ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Evil Omen ลางร้าย ลางหายนะ

    ลำดับตอนที่ #6 : The 5th Omen – จอห์นนี่!?

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 48


    The 5th Omen – จอห์นนี่!?







                        สรุปว่าเธอโดนนักแต่งกวีเพลงกล่อมเด็กนั่นสาปให้โชคร้ายเพาะเกิดวันพุธ และการที่เธอหกล้ม 3 ครั้ง ตกบันได 2 ครั้งเมื่อวันก่อน เป็นเพียงการเล่นตลกงี่เง่าของ ‘ดอน เดลิโอ’ กับ ‘ไอ้หมอนั่น’ นี่เอง... จะว่าไปแล้ว...







                        คนซวยทำไมมันมีชั้นคนเดียวล่ะ!?







                        “คุณเลือกดูเอานะครับ คุณจะตามหาวิญญาณมาเธอร์กูสหรือคุณจะตามหา ’โดมินิก เทอร์เรอร์ ฮาร์เล่ย์’”





                        “โดมินิก เทอร์เรอร์ ฮาร์เล่ย์!?” เธอทำหน้าสงสัยใคร่รู้พลางเลิกคิ้วกับชื่อที่ออกจากปากผม ชื่อยาวๆที่มีทั้งชื่อแรก ชื่อกลาง นามสกุลที่ผมคิดว่าเพราะดี





                        “ชื่อครับชื่อ ผมนั่งตั้งชื่อให้คั้งนาน หรือว่าจะเอาชื่อน่ากลัวอย่าง บอสตาฟ หรือถ้าชื่อหรูๆก็คง เทบราเดสกีเฮอไดสกีเดส ก็ได้ครับ” ความจริงนี่คือส่วนหนึ่งที่ผมตั้งชื่อให้ ความจริงมีเยอะกว่านี้อีก แต่ผมกลัวเธอจะรำคาญมากไปกว่านี้จึงเลือกมาแค่บางชื่อ...





                        “ชั้นจะตามฆ่า ‘จอห์นนี่’”





                        “จอห์นนี่!?” คราวนี้เป็นเองที่ทำหน้าสงสัยใคร่รู้พลางเลิกคิ้ว ผมคงต้องยอมตามเธอ... สาวอีโก้สูงอีกแล้ว... ทั้งที่ผมนั่งคิดชื่อนี้มาตั้งนาน ที่จริงชื่อจอห์นนี่ของเธอเรียกได้ว่าเห่ยกว่าของผมอีกนะ





                        “นี่เป็นชื่อที่ชั้นตั้งให้ ‘ไอ้หมอนั่น’ เมื่อ 17 วินาทีที่แล้ว” สาวอีโก้สูงตอบเสียงเรียบ ประโยคที่ผมพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว...





                        “ผมคิดว่าคุณคิดถูกแล้ว ถ้าคุณตามหาวิญญาณเจอ คุณก็ช่วยตัวเองได้คนเดียว แต่ถ้าคุณไปตามหาโดมินิก เอ้ย! จอห์นนี่ คุณก็ช่วยคนทั้งโลกนี้ได้”





                        ผมเริ่มรู้สึกชื่นชมเธอขึ้นมาหน่อยๆ คิดดูแล้วเธอก็เป็นคนดีอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ผมนั่งส่งใบหน้าเปื้อนยิ้มให้เธอ เธอไม่สนใจตัวเองแต่สนใจคนอื่นด้วย นั่นทำให้ผมสึกปลื้มเธอในทันที เธอสวย... เธอแกร่ง... ถ้าไม่ใช่ว่า…





                        “ไม่ต้องมายิ้มชั้นทำเพราะแก้แค้นลุงและนายลองคิดดูถ้าชั้นให้นักกวีงี่เง่าถอนคำสาปแล้วคิดว่าจอห์นนี่มันจะไม่สาปชั้นต่อรึไงล่ะ”



                        นั่นไงล่ะสุดท้ายเธอก็เหมือนเดิม ผมหุบยิ้มทันที วินาทีนั้นผมมีความรู้สึกเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัว... เธอไม่น่ารัก... ไม่น่ารักเอาเสียเลย... สักนิด...





                        “ชั้นรู้ว่านายก็ทำเพื่ออยากรู้อยากเห็นว่าใครกันที่มาทำพิเรนทร์กับสมุดนาย นายไม่รู้สึกอะไรถ้าใครจะตาย”





                        “เอาน่าๆ ผมก็มีเรื่องที่ช่วยคุณเหมือนกันนะครับ”





                        ผมพูดยิ้มๆเอาใจให้เธอเห็นความสำคัญของผมหน่อย เพราะอย่างน้อยผมก็เป็นคนเขียนอย่างมากผมก็เป็นพระเจ้า ผมยื่นกระดาษโพสต์อิสต์สีเหลืองที่ผมเจอแปะอยู่บนผนังโต๊ะเขียนหนังสือเมื่อไม่นาน มันเป็นลายมือของจอห์นนี่แน่นอนหลังจากที่ผมลองเทียบกับสมุดของผมดูแล้ว







    ระวัง ’เลียน ซาแพค’ ไว้







                        “เลียน ซาแพค!?” เธอพึมพำเบาๆก่อนจะยื่นคำตอบที่ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ “ใคร?”





                        “นั่นสิครับ ใครล่ะ ผมก็อยากรู้ ใครกันล่ะครับ”







                        อ้าว! นายไม่รู้แล้วชั้นจะรู้เรอะ!



                        เสียงในใจเธอดังไม่เกรงใจผมเอาเสียเลย ทั้งๆที่เธอรู้ว่าผมอ่านใจเธอได้และผมก็ไม่รู้จักไอ้เลียนอะไรนั่นจริงๆนี่นา อย่างไรก็ตามผมไม่ยอมเล่นสงครามพลังจิตอีกแน่







                        “ชั้นขอเดาว่าเป็นพวกเดียวกับจอห์นนี่” ฟรานเซียพูดอย่างมั่นใจก่อนหน้านั้นผมเห็นเธอจ้องมองชื่อเค้าอยู่นานพอดู เธออาจจะตาลายเพราะสีเหลืองเหมือนที่ครูผมเคยบอกว่าใช้ปากกาไฮไลท์สีเหลืองทำให้ตาบอดหรือเป็นมะเร็งได้ ผมจึงรีบยึดกระดาษกลับมา





                        “ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น ผมก็เลยหาทางช่วยคุณไว้แล้ว” ทันทีที่ได้ฟังคนฟังก็เลิกคิ้วตกใจอย่างไม่เชื่อ... ไม่เชื่อน่ะสิว่าหมอนี่จะช่วยเธอ... และไม่คิดว่าหมอนี่จะช่วยเธอได้...





                        “เชื่อผม... เชื่อผมดูสักครั้ง” ผมพูดเกลี้ยกล่อมเธอที่สายตาเริ่มอ่อนลง สีหน้าเริ่มครล้อยไปตามความหล่อของผม







                        เอาวะ...!



                        เชื่อมันสักครั้งจะเป็นไร







                        “แล้วนายจะช่วยอะไรชั้นได้ล่ะ” ข้าวของเสียงถามกระตือรือร้น ท่าทีเป็นมิตรกว่าปกติ แต่ไม่มีรอยยิ้มออกมาทางสีหน้า





                        “ไปหา ’เด็กสีฟ้า’ ที่หมู่บ้านฮอฟฟารลล์ หมอนั่นช่วยคุณได้ ติดต่อผมได้ทุกวันบนแผ่นกระดาษเลอะหมึอนะครับ”







                        อ้าว! เฮ้ย!



                        ไหนมันบอกจะช่วยชั้นไง



                        แล้วไอ้เด็กสีฟ้านี่มัน...



                        ใครฟะ?







                        “แล้วคุณจะรู้เอง









                        ดอนเดินออกไปได้ซัก 10 นาทีกว่า ทิ้งให้เธอสับสนอยู่คนเดียว... ทิ้งคำถาม 2 ข้อให้เธอได้ครุ่นคิด ว่าใครคือเด็กสีฟ้า แล้วไอ้แผ่นกระดาษเปื้อนหมึกอยู่ที่ไหน...







                        จะว่าไป... เธอไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะช่วยเธอได้



                        พรุ่งนี้เธอต้องออกไปแต่เช้า... ไปหมู้บ้านฮอฟฟาเรลล์



                        ทิ้งบ้านไว้... ให้ครอบครัวดิสก์







                        เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เตรียมจดหมายมอบบ้านให้น้าเอมิเลียและครอบครัว โดยเขียนบังคับไม่ให้ขายให้พวกตระกูลซัมเปอร์เด็ดขาด... อย่างน้อยนี่คงเป็นความดีครั้งสุดท้ายที่เธอได้ทำ ก่อนจะผจญกับความโชคร้ายได้อย่างเต็มกำลัง







                        พรุ่งนี้เธอจะไปแล้ว...



                        และอาจไม่กลับมาอีก...



                        นี่คงเป็นความดีครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอทำที่นี่...











    ‘คนที่เกิดราศีเมษ

                        พยายามเสริมดวงเข้าไว้นะครับ การเดินทางต้องไปได้สวย! โชคดีนะครับ!’








                        ถ้อยคำที่เขียนบนกระดาษเปื้อนหมึกหน้าทำนายดวงชะตา ถ้าคนราศีเมษคนอื่นมาอ่านอาจฉงนจนฟ้องรองสำนักพิมพ์และเจ้าตัวดีคนเขียนคอลัมป์นี้ คอลัมป์ที่เคยนำความซวยมาให้เธอ...







    ผู้เขียน – ดอนตราดามุส







                        ฟรานเซียหันไปมองรอบทิศ ผู้คนบางตาต่างจากสัปดาห์ก่อนมาก เธอมองเห็นเพียงตำรวจกลุ่มหนึ่งที่เธอคาดว่ามาตรวจสอบศพของทนายยักษ์แมกซ์ ซัมเปอร์ และเธอก็เดาไม่ผิด ถึงลางสังหรณ์เธอมักจะเพี้ยนก็ตาม







                        เด็กสีฟ้าเป็นใคร...



                        อยู่ที่ไหน...



                        จะว่าไปแล้วคำแต่ละคำก็มีความหมายในตัวมันเอง



                        เด็กสีฟ้าอาจหมายถึงเด็กที่เกิดวันศุกร์... เป็นสุขที่ได้ให้



                        หรืออาจหมายถึงเด็กที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง... ด้วยสีแห่งความขมขื่น







                        เสียงเครื่องจักรเคลื่อนใกล้เข้ามา... วันนี้เธอจะได้ไปจากที่นี่จริงๆแล้วสินะ... อีกไม่นาน... ฟรานเซียหันไปมองใครบางนที่ค่อบๆก้าวเดินขึ้นมาบนสถานีรถไฟ ใครคนนั้นที่จ้องตาเธอกลับเขม็งจนน่าขยาด







    ...เอมิลี่ ซัมเปอร์...







                        เอมิลี่กวาดสายตาไปที่ฟรานเซียเพ่งพินิจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า กอ่นจะส่งความชังทั้งหมดที่มีก่อเกิดไปทางแววตา... สายตาของเธอมองความหมายแฝงนัยได้ไม่ยาก มันบอกให้เธอรู้ว่าเอมิลี่ต้องารจะบอกว่า ‘เธอไม่มีวันหนีรอดเงื้อมมือชั้นไปได้แน่’ แต่เสียดายที่ฟรานเซียไม่คิดอย่างนั้น เธอเลิกคิ้วให้เอมิลี่ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเครื่องจักรที่เพิ่งจะหยุดนิ่งพร้อมเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดได้ไม่นาน







                        ลาขาด!







                        ฟรานเซียก้าวขึ้นรถไฟด้วยความสบายใจ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าเธอคงจะไม่ได้รับโชคร้ายจากตระกูลซัมเปอร์อีกแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากรับโชคร้ายจากใครทั้งสิ้นอยู่ดี แต่ต่อจากนี้เธอคงต้องได้รับโชคร้ายจากจอห์นนี่แน่ๆ





                        เธอตัดสินใจวางกระเป๋าใบพอดีมือที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็มกระเป๋าไว้ที่ชั้นวางของเหนือหัว มองไปรอบทิศ... ไม่มีวี่แววของตระกูลซัมเปอร์สะกดรอยตาม... ถ้าไม่นับว่าเธอเป็นคนก็คงเรียกได้ว่าไม่มีแม้สักคนในโบกี้ เธอรู้สึกเหมือนตรงสุดเก้าอี้มีบางสิ่งเคลื่อนไหว แต่เธอพยายามไม่สนใจในเมื่อเคยมีคนบอกว่าถ้าเจอของพวกนี้แล้วทักมันจะเข้าตัวเอา แต่ไม่เป็นไร... อาจเป็นลูกของผู้โดยสารโบกี้อื่น...







                        รถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานี... ฟรานเซียมองภาพเอมิลี่ห่างไปเรื่อยๆ กลุ่มตำรวจที่ตัวเล็กลงเรื่อยๆ กรีนวิลล์ที่หดเล็กลงเรื่อยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ... ภาพตอนที่ตระกูลซัมเปอร์พบจดหมายมอบบ้านให้ครอบครัวดิสก์







                        น้าเอมิเลียคงดีใจ...







                        “อะแฮ่ม!” เสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายที่ก่อนหน้านี้เธอนึกว่าเป็นลูกของผูโดยสารโบกี้อื่นกระแอมขัดขวางห้วงคิดของเธอเสียหมดสิ้น ก่อนที่เธอจะตกใจจนแทบหมดสติ





                        “แอรอน!





                        “เรียก แอรี่ สิฟรานซ์” เจ้าของเสียงที่คงจะรู้สึกพอใจกับชื่อเล่นอยู่หน่อยๆประกาศอย่างเริ่งร่า ใบหน้ายิ้มแย้มที่เธอไม่กล้าจะตบกบาล ถึงแม้มันจะกวนบาทาแค่ไหนก็ตาม





                        “แอรี่!”



                        ฟรานเซียถามอย่างตกใจเป็นที่สุด ไม่คิดเลยว่าเด็กตัวเล็กๆเจ้าของส้มเน่าๆผมนั้นจะตามเธอมา ทำไมเธอถึงประมาทเยี่ยงนี้ นี่เธอชะล่าใจเกินไปใช่มั้ย? หรือว่าโชคร้ายทำให้เธอต้องพกไอ้ตัวเล็กนี่มาด้วย





                        “ผมจะไปด้วย! แม่อนุญาติแล้ว!” แอรอนพูดพร้อมโชว์กระเป๋าใบใหญ่เกือบเท่าเจ้าตัวออกมาอวด โบกไปโบกมา ฟรานเซียกุมขมับสีหน้าปวดหัวกับตัวป่วนตัวใหม่







                        น้าเอมิลี่...



                        ทั้งที่เธอหวังจะให้อยู่บ้านหลังนั้นทั้งครอบครัวแล้วเชียว...







                        ครืด!!!



                        เสียงเปิดประตูระหว่างโบกี้ดังขึ้น ฟรานเซียรีบยัดเด็กชายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ของคนถูกยัดที่เพิ่งจะยกขึ้นมาอวดได้ไม่นาน พนักงานตรวจตั๋วก้าวขึ้นมาบนโบกี้ที่เธอนั่ง หันมามองหญิงสาวก่อนจะก้าวเข้ามายืนข้างหน้า ฟรานเซียที่ทุลักทุเลยัดแอรอนเข้าไปอย่างเอาเป็นเอาตายเปลี่ยนท่าทีเป็นหาของที่หาเท่าไหร่ก็เจอแต่เสื้อผ้าเด็กที่เธอไม่น่าจะใส่และไม่เคยคิดจะใส่





                        “หาอะไรอยู่ครับ?” พนักงานตรวจตั๋ววัยทองถามสีหน้าเหมือนจะจับพิรุธ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นถลึงโดยจงใจ “หวังว่าคงไม่ได้หาตั๋วอยู่นะครับ





                        “เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบในทันทีพลางยัดตั๋วรถไฟใส่มือของพนักงานตรวจตั๋วโดยพลัน เขารับมาแล้วค่อยๆกางออกมองราวกับว่าจะตรวจสอบธนบัตรปลอม





                        “ขอบคุณครับ”



                        พูดจบพนักงานตรวจตั๋วก็รีบก้าวออกจากโบกี้ละปิดประตูเสียงโครมคราม กระเป๋าของเด็กชายผู้ถูกยัดกระเด้งไปกระเด้งมาด้วยแรงผลักจากภายใน แอรอนรีบผุดหัวออกมาจากกระเป๋าใบยักษ์





                        “ฮ่าห์! ฟรานซ์จะฆ่าผมรึ”







                        กวนตี นอีก ไอ้เด็กนี่!







                        “อ้าว! ยังไม่ตายอีกเรอะ” เธอถามเสียงเรียบ ประชดให้คนฟังต้องมุ่ยหน้า มองหน้ามองตาไอ้คนประชด ก่อนจะเหนื่อยลุกมานั่งข้างๆ ฟรานเซียกวาดตามองแอรอนอย่างสงสัยก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา







                        อย่างน้อย... เอมิลี่ ซัมเปอร์...



                        ชั้นชนะ!







                        “ชั้นชนะ!” เสียงพึมพำของเอมิลี่ ซัมเปอร์ดังขึ้น เธอยังอยูในสถานีรถไฟ เหยียดรอยยิ้มอย่างที่เกือบเรียกได้ว่าแสยะยิ้ม หลังจากที่มองศัตรูคู่อาฆาตที่เพิ่งจากเธอไปด้วยรถไฟสายตรง... ตรงไปหมู่บ้านฮอฟฟาเรลล์...





                        เอมิลี่หันไปมองหาคนที่เธอหมายตาไว้นาน... คนคู่หนึ่งที่สวมเครื่องแบบปฏิบัติการที่ยืนออกมานอกวงสนทนาของคนที่สวมเครื่องแบบเดียวกัน เธอมองทั้งคู้ด้วยแววตาเป็นประกายเดินตรงรี่เข้าไปหาทั้งคู่เพื่อปฏิบัติตามแผนการชั่วร้ายของเธอเอง





                        “คุณตำรวจคะ ชั้นเห็นค่ะ! ชั้นเห็น! ชั้นเห็นฟรานเซีย กรีนวิลล์ผลักท่านนายกเทศมนตรีกับทนายแมกซ์ ซัมเปอร์ค่ะ! ทุกคนในครอบครัวชั้นก็เห็นค่ะ! แต่ไม่กล้าบอกตำรวจเพราะฟรานเซียขู่ว่าจะทำร้ายถ้าพวกเราบอกค่ะ” เอมิลี่กระวีกระวาดบอกเรื่องราวที่กุขึ้นมาตอแหให้นายตำรวจทั้งคู่ฟังอย่างรวดเร็ว







                        นายตำรวจรูปร่างอ้วนหันไปหานายตำรวจอีกคนพร้อมรอยยิ้ม



                         “ว่าไง! รับงานนี้ไหวมั้ย เลียน” นายตำรวจคนอ้วนยื่นคำถาม ขณะที่นายตำรวจอีกคนเล่นลูกบิด 6 ด้านหมุนไปหมุนมาราวกับไม่ได้ยิน และขยับให้เล่นสำเร็จ... สำเร็จเพียงด้านเดียว ด้านที่เป็นสีแดง... สีเดียว







    ...สีแดง...







                        “รับครับ...” ตำรวจเจ้าของลูกบิดตอบเสียงเอื่อย มองลูกบิดด้านที่เล่นสำเร็จไปมาก่อนจะพลิกดูด้านอื่น





                        “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ให้ปากคำกับนายตำรวจ ‘เลียน ซาแพค’ ได้เลยครับ คดีนี้เค้าจัดการ”





                        “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เอมิลี่ยื่นมือไปจับมือกับตำรวจรูปร่างอ้วนด้วยรอยยิ้มบางที่เสแสร้งขึ้น แต่เธอไม่สามารถจับมือของตำรวจเจ้าของลูกบิดเลียน ซาแพคได้เพราะเค้ายังคงไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูกบิด







                        เธอไม่มีวันหนีรอดเงื้อมมือชั้นไปได้แน่







    ...ฟรานเซีย กรีนวิลล์...





    @@@



    Don Delio\'s Message



    กว่าจะลงตอนนี้ได้ช่างลำบากลำบนเหลือเกิน ที่ผมพรรณนาว่าผมหล่อ ผมเท่ห์น่ะ ช่วยเชื่อด้วยนะครับ

    ตอนนี้มีคนเขียน 2 คนแล้วนะเนี่ย ผมกะไอ้จอห์นนี่ ชื่อเห่ยๆที่นางเอกของเราอุดส่าห์เสียเวลา 17 วินาทีตั้งให้...



    ในที่สุดตัวละครใหม่ก็โผล่ เพราะความชั่วของนางมารแท้ๆ ทำไมเอมิลี่ถึงชั่วนักนะ ขอตัวไปส่องกระจก (เฮ้ย แก!) เอาเป็นว่าแล้วเจอกานครับ



    @@@



    Johny\'s Message



    ยังไม่ปรากฏ



    @@@                    
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×