ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : The 3rd Omen - ชายปริศนาผู้หล่อเหลา ดอน เดลิโอ
The 3rd Omen ชายปริศนาผู้หล่อเหลา ดอน เดลิโอ
                    “คุณเกิดวันอะไรครับ?” เสียงของผมเรียกความสนใจจากฟรานเซียได้ดี เธอนิ่งตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองผม ด้วยตาที่เบิกกว้าง ผมเป็นชายหน้าตาดี น่ารัก หล่อ เท่ห์ จนอาจทำให้เธอตะลึงก็เป็นได้
                    อะไรกันหมอนี่
                    ชื่อก็ไม่รู้จัก มาถามวันเกิดเฉยเลย
                    “วันพุธสินะ...ก็ผมเขียนมาอย่างนี้นี่นา”
                    เขียน...!?
                    เมื่อกี้หมอนี่พูดว่าเขียนใช่มั้ย?
                    “ใช่...ชั้นเกิดวันพุธ”
                    ทำไมหมอนี่ถึงรู้ได้...
                    เธอมองผมด้วยสายตาที่หวาดระแวง ไม่เชื่อใจคนหล่อๆอย่างผมเลยสักนิด ตาคู่สวยเธอเหล่มองมาทางผมอย่างจงใจ... จงใจให้ผมรู้แน่ชัดว่าเธอไม่เล่นด้วย... แกอย่ามาเล่นตลกกะชั้น... ชั้นเกลียดแก... แกห้ามขยับ... แกหล่อ... นี่คือสิ่งที่ผมอ่านได้จากสายตาเธอ อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอจะกระโดดเข้ามากัดผมก่อนจะคำรามว่า แง่งงงง... ก็เป็นได้...แต่ก็ไม่...
                    “พอได้เจอตัวจริงนึกว่าเกิดวันจันทร์ไม่ก็วันอังคารซะอีกนะครับ”
                    หมายความว่า...
                    หมอนี่โรคจิตใช่มะ?
                    ”หรือ... นายหมายถึงเพลงกล่อมเด็กนั่น” ฟรานเซียถามด้วยใบหน้าที่ผมเผยรอยยิ้มกับคิ้วเหมือนแยมโรลของเธอ ความจริงเธอก็เป็นนาลซิสต์รึนี่ เด็กที่เกิดวันจันทร์พักตร์ จิ้มลิ้มพริ้มเพรา เด็กที่เกิดวันอังคาร ท่วงท่าสง่าราศี นี่เธอคิดว่าตัวเองสง่าถึงได้พูดออกมารึเปล่านะ? แต่ก็ใช่...เธอเป็นอย่างงั้น...
                    “คร้าบ... บทกวีเพลงกล่อมเด็กของมาเธอร์กูสน่ะแหละครับ”
                    “เมื่อกี้นายพูดว่าเขียนใช่มั้ย?” สายตาเธอมองผมอย่างคลางแคลงใจ และต้องการรู้คำตอบเอาซะให้ได้ ถ้าผมไม่บอกเธอก็คงคาดคั้นเอาเหตุผลที่สมจริงไปให้ได้
                    “ผม ‘ดอน เดลิโอ’ จะว่าผมเป็นพระเจ้าของที่นี่ก็ได้” ผมพูดพร้อมเก๊กด้วยสีหน้าอันหล่อเหลา ชื่อเพราะๆของผมเธอก็รู้เสียแล้ว แน่สิ ก็ผมบอกเธอเองนี่นา...
                    งี่เง่า...
                    พระเจ้าอะไรนั่น
                    มีที่ไหนในโลก
                    “พระเจ้า...?” เธอถามสีหน้าประหลาด ความไม่เชื่อใจผมเพิ่มขึ้นจาก 70 เปอร์เซ็นต์ เป็น 99 เปอร์เซ็นต์ว่าผมบ้าแน่ๆ
                    “ผมว่าไปคุยที่ร้านกาแฟตรงนั้นก็ดีนะครับ” ผมวางมาดนิดๆก่อนชี้ไปที่ตรอกเล็กๆเอามือเสยผมครั้งหนึ่งเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาที่มีมากของผมให้มากขึ้นอีก เผื่อมันจะกระเด็นไปให้หญิงสาวคนข้างตัวผมสักหน่อยก็ยังดี... แต่ก็ไม่... อีกแล้ว...
                    ร้านกาแฟ? มันคืออะไรล่ะ?
                    แต่ถึงมีเค้าคงไม่ให้เข้าหรอก
                    ผมเดินนำหน้าพาเธอเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่ซึ่งปรากฏให้เห็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เธอสาบานว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทั้งการสร้างบ้านของลูกหมูตัวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่กำแพงเป็นกระจก คงเป็นลูกหมูที่ท้าทายให้หมาป่าชนก่อนหมาป่าจะรู้ตัวว่า ต๊าย! ชั้นโดนกระจกทิ่มรึนี่ ไม่นะ!
                    เธอมองเข้าไปในกระจกด้วยสีหน้าแปลกๆ คิ้วมุ่นเข้าหากันแล้วมองไอ้เครื่องจักรเครื่องเล็กน่ารักที่เรามักเรียกกันว่า เครื่องชงกาแฟ... กระจกร้านทำให้มองเห็นภายในร้านซึ่งอบอวลไปด้วยความคลาสสิกในสายตาผม ผมว่านะร้านกาแฟเป็นอะไรที่เข้าไปแล้วอบอวลด้วยกลิ่นกาแฟ มันทำให้ผมรู้สึกไฮโซอย่างเป็นที่สุด ยกเว้นเวลาจ่ายตังค์
                    ผมเริ่มผายมือให้เธอเข้าไปก่อนเยี่ยงสุภาพบุรุษ ที่เข้ากับหน้าผมเป็นที่สุด ฟรานเซียหันมามองทางผมก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้านของคนแปลกหน้าที่เธออาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต บรรยากาศในร้านอุ่นได้ด้วยเครื่องทำความร้อนที่อาจจะแปลกไปหน่อยสำหรับเธอ ผมรู้สึกแย่หน่อยเหมือนกับเห็นคนหลุดมาจากยุคหินมายืนอึ้งอยู่ข้างๆผม เพียงแต่เป็นมนุษย์ยุคหินที่ไม่มีขนเหมือนลิงแถมตายังสวยอีกต่างหาก
                    “ผมผิดเองที่เขียนให้คุณกับผมอยู่คนละยุคกัน... ความจริงผมตกประวัติศาสตร์น่ะครับ แต่ผมอยากให้คุณอยู่ยุคคลาสสิกแบบ เชอร์ล็อค เฮ้าส์ อะไรอย่างนี้น่ะ ครับ” ใช่แล้ว ตามความรู้สึกของผมยุคของเชอร์ล็อค เฮ้าส์เป็นยุคที่ดูไฮโซที่สุด
                    “ห...หมายถึงเชอร์ล็อค โฮล์มใช่มั้ย” เธอพูดเสียงเรียบสายตาที่มองผมมันบอกผมว่า ถึงแกจะหล่อยังไงมุกแกก็แป้ก ก็ดีครับ... ผมก็ยังหล่อ...
                    งั้นหรอ...
                    ตาบ้านี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอยู่อีกรึไง?
                    ไม่ใช่แค่ตกประวัติศาสตร์หรอก มันตกวิชาคนสุขภาพจิตดีด้วยแน่ๆ
                    ไม่เชื่อโว้ย!!!
                   
                    “ผมก็รู้ครับเป็นผม ผมก็ไม่เชื่อ” ผมพูดอย่างใจเย็นถึงแม้ในใจจะกรุ่นขึ้นหน่อยๆ ที่เธอว่าผมในใจว่าสุขภาพจิตผมไม่ดี
                    บังเอิญน่ะ... บังเอิญ...
                    เธอปลอบใจตัวเอง ที่เห็นผมตอบเธอราวกับอ่านใจเธอได้ ก็มันช่วยได้ที่ไหนล่ะครับ ก็คนมันฉลาดนี่นา
                    “ไม่บังเอิญหรอกครับ” ผมเห็นเธอสะดุ้งนิดๆก่อนหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ คล้ายจะรังเกียจหน่อยๆ “แล้วผมก็ไม่ได้ตกวิขาสุขภาพจิตดีด้วย”
                    อาจจะบังเอิญอีก
                    ต้องทดสอบ!
                    1 + 1 = ?
                    “ 2 “ ผมตอบ
                    2 + 2 = ?
                    “ 4 “ ผมตอบอีก
                    3 + 3 = ?
                    “ 6 “ ผมตอบอีกครั้ง
                    4 + 4 = ?
                    “ 8 “ ผมตอบอีกครั้งของอีกครั้ง ตอนนี้ผมรู้แล้วแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ฟรานเซียกำลังเล่นตลกกับผมอยู่แน่ๆ ตลกที่ทำให้ผมงงยิ่งนักว่าทำไมมันถึงเป็นคำถามเลขเด็กอนุบาลกันเนี๊ยะ “เอ่อ...” ผมพยายามจะพูดขัดการเล่นตลกของเธอที่ทำให้พนักงานที่มายืนรอออร์เดอร์มองผมอย่างเดียวกับที่ฟรานเซียมองผมตอนแรก ก็ใช่ เธอคิดว่า ผมบ้าแน่ๆ
                    1578 + 7958 = ?
                    เธอหันมามองผมตาถลึงราวกับจะเอาชนะ แล้วคนหล่ออย่างผมจะกล้าไปทำเธอเสียหน้าได้อย่างไรกัน... ผมก็ต้องเป็นผู้ปราชัยพ่ายแพ้ตามสไตล์คนเท่ห์...
                   
...หวังว่าพระเจ้างี่เง่าคงไม่ตกเลข...
                    “ฮะ... ฮะ... แต่ผมตกเลขนะครับ”
                    ต๊าย! โง่! ตกทั้งประวัติศาสตร์ วิชาสุขภาพจิตดี แล้ว เลขยังตกอีก!
                    ผมเริ่มฉุนหน่อยๆผมรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ... เธอไม่ได้ตั้งใจ... เธอไม่ได้ตั้งใจ เอ... แล้วผมจะมานั่งท่องอะไรอยู่เนี๊ยะ... เธอต้องเชื่อผมก่อนสิ... ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสวดมนต์ ผมชอบสวดครับ เวลาเครียดวิธีสวดมนต์เป็นวิธีที่ดีนะครับ แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือถูกคนสวดต่อหน้า และก็ถูกคนสวดในใจ สรุปคือ ผมไม่ชอบถูกสวด...
                    “โง่ ก็ โง่ ครับ! แต่คุณต้องเชื่อผมก่อนว่า คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!!”
                    คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!!ม่ายนะ!!!
                    ผมได้ยินเธอกรีดร้องในใจ ดูเธอช็อคเอาการ เพราะเธอรู้แล้วว่าคนๆนี้ยิ่งกว่าพระเจ้า... ถ้าพระเจ้าหมายถึงผู้สร้างโลก... คงไม่มาสนใจชีวิตมนุษย์โง่ๆคนนึง แต่นักเขียนลงมาหาตัวละคร หมายความว่าเธอเป็นตัวละครสำคัญน่ะสิ...
                    “ครับ! ตัวเอกเลยครับ พูดเถอะครับผมไม่ชอบเล่นสงครามพลังจิตนะครับ” ผมเริ่มใจเย็นขึ้นบ้างแล้วพูดกับเธออย่างประนีประนอม
                    “มีอะไรว่ามา นายจะให้ชั้นไปตบตี นางเอก ใช่มั้ย?” เธอเริ่มพูดกับผมอย่างวางตัวสบายๆ
                    “เชื่อผมแล้วสินะครับ ว่าผมเป็น...”
                    “ชั้นไม่ได้บอกว่าเชื่อ!” ฟรานเซียพูดกระแทกเสียงดังสนั่นหูผมกับพนักงานหน้าสวยข้างๆแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แต่โชคดีที่กระจกไม่ร้าวเหมือนเวลานักร้องโอเปร่าอวดเสียงที่สะท้านหูผู้ฟังสะเทือนใจกระจกแก้ว ไม่งั้นหมาป่าคงเข้ามาได้ง่ายกว่าเดิมแน่ๆ...
                    แต่สิ่งที่เธอทำอยู่ทำให้ผมรู้ได้ทันที... ว่าเธอกำลังเล่นแง่กับผม!!! อะไรกัน ผมไปทำอะไรให้เธอเมื่อไหร่กันเนี๊ยะ เท่าที่ผมรู้มีแต่เธอเล่นตลกกับผมไม่ใช่รึ? อารายก๊านนน!!!
                    “แล้วไงครับ อยากบอกเลยนะครับว่าในโลกนี้ผมจะเป็นใครก็ได้ ทั้งนักวิทยาศาสตร์หัวเห็ด ดอน เดลิโอสไตน์!!! เพาเวอร์พัฟดอนแปลงกาย!!!”
                    พูดจบผมของผมก็ฟูฟ่องขึ้นทันตาจากผมสีน้ำตาลกลายเป็นสีเทา หนวดงอก... และแว่นตาก็ผุดพรายออกมาจากใบหน้า ตอนนี้สมองผมโตยิงกว่าลูกแตงโมเสียอีก... แต่ความหล่อลดไปหน่อย... ผมจึงจำเป็นต้องแปลงกายอีกครั้ง
                    “หรือว่า... ศิลปินผู้โด่งดังหลังมีชีวิต ดอนโก๊ะ!!!”
                    ผมฟูฟ่องของผมเริ่มหดสั้นลงราวย้อนเวลาฝืนธรรมชาติได้ เส้นผมสีเทาเริ่มแปรเปลี่ยน...เป็นสีเหลือง... เป็นสีส้ม... เป็นสีน้ำตาล... เป็นสีน้ำตาลแดง... ตามลำดับ เครางอกจากคางเป็นสีเดียวกันกับเส้นผม ก่อนจะมีหมวกอาร์ติสโผล่ขึ้นมาให้ทราบอาชีพของดอนโก๊ะซักหน่อย
                    “หรือแม้แต่... นักทำนายชื่อก้องโลก ดอนตราดามุส!!!”
                    รูปร่างภายนอกแปรเปลี่ยนอีกครั้ง โดยไม่ให้ความสนใจกับเด็กรับออร์เดอร์ที่หันมาทำตาลุกวาวเลยสักนิด...
                    “หรือ...” ผมหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีดวงตาปองร้ายมองมาจากฝั่งตรงข้าม...
                    “หยุด!!! พอกันที!!!”  เธอตะโกนเสียงดังด้วยแววตาเกรี้ยวกราดที่สาดส่องมาที่ผม... ผมคนนี้นี่แหละ ผมคงไม่มีเวลามาบรรยายแล้วว่าแววตาของเธอส่งความหมายมาว่าอย่างไรตอนนี้ดูเหมือนเธออยากจะฆ่าผมให้ได้
                    พอ!
                    พอกันที!
                    ไม่ว่ามายากลหรือเวทมนตร์ก็ตาม!
                    พอ ก็คือ พอ!
...สัปดาห์นี้โดนไอ้ดาวอังคารบังดาวพุธเล่นตลกมาเกินพอแล้ว
                    ฟรานเซียเดินไปที่ประตูอย่างที่เรียกได้ว่า เดินเยี่ยงนางยักษ์ ก่อนจะเหลือบนัยน์ตาคู่สวยที่บ่งบอกความเกรี้ยวกราดและกราดเกรี้ยวคู่นั้นมาหาและเดินปึงปิดประตูปังออกไป
                    “คอยดู! ผมจะทำให้คุณเชื่อให้ได้!” ผมตะโกนไล่หลังเธอเอามือทั้งสองป้องปากเผื่อว่ามันดังขึ้นจนผ่านกระจกกันหมาไปได้ ผมเห็นเธอเหล่มามองครู่หนึ่งแต่ในที่สุดเธอก็เดินลับตาผมไป
                    ฟรานเซียเดินออกมานอกตรอกเล็กๆ เธอชะงักนิดหนึ่งก่อนจู้ว่าตังเองมาอยู่บนถนนสายเดิมแล้ว เธอแน่ใจว่าตอนนี้ร้านกาแฟร้านนั้นหายไปแล้ว... หายไปพร้อมกับตรอกเล็กๆตรอกนั้น... นี่เธอคงจะเป็นอลิซที่บังเอิญเดินไปเจอคุณกระต่ายแน่ๆ และร้านกาแฟนั้นก็แค่ร้านน้ำชาของคุณกระต่ายในแดนมหัศจรรย์!!!
                    ฝันไป...
                    ชั้นไม่รู้จักร้านกาแฟอะไรนั่น
                    ไม่รู้จักดอน เดลิโอ ดอน เดลิโอสไตน์ ดอนโก๊ะ ดอนตราดามุส งี่เง่า โง่ งี่เง่า โง่ งี่เง่า และ โง่ อะไรนั่น!
                    เธอพยายามสงบสติและอารมณ์ของตนเอง สรุปสิ่งที่เธอมั่นใจว่าฝันอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้เดินกลับบ้านบนถนนสายเดิมอย่างสบายใจ แต่คงไม่สงบสุขแน่นอนเพราะพวกชาวบ้านพวกนั้น... มือทั้งสองข้างของเธอกดบริเวณเหนือหูใต้ขมับ เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำอย่างรวดเร็ว นักร้องหลายคนก็ทำแบบนี้เพราะเชื่อว่าจะกระตุ้นให้จำเนื้อเพลงได้ดีและนำออกมาร้องได้ทันการณ์
                    เจ้าของนัยน์ตาคู่สวยค่อยๆพ่นลมหายใจเบาๆเพื่อให้ความเชื่อที่ว่าถอนหายใจ 1 ครั้ง แก่ขึ้น 1 วันลดโทษให้เธอแก่ลงเพียงครึ่งวัน... ตอนนี้เรียบร้อยอย่างที่เค้าว่า... สติมาปัญญาจะเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา...
                    แต่ว่า...
                    อะ... อ้าว! เฮ้ย! นี่มัน!
...ทำไมในเมื่อปัญญามาแล้วแต่สติกลับหายไปหมดกัน!...
@@@
Don Delio\'s Message
อ่า... รู้สึกคนอ่านบางคนชอบเลือดสาดแฮะ ตอนนี้เป็นตอนที่งี่เง่าที่สุดกลัวไม่มีคนอ่านง่าส์
ไม่น้า เราจะทำยังไงดี กินหนอนสิ กินหนอนสิ (เริ่มร้องเป็นเพลงแระ)
อยากให้คนอ่านเยอะๆจังแฮะเดือนนี้มีไม่ถึง 20 เรย ไม่น้า กินหนอนดีก่า
@@@
                    “คุณเกิดวันอะไรครับ?” เสียงของผมเรียกความสนใจจากฟรานเซียได้ดี เธอนิ่งตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองผม ด้วยตาที่เบิกกว้าง ผมเป็นชายหน้าตาดี น่ารัก หล่อ เท่ห์ จนอาจทำให้เธอตะลึงก็เป็นได้
                    อะไรกันหมอนี่
                    ชื่อก็ไม่รู้จัก มาถามวันเกิดเฉยเลย
                    “วันพุธสินะ...ก็ผมเขียนมาอย่างนี้นี่นา”
                    เขียน...!?
                    เมื่อกี้หมอนี่พูดว่าเขียนใช่มั้ย?
                    “ใช่...ชั้นเกิดวันพุธ”
                    ทำไมหมอนี่ถึงรู้ได้...
                    เธอมองผมด้วยสายตาที่หวาดระแวง ไม่เชื่อใจคนหล่อๆอย่างผมเลยสักนิด ตาคู่สวยเธอเหล่มองมาทางผมอย่างจงใจ... จงใจให้ผมรู้แน่ชัดว่าเธอไม่เล่นด้วย... แกอย่ามาเล่นตลกกะชั้น... ชั้นเกลียดแก... แกห้ามขยับ... แกหล่อ... นี่คือสิ่งที่ผมอ่านได้จากสายตาเธอ อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอจะกระโดดเข้ามากัดผมก่อนจะคำรามว่า แง่งงงง... ก็เป็นได้...แต่ก็ไม่...
                    “พอได้เจอตัวจริงนึกว่าเกิดวันจันทร์ไม่ก็วันอังคารซะอีกนะครับ”
                    หมายความว่า...
                    หมอนี่โรคจิตใช่มะ?
                    ”หรือ... นายหมายถึงเพลงกล่อมเด็กนั่น” ฟรานเซียถามด้วยใบหน้าที่ผมเผยรอยยิ้มกับคิ้วเหมือนแยมโรลของเธอ ความจริงเธอก็เป็นนาลซิสต์รึนี่ เด็กที่เกิดวันจันทร์พักตร์ จิ้มลิ้มพริ้มเพรา เด็กที่เกิดวันอังคาร ท่วงท่าสง่าราศี นี่เธอคิดว่าตัวเองสง่าถึงได้พูดออกมารึเปล่านะ? แต่ก็ใช่...เธอเป็นอย่างงั้น...
                    “คร้าบ... บทกวีเพลงกล่อมเด็กของมาเธอร์กูสน่ะแหละครับ”
                    “เมื่อกี้นายพูดว่าเขียนใช่มั้ย?” สายตาเธอมองผมอย่างคลางแคลงใจ และต้องการรู้คำตอบเอาซะให้ได้ ถ้าผมไม่บอกเธอก็คงคาดคั้นเอาเหตุผลที่สมจริงไปให้ได้
                    “ผม ‘ดอน เดลิโอ’ จะว่าผมเป็นพระเจ้าของที่นี่ก็ได้” ผมพูดพร้อมเก๊กด้วยสีหน้าอันหล่อเหลา ชื่อเพราะๆของผมเธอก็รู้เสียแล้ว แน่สิ ก็ผมบอกเธอเองนี่นา...
                    งี่เง่า...
                    พระเจ้าอะไรนั่น
                    มีที่ไหนในโลก
                    “พระเจ้า...?” เธอถามสีหน้าประหลาด ความไม่เชื่อใจผมเพิ่มขึ้นจาก 70 เปอร์เซ็นต์ เป็น 99 เปอร์เซ็นต์ว่าผมบ้าแน่ๆ
                    “ผมว่าไปคุยที่ร้านกาแฟตรงนั้นก็ดีนะครับ” ผมวางมาดนิดๆก่อนชี้ไปที่ตรอกเล็กๆเอามือเสยผมครั้งหนึ่งเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาที่มีมากของผมให้มากขึ้นอีก เผื่อมันจะกระเด็นไปให้หญิงสาวคนข้างตัวผมสักหน่อยก็ยังดี... แต่ก็ไม่... อีกแล้ว...
                    ร้านกาแฟ? มันคืออะไรล่ะ?
                    แต่ถึงมีเค้าคงไม่ให้เข้าหรอก
                    ผมเดินนำหน้าพาเธอเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่ซึ่งปรากฏให้เห็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เธอสาบานว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทั้งการสร้างบ้านของลูกหมูตัวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่กำแพงเป็นกระจก คงเป็นลูกหมูที่ท้าทายให้หมาป่าชนก่อนหมาป่าจะรู้ตัวว่า ต๊าย! ชั้นโดนกระจกทิ่มรึนี่ ไม่นะ!
                    เธอมองเข้าไปในกระจกด้วยสีหน้าแปลกๆ คิ้วมุ่นเข้าหากันแล้วมองไอ้เครื่องจักรเครื่องเล็กน่ารักที่เรามักเรียกกันว่า เครื่องชงกาแฟ... กระจกร้านทำให้มองเห็นภายในร้านซึ่งอบอวลไปด้วยความคลาสสิกในสายตาผม ผมว่านะร้านกาแฟเป็นอะไรที่เข้าไปแล้วอบอวลด้วยกลิ่นกาแฟ มันทำให้ผมรู้สึกไฮโซอย่างเป็นที่สุด ยกเว้นเวลาจ่ายตังค์
                    ผมเริ่มผายมือให้เธอเข้าไปก่อนเยี่ยงสุภาพบุรุษ ที่เข้ากับหน้าผมเป็นที่สุด ฟรานเซียหันมามองทางผมก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้านของคนแปลกหน้าที่เธออาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต บรรยากาศในร้านอุ่นได้ด้วยเครื่องทำความร้อนที่อาจจะแปลกไปหน่อยสำหรับเธอ ผมรู้สึกแย่หน่อยเหมือนกับเห็นคนหลุดมาจากยุคหินมายืนอึ้งอยู่ข้างๆผม เพียงแต่เป็นมนุษย์ยุคหินที่ไม่มีขนเหมือนลิงแถมตายังสวยอีกต่างหาก
                    “ผมผิดเองที่เขียนให้คุณกับผมอยู่คนละยุคกัน... ความจริงผมตกประวัติศาสตร์น่ะครับ แต่ผมอยากให้คุณอยู่ยุคคลาสสิกแบบ เชอร์ล็อค เฮ้าส์ อะไรอย่างนี้น่ะ ครับ” ใช่แล้ว ตามความรู้สึกของผมยุคของเชอร์ล็อค เฮ้าส์เป็นยุคที่ดูไฮโซที่สุด
                    “ห...หมายถึงเชอร์ล็อค โฮล์มใช่มั้ย” เธอพูดเสียงเรียบสายตาที่มองผมมันบอกผมว่า ถึงแกจะหล่อยังไงมุกแกก็แป้ก ก็ดีครับ... ผมก็ยังหล่อ...
                    งั้นหรอ...
                    ตาบ้านี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอยู่อีกรึไง?
                    ไม่ใช่แค่ตกประวัติศาสตร์หรอก มันตกวิชาคนสุขภาพจิตดีด้วยแน่ๆ
                    ไม่เชื่อโว้ย!!!
                   
                    “ผมก็รู้ครับเป็นผม ผมก็ไม่เชื่อ” ผมพูดอย่างใจเย็นถึงแม้ในใจจะกรุ่นขึ้นหน่อยๆ ที่เธอว่าผมในใจว่าสุขภาพจิตผมไม่ดี
                    บังเอิญน่ะ... บังเอิญ...
                    เธอปลอบใจตัวเอง ที่เห็นผมตอบเธอราวกับอ่านใจเธอได้ ก็มันช่วยได้ที่ไหนล่ะครับ ก็คนมันฉลาดนี่นา
                    “ไม่บังเอิญหรอกครับ” ผมเห็นเธอสะดุ้งนิดๆก่อนหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ คล้ายจะรังเกียจหน่อยๆ “แล้วผมก็ไม่ได้ตกวิขาสุขภาพจิตดีด้วย”
                    อาจจะบังเอิญอีก
                    ต้องทดสอบ!
                    1 + 1 = ?
                    “ 2 “ ผมตอบ
                    2 + 2 = ?
                    “ 4 “ ผมตอบอีก
                    3 + 3 = ?
                    “ 6 “ ผมตอบอีกครั้ง
                    4 + 4 = ?
                    “ 8 “ ผมตอบอีกครั้งของอีกครั้ง ตอนนี้ผมรู้แล้วแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ฟรานเซียกำลังเล่นตลกกับผมอยู่แน่ๆ ตลกที่ทำให้ผมงงยิ่งนักว่าทำไมมันถึงเป็นคำถามเลขเด็กอนุบาลกันเนี๊ยะ “เอ่อ...” ผมพยายามจะพูดขัดการเล่นตลกของเธอที่ทำให้พนักงานที่มายืนรอออร์เดอร์มองผมอย่างเดียวกับที่ฟรานเซียมองผมตอนแรก ก็ใช่ เธอคิดว่า ผมบ้าแน่ๆ
                    1578 + 7958 = ?
                    เธอหันมามองผมตาถลึงราวกับจะเอาชนะ แล้วคนหล่ออย่างผมจะกล้าไปทำเธอเสียหน้าได้อย่างไรกัน... ผมก็ต้องเป็นผู้ปราชัยพ่ายแพ้ตามสไตล์คนเท่ห์...
                   
...หวังว่าพระเจ้างี่เง่าคงไม่ตกเลข...
                    “ฮะ... ฮะ... แต่ผมตกเลขนะครับ”
                    ต๊าย! โง่! ตกทั้งประวัติศาสตร์ วิชาสุขภาพจิตดี แล้ว เลขยังตกอีก!
                    ผมเริ่มฉุนหน่อยๆผมรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ... เธอไม่ได้ตั้งใจ... เธอไม่ได้ตั้งใจ เอ... แล้วผมจะมานั่งท่องอะไรอยู่เนี๊ยะ... เธอต้องเชื่อผมก่อนสิ... ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสวดมนต์ ผมชอบสวดครับ เวลาเครียดวิธีสวดมนต์เป็นวิธีที่ดีนะครับ แต่ที่ผมไม่ชอบก็คือถูกคนสวดต่อหน้า และก็ถูกคนสวดในใจ สรุปคือ ผมไม่ชอบถูกสวด...
                    “โง่ ก็ โง่ ครับ! แต่คุณต้องเชื่อผมก่อนว่า คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!!”
                    คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!! คุณเป็นตัวละครในเรื่องที่ผมแต่ง!!!ม่ายนะ!!!
                    ผมได้ยินเธอกรีดร้องในใจ ดูเธอช็อคเอาการ เพราะเธอรู้แล้วว่าคนๆนี้ยิ่งกว่าพระเจ้า... ถ้าพระเจ้าหมายถึงผู้สร้างโลก... คงไม่มาสนใจชีวิตมนุษย์โง่ๆคนนึง แต่นักเขียนลงมาหาตัวละคร หมายความว่าเธอเป็นตัวละครสำคัญน่ะสิ...
                    “ครับ! ตัวเอกเลยครับ พูดเถอะครับผมไม่ชอบเล่นสงครามพลังจิตนะครับ” ผมเริ่มใจเย็นขึ้นบ้างแล้วพูดกับเธออย่างประนีประนอม
                    “มีอะไรว่ามา นายจะให้ชั้นไปตบตี นางเอก ใช่มั้ย?” เธอเริ่มพูดกับผมอย่างวางตัวสบายๆ
                    “เชื่อผมแล้วสินะครับ ว่าผมเป็น...”
                    “ชั้นไม่ได้บอกว่าเชื่อ!” ฟรานเซียพูดกระแทกเสียงดังสนั่นหูผมกับพนักงานหน้าสวยข้างๆแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แต่โชคดีที่กระจกไม่ร้าวเหมือนเวลานักร้องโอเปร่าอวดเสียงที่สะท้านหูผู้ฟังสะเทือนใจกระจกแก้ว ไม่งั้นหมาป่าคงเข้ามาได้ง่ายกว่าเดิมแน่ๆ...
                    แต่สิ่งที่เธอทำอยู่ทำให้ผมรู้ได้ทันที... ว่าเธอกำลังเล่นแง่กับผม!!! อะไรกัน ผมไปทำอะไรให้เธอเมื่อไหร่กันเนี๊ยะ เท่าที่ผมรู้มีแต่เธอเล่นตลกกับผมไม่ใช่รึ? อารายก๊านนน!!!
                    “แล้วไงครับ อยากบอกเลยนะครับว่าในโลกนี้ผมจะเป็นใครก็ได้ ทั้งนักวิทยาศาสตร์หัวเห็ด ดอน เดลิโอสไตน์!!! เพาเวอร์พัฟดอนแปลงกาย!!!”
                    พูดจบผมของผมก็ฟูฟ่องขึ้นทันตาจากผมสีน้ำตาลกลายเป็นสีเทา หนวดงอก... และแว่นตาก็ผุดพรายออกมาจากใบหน้า ตอนนี้สมองผมโตยิงกว่าลูกแตงโมเสียอีก... แต่ความหล่อลดไปหน่อย... ผมจึงจำเป็นต้องแปลงกายอีกครั้ง
                    “หรือว่า... ศิลปินผู้โด่งดังหลังมีชีวิต ดอนโก๊ะ!!!”
                    ผมฟูฟ่องของผมเริ่มหดสั้นลงราวย้อนเวลาฝืนธรรมชาติได้ เส้นผมสีเทาเริ่มแปรเปลี่ยน...เป็นสีเหลือง... เป็นสีส้ม... เป็นสีน้ำตาล... เป็นสีน้ำตาลแดง... ตามลำดับ เครางอกจากคางเป็นสีเดียวกันกับเส้นผม ก่อนจะมีหมวกอาร์ติสโผล่ขึ้นมาให้ทราบอาชีพของดอนโก๊ะซักหน่อย
                    “หรือแม้แต่... นักทำนายชื่อก้องโลก ดอนตราดามุส!!!”
