ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The 2nd Omen ครอบครัวดิสก์
The 2nd Omen ครอบครัวดิสก์
                    ไอเย็นในอากาศส่งผลถึงสภาพภายในบ้านเรือนให้มีอากาศเย็นเยียบเช่นทุกวัน ที่อีกไม่นานคงจะไม่มีใครได้รับไอความหนาวเย็นภายในบ้านอีกแล้ว อีก 3 วัน ฟรานเซียก็จะออกไปจากหมู่บ้านกรีนวิลล์งี่เง่านี่แล้ว
                    เธอนั่งสบายอารมณ์อยู่ในห้องรับแขกบนโซฟาตัวนุ่ม มือถือแก้วเซรามิกสั่นระริกเพราะความหนาวแม้จะจุดไฟในเตผิงแล้วก็ตาม เธอไม่ค่อยอยากจะออกไปข้างนอกเท่าไหร่นัก ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่อาจเพราะขี้เกียจ...ขี้เกียจฟังสังคมประนามมากกว่า...
                    ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสบียงอาหารร่อยหรอล่ะก็...
                    ฟรานเซียคว้าเสื้อโค้ทเก่าๆสีน้ำตาลมาสวมก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้าน ด้วยเงินที่แทบไม่เหลือหรอ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือฝากความหวังไว้กับญาติคนสุดท้ายที่หมู่บ้านฮอฟฟาเรลล์ ถึงแม้ความหวังจะหมายถึงส่งที่ไม่มั่นคงที่สุดก็ตาม
                    ‘ร้านขายเนื้อ’ ป้ายใหญ่ตั้งอยู่หน้าร้านที่ไม่ต้อนรับเธอเอาเสียเลย ตั้งแต่เข้าไปใกล้ในรัศมี 2 เมตร คนขายก็รีบพูดตะคอกใส่หน้า “ไม่ขาย!”
                    ทำไมถึงมีร้านเนื้อร้านเดียวก็ไม่รู้
                    แต่ไม่เป็นไรไม่กินเนื้อก็กินผักได้
                    ไม่ตายหรอกน่า
                    แต่ไม่ว่าเดินผ่านไปร้านไหน เจ้าของร้านก็จะรีบปิดร้านหนีทันที บางรายถึงกับต่อว่าต่างๆนาๆ ไหนจะ ‘ไอ้คนฆ่าลุง’ บ้าง ‘เด็กไม่รู้จักบุญคุณ’ บ้าง แต่เธอไม่สนใจสักเท่าไหร่ ได้แต่คิดว่า ไม่สนก็คงดีเอง แต่เธอก็ยังก้าวเดินบนถนนสายนี้ต่อไปท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
น่าขำ
                    ความคิดพลันแล่นวูบเมื่อมองไปทางร้านที่ผ่านมาแต่ละร้านปิดอย่างรวดเร็วราวกับประชาชนน้อมรับราชินี หรืออาจเป็น ประชาชนเกรงกลัวโจรป่ามากกว่า แค่คิดความน่ากลัวก็ทำให้ราชินีกลายเป็นโจรป่าเสียได้
                    จะว่าไปแล้วตระกูลซัมเปอร์ก็มีอิทธิพลต่อหมู่บ้านมากอยู่ ด้วยความรวยแบบที่สุด และไฮโซแบบที่สุดเช่นกัน เมื่อปีกลายกว้านซื้อบ้านในหมู่บ้านกรีนวิลล์ได้เกือบครบทุกหลัง เหลือแต่บ้านของท่านนายกเทศมนตรี บ้านลุงบุญธรรมของเธอ
                    คิดแล้วก็หนักใจ
                    จะไปซื้อก็คงไม่มีที่ไหนขาย ให้ฟรีก็ยิ่งแล้วใหญ่
                    แค่เข้าใกล้ยังไม่ได้เลย
                    ปลงได้ก็หันหลังกลับ ท่าทางจะต้องกลับบ้านมือเปล่า คงบอกไม่ได้ว่าผิดหวัง เพราะคิดอย่างงี้อยู่แล้ว
