเชิญคุณพจนานุกูเข้าไปนั่งรอในบ้านเงียบๆด้วยครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วตามไปครับ ” คนน่ารักว่าก่อนจะละมือข้างนึงจากเจ้าตูบยักษ์ผายไปทางบ้านแล้วส่งสายตาบอกเป็นนัยว่า เข้าบ้านไปซะถ้ายังอยากจะหายใจอยู่
และแน่นอนว่าผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแต่หาปฎิบัติตามไม่ ยืนปักหลักค้ำหัวน้องเขาอยู่งี้แหละครับ
เวลาผ่านไปไม่นานจุนมยอนก็ละมือที่กำลังลูบน้ำให้ซึมเข้าสู่ขนปุยๆของเจ้ากัวน่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม
“ คือถ้าไม่ได้ช่วยงานผมนี่จะไม่ยอมไปจริงๆใช่มั๊ย “
“ อ่าหะ “
“ ด้าน” น้องเขาตอกมาสั้นๆ สะบัดปลายเสียงขึ้นนิดๆให้กรีดลงมากลางใจคนฟังอย่างผม แต่ระดับคริสเดือนวิศวะสิ่งแวดล้อมแล้วชิวมากครับ แค่นี้จิ๊บจี๊บบบบบ
“ เขาเรียกมั่นคงครับ “ ผมหยอดกลับไปแบบไม่รั้งรอ
“ พอเลยๆ จะช่วยก็นั่งดิ่ ยืนเป็นเสาไฟอยู่ได้ เดี๊ยะให้หมาเยี่ยวใส่ซะให้เข็ด” ปากน้องว่าครับ แต่หูแดงเถือก
เปิดโอกาสให้ผมเห็นช่องแล้ว ผมก็ใส่ไม่ยั้งสิครับ
“ ให้พี่เป็นเสาไฟฟ้า พี่ก็ยอมอ่ะถ้าได้เคียงข้างหลักกิโลอย่างมยอนอยู่บนไหล่ทางหลวง “ น้องเขามองหน้าผมอย่างระอา ผมยิ้มตอบก่อนที่น้ำจากปลายสายยางที่น้องเขาถืออยู่จะพุ่งเข้าหน้าผมด้วยวิถีโค้งแบบโปรเจ็คไทล์
เป็นการสิ้นสุดบทเกี้ยวพาราสีผมโดยดุษฎีครับ
ผมไม่กล้าหือกับจุนมยอนอีกเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำตามที่น้องเขาบอกงกๆ
ก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะครับ แค่ไม่อยากเป็นนิ่วจากการกินน้ำประปาจากสายยางเขียว โถ่
“ บ้านพี่ทำอะไรหรอ “ เสียงใสลอยมากระทบโสต
ขณะที่ผมกำลังตั้งอกตั้งใจอยู่กับการลูบขนเจ้ากัวน่าที่เปื้อนฟองแชมพูให้ตั้งขึ้นเป็นทรงโมฮอก
เลยมีเพียงเสียงทุ้มๆที่ครางรับจากลำคอเบาๆเท่านั้น
“ หืม “
“ บ้านพี่อ่ะ ทำงานอะไร “ จุนมยอนถามซ้ำก่อนจะคว้าข้อมือของผมไว้
แล้วบีบแชมพูอาบน้ำหมาให้เพิ่ม ผมยิ้มรับก่อนจะหันไปฟอกขาปุยๆของเจ้ากัวน่า
“ ทำฟาร์มครับ ฟาร์มวัวนม “
“ อ้าว แล้วทำไมพี่มาเรียนวิศวะสิ่งแวดล้อมอ่ะ ไม่สานต่องานที่บ้านหรอ “ คนตัวเล็กถามก่อนจะ
ราดน้ำจากสายยางลงชะขนขาเจ้ากัวน่าให้เปียกขึ้นอีกนิด
“ ฟาร์มวัวพี่ไม่ค่อยถนัดน่ะ แต่ถ้าฟาร์มรักอ่ะว่าอย่าง “ ผมหันมาขยิบตาให้น้องเขาไปที
“ สาระดิ่ ผมถามดีๆเนี่ย “ จมูกโด่งเชิดขึ้นอย่างเริ่มเคือง ริมฝีปากแดงๆเริ่มยื่นออกมาน้อยๆ
ผมอมยิ้มกับภาพน่ารักๆนั้นก่อนจะตอบออกมาดีๆ
“ ฮ่ะๆๆ ว่าไงดี.....พี่ชอบเรียนฟิสิกส์น่ะ มันดูเป็นจริงแล้วก็สัมผัสได้
แล้วอีกอย่างจบไป พี่ก็กะว่าจะไปพัฒนาฟาร์มช่วยที่บ้านจากความรู้ที่เรียนๆมานี่แหละ
เรื่องการบำบัดของเสียพัฒนาสิ่งแวดล้อมของฟาร์มอะไรประมาณนี้
ให้ฟาร์มเรามีเอกลักษณ์ไปเลยเรื่องการจัดสรรทรัพยากร การกำจัดของเสียทำนองเนี้ย
เอาให้เป็นที่ยอมรับจากสังคมแล้วก็เป็นที่ดูงานได้ก็เจ๋งเลย “
“ โอ้โห มีสาระเหมือนกันนะพี่อ่ะ “
“ ความรัก ความหวังดีก็มีครับ ให้ไปหมดแล้วด้วย “ ผมยิ้มน้อยๆพร้อมกับสบตาน้องเขา
“ .......อะ เอา ผมเอาน้ำราดละนะ ฟอกนานแล้ว เดี๋ยวมันหนาว “ จุนมยอนรีบเปลี่ยนเรื่อง หันไปเปิดน้ำให้แรงขึ้นแล้ว
เอาน้ำราดบริเวณหลังเจ้ากัวน่าเพื่อไล่ฟองออก ผมเองได้แต่อมยิ้มแล้วไล้มือไปตามตัวเจ้ากัวน่าเพื่อช่วยไล่เอาฟองออก
จังหวะที่จุนมยอนขยับย้ายขึ้นมาราดน้ำที่บริเวณใกล้ๆหัว เจ้าตูบขนปุยก็แผงฤทธิ์
สะบัดขนซะน้ำกระเด็นเซ็นซ่าน ฟองสีขาวกระจุยกระจายไปทั่วติดหัวติดหูผมกับจุนมยอนไปหมด
แถมไอ้ตัวตัวแสบยังอาศัยช่วงที่พวกผมตกใจโวยวายกันอยู่ใส่เกียร์หมาจะวิ่งหนีไป
แต่เจ้าของตัวเล็กไหวตัวทันพริบไอ้หมาเจ้าเล่ห์ กระโดดสุดตัวตะครุบตูดมันเอาไว้ได้
ผมหัวเราะจนตัวโยนกับท่าโดดน้องเขา ก่อนจะโดนว่าเสียงเขียว
“ ไม่ช่วยแล้วยังจะหัวเราะอีก!! ตอนเด็กขาดโซเดียมหรอะฮะ! “
“ฮ่าๆๆๆ “
“ ว่าแล้วยังไม่รู้สึกอีก โอยยยย เอาโซ่มาให้ผมหน่อยมันจะหลุดละเนี่ย “ ตอนนั้นเองผมถึงพยายามกลั้นหัวเราะ
รีบไปหยิบเอาโซ่ที่วางอยู่ใกล้ๆมาให้น้องเขา
คนตัวเล็กล่ามโซ่เจ้ากัวน่าไว้ทั้งๆท่านอน ผมเลยลงไปนั่งยองๆแล้วช่วยฉุดน้องเขาให้ลุกขึ้นมานั่ง
จุนมยอนยึดแขนผมไว้เพื่อช่วยทรงตัวใบหน้าหวานใสเปื้อนไปด้วยฟองแชมพู
แก้มขาวๆขึ้นสีลามไปถึงหูด้วยความเหนื่อย ผมนุ่มสีเข้มเปียกเปื้อนน้ำจนชี้โด่ชี้เด่ไปมา
ผิวขาวยิ่งดูขาวซีดมากขึ้นเมื่อถูกน้ำ ดวงตากลมใสที่สะท้อนแววดื้อรั้นหัวแข็งให้เห็นอยู่ตลอด
เงยขึ้นสบกับดวงตาผมอย่างไม่ตั้งใจ
ผมยกฝ่ามือกว้างๆขึ้นลูบเอาฟองที่เปื้อนแก้มขาวออกช้าๆ
ดวงตากลมใสที่สะท้อนว่าสั่นไหวดึงดูดให้ผมละสายตาไปไหนไม่ได้
เหมือนเวลาเดินช้าลง โลกทั้งใบแทบจะหยุดหมุน
หูผมอื้อไปหมด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเลื่อนหน้ามาใกล้กับน้องเขาขนาดนี้
ใกล้......จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ
ใกล้...... ใกล้เกินไป
“ ยะ...อย่าฮะ “ เสียงหวานเอ่ยสั่นๆ จากริมฝีปากเล็กที่แทบจะแนบชิดอยู่กับริมฝีปากของผม
ช่วยเรียกสติผมให้กลับเข้าร่างแต่กระนั้นผมก็ไม่ยอมละใบหน้าออกมา
จุนมยอนทำท่าจะบ่ายหน้าหนี
“ อย่า....” ผมร้องห้ามเบาๆ คนตัวเล็กหยุดก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันช้าๆอย่างระมัดระวัง
เพราะความห่างเพียงลมหายใจกั้น
“ พี่ไม่ทำอะไรหรอกครับ ไม่ทำมากไปกว่านี้แล้ว อย่ากลัว อย่าหนีพี่เลยนะ “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ
ก่อนจะขยับเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มขาวใส แล้วสูดเอากลิ่นหอมเข้าไปจนเต็มปอด
ผมละปลายจมูกจากแก้มนุ่มออกมาสบตาคนตัวเล็กอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักที่เคยมีแววดื้อรั้น
หยิ่งพยศผยองมาตอนนี้เหลือไว้เพียงแววตาที่ไหวระริก
ผมยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้านั้นอีกครั้ง
ความรู้สึกอยากจะบอกเล่าอะไรบางอย่างเอ่อขึ้นมาจนล้น
“ จุนมยอนพี่...... “
ตื้ดดดดดดดด
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดสิ่งที่คิดไว้ เสียงออดหน้าบ้านก็แผดสนั่นขึ้นมาเสียก่อน
ผมกลั้นใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั้น แล้วเอ่ยปากต่อ
“ คือพี่จะบอกว่า........ “
ตื้ดดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดดด
“ …..ไอ้เชี่ยลู่ “ ผมเข่นเขี้ยวออกมา เสียงกดออดรัวกวนตีนๆทำเอาผมแทบจะลืมไปเลยว่าจะพูดอะไรกับจุนมยอน
ความรู้สึกที่ล้นๆอกอยู่เมื่อกี้นี้ก็ปลิวหายไปกับสายลมแสงแดดแทบจะสิ้น
คนตัวเล็กได้โอกาสผละออกจากอ้อมแขนผม ก่อนจะเลิกคิ้วใส่แล้วหลบสายตาทันทีที่ผมมองตอบ
“ บ้านพี่สอนกดออดกันงี้ใช่ป่ะ “
ผมได้แต่กรอกตาขึ้นไปมองฟ้า ในใจล่ำๆอยากจะบีบคอไอ้คนหน้าประตูให้ตายห่าไปข้าง
ตื้ดดดดดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ ผมพี่ว่าไปเปิดประตูให้มันหน่อยไป ก่อนน้องพี่มันจะทำปุ่มกดออดบ้านผมจมเข้าไปในเสา
เดี๋ยวผมรบกับไอ้แสบนี่เสร็จแล้วเดี๋ยวผมตามออกไป “ จุนมยอนว่าแล้วพยักเพยิดไปทางหน้าบ้าน
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหน้าบ้านพร้อมอารมณ์คุกรุ่น
ประตูรั้วสีเข้มถูกกระชากออกอย่างแรง พร้อมกับร่างเปียกปอนของผมก้าวออกมาเผชิญกับแขกผู้มาใหม่
“ เชี่ยลู่กวนตีน!!!! “ ทันทีที่หัวทองๆเข้ามาอยู่ในลานสายตาผมก็ทักทายลูกพี่ลูกน้องด้วยถ้อยคำสุดจะเอ็นดู
ดับพายุในใจที่กำลังโหมกระหน่ำ
“ โอ้โห สวัสดีครับ เพิ่งรู้ว่าเขาทักทายกันแบบนี้ สงสัยต้องจดไว้เป็นความรู้ใหม่ต้อนรับ AEC ซะและ “
ไอ้ลู่ว่าขำๆแล้วยิ้มยียวนเชิญชวนให้เอาตีนแนบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน
ตอนแรกผมกะจะด่ากราดมันสักชุดสองชุด แต่พอมองเห็นถนัดๆว่ามันกับไอ้พวกที่ยืนอยู่ข้างหลังใส่เสื้อผ้าอะไรกันมาแล้วทำเอาลิ้นไก่ผมเป็นอัมพาต
ไอ้ลู่ยังคงความเป็นเจ้าแห่งการก่อวินาศกรรมทางแฟชั่นได้ไม่เปลี่ยนแปลง
หัวทองๆของมันตัดกับเสื้อสีแดงสดสกรีนภาษาอังกฤษตัวเท่าลูกควายเผือกว่า ‘ Up to me ‘
กางเกงสีผ้าอ่อนสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมรอยยับย่นที่ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าเก็บมาจากราวตากผ้าแล้วใส่ทันทีแน่ๆ
รองเท้าสตั๊ดสีบานเย็นคู่เก่งที่มันมักจะใช้เตะบอลตอนเย็นเป็นประจำก็ถูกสวมมา
แต่ดีว่าวันนี้พิเศษหน่อยมีก้อนโคลนที่แสดงถึงการผ่านสมรภูมิอันโชกโชนติดรองเท้าแมร่งมาด้วย
ไอ้จงแดเพื่อนหน้าแก่ของผมก็แพ้กันวันนี้มาในผ้าเหลือง เอ้ย! เสื้อยืดสีเหลือง
กางเกงขาสั้นสีม่วงเสมอเข่าเกือบจะเดฟกับรองเท้าแตะตราดาวเทียมสีส้ม
น้องเลย์ผู้อาร์ทติสวันนี้ก็ยังคงสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดรุ่ยๆตัวเดิมกับเสื้อยืดสีเขียว
และรองเท้าผ้าใบรุ่นพิเศษมีช่องให้นิ้วตีนสัมผัสกับอากาศได้อย่างแช่มชื่น
จื่อเทาน้องเขยผมมาในเสื้อเชิ้ตลายดอกหลากสีกับกางเกงยีนส์ขาสั้น โดยมีเพื่อนหน้าอึนยืนใส่ยืดสีกากีอยู่ข้างๆ
“ สามแยกปากหมาหรอวะ ครบเลย เขียว เหลือง แดง ดอก กากี “
“ เฮ้ยคริส มรึงเก่งว่ะ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกับกุ เข้าใจคอนเซปการแต่งตัวของพวกกุด้วย
แมร่งรักเมิงว่ะ ฮ่าๆๆๆ “ ไอ้ลู่ว่าแล้วโผเข้ามากอด ทำเอาผมยกเท้าขึ้นมากันแทบไม่ทัน
“ ไม่ต้องมากอดเลยเชี่ย เดี๋ยวกุคัน “
“ หงุดหงิดๆ ทำไมวะคริส กุมาขัดจังหวะอะไรมรึงรึป่าว “ ไอ้ลู่เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองผมอย่างจับผิด
ผมได้แต่ยักไหล่แล้วตอบกลับไปเสียงสูง
“ ป๊าวว “
“ หรออออออ แล้วนี่จุนมิกุไปไหน ไม่เห็นออกมารับเพื่อนรักหน้าตาดีคนนี้เลย “
“อาบน้ำให้กัวน่าอยู่ข้างในอ่ะ เดี๋ยวกุไปช่วยไอ้เหี่ยวยกของลงก่อนนะ
แก่แล้วไม่เจียมเดี๋ยวแมร่งหลังยอกพอดี “ ผมว่าแล้วมองเลยไปที่เพื่อนซี้หน้าแก่ของผม
ที่กำลังขะมักเขม่นอยู่กับการหิ้วถุงของกินออกจากกระโปรงท้ายรถมินิแวนสีขาวสะอาดตาของมัน
“ เออๆ งั้นเดี๋ยวกุเข้าไปหาจุนมิมันก่อนนะ ฝากเอาของลงด้วย อย่าแอบแดกไก่สดล่ะมรึง”
“ พ่องดิ่ “
“ พ่อกุก็อามรึงป่ะวะ ฮ่าๆๆๆ “ ผมง้างมือขึ้นจะโบกหัวทองๆของไอ้ลู่ให้คว่ำ
แต่มันไวก้มหลบฝ่ามือผมก่อนจะวิ่งฉิวเข้าบ้านไป ผมมองตามหลังมันแล้วส่ายหัวเบาๆ
มีหมอที่ไหนรับรักษาโรคกวนตีนมั๊ยครับ ผมจะพาน้องชายผมไปรักษา
“ พี่เขยหวัดดีครับ “ จื่อเทายกมือขึ้นไหว้ผมทั้งๆที่มือถือถุงกับข้าว ทำเอาเล็บตีนไก่สดที่โผล่ออกมาจากถุงเฉี่ยวตาผมไปไม่กี่เซนต์
“ อ่าหวัดดีเทา สบายดีมั๊ย “ ผมถามกลับก่อนจะคว้าถุงของน้องเค้ามาถือไว้
“ ก็น่าจะดีกว่าพี่เยอะอ่ะ ฮ่าๆๆ ผมนึกว่าพี่รหัสผมจะฆ่าพี่หมกท่อไปแล้วซะอีก “
“ ฮ่าๆๆ ยังหรอกๆ พี่ยังไหว ว่าแต่น้องนี่ใครอ่ะ “ ผมว่าแล้วชี้นิ้วไปที่ไอ้เด็กหน้าอึน
น้องมันรีบวางของลงแล้วยกมือไหว้ผม
“ หวัดดีครับ ผมเซฮุนเพื่อนไอ้เทามัน “
“ เซฮุน.....เซฮุน อ้อ เด็กไอ้ลู่ป่ะ “ ผมถามยิ้มๆ น้องมันอมยิ้มแล้วพึมพำเบาๆพอให้หูผมกระดิก
ใครเด็กใครเดี๋ยวรู้เลยอะไรสักอย่าง
“ เฮ้ยๆๆๆ สนใจกุบ้างกุกับน้องเลย์ยังอยู่ตรงนี้นะเว้ย นิ้วมือกุสองคนจะหลุดแล้ว
มาช่วยกันขนของบ้างเว้ยเฮ้ย “
“ แหม่ หลวงพี่ก็ใจร้อนไปได้ ผ้าเหลืองที่ห่มมาวันนี้ไม่ช่วยเยียวยาจิตใจเลยแหงะ “
“ ตลกใหญ่ละ เสื้อยืดเถอะสาด มาช่วยกุขนของเลยมรึง “
“ เออๆ รู้ละ ยิ่งโมโหหน้ายิ่งแก่นะเว้ย ถ้าหน้ามรึงแก่กว่านี้อีกนิดนี่ก็เป็นทวดกุได้ละนะเว้ย “ ผมรีบเข้าไปช่วยไอ้เพื่อนหน้าเหี่ยวขนของก่อนจะแซวและกระแซะไหล่มัน ทำเอาหลวงพี่ของขึ้นง้างเท้าขึ้นหมายจะลูบตูด
“ เชี่ยยยย เดี๋ยวกุเตะให้ไส้ออกมาพันลิ้นไก่เลยนิ “
“ ฮ่าๆๆ กุหยอกเล่นๆ “
ผมถือของวิ่งหนีเข้าบ้านมา ก่อนที่จะหยุดแบบกะทันหันทำเอาไอ้แก่ที่วิ่งไล่กวดผมมาติดๆ
เบรคไม่ทันชนหลังผมเข้าไปแบบเต็มๆ
“ เชี่ยมรึง! ดั้งกุหักแล้วมั้งเนี่ย ” ไอ้แก่มันว่าแต่อารมณ์นี้หูผมอื้อไปหมดแล้วกับภาพที่เห็นตรงหน้า
คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นใช้แขนเล็กๆเกี่ยวคอไอ้ลู่ไว้แน่นแล้วกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิกกันคิกๆคักๆ
ผมยืนนิ่งเป็นรูปปั้นหินในยุคสำริด ไม่ได้หึงไม่อะไรแต่ตากุร้อนเป็นไฟ อิจฉาครับ
กุเต๊าะมาตั้งนานเพิ่งได้หอมแก้ม ไอ้เชี่ยลู่แมร่งมาไม่ถึงห้านาทีหน้านี่แทบจะทิ่มกันอยู่ละ
“ เฮ้ยยย! เล่นเลสกันหรอมรึง “
ผมกับไอ้จงแด รวมทั้งจุนมยอนกับไอ้ลู่ถึงกับสะดุ้ง เมื่อน้องเลย์ที่เดินตามเข้ามาตอนไหนไม่รู้
ตะโกนถามเสียงดังก่อนหัวเราะร่า
“ ตลกละไอ้เลย์ ตลกละ “ จุนมยอนหันมาว่าน้องเลย์ก่อนจะเหลือบมามองหน้าผมนิดนึงแล้วหลบสายตาแล้วเดินเข้าบ้าน
“ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อแป็บนะ “
“ เอ้าจริงๆนะเนี่ย ถ้าเล่นเลสกันแล้วไม่ชวนเค้า นี่โกรธอ่ะ ฮ่าๆๆๆ “ ไอ้น้องเลย์ยังย้ำคำเดิม ทำเอาไอ้ลู่ฮาครืน
“ มรึงแมร่งก็จังไรละเลย์ ฮ่าๆๆ มาๆกุช่วยถือของ “
“ เออดีๆ กระดูกนิ้วมือกุลั่นสามรอบละเนี่ย มรึงเอานี้ไป เดี๋ยวกุเอาที่เหลือนี่ไปไว้ในครัวก่อน “ น้องเลย์ยื่นถุงของให้ลูกพี่ลูกน้องผมครึ่งนึง แล้วเจ้าตัวก็รีบสลัดอีแตะถือถุงที่เหลือเข้าบ้านไปเร็วจี๋ ตามด้วยไอ้จงแด
ไอ้ลู่เองก็กำลังจะเดินตามเข้าไปแต่ผมรีบคว้าคอเสื้อมันไว้ด้วยมือข้างที่ถือถุงไก่อย่างลืมตัว
“ แอร้กกกกกกกก “ เล็บตีนยาวๆของไก่สดปักเข้าท้ายทอยขาวๆทำเอาไอ้ลู่ร้องลั่น
ผมรีบละมือออกมาแล้วขอโทษขอโพย
“ เฮ้ยๆๆ ขอโทษๆๆ กุลืมตัวๆ “
“ แมร่งงง มรึงสาบานมาสิว่ามรึงไม่ได้ตั้งใจอ่ะ เชี่ยย เจ็บอ่ะ “ น้องผมมันลูบคอปรอยๆ ดูท่าคงจะเจ็บจริง
ผมเอื้อมมือไปจับหัวไอ้ลู่หมุนกลับหลัง ปรากฏว่าท้ายทอยมันมีรอยแดงเป็นจุดเล็กๆมีเลือดไหลซิบๆ
“ กุพูดจริงๆเนี่ย ถ้ากุจะแกล้งมรึงนะ กุไม่จิ้มแค่นี้ “
“ โห แรงกว่านี้ก็ทะลุคอกเลยมั๊ยไอ้พี่ชายยยย “ ไอ้ลู่หันมาพูดใส่หน้าผม
“ ฮ่าๆๆ มรึงก็ว่าไปเรื่อย ว่าแต่เมื่อกี้มรึงคุยอะไรกับจุนมยอนวะ “ ผมหัวเราะก่อนจะลูบหัวไอ้ลู่ที่หน้างอคอหักเป็นปลาแม่กลองไปซะละ
“ ก็ไม่มีอะไร จุนมยอนมันมาอ้อนกุว่ามันอยากเมาทำไมวะ หึงอ่ะเด้ “
“ กุแค่อิจฉาเหอะ อีกอย่างนะมรึงไม่กล้านอกใจไอ้น้องหน้าอึนนั่นหรอก”
“ มรึงเจอเซฮุนแล้วหรอ “ ไอ้ลู่ถามผมอย่างเหวอๆ
“ เออดิ่ ก็ออกไปช่วยถือของตะเกี้ย “
“ มันได้พูดอะไรกับมรึงมั๊ย “ ไอ้ลู่ถามผมอย่างลนๆ
“ ก็ป่าวนิ ไมวะ “
“ ไม่มีอะไรหรอกกก เออ คืนนี้มรึงก็ระวังไว้นะคริส “
“ ทำไมวะ “
“ เดี๋ยวมรึงเห็นจุนมยอนเมามรึงก็รู้เองแหละ “
“ เฮ้ย กุรับได้ มรึงก็รู้ว่ากุชอบน้องเขามาตั้งแต่.... “
“ เออน่า เดี๋ยวมรึงรู้เลย กุเข้าบ้านละนะ “ ไอ้ลู่ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะรีบเข้าบ้านไปเมื่อจื่อเทากับเซฮุนเดินเข้ามา
ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมไอ้ลู่มันต้องเตือนผมจริงจังขนาดนั้นด้วย เฮ้ย ผมรับได้นะจริงๆ
ผมไม่ได้ชอบน้องเขาแค่ผิวเผิน ผมพร้อมจะยอมรับทุกอย่างที่เขาเป็น
To Be Continue……….
มาต่อแล้วค่าาาา
พาร์ทพี่คริสพาร์ทนี้ยาวมว๊ากกกกกกก (แอบยาวแบบไม่มีสาระด้วย ฮ่าๆ)
และคาดว่าถ้าแต่งแล้วมาลงทีเดียวคงจะอีกนาน เลยขอแบ่งพาร์ทพี่คริสเป็น 4 กับ 4.1 นะคะ
ยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนาน แล้วก็มุขอาจจะฝืดๆไปบ้างนะคะ
มรสุมทางการศึกษาถาโถมหนักเลยค่ะช่วงนี้ จริงๆมันหนักมาจะเป็นปีแล้ว เศร้า TT
แต่ยังไงก็ยืนยันคำเดิมนะคะว่าไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้แน่นอน แม่ยกคู่นี้น่ารักมากๆๆๆๆ จริงๆ
เรารักทุกคนมากๆเลย แล้วก็ขอบคุณด้วยค่ะที่รอแล้วก็ชอบฟิคเรา
เลิฟโคตรๆค่ะ ^^
ป.ล. กระทู้เก่าโดนแบนไปแล้วนะคะ แต่ว่าเราย้ายฟิคมาลงนี่หมดแล้ว
เอ็นซีอยู่ในเอกทีนะคะ ส่วนลิงค์เอกทีนก็อยู่ในไบโอทวิต
ถ้าหาไม่เจอยังไงก็ถามได้นะคะ
ความคิดเห็น