                    รูปร่างภายนอกแปรเปลี่ยนอีกครั้ง โดยไม่ให้ความสนใจกับเด็กรับออร์เดอร์ที่หันมาทำตาลุกวาวเลยสักนิด...
                    “หรือ...” ผมหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีดวงตาปองร้ายมองมาจากฝั่งตรงข้าม...
                    “หยุด!!! พอกันที!!!”  เธอตะโกนเสียงดังด้วยแววตาเกรี้ยวกราดที่สาดส่องมาที่ผม... ผมคนนี้นี่แหละ ผมคงไม่มีเวลามาบรรยายแล้วว่าแววตาของเธอส่งความหมายมาว่าอย่างไรตอนนี้ดูเหมือนเธออยากจะฆ่าผมให้ได้
                    พอ!
                    พอกันที!
                    ไม่ว่ามายากลหรือเวทมนตร์ก็ตาม!
                    พอ ก็คือ พอ!
...สัปดาห์นี้โดนไอ้ดาวอังคารบังดาวพุธเล่นตลกมาเกินพอแล้ว
                    ฟรานเซียเดินไปที่ประตูอย่างที่เรียกได้ว่า เดินเยี่ยงนางยักษ์ ก่อนจะเหลือบนัยน์ตาคู่สวยที่บ่งบอกความเกรี้ยวกราดและกราดเกรี้ยวคู่นั้นมาหาและเดินปึงปิดประตูปังออกไป
                    “คอยดู! ผมจะทำให้คุณเชื่อให้ได้!” ผมตะโกนไล่หลังเธอเอามือทั้งสองป้องปากเผื่อว่ามันดังขึ้นจนผ่านกระจกกันหมาไปได้ ผมเห็นเธอเหล่มามองครู่หนึ่งแต่ในที่สุดเธอก็เดินลับตาผมไป
                    ฟรานเซียเดินออกมานอกตรอกเล็กๆ เธอชะงักนิดหนึ่งก่อนจู้ว่าตังเองมาอยู่บนถนนสายเดิมแล้ว เธอแน่ใจว่าตอนนี้ร้านกาแฟร้านนั้นหายไปแล้ว... หายไปพร้อมกับตรอกเล็กๆตรอกนั้น... นี่เธอคงจะเป็นอลิซที่บังเอิญเดินไปเจอคุณกระต่ายแน่ๆ และร้านกาแฟนั้นก็แค่ร้านน้ำชาของคุณกระต่ายในแดนมหัศจรรย์!!!
                    ฝันไป...
                    ชั้นไม่รู้จักร้านกาแฟอะไรนั่น
                    ไม่รู้จักดอน เดลิโอ ดอน เดลิโอสไตน์ ดอนโก๊ะ ดอนตราดามุส งี่เง่า โง่ งี่เง่า โง่ งี่เง่า และ โง่ อะไรนั่น!
                    เธอพยายามสงบสติและอารมณ์ของตนเอง สรุปสิ่งที่เธอมั่นใจว่าฝันอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้เดินกลับบ้านบนถนนสายเดิมอย่างสบายใจ แต่คงไม่สงบสุขแน่นอนเพราะพวกชาวบ้านพวกนั้น... มือทั้งสองข้างของเธอกดบริเวณเหนือหูใต้ขมับ เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำอย่างรวดเร็ว นักร้องหลายคนก็ทำแบบนี้เพราะเชื่อว่าจะกระตุ้นให้จำเนื้อเพลงได้ดีและนำออกมาร้องได้ทันการณ์
                    เจ้าของนัยน์ตาคู่สวยค่อยๆพ่นลมหายใจเบาๆเพื่อให้ความเชื่อที่ว่าถอนหายใจ 1 ครั้ง แก่ขึ้น 1 วันลดโทษให้เธอแก่ลงเพียงครึ่งวัน... ตอนนี้เรียบร้อยอย่างที่เค้าว่า... สติมาปัญญาจะเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา...
                    แต่ว่า...
                    อะ... อ้าว! เฮ้ย! นี่มัน!
...ทำไมในเมื่อปัญญามาแล้วแต่สติกลับหายไปหมดกัน!...
@@@
Don Delio\'s Message
อ่า... รู้สึกคนอ่านบางคนชอบเลือดสาดแฮะ ตอนนี้เป็นตอนที่งี่เง่าที่สุดกลัวไม่มีคนอ่านง่าส์
ไม่น้า เราจะทำยังไงดี กินหนอนสิ กินหนอนสิ (เริ่มร้องเป็นเพลงแระ)
อยากให้คนอ่านเยอะๆจังแฮะเดือนนี้มีไม่ถึง 20 เรย ไม่น้า กินหนอนดีก่า
@@@
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น