                    “เอ้อ พี่สาวฮะ” เสียงแผ่วเบาของเด็กผู้ชายดังขึ้นด้านหลังสาวหน้าอมทุกข์
มาอีกแล้วสินะ โชคดีบนความโชคร้าย
                    “ตามผมมาสิฮะ” ฟรานเซียเบิกตาขึ้นกว้างเมื่อได้ยินคำชวน หรี่ตาลงก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะได้ยินเสียงกระเซ้า “เร็วๆสิฮะ” เด็กชายกวักมือเรียกเธอ และวิ่งนำทางไป
                    บริเวณท้ายหมู่บ้าน เสียงหอบของเด็กชายดังมาเป็นระยะๆ ตามหลังด้วยเธอที่ไม่ได้ออกแรงวิ่งสักเท่าไหร่ ก่อนจะหยุดหน้าบ้านเล็กๆที่สร้างขึ้นแบบลูกหมูตัวที่ 2
บ้านไม้
                    มันเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กที่มีรั้วไม้เล็กๆรายล้อมและปลูกไม้เลื้อยรอบ ดูแล้วน่ารัก แต่ผิดกับบ้านคนรวย ส่วนใหญ่พวกไฮโซเดี๋ยวนี้บ้านิทานก็เลยชอบบ้านแบบลูกหมูตัวที่ 3 เป็นพิเศษ ทั้งที่เป็นหมูอวดดีอวดเก่งเอาชนะพวกพี่ๆได้ แต่ส่วนที่มันชนะคนอื่นได้มั้งคนถึงชอบกัน
                    “กลับมาแล้วฮะ” เสียงของเด็กน้อยถูกกลบด้วยเสียงโครมครามเจื้อยแจ้วของคนอื่นในบ้าน ที่เธอมั่นใจได้ว่านั่นเป็นเสียงเด็ก
                    “อ้าว! แอรอน ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนยื่นหน้าเข้ามาทักละจากการทำอาหารก่อนจะเบิกตากว้างมองแขกผู้มาเยือนและยิงคำถาม “นั่นใครน่ะ?”
                    “พี่สาวที่ช่วยผมตรงสถานีรถไฟไงฮะ”
                    “อ้าว! ฟรานเซียใช่มั้ยจ้ะ? น้าเอมิเลียจ้ะ เอมิเลีย ดิสก์ จะเรียกว่าน้าเอมี่ก็ได้จ้ะ”
                    น้าเอมี่
                    ไม่เรียกหรอก ชื่อมันตะหงิดเหมือนชื่อเอมิลี่ ซัมเปอร์ที่คิดว่าเธอเป็นศัตรูนี่สิ
                    น้าเอมิเลียยกหม้อออกจากเตาจะมาวางบนโต๊ะไม้ขณะที่ลูกคนเล็กหยิบผ้ารองมาวางให้แทบจะทันที
                    “ขอบคุณจ้ะ ไบรท์” เธอหันไปปิดแก๊สก่อนจะลากเก้าอี้แล้วเอี้ยวตัวมานั่ง แอรอนถอดหมวกวางไว้บนโต๊ะและนั่งลงบ้าง ก่อนจะขยับเก้าอี้ให้ฟรานเซียนั่งข้างๆ
                    “ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยลูกน้าไว้” น้าเอมิเลียส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้เธอ รอยยิ้มที่หาคนจะมีได้ยาก แม้กระทั่งคนรวยอย่างตระกูลซัมเปอร์ก็หาซื้อไม่ได้ เธอช่างบาปหนาที่เอาน้าคนสวยไปเปรียบกับนางมารอย่างนั้นได้ไงก็ไม่รู้
                    “ไม่เป็นไรค่ะ”
                    “น้าก็ดูออกหรอกจ้ะ ว่าหนูฉุดยักษ์อย่างทนายแมกซ์ ซัมเปอร์ไม่ไหว”
                    ปลื้ม
                    บอกได้คำเดียวว่า ปลื้ม
                    ปลื้มจนภายในตัวเคว้งคว้าง
                    ปลื้มว่าเด็กคนที่ช่วยมีแม่น่ารักