คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : FULL HOUSE ..... 3
..... ยะฮู้!!! คิดถึงกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย พี่ปักษากลับมาแล้ว ......
หลังจากหายหัวไปเสียนาน เนื่องจากปัญหาสุขภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเข้ารับการผ่าตัดส่วนที่ไม่ดีในร่างกายออกไป อุตส่าห์นั่งหัวฟูปั่นงานต่างๆ ให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อเข้ารับการผ่าตัดในวันที่ 30 มิ.ย. 52 ที่ผ่านมา
แต่ผลปรากฏว่า เรื่องยังไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้อำนวยการประกันสังคม ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการผ่าตัดออกไปอีกสักระยะ ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นวันไหน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้รอการติดต่อกลับไป
..... คนปวดท้องจะเป็นจะตาย ไม่ต้องรอจนถึงขั้นเสียชีพหรืออย่างไรค่ะ คุณผอ.ขา โปรดช่วยอนุมัติเร็วๆ หน่อยเถอะค่ะ ขอร้อง.....
พี่ปักษาต้องขอโทษคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะจ๊ะ ที่ปล่อยให้รอกันนานแสนนาน น้อมรับความผิดแต่โดยดีครับผม เชิญทัศนาเรื่องราวต่อจากเมื่อครั้งนั้นได้เลยจ้า.....
<<< íîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíî >>>
โฮดงรีบเดินทางมายังอาคารสูงเสียดฟ้าของคุณชายเทพบุตร หลังจากได้รับการติดต่อจากเลขาของชายหนุ่มให้ตนมาพบอย่างเร่งด่วน เข้าไปแจ้งจุดประสงค์ของตนกับประชาสัมพันธ์ด้านในทันทีที่เดินทางมาถึง
“สวัสดีครับ ผมมาพบคุณชเว ซีวอนตามที่นัดไว้น่ะครับ”
“รอสักครู่นะคะ.... คุณลี โฮดงใช่มั๊ยคะ เชิญชั้นบนสุดได้เลยค่ะ ท่านประธานยังไม่มีประชุม คุณเยซองรอต้อนรับคุณโฮดงอยู่แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
โฮดงเดินเข้าไปในลิฟท์โดยสาร ภายในใจนั้นสั่นระทึกเป็นอย่างมาก ยังไม่รู้จุดประสงค์ของคนที่กุมอำนาจทางธุรกิจของประเทศเท่าใดนัก ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นเรื่องดีก็แล้วกัน
“สวัสดีครับคุณโฮดง ท่านประธานกำลังรออยู่ด้านในครับ เชิญครับ” เยซองเอ่ยเชื้อเชิญบิดาของคนตัวเล็กให้เข้าไปพบท่านประธานเพื่อนรักทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินออกมาจากลิฟท์เรียบร้อยแล้ว พยายามส่องสอดส่ายสายตาตี่ๆ มองหาคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงา เปิดประตูห้องท่านประธานให้โฮดงเข้าไปหาเพื่อนรักที่นั่งเก็กอยู่ยังโต๊ะประจำตำแหน่ง
“สวัสดีครับคุณซีวอน ไม่ทราบว่าต้องการพบผมด้วยเรื่องอะไรครับ ถึงได้เรียกผมมากะทันหันแบบนี้”
“สวัสดีครับคุณโฮดง ใจร้อนจริงๆ เลยนะครับ ผมแค่จะบอกว่าผมยอมให้ความช่วยเหลือบริษัทของคุณแล้วก็เท่านั้นเองครับ”
“จริงเหรอครับ
!!! ขอบคุณมากๆ เลยครับ” โฮดงถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู กลัวว่าจะฟังผิดเพี้ยนไป
“จริงสิครับ เพราะผมถูกใจในสินค้าชิ้นนี้มาก คิดว่าน่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน ถึงแม้ว่ามันจะแพงไปซะหน่อยก็ตาม” ซีวอนยังคงรักษาฟอร์มของตัวเองได้เป็นอย่างดี กล่าวคำพูดดูถูก เย้ยหยันต่อวิธีการขายลูกกินของคนตรงหน้า เยซองส่ายหน้าด้วยความหนักใจ ในคำพูดไม่ยั้งคิดของไอ้คุณเจ้านายของตน
..... ไอ้สิงโตหวงก้างเอ๊ย!!! ดักทางข้าซะแทบจะหมดทางไปเลยนะ ไอ้คุณชายเจ้าเล่ห์!!!~~
..
โฮดงหน้าตึง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที พร้อมกับจะเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยความไม่พอใจกับคำพูดของซีวอน
“จะรีบไปไหนกันล่ะครับคุณโฮดง เรายังไม่ได้พูดคุยข้อตกลงหรือข้อเสนออะไรเลยนะครับ” เสียงเยาะเย้ยของซีวอนยังคงมีมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะโก่งราคาค่าตัวของลูกชายคนเดียวให้เพิ่มสูงขึ้น ฉุดรั้งคนที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องได้ชะงักนัก
“ยังมีอะไรต้องคุยกันอีกหรือครับ ผมเคยบอกกับคุณแล้วยังไงล่ะ ว่าผมไม่คิดจะขายลูกของผมกิน ต่อให้ผมต้องล้มละลายหนี้สินล้นตัว ผมก็ยอม”
“เหรอครับ..... อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่ะครับคุณโฮดง เอาเป็นว่าผมให้คุณสองพันล้านวอนเป็นค่าตัวของลูกคุณ คุณจะใช้คืนหรือไม่ก็ได้แล้วแต่คุณ ผมไม่ว่า เพราะลูกชายของคุณจะต้องมาเป็นเมียเก็บของเลขาของผม ตกลงมั๊ยครับ”
โฮดงและเยซองยืนนิ่งค้างกับความคิดของซีวอนด้วยกันทั้งคู่ แววตาของโฮดงเป็นประกายวาวกล้าทันที เมื่อฟังคำหยามเหยียดของคนอ่อนกว่าแต่มากด้วยอิทธิพลในทุกๆ ด้าน
“มันจะมากไปแล้วนะครับคุณชเว ซีวอน ผมรู้ว่าเงินสองพันล้านสำหรับคุณแล้วมันเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น แต่ผมขอบอกกับคุณอีกครั้งนะครับว่า... ต่อให้คุณมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่คุณมี ผมก็ไม่คิดจะขายลูกกินเป็นอันขาด ขอตัวก่อนนะครับ”
ปัง!!!!!
โฮดงกระแทกประตูปิดด้วยเสียงดังสนั่น บ่งบอกอารมณ์ในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี เสียดายความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กับชายหนุ่มรูปงาม ทั้งที่ตั้งใจจะฝากฝังชีวิตของบุตรชายไว้กับคนคนนี้ เห็นทีต้องคิดใหม่เสียแล้ว
“ไอ้วอน!!! เอ็งพูดอย่างนั้นได้ยังไงวะ!!!!! คุณโฮดงเค้าโกรธแล้วเห็นมั๊ยนั่น มันน่าจะตัดลิ้นให้ขาดเสียจริงๆ ไอ้เพื่อนบ้านี่” เยซองตวาดเพื่อนรักลั่นทันทีที่โฮดงเดินหัวเสียออกไป
“ข้าแค่พูดความจริง ข้าผิดตรงไหนไม่ทราบ” ซีวอนยียวนเพื่อนรักกลับ คาดหวังให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก
“เอ็งคิดมั่งหรือเปล่าว่า พวกเราจะเข้าหน้าเขาติดหรือเปล่าต่อจากนี้น่ะ ดีไม่ดีคุณหนูดองเฮของข้าได้เข้าใจข้าผิดๆ ไปด้วย”
“เขาไปเป็นของเอ็งตั้งแต่เมื่อไร ข้าไม่ยักจะรู้”
“โอ้ย!!!~ ไม่พูดกับเอ็งแล้ว ใช่ซี่เอ็งมีแฟน มีว่าที่คู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่ ข้ามันคนโสด พึ่งตัวเองก็ได้วะ” เยซองคันเท้าตงิดๆ อยากจะถวายลูกถีบมหากาฬให้สักลูกนึงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยคำให้ซีวอนสำนึกว่าตัวเองนั้นมีห่วงผูกคออยู่ แล้วเดินออกไปยังโต๊ะทำงานหน้าห้องทันที
ซีวอนนั่งเงียบด้วยความอึ้ง เขาลืมเสียสนิทเลยว่าตนนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้คู่หมั้นของตนกำลังศึกษาต่อยังต่างแดน ยังไม่ถึงกำหนดกลับ เหลือเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
ถ้าเยซองไม่ช่วยเตือนความจำให้ เขาก็คงจะลืมเสียสนิทจริงๆ ตั้งแต่เจอคนหน้าหวานที่หวานไปทั้งตัวเช่นนั้น
hhhhhhhhh
บรรยากาศภายในห้องทำงานของคฤหาสน์ตระกูลลีกำลังตึงเครียด เมื่อโฮดงเรียกชินดง ทนายความประจำตระกูลให้เข้ามาพบโดยด่วน เพื่อปรึกษาหารือ ว่าควรจะทำยังไงให้เรื่องหนี้สินต่างๆ ที่จะมีตามมาหลังจากนี้ไม่ให้ดองเฮมีส่วนรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ทางออกก็ดูเหมือนจะเจอทางตัน วิธีเดียวที่จะทำให้ดองเฮไม่ต้องมามีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องหนี้สินทั้งหลาย คือ จะต้องให้ดองเฮไปใช้นามสกุลของบุคคลอื่นแทนสกุลเดิม ซึ่งเจ้าลูกชายหน้าหวานคงไม่ยินยอมแน่ๆ
“ถ้าคุณซีวอนยอมให้เรากู้ก็ดีน่ะสิ แต่เขาดันตีเจตนาของผมผิดเป็นว่าผมต้องการขายลูกชายกิน ถึงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับขึ้นมา แล้วคุณชินดงทราบหรือไม่ว่า เมื่อวานคุณซีวอนเรียกให้ผมเข้าไปพบ.....
เขายื่นข้อเสนอให้ผมสองพันล้านวอน แลกกับการให้หนูด๊องไปเป็นเมียเก็บของเลขาของเขา น่าสมเพชตัวเองจริงๆ ท่าทางของผมดูเหมือนคนประเภทนั้นมากเลยหรือยังไง คุณชินดง คุณช่วยบอกผมมาหน่อยสิ”
“ไม่จริงหรอกครับท่าน อย่าคิดมากซิครับ เดี๋ยวอาการกำเริบขึ้นมาคุณหนูจะเป็นห่วงนะครับ ใครๆ ก็ทราบว่าท่านเป็นยังไง ทุกอย่างต้องมีทางออกนะครับ ผมว่าท่านควรจะบอกกับคุณหนูเรื่องนี้ได้แล้วนะครับ คุณหนูจะได้เตรียมใจไว้ได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิตนะครับ”
“อืม..... ขอบใจนะ เร็วๆ นี้แหละ ผมจะบอกกับหนูด๊องด้วยตัวเอง”
โฮดงและชินดงไม่รู้เลยว่าเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเขาสนทนากันนั้น ดองเฮได้ยินทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เผอิญเดินผ่านมาทางนี้แล้วได้ยินชื่อของคนที่ดูหมิ่นตนเอง จึงยอมเสียมารยาทสักครั้ง
ครั้นเมื่อบทสนทนาจบลง ดองเฮกำมือของตัวเองแน่น ความรู้สึกโกรธเข้าถาโถมรอการปะทุใส่คนที่เห็นว่าตนนั้นไร้ค่าเพียงไหน คนตัวเล็กรีบขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน เปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วขับรถออกจากคฤหาสน์เดินทางไปยังอาคารสำนักงานของซีวอนทันที
hhhhhhhhh
ดองเฮก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ผ่านประชาสัมพันธ์ที่มองมายังตนตาไม่กระพริบอย่างไม่สนใจ มุ่งตรงไปยังลิฟท์โดยสารเฉพาะผู้บริหารเท่านั้น เป้าหมายอยู่ที่ชั้นบนสุดห้องของท่านประธานปากมอม เรียวขาเล็กเดินผ่านเยซองไปเปิดประตูห้องซีวอนทันที
เยซองนั่งอ้าปากค้าง ไม่นึกไม่ฝันว่านางฟ้าในใจจะมาเยี่ยมถึงที่ แต่ดูจากใบหน้าหวานแล้วคงจะมาหาเรื่องกันมากกว่า รีบตามเข้าไปในห้องของเพื่อนรักทันที
ปัง!!!!
เสียงกระทบกันของแฟ้มเอกสารกับโต๊ะทำงานของซีวอน เรียกสติให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่ชอบใจ ในการกระทำที่ไร้มารยาทเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เรียวปากได้รูปยกยิ้มให้ด้วยความพึงพอใจ เมื่อผลตอบรับจากผลลัพธ์เมื่อวานได้ผลดีเกินคาด
“อืม...ผมเพิ่งจะทราบนะครับว่าที่บ้านของคุณหนูดองเฮสั่งสอนให้เสียมารยาทขนาดนี้ เข้ามายังห้องของผู้อื่นก็ไม่เคาะประตู แล้วยังมาทำเสียงดังใส่เจ้าของอีก มารยาทดีจริงๆ เลยนะครับ”
“ฮึฮึ...ต้องเรียกว่าผมมีมารยาทกับเฉพาะบุคคลที่ควรจะมีมารยาทดีตอบ ไม่ใช่พวกเถื่อนอยู่ในสันดานอย่างคุณ” ดองเฮโต้ตอบกลับไปไม่แพ้กัน ในเมื่อซีวอนว่ากล่าวตนก่อน เรื่องอะไรที่เขาจะต้องรักษามารยาททางสังคมด้วย
..... ฝันไปเถอะ เชอะ .....
“ลี ดองเฮ!!! ผมรู้สึกว่าคุณจะลืมบทลงโทษที่คุณได้รับนะ สงสัยผมต้องทบทวนให้คุณสักหน่อยแล้ว” ซีวอนยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทางของคนตัวเล็กที่แสดงออกว่ากลัว แต่ก็ยังทำเก่งปกปิดอาการอยู่ได้
ดองเฮเหลือบสายตาแลเห็นเยซองเดินเข้ามาพอดี จึงรีบวิ่งเข้าไปอยู่ทางด้านหลังของเยซองเพื่อเป็นเกาะกำบังทันที.....
ซีวอนทำหน้าเซ็ง ..... มันจะเข้ามาทำไมวะตอนนี้ ไม่ได้เรียกเสียหน่อย .....
เยซองมองร่างบางด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่คนตัวเล็กเลือกที่เข้ามาหาตน ถึงแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นที่กำบังก็ตาม
“ไอ้วอน เอ็งจะทำอะไรคุณหนูดองเฮ รีบกลับไปนั่งประจำที่เลยเอ็ง คุณหนูดองเฮไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะปกป้องคุณเอง” เยซองส่งสายตาไปยังเพื่อนรักที่นั่งทำหน้าหมั่นไส้เขาอยู่
“นึกว่าจะเก่งได้ตลอด..... แล้วคุณหนูดองเฮมาหากระผมด้วยเรื่องอันใดครับ บอกได้หรือยัง”
“ผมจะมาบอกกับคุณว่า อย่ามาดูถูกครอบครัวของผมให้มากนัก ต่อให้พวกผมไม่มีที่อยู่ หรือว่าอดอยากขนาดไหน ผมก็ไม่มีวันขายตัวเองกิน..!!!”
ดองเฮโผล่หน้ามาจากทางด้านหลังเยซองบอกกล่าวข้อความให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เข้าใจ แล้วเงยหน้าขึ้นกล่าวขอบคุณเยซองที่ช่วยเหลือ
“ขอบคุณมากนะครับคุณ... เอ่อ..คุณ”
“เรียกผมว่า เยซองนะครับ คุณหนูดองเฮ ผมเป็นเลขาของท่านประธานชเว ซีวอนน่ะครับ” เยซองรีบแนะนำตัวเองให้กับคนตรงหน้า และก็ได้รับรอยยิ้มจริงใจตอบกลับมา
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คุณเยซองที่ช่วยผมให้พ้นจากคนป่าเถื่อนแถวนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ว่าจบดองเฮเดินออกไปจากห้องทันที ซีวอนได้แต่มองตามด้วยความขัดใจ ในขณะที่เยซองยิ้มตาแทบปิดให้กับนางฟ้าคนงามของตน
“หึหึ... จะล้มละลายอยู่แล้วยังไม่เจียมอีก หยิ่งยโสให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกันคุณหนูจอมหยิ่ง”
hhhhhhhhh
“หนูด๊องไปไหนมาลูก?” โฮดงสอบถามลูกชายคนเดียว หลังจากได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามา
“ไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะครับ คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” ดองเฮเดินเข้ามานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับบิดา แขนเล็กกอดเอวคนเป็นพ่อแน่น
“พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูก ตั้งใจฟังให้ดีนะ”
“ถ้าเป็นเรื่องหนี้สินต่างๆ ด๊องทราบแล้วครับ” ดองเฮบอกเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“หนูด๊อง!!!! ลูกรู้ได้ยังไงกัน พ่อยังไม่เคยบอกกับใครเลยนะ”
“ด๊องเผอิญได้ยินที่คุณพ่อพูดกับคุณชินดงในห้องทำงานน่ะครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ด๊องจะพยายามหาทางใช้หนี้ทั้งหมดให้ได้นะครับ”
“มันไม่ใช่น้อยๆ นะลูก ตั้งพันล้านเพราะพ่อเอง พ่อไม่น่าหลวมตัวไปเล่นการพนันเลย” โฮดงบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สำนึกในการกระทำที่ผิดพลาดของตนที่ผ่านมา
“คุณพ่ออย่าคิดมากเลยครับ แค่พันล้านเอง ด๊องว่าเราขายคฤหาสน์หลังนี้ก็ได้ หุ้นในบริษัทเราก็ขายให้กับผู้ถือหุ้นคนอื่นซะ หรือไม่ก็ขายกิจการให้บริษัทอื่นที่มีทุนหนาเข้ามาเทคโอเว่อร์ น่าจะพอใช้หนี้ได้เกือบหมด ส่วนที่เหลือด๊องจะลองหาทางดูนะครับ” ดองเฮบอกในสิ่งที่ตนเองนั้นได้ตัดสินใจเป็นอย่างดีแล้ว
..... ทางออกที่น่าจะดีที่สุดในเวลานี้ แค่เสียคฤหาสน์กับหุ้นในบริษัทไปไม่ถึงกับตายซะหน่อย เงินทองของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ .....
“พ่อขอโทษนะลูก ที่ทำให้ลูกต้องลำบากไปด้วย” โฮดงลูบผมของบุตรชายหน้าหวานของตนด้วยความรัก น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ ความรู้สึกผิดยังมีอยู่ล้นใจ
“ไม่เป็นไรครับ คุณพ่อไม่ต้องเป็นกังวลหรอกครับ แค่ของนอกกายเท่านั้นเอง หลังจากขายทุกอย่างแล้วเราย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ กันสองคนพ่อลูกนะครับ ด๊องจะทำงานหาเงินเลี้ยงดูคุณพ่อเอง คุณพ่อเหนื่อยมามากแล้ว สมควรจะใช้ชีวิตบั่นปลายอย่างสบายซะที” ดองเฮยิ้มให้บิดา พร้อมหอมแก้มกร้านอย่างรักใคร่ ให้อภัยในการกระทำที่ผิดพลาดของบุพการีได้เสมอ ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด
“ขอบใจมากนะลูก”
สองพ่อลูกนั่งกอดกันกลมบนโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องนั่งเล่น ท่ามกลางสายตาของคนรับใช้ในบ้านทั้งหมดที่ทราบข่าวร้ายจากปากของผู้เป็นนายตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวัน โฮดงให้พวกเขาตัดสินใจเองว่าจะอยู่หรือจะไป
พวกตนนั้นได้ปรึกษากัน ให้แต่ละคนได้ตัดสินใจกันเอง ไม่มีการบังคับฝืนใจกันแต่อย่างใด แต่เมื่อมาได้ยินได้ฟัง ได้เห็นภาพนี้ ภาพของเจ้านายใจดีทั้งสองกอดกันกลมด้วยน้ำตาที่ไหลริน ทุกคนตัดสินใจได้ในทันที ต่างพร้อมใจกันเดินเข้ามายังห้องรับแขกที่สองพ่อลูกนั่งอยู่
“นายท่านคะ... พวกเราตัดสินใจได้แล้วค่ะ” คุณหัวหน้าแม่บ้านที่พ่วงตำแหน่งแม่นมของบุตรชายผู้น่ารักของตระกูลเป็นตัวแทนในการกล่าวถ้อยคำของคนงานทั้งหมด
“เชิญกล่าวมาได้หรือครับ ผมยอมรับการตัดสินใจของทุกคนได้ อย่าได้เกรงใจเลยครับ” โฮดงกล่าวด้วยความจริงใจพร้อมรอยยิ้มส่งให้ทุกคนอย่างเป็นกันเอง
“พวกเราตัดสินแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราขอรับใช้นายท่านและคุณหนูตลอดไปค่ะ” โฮดงและดองเฮมองด้วยความซึ้งใจเป็นอย่างมาก
“ด๊องขอขอบคุณ คุณนมและทุกคนมากนะครับ แต่ด๊องกำลังจะขายบ้านหลังนี้และทรัพย์สินทุกอย่างที่เรามี แล้วจะซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่น่ะครับ เราสองคนคงไม่มีปัญญาที่จะจ่ายค่าแรงทั้งหมดได้เหมือนเดิม...”
“คุณหนูคะ นายท่านกับคุณหนูมีบุญคุณกับพวกเราอย่างล้นเหลือนะคะ พวกเราต่างก็เคยผ่านช่วงวิกฤติต่างๆ มาด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ ส่วนเรื่องค้าจ้างไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ”
“ใช่ค่ะ เรื่องนั้นเล็กน้อยมากสำหรับพวกเรา ขอแค่มีที่อยู่ที่กินก็มากเกินพอสำหรับพวกเราแล้วค่ะ”
“ใช่ครับ / ค่ะ” บรรดาคนงานในบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่หวังค่างวดค่าจ้างแต่อย่างใด อยากจะอยู่รับใช้สองพ่อลูกให้ถึงที่สุด
สองพ่อลูกซึ้งใจในความมีน้ำใจของบรรดาบุคคลที่ร่วมอาศัยอยู่กับพวกเตนเป็นอย่างมาก ทั้งสองค้อมตัวก้มศีรษะขอบคุณด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
“ขอบคุณนะครับ แต่ถึงยังไงพวกเราก็คงจะเอาเปรียบกับทุกคนไม่ได้เด็ดขาด ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจเลยนะครับ.....
เราสองคนไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงดูทุกคนให้อยู่ดีกินดีได้จริงๆ แต่ด๊องจะจ่ายเงินชดเชยให้ จะได้เป็นทุนสำรองนะครับ”
“คุณหนู~~~”
“ได้โปรดเถอะนะครับ อย่าทำให้ด๊องต้องดูถูกตัวเองมากไปกว่านี้เลยนะครับ ถือว่าเป็นโบนัสก็แล้วกันนะครับ ด๊องให้สัญญานะครับว่า .....
ถ้าวันไหนที่ด๊องพร้อม ที่จะสามารถดูแลทุกคนได้เหมือนเดิม ด๊องจะไม่ลืมทุกๆ คนแน่นอนครับ ด๊องขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ ขอบคุณมากครับ”
ดองเฮสรุปความ ไม่อยากรู้สึกละอายใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพียงแค่ทุกคนในบ้านแสดงน้ำใจกับตนมากเท่าใด ดองเฮยิ่งรู้สึกว่าตนนั้นช่างไร้ค่ามากเท่านั้น ขนาดจบจากเมืองนอกเมืองนายังไม่มีปัญญาเลี้ยงดูคนในบ้านให้อยู่ดีกินดีได้ น่าสมเพชอย่างที่ใครบางคนได้กล่าวไว้จริงๆ
<<< íîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíîíî >>>
ความคิดเห็น