คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : My Lady My Mafia ........... 19.129%
My Lady My Mafia
เสียงจอกแจกจอแจตามถนนแหล่งนิยมของผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเดินทางมารวมตัวกันยังที่แห่งนี้เพราะว่ามีสินค้าที่ต้องการวางขายเรียงรายเป็นแถวยาวจากหัวถนนจนสุดท้ายถนน
รถยนต์แล่นไปมาขวักไขว่เต็มท้องถนน หนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์ส่วนตัวคันหรูนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแพงลิบสมกับฐานะของผู้ใช้ มีขบวนรถตามหลังมาหลายคัน แล่นมาด้วยความเร็วไม่มากนัก เนื่องจากเป็นเขตชุมชนอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ แม้ว่าจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องก็ตามแต่ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
จนกระทั่งรถยนต์คันแรกเปิดไฟสัญญาณขอทางเข้าจอดด้านซ้ายมือ เนื่องด้วยผู้ขับขี่สังเกตอาการผิดปกติของรถยนต์โดยสาร ชะลอความเร็วส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมทางคันหลังรับทราบ จะได้มาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายให้ได้รับความปลอดภัยในขณะที่รถหยุดการเคลื่อนไหว
ชายหน้าคมเข้ม รูปร่างสูง นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่สนใจ เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์สอบถามบอร์ดี้การ์ดคนสนิทข้างกาย
“จอดรถทำไมซีวอน ยังไม่ถึงไม่ใช่เหรอ”
“ขอโทษครับนาย ผมรู้สึกว่าเหมือนเครื่องยนต์มันกระตุกและล้อหน้าส่ายเวลาเบรคน่ะครับ เดี๋ยวผมลงไปดูอาการสักครู่นะครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้นายต้องเสียเวลา”
“ช่างเถอะ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอก นายลงไปตรวจดูให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเวลานัด”
“ขอบคุณครับนาย” ซีวอนก้มศีรษะให้ผู้เป็นนาย รีบลงไปตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นทันที
“เฮ้...ไอ้วอน!!!~ จอดรถทำไมว่ะ แม่ง!!!... เลือกที่จอดดีจริงๆ เลยนะเอ็ง คันเอ็งเข้าจอดได้คันเดียว แล้วดูคันที่เหลือเด่ะ ต้องจอดขวางทางคนอื่นเขาเนี่ย ดีนะที่เป็นรถของนายคิบอม ไม่อย่างนั้นล่ะเอ็งเอ๊ย บรรพบุรุษของพวกเราคงต้องงานเข้าเร่งด่วนแน่ๆ”
“เอ็งจะบ่นทำไมเนี่ยไอ้คัง บ่นไปก็เท่านั้น มาช่วยข้าดูรถดีกว่า เสือกเป็นห่าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน ข้าก็ตรวจดูอย่างดีแล้วนะ ดันเสือกมางอแงอีก เดี๋ยวพ่อจับขายเป็นเศษเหล็กเลยนี่”
“เอ็งอย่าพูดดีกว่าไอ้วอน... อย่างเอ็งเนี่ยนะจะกล้าเอารถของนายไปขายเป็นเศษเหล็ก รถคันละตั้งหลายสิบล้าน เอ็งใช้อะไรคิดวะ”
“ใช้สมองคิดนี่แหละ ราคาแม่งโคตรจะแพง เพิ่งจะใช้งานได้ไม่กี่ครั้ง เสือกมีปัญหาแล้ว มันคุ้มหรือไงเหล่ากับการเสียเงินมากๆ เพื่อรถซังกะบ๊วยอย่างนี้”
“เอ็งความจำเสื่อมหรือเปล่าวะ รถคันนี้ คันโน่น คันโน้น หรือว่าคันไหนๆ ที่ออกมาพร้อมกับไอ้รถคันนี้ นายไม่ได้เป็นคนซื้อเองนี่หว่า มีคนซื้อแล้วพร้อมใจกันเอามาประเคนให้นายเอง เอ็งจำได้หรือยัง”
“แม่งเอ๊ย!!!~ สงสัยเอารถไม่สมบูรณ์มาให้นายแน่ๆ เลยว่ะ กลับถึงพรรคเมื่อไหร่ต้องให้เรียววุคตรวจสอบซะหน่อยแล้ว ว่าไอ้รถคันนี้ไอ้คนหัวหมอคนไหนมันเป็นคนมอบให้กับนาย”
“เออๆ... เอ็งรีบๆ ดูเครื่องยนต์เข้าเถอะ เดี๋ยวนายจะอารมณ์เสียขึ้นมา เอ็งกับข้าจะซวย ฐานคุยกันอยู่ได้”
“รู้ตัวก็ดีนี่ แล้วเมื่อไหร่จะดูและซ่อมให้เสร็จซะที รอมานานแล้วนะ มัวแต่จีบกันอยู่หรือยังไง”
“โห...นายครับ ผมกับไอ้คังนี่น่ะเหรอครับที่มัวแต่จีบกัน พวกผมปรึกษาเรื่องอาการของรถนี่ต่างหากล่ะครับ จริงไหมไอ้คัง”
“จริงครับนาย... แต่ดูแล้วอาการคงจะแย่เข้าขั้นน่ะครับ นายจะไปรถคันของผมก่อนไหมครับ ใกล้เวลานัดของนายแล้วนี่ครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกคังอิน เดี๋ยวพวกเราเดินไปก็ได้ อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้วนี่ ซีวอนเอารถไปเข้าศูนย์ให้ทางนั้นตรวจสอบดูหน่อย ทำไมรถเพิ่งออกมายังไม่ถึงสองเดือนถึงได้เกิดอาการรวนขึ้นมาได้”
“ครับนาย แล้วผมจะรีบตามไปนะครับ”
“เฮ้!! ดงแฮตกลงคราวนี้จะเอายังไงดีวะ จะใช้วิธีเดิมๆ หรือว่าจะใช้ยุทธวิธีแบบไหนกันดี” เสียงเรียกให้คนหน้าหวานหลุดจากภวังค์ความคิดของตนเอง ดวงตาสีชาหันมามองเพื่อนร่วมกลุ่มเฉพาะกิจแล้วส่ายหน้าพร้อมกับถอดถอนใจเป็นคำตอบ
“เฮ้อ~ ยังไม่รู้เลยอ่ะชานชอง”
“คราวนี้นายต้องการมากกว่าเดิมไม่ใช่เหรอไง”
“ใช่!!! และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะทำแบบนี้แล้ว พวกนายก็ด้วยนะ เลิกซะเถอะ มันไม่ใช่เรื่องดีหรอก ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ของพวกเราก็แล้วกันนะ” ดวงตาฉายแสงประกายกร้าว มุ่งมั่นกับสิ่งที่กล่าวออกมา หลังจากไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว
“อืม... ได้สิ เพื่อนรักของพวกเราขอทั้งที พวกเราให้ได้อยู่แล้ว”
“ใช่... อีกอย่างนะ อูยองก็เบื่อแล้วนะที่ต้องมาทำตัวบ๊องแบ๊ว ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย” คนตัวเล็กไม่แพ้กับเจ้าของนัยน์ตาสีชาบ่น แค่ตัวเล็ก หน้าเด็ก แต่เขาก็ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกันนะ จะให้มารับแต่บทหนุ่มน้อยแอ๊บแบ๊วอยู่ก็ไม่ดีนัก
“ฮ่าๆๆ ช่วยไม่ได้เว้ย อยากเกิดมาหน้าไม่แมนเองทำไม ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่โดนพวกตัณหากลับหิ้วเข้าโรงแรมน่ะ”
“เอ็งแน่ใจนะว่าที่พูดน่ะใช้ปากพูดน่ะไอ้ชานชอง... รู้ไว้ด้วยนะว่าไม่มีทางซะหรอก ฝีมือระดับนี้แล้ว ไม่มีวันเสียรู้พวกอาเสี่ยลงพุงทั้งหลายหรอก” อูยองเชิดหน้า ตวัดค้อนใส่คนตัวโตกว่าแต่อายุกลับน้อยกว่าตนเองซะนี่ โลกไม่ยุติธรรม
“อย่าลำพองตัวให้มันมากนัก สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เคยได้ยินหรือเปล่า ตั้งตนให้อยู่บนความไม่ประมาทน่ะดีที่สุด” หนุ่มหน้านิ่ง สวมแว่นตาหนาเตอะ ในมือมีหนังสือเล่มหนากางอ่าน แต่ก็ยังสามารถเอ่ยคำเตือนสติเพื่อนร่วมขบวนการให้รับรู้ได้ว่า ตนก็สนใจและได้ยินคำสนทนาต่างๆ มาตลอดเช่นกัน
“จ้าพ่อคุณ~ พ่อมหาจำเริญ ทำไมนายไม่ไปบวชให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยวะไอ้อ๊ค มานั่งเทศน์ให้พวกเราฟัง เข้าหูซ้ายบ้าง ทะลุหูขวาบ้าง ไม่เห็นจะมีใครฟังเอ็งจริงๆ สักคน ไม่เบื่อบ้างหรือไงวะ”
“ไม่เบื่อหรอก ตราบใดที่พวกนายยังอยู่ให้ข้านั่งเทศน์อยู่อย่างนี้ และที่สำคัญอย่างน้อยก็มีอยู่คนนึงแหละที่ฟังข้าน่ะ”
“ไหนใครวะ... ไอ้คยู!! นี่เอ็งซาบซึ้งกับคำเทศนาของไอ้อ๊คขนาดหลั่งน้ำตาเลยเหรอวะ”
“บ้านเอ็งสิไอ้ชาน เมื่อกี้ข้าให้ด๊องหยดน้ำตาเทียมให้โว้ย รู้งี้ไม่ใส่คอนเทคเลนส์อย่างที่พี่มินมินบอกก็ดีหรอก แสบตาฉิบหาย ... ใครไปซาบซึ้งกับคำบ่นของไอ้อ๊คก็บ้าแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น เราก็คงเป็นคนบ้าแน่ๆ เพราะเราซาบซึ้งกับบทเทศน์บทนี้นะ ... เอาล่ะ... รวมใจกันหน่อย ทิ้งทวนครั้งสุดท้ายและพวกเราจะไม่หวนกลับมาเส้นทางนี้กันอีก จำคำเทศน์ของไอ้อ๊คไว้ให้ดีนะ อย่าประมาทเด็ดขาด”
“ความประมาทเป็นหนทางไปสู่ความตาย”
“สาธุ~~~”
ÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿÿ
สวัสดีจ้า พี่ปักษารายงานตัวอีกครั้งจ้า
หลังที่หายหัวไปกับอาการเสียจริตซะนาน ก็ได้เวลาระลึกชาติว่า เรื่องมาเฟียยังไปไม่ถึงไหนเลย ไหนจะเรื่องโน้น เรื่องนี้ เยอะแยะไปหมด ต้องรีบปลีกตัวออกจากถ้ำน้ำแข็งแหล่งกบดานของลูกสาวคนสวยได้แล้ว ไม่อย่างนั้นทุกๆ อย่างจะดร็อปตามลงไปเรื่อยๆ แล้วจะเกิดอาการตัน แต่งไม่ออก สับสนกับเนื้อเรื่องที่ได้วางไว้
ที่สำคัญจะต้องรีบเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ให้เรียร้อยโดยเร็ววัน เพราะตอนนี้นิ้วมือกระสัน เรียกร้องอยากแต่งฟิคย้อนยุคขึ้นมาอีกแล้ว ในหัวมีจินตภาพของลูกสาวคนสวยลอยไปลอยมาอยู่ตลอด
พล็อตเรื่องคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนภาพประกอบกำลังตามเก็บจากของเดิมที่ต้องจัดการลบทิ้งทั้งหมด เหตุเพราะเกิดจากความโง่ของตัวเอง ที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า การเซฟภาพจากลุงเกิ้ล ต้องคลิกที่ภาพเพื่อให้ได้ภาพขนาดจริง สมบูรณ์มากที่สุด แต่ที่ผ่านมาพอคุณพี่เจอภาพไหนถูกใจปุ๊บ ข้าพเจ้าก็กดเซฟปั๊บ พอจะเลือกภาพมาประกอบเนื้อเรื่อง ทำไมไฟล์ที่มีมันถึงได้เล็กเยี่ยงนี้ ก็เลยทำให้ตรัสรู้ในบัดดล ต้องกดที่ภาพก่อนแล้วค่อยเซฟ จำไว้นะปักษากวี...
อีกเรื่องที่เป็นอุปสรรคที่ทำให้การปั้นแต่งเรื่องราวต่างๆ เป็นไปได้ช้า เนื่องจากว่า แผลผ่าตัดที่เคยได้กล่าวไปแล้วนั้น เกิดการอักเสบ เป็นหนองขึ้นมาซะงั้น แค่คุณพี่ลองกินไข่ไปนิดเดียวเองนะ อยากจะรู้ว่าจะกินได้หรือยัง ผลก็ออกมาทันใจจริงๆ เป็นหนองทันตาเห็น นั่งบีบแบบเสียวท้องไปด้วย ทำให้รู้เลยว่าแผลข้างในยังไม่สมานดีนัก ...
แผลผ่าตัดยาวประมาณ
ตอนนี้คุณพี่ต้องกินยาแก้อักเสบที่โคตรแรงมากๆ กินไปประมาณ 5 นาที เกิดอาการหลับทันใด (อย่าถามว่าทำไมถึงอัพฟิคตอนจะเที่ยงคืนได้ เพราะคุณพี่ยังไม่ได้กินยาน่ะสิ ไม่อย่างนั้นน่ะเหรอ หลับฝันไป 3 เรื่องแล้วมั้ง) สังเกตได้จากช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ออนเอ็ม เพราะหลับนั่นเอง
รู้สึกผิดเหมือนกันที่บางครั้งเหมือนทิ้งหายกันไปเลย แต่น้องๆ นักอ่านก็ยังคงรอนักแต่งฟิคข้ออ้างเยอะคนนี้เสมอ ทั้งโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม เมลล์บ้าง เอ็มบ้าง ทางคอมเม้นท์ของบทความที่ได้ลงไว้บ้าง น้องๆ ทราบไว้ด้วยนะจ๊ะ ว่ามันเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีสำหรับนักแต่งคนนี้ทีเดียว
ความรู้สึกปลื้มใจ เวลาที่น้องๆ โทรเข้ามาพูดคุย สอบถามเรื่องราวต่างๆ ด้วยความห่วงใย ให้ความสนิทสนมทั้งที่ไม่เคยพบเจอหน้าตากันมาก่อน ทำให้คุณพี่รับรู้ว่ามิตรภาพ ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกทีจริงๆ ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้คุณพี่รู้จักกับคำๆ นี้
... มิตรภาพไม่มีวันตาย (ช้างไดรฟ์????) ...
อันยอง
ÿ ปักษากวี ÿ
ความคิดเห็น