คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF]Spicy or Sweetie? (Kris+Suho) part II :Kris
“ คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง อรั้ยยย “
“......................................”
“ คนมีความรักมักจะไม่ทำหน้าตาบึ้งตึง ฮิ้วววว “
“..............................................”
“ คนมีความรักมักจะชอบทำแววตาหวานซึ้งงงงง ฮิ๊ฮิ๊ “
“ ..............จงแดถ้ามรึงยังไม่หยุดร้องเพลงกับเอานิ้วจิ้มแก้มกรู มรึงโดนกุจับนึ่งแน่ ไอ้เชี่ย แมร่งกวนตีน “ ผมหันไปพูดทั้งที่นิ้วไอ้จงแดยังคงจิ้มจึ้กๆอยู่ที่ข้างแก้ม ผมกับเพื่อนเพิ่งเลิกเรียนกันครับแล้วกำลังประชุมงานกลุ่มกันอยู่ แต่ไอ้จงแดแมร่งก็เสือกกวนตีนมาร้องเพลงแล้ววี้ดว้ายแซว นี่ถ้าไม่เห็นแก่ว่าผมเคารพตีนกาบนใบหน้ามันละตบคว่ำไปแล้ว
“ โหย ดุด้วยๆ กลัวแล้วจ้า ฮ่าๆๆๆๆ “ มันว่าแล้วทำหน้าทำตาล้อเลียนจนผมรู้สึกว่าเส้นที่ขามันกระตุกขึ้นมาตะหงิดๆ ถ้าได้ยกเท้าขึ้นมาลูบหน้าใครคนบางคนแถวนี้สักทีคงจะหาย
“ กวนตีนละมรึง มรึงรับผิดชอบส่วนที่ต้องพรีเซ็นต์ไปเลย ปากดีนัก ไปๆวันนี้พอแค่นี้แหละ งานเสร็จแล้วก็เอามารวมกันแล้วค่อยคุยอีกรอบ กุไปละปวดเยี่ยวแมร่งตั้งแต่ตอนอาจารย์สอนละ บายว่ะ “ ผมว่าก่อนจะโยนงานชีทงานใส่ไอ้จงแดแล้วเก็บดินสอปากกาเข้ากระเป๋า เพื่อนคนอื่นๆก็เออออทยอยกันเก็บข้าว ส่วนผมเองก็เตรียมจะดิ่งไปห้องน้ำทันที ตะกี้มัวแต่คุยงานลืมไปครับว่าปวดฉี่
“ เฮ้ยคริสสสสส เฮ้ยยย รอกุด้วย “
“ อะไรของมรึงนักหนาเนี่ย กุจะไปเยี่ยวจะตามมาช่วยถือรึไง “ ผมหันไปด่าไอ้จงแดที่พยายามสับขาสั้นๆวิ่งตามผมมา พอมันได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะก้ากออกมาก่อนจะทำหน้าทะเล้นพร้อมตะโกนกลับมา
“ เออ กุช่วยป่ะล่ะ ฮ่าๆๆ “
“ พ่องส์ เฮ้ยยยย!!!! เหี้ย “ ผมที่เพิ่งหันไปด่าไอ้จงแดถึงกับต้องปล่อยสัตว์เลื้อยคลานตัวน้อยๆออกมาวิ่งเล่นเมื่อหันกลับมาแล้วเกือบจะชนเข้ากับสิ่งมีชีวิตนายหนึ่งเข้า ไม่ใช่ใครครับน้องเทาเอง
“ ไม่ใช่เหี้ยครับพี่นี่คน “ น้องเขาตอบกลับมานิ่งๆ ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะทักน้องเขากลับ
“ เออ สวัสดีจื่อเทา “
“ กราบแทบเท้าครับพี่เขย “
“ เอ่อคือ...... “ น้องมันพุ่งเข้ามาประชิดตัวผมแล้วยกมือไหว้ที่หัวไหล่ข้างๆหน้า ผมกำลังจะอ้าปากบอกน้องแกไปว่าที่กราบเมื่อกี้นี่หน้าไม่ใช่ตีนแต่น้องแกแทรกขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นห้ามผมไว้
“ ไม่ครับ พี่ไม่ต้องถามครับว่าผมมาวันนี้ผมมีอะไร ผมแค่เอานี่มาให้ “ ว่าจบก็ยื่นกระดาษเอสี่ให้ผมแผ่นนึง
“ เอ่อ.... “ ผมกำลังจะถามว่าอะไร แต่น้องมันก็ขัดขึ้นมาอีก
“ ไม่ครับพี่ไม่ต้องขอบคุณ เรื่องแค่นี้ผมไม่ถือเป็นบุญคุณ ความจริงแล้วผมต้องก้มกราบพี่ด้วยซ้ำ ขอบคุณพี่มากนะครับที่จะมากำราบพี่รหัสผมให้ เอาให้อยู่นะครับพี่ ผมว่าสถานการณ์ตอนนี้พี่แกเกินจะกอบกู้ได้ละ ยังไงก็ฝากพี่ด้วยนะ อนาคตของชาติอยู่ในกำมือพี่แล้ว สู้!!!! เพื่อชาติ ผมไปละ หวัดดีครับ “ พูดจบน้องแกยืนชูกำปั้นเงยหน้ามองฟ้าเท่ๆประมาณสามนาทีแล้วก็ก้มลงมาตบไหล่ผมสองสามทีแล้วเดินจากไป ผมยืนมองตามหลังน้องเขาไปงงๆ ไอ้จงแดที่ตามมาทีหลังมองตามหลังน้องเขาไปก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วดึงกระดาษแผ่นนั้นออกจากมือผม
“ อะไรวะ อ้าวตารางเรียนเด็กปีสองวิทย์จุลนี่มรึง ใครเอามาให้วะ “
“ น้องรหัสจุนมยอนน่ะ เอาคืนมา “ ผมว่าก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นไว้แล้วรีบพับใส่กระเป๋า
“ หวงๆ กับเพื่อนกับฝูงก็หวง แล้วนี่ไม่ปวดฉี่แล้วไง๊ “
“ เออว่ะกุลืม มรึงไม่เข้าใช่ป่ะ กุฝากกระเป๋าหน่อย “ ผมว่าก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าใส่ไอ้จงแดแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เมื่อตะกี้สตั๊นกับน้องเทาอยู่ฮะ ลืมไปเลยว่าจะมาเยี่ยว
“ ฮู้วววว ค่อยโล่งหน่อย เฮ้ยมหาขอกระเป๋ากรูหน่อย “ ผมสะบัดน้ำล้างมือใส่ไอ้มหาก่อนจะยื่นไปขอกระเป๋า จงแดมันมองผมเคืองๆก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋ามากระแทกผมดังพลั่ก
“ อ่ะกระเป๋า แมร่งกลัวคนอื่นไม่รู้ไง๊ว่าเรียนหนัก กระเป๋ามรึงนี่สิบกิโลได้มั้งเนี่ย “
“ บ่นมากตีนกาบนใบหน้าเพิ่มนะมรึง แค่นี้หน้ายังยับไม่พออีกหรอวะ “ ผมว่ายิ้มๆก่อนจะเข้าไปกอดคอไอ้แก่ไว้ มันชกท้องผมคืนไม่เบานัก
“ ฮ่าๆๆๆ สัดอย่าล้อปม เดี๋ยวกรูเตะ ว่าแต่จะเอาไงวะ มรึงจะไปไหนต่อ คณะวิทย์? “
“ ก็น่าจะแหละ แอบดูตารางเรียนแล้วจุนมยอนเพิ่งเลิกเรียนเดี๋ยวกรูว่าจะพาน้องเขาไปกินข้าวหน่อยแต่ไม่รู้ว่าจะเจอรึป่าวว่ะ “
“ เออๆ ลองๆไปดูก่อน เดี๋ยวกรูไปด้วยนะ “
“ อ้าววันนี้ไม่รีบไปช่วยที่ร้านหรอ “ ผมถามขึ้นมา บ้านไอ้จงแดมันเป็นร้านขายเครื่องดนตรีครับ ปกติมันจะชอบแจ้นไปช่วยเฝ้าร้านเพราะถ้าขายได้มันก็ได้แตะเอียจากเตี่ยมันสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วคิดดูนะครับเครื่องดนตรีชิ้นนึงราคาเท่าไหร่ สิบเปอร์เซ็นต์นี่ก็ไม่ใช้น้อยเลยนะครับ ถ้าไปเฝ้าร้านทุกวันแล้วขายได้อย่างน้อยวันละชิ้นหรือสองวันชิ้นนี่มันมีตังค์เก็บไปเข้าคอร์สดึงหน้าได้ตลอดชีวิตเลยนะครับ
“ ไม่เป็นไรหรอกพี่ชายกรูอยู่ให้มันขายไป มรึงนินทาอะไรกรูอยู่ในใจรึป่าววะ กรูเหมือนจะสัมผัสได้ “ จงแดมันมุดแขนผมออกไปก่อนจะจัดผมที่มีปิดกระหม่อมมันอยู่แค่เล็กน้อย
“ มรึงบ้าละๆ ไปๆ เดี๋ยวไปไม่ทันกรูจุนมยอนกลับก่อนละซวยเลย “ ผมว่าก่อนจะตบหัวไอ้จงแดเบาๆ ไอ้แก่มันโวยวายก่อนจะวิ่งไล่เตะผม ผมกับมันวิ่งเล่นแล้วหัวเราะไปตามทางเดินจนกระทั่งไอ้จงแดมันหันไปเห็นอะไรเข้าแล้วหยุดลงวิ่งแบบกระทันหัน
“ คริสๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ “ ไอ้จงแดว่าก่อนจะตะโกนเรียกผมลั่นแล้วกวักมือยิกๆ
“ อะไรๆ “ ผมเดินเข้าไปหาแล้วหันไปเพ่งสายตามองตามมันไป ก็เจอกลุ่มนศ.สัตวแพทย์ใส่เสื้อกาวน์ยาวขาวสะอาดตาประมาณ4-5คนยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่หน้าตึกคณะก็ร้องอ๋อออกมาเบาๆ
“ มรึงรอกุแป็บดิ่ “ ไอ้จงแดว่าก่อนจะวิ่งตรงไปยังกลุ่มนศ.สัตวแพทย์กลุ่มนั้น แล้วหยุดอยู่ห่างจากกลุ่มนั้นประมาณ10เมตร
“ มินซอกกกกกกกกก!!!! “ เหยดดดดดดดดด อยู่ดีๆไอ้จงแดก็ตะโกนขึ้นมาลั่น ทำเอานศ.กลุ่มนั้นรวมทั้งผมสะดุ้ง มินซอกหันมามองจงแดอย่างตกใจ ดวงตาเรียวเล็กพยายามเบิกโพลงให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไอ้จงแดมันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มร้องเพลง
“ รักนะครับคนดีของผมจะวันไหนก็รักเพียงเธอออออออออ ซารางเฮโยครับดวงใจ “แล้วมันก็จบด้วยการหมุนตัวทำมือเป็นรูปหัวใจแล้วโยนใส่มินซอก กลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่กับมินซอกพากันเป่าปากแซวแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน คนโดนปาหัวใจใส่ก้มหน้าอายๆแล้วหันไปทุบเพื่อนที่ยืนอยู่รอบข้าง ก่อนจะตะโกนใส่ไอ้จงแดอย่างเขินๆ
“ บ้า!!!!! “
“ ถึงเค้าจะบ้า แต่เค้าก็บ้าแต่กับคนที่เค้ารักนะอ้วน “ อื้อหืออออออออ มหามรึงกล้ามาก ไอ้จงแดตะโกนประโยคอมตะนิรันกาลกลับไป ทำเอามินซอกที่เขินแทบจะบิดตัวเป็นเกลียวอยู่แล้ว เขินเข้าไปใหญ่หันมาตะโกนใส่ไอ้จงแดแล้ววิ่งหนีเข้าไปในตึกคณะ
“ บ้าๆๆๆ เค้าอายเพื่อนนะเหี่ยว เค้าไม่คุยด้วยแล่ววววว “
เพื่อนๆของมินซอกพากันตบมือเกลียวกราว ไอ้จงแดหมุนตัวก่อนจะโค้งหัวเหมือนนักแสดงที่เพิ่งโชว์จบ แล้วเดินกลับมาหาผมด้วยรอยยิ้มกว้างสว่างไสวเหมือนเปลวไฟเทียนพรรษา
“ โห มรึงความหน้าด้านนี่ไม่แพ้ริ้วรอยบนใบหน้าเลยนะ “
“ คนมันรักอ่ะทำไงได้ อรั้ยยยยย “ ไอ้จงแดว่าก่อนจะทำท่าเหมือนเขินคำพูดตัวเอง ผมตบหัวมันเบาๆแล้วหัวเราะ ไอ้คู่นี้ก็น่ารักดีครับ ไอ้จงแดมันตามจีบตามแซวมินซอกมาตั้งแต่สมัยอยู่ปีหนึ่งละครับ คนนึงก็แซวอีกคนก็เขิน แซวกันไปกันมาจนอยู่ปีสามแล้วมันก็ยังไม่ยอมคบกันแต่คำพูดคำจาเริ่มสนิทกันอย่างกับคนอยู่กินฉันผัวเมียมาแล้ว แรกๆเรียกเค้าตัวเอง หลังๆมาอ้วนกับเหี่ยว เออก็น่ารักแปลกๆดี วิธีจีบมันก็เข้าท่าครับไว้ผมเอาไปใช้กับจุนมยอนมั่งดีกว่า
ผมกับไอ้จงแดเดินคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนถึงหน้าตึกคณะวิทย์ บรรดานศ.ที่เพิ่งเลิกเรียนต่างพากันทยอยเดินลงมาทำให้บริเวณใต้ตึกเต็มไปด้วยคน ผมพยายามใช้ส่วนสูงที่พ่อแม่ให้มามากกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาให้เป็นประโยชน์ สอดส่ายสายตามองหาคนตัวเล็กที่น่าจะกลืนไปกับผู้คน แต่สายตาผมกลับมองเห็นจุนมยอนได้อย่างเด่นชัด ร่างเล็กในชุดนักศึกษากับผิวขาวสว่าง รอยยิ้มน้อยๆของคนตัวเล็กที่หันไปยิ้มให้เพื่อนร่วมเซคทำเอาหัวใจผมเต้นรัว ผมยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกปกติเห็นผมหยอดๆจุนมยอนไปใช่ว่าไม่เขินนะครับ เขินครับแต่เก็บอาการ
ผมยืนนิ่งปล่อยให้จุนมยอนเดินผ่านหน้าไปได้สักพัก จนกระทั่งไอ้จงแดที่อยู่ข้างๆสะกิดบอกถึงรู้ตัวแล้วตะโกนเรียกคนตัวเล็กไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปไกลมากกว่านี้
“ จุนมยอนครับบบบบบบบ!!!! “ น้องเขาหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจนิดๆ ก่อนใบหน้านั้นจะกลับคืนสภาพเดิมพร้อมพ่นคำสรรเสริญบรรพบุรุษให้ผมเต็มที่ ผมยิ้มแล้วโบกมือให้น้องเขาเมินหน้าหนีก่อนจะเดินต่อ ผมเลยป้องปากตะโกนไป
“ เดินไปไกลจากตัวพี่ไม่ว่า แต่อย่าไปไหนไกลใจพี่นะครับ!! “ ผมหลุดขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นน้องเขาเดินสะดุด จุนมยอนหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเอือมระอาก่อนจะหันกลับไปแล้วเดินต่อ แต่พอน้องเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เบิกตาโพลงเหมือนเจออะไรเข้าก่อนจะวิ่งกลับมาหาผม
“ เฮ้ย!/เฮ้ย! “ ผมกับคนตัวเล็กร้องออกมาพร้อมกัน เมื่อจุนมยอนที่กำลังวิ่งตรงมาสะดุดขาตัวเอง สองแขนเล็กเอื้อมมาจับแขนผมไว้มั่นผมจับแขนเล็กๆนั่นตอบเป็นการช่วยพยุงก่อนใบหน้าหวานจะเซมากระแทกกับอกผมอย่างจัง
“ เจ็บ......... “ คนตัวเล็กในอ้อมแขนผมบ่นออกมา ผมละมือข้างนึงออกมาแตะที่จมูกโด่งสวยที่เริ่มแดงของอีกฝ่าย จุนมยอนเงยหน้าขึ้นสบตาผมนิ่ง
“ เพี้ยง!! ไม่หัก ไม่ยุบ ไม่บวม “ผมลูบปลายจมูกนั้นเบาๆก่อนจะเป่าลมลงไปแล้วยิ้มให้ จุนมยอนผละใบหน้าหนีพร้อมหลบสายตาก่อนจะขยับมายืนข้างๆแล้วกอดแขนผมไว้แน่น ผมหันมามองหน้าน้องเขางงๆ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องหันไปมองตามเสียงของบุคคลที่เพิ่งจะวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“ จุนมยอน อ้าว! เอ่อ......หวัดดีครับ “ เด็กหนุ่มผมสีออกจะแดงทักจุนมยอนด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มลงแล้วหันมามองผมพร้อมกับก้มหัวให้นิดๆเป็นเชิงทักทายเมื่อมองเห็นว่าจุนมยอนกอดแขนผมแน่น ผมยิ้มกลับไปให้เด็กหนุ่มผมแดงแต่ไม่รู้ว่าผมยิ้มแบบไหนนะ น้องเขาถึงดูจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ บรรยากาศรอบด้านเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ หวัดดีฮิมชานมีอะไรรึป่าว “ จุนมยอนทักขึ้นมาทำลายความตรึงเครียดพร้อมกับแอบเขย่าแขนผมเล็กๆ ผมเหล่มองน้องเขานิดนึงก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ เอ่อ....ทำไม จุนมยอนกับพี่เขา? “ เด็กที่ชื่อฮิมชานถาม
“ อ๋อ นี่พี่คริสแฟนเราน่ะ “ จุนมยอนโพล่งออกมา ผมที่กำลังพิจารณาสังขารน้องฮิมชานตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ได้ยินแล้วแทบจะสำลักน้ำลายด้วยความดีใจแบบช็อกๆ แต่แรงเล็บที่จิกลงบนแขนทำให้ผมต้องสงบปากสงบคำไว้
“ แฟน? ไม่เห็นจุนมยอนจะบอกเราเลยว่ามีแฟนอ่ะ “ เด็กที่ชื่อฮิมชานทำหน้าตกใจ
“ เรากับพี่เขาเพิ่งคบกันน่ะ “ อือจริง เพิ่งคบตะกี้สดๆเลยและคาดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้กรูจะโดนบอกเลิกแล้วด้วยครับ
“ จริงหรอ? “ ฮิมชานขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเชื่อ ผมยกแขนขึ้นโอบไหล่จุนมยอนแล้วกำลังจะตอบไปเพราะเริ่มรำคาญแต่จงแดมันแหลมหน้าขึ้นมาแล้วตอบแทนผม
“ จริงสิครับน้อง เพื่อนพี่น่ะเป็นแฟนกับเพื่อนน้องจริงๆ แล้วจุนมยอนก็ชอบไอ้คริสเพื่อนพี่ม๊ากมากด้วย ถ้าไม่เชื่อนะเดี๋ยวให้น้องจุนมยอนแสดงความรักผ่านการกระทำ จุ๊บเหม่งไอ้คริสให้ดูก็ได้ น้องว่าไงครับ “ ผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็อมยิ้มทันที ผิดกับจุนมยอนที่จิกตามองจงแดซะตาแทบถลน
“ ไม่ครับไม่ต้อง! “ ฮิมชานโพล่งออกมา ผมแอบเบะปากเล็กๆอย่างนึกเสียดาย
“ แล้วที่ว่าจุนมยอนจะไปหาแบคฮยอนกับชานยอลที่คณะล่ะ ให้เราไปส่งมั๊ยวันนี้เราเอารถน้องทองเหลือง “
“ เฮ้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปกับพี่คริสได้ นายกลับบ้านเหอะได้ยินว่าวันนี้คุณป้าจะพาไปกินข้าวข้างนอกไม่ใช่หรอ “
“ อ๋ออื้ม จุนมยอนไม่ไปจริงๆหรอ “
“ เราไม่ว่างน่ะ ฮิมชานไปเหอะ เราไปละนะ “ คราวนี้เป็นจุนมยอนที่ตัดบทบอกลาเด็กฮิมชานแล้วกอดแขนผมดึงออกไปจากบริเวณนั้นทันที ไอ้จงแดหันไปยิ้มแล้วโบกมือบ๊ายบายให้เด็กฮิมชานอย่างกวนตีนก่อนจะวิ่งตามพวกผมมา
ตลอดทางที่เดินออกมาจากหน้าตึกวิทย์ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยจนกระทั่งจุนมยอนลากผมมาหยุดอยู่ที่รอรถเมล์ น้องเขาปล่อยแขนผมก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ผมไม่ว่าอะไรเดินเข้าไปยืนเอาหลังพิงป้ายโฆษณาด้านหลังข้างๆน้องเขา ไอ้จงแดเดินไปนั่งเก้าอี้ถัดไปสามตัว
“ พี่จะไม่ถามอะไรผมเลยหรอ “ จุนมยอนถามแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาผม ตากลมใสไม่มีแววจะแผลงฤทธิ์ใดๆใส่หลงเหลืออยู่เลย ผมยิ้มอบอุ่นกลับไปให้ก่อนจะตอบ
“ ไม่หรอกครับ คนเป็นแฟนกันต้องเชื่อใจกันไงครับ “
“ อ๋อ ผมลืมบอก เราเลิกกัน “ จุนมยอนตีหน้านิ่งแววรั้นสะท้อนขึ้นมาในตากลมสวยแทบจะทันที ผมหัวเราะเบาๆ กะไว้แล้วครับว่าน้องเขาต้องมาไม้นี้ จุนมยอนเบะปากใส่สะบัดหน้าหนีผมก่อนจะนั่งเงียบไปสักพัก แล้วหันมามองหน้าผมอีกครั้ง ผมเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้ม น้องเขาหลบสายตาก่อนจะถามเสียงอ้อมแอ้ม
“ แล้วตกลงว่าจะไม่ถามผมจริงๆหรอ ผมลากพี่มาเอี่ยวด้วยแบบเนี้ย “ ผมระบายยิ้ม
“ ไม่หรอกครับ ก็ถ้าจุนมยอนอยากเล่า เดี๋ยวจุนมยอนก็เล่าให้พี่ฟังเองแหละ แต่ถ้าจุนมยอนไม่อยากเล่าพี่ถามไปก็เท่านั้นแหละ “ ผมบอกน้องเขาพร้อมรอยยิ้มเพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผมตามจีบน้องเขาแบบนี้บางทีก็ดูเหมือนผมจะรุกเร็วและเร่งเร้า แต่ความจริงแล้วเปล่าเลยผมก็หยอดน้องเขาไปเรื่อยๆ น้องเขาจะยังไงก็สุดแล้วแต่ใจน้องเขาครับ
จุนมยอนหลบสายตาผมก่อนจะก้มหน้าบ่นอะไรพึมพำๆอยู่คนเดียว ใบหูเล็กที่แดงเรื่อขึ้นมาทำให้ผมอมยิ้ม แสงแดดสีส้มยามเย็นสาดสะท้อนกับใบหน้าขาวใสที่ขึ้นสีแดงจางกับลมเย็นๆที่พัดมา ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบผมอีกฝ่ายแผ่วเบา จุนมยอนสะดุ้งตัวน้อยๆก่อนจะหันมามองผม หน้าน้องเขาทำให้ผมรู้สึกอยากพูดประโยคบางประโยคออกมา
“ จุนมยอนพี่.......... “
“ เฮ้ย!!! รถเมล์มาแล้ว จอดๆๆ จอดครับ ถ้าไม่จอดผมเต้นรถเมล์มอเรียกนะเออ “ อยู่ๆไอ้จงแดก็ตะโกนขึ้นมาผมกับจุนมยอนสะดุ้งแล้วหันไปมอง เมื่อเห็นว่ารถเมล์มาแล้วก็ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรอีกครับขามันสั่งให้วิ่งไปขึ้นรถแบบด่วนๆตามประสบการณ์เก่า
และก็เป็นจริงตามประสบการณ์ครับ ไม่รู้ว่านี่รถเมล์มอรึว่ารถขนต่างด้าวเข้าเมืองคนถึงได้เนืองแน่นขนาดนี้ จุนมยอนที่ขึ้นรถมาก่อนก้าวถอยหลังมาชนอกผมเพราะพื้นที่ด้านท้ายรถเหลือเท่ามดดิ้นตาย พวกที่พึ่งขึ้นมาใหม่ก็พยายามจะยัดตัวเองเข้ามา แรงที่มากระแทกหลังผมทำให้ผมเซไปชนจุนมยอนที่อยู่ด้านหน้า พอรถเริ่มออกตัวจุนมยอนก็เซถอยหลังมาชนอกผมอีกจนผมต้องยกแขนขึ้นโอบไหล่เล็กไว้เพื่อประคองให้คนตัวเล็กทรงตัวอยู่ ซึ่งผมก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะโดนด่าแม่รึป่าวแต่น้องเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร คงเป็นเพราะไม่ไหวจริงๆนั่นแหละครับ
“ ร้อน “
“ ห๊ะ? “ เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ผมได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยก้มหน้าลงไปฟัง จุนมยอนส่ายหัวน้อยๆไม่ยอมพูดซ้ำ แต่เท่าที่ผมสังเกตได้จากเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาตามไรผมคนตัวเล็กกับแก้มแดงๆและปากยื่นๆก็ทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อตะกี้น้องเขาว่าอะไร
ผมยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะค่อยๆขยับตัวแทรกๆ ดันๆ ตัวเองพร้อมกับโอบคนตัวเล็กให้เขยิบตามมา จนกระทั่งชิดกับผนังรถผมก็ขยับตัวเบี่ยงให้เกิดช่องว่างเล็กๆระหว่างตัวผมกับผนังรถก่อนจะสะกิดไหล่เล็กแล้วพยักเพยิดให้ จุนมยอนสบตาผมแวบนึงก่อนจะมุดเข้ามายืนอยู่ในช่องว่างเล็กๆนั่น ผมค้ำแขนลงกับผนังข้างนึง ส่วนอีกข้างก็จับที่โหนด้านบนไว้ เลยดูเหมือนน้องเขาจะอยู่ในอ้อมแขนผมกลายๆ จุนมยอนยืนก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะน้องเขาอยู่ใกล้กับตัวผมมาก ผมเลยถือโอกาสมองเก็บรายละเอียดน้องเขาซะเลย ไม่โดนด่าดีด้วยเพราะน้องเขาไม่เห็น ฮ่าๆๆๆ
“ ขอบคุณฮะ............ “ เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบาๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ทำเอาก้อนเนื้อในอกผมเต้นรัว ผมยิ้มกว้างอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ละมือข้างนึงจากราวโหนมายีหัวคนตัวเล็กๆก่อนจะหุบยิ้มลงแทบจะทันทีเมื่อคนตัวเล็กเอนหัวหลบแล้วเงยหน้าขึ้นมาว่าแล้วย่นจมูกใส่ก่อนจะแทรกตัวออกจากอ้อมแขนผมแล้วลงรถไปเพราะถึงหน้าคณะแพทย์พอดี
“ ยิ้มอะไร รักแร้อ่ะหัดทาสารส้มมั่งเหอะ เหม็นเปรี้ยวแล้วเนี่ย “
ผมยกแขนขึ้นดมรักแร้เพื่อพิสูจน์กลิ่น กลิ่นโคโลญจน์ที่ทามาเมื่อเช้ายังคงติดทนอยู่ก็เบาใจ ก่อนจมูกจะพ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมา ไอ้เหี่ยวที่ลงรถตามมาตบบ่าผมแรงๆสองสามทีแล้วยิ้มให้ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไรก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไป
ผมเข้าใจนะครับว่าน้องเขาเขิน แต่บางทีมันก็กระชากมู้ดกันเกินไปนะเออ
___________________________________________________________________________________________________________
มินซอก&จงแด : ใคร..อาจจะไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเรา นั้นมันเป็นเช่นไร........
ความคิดเห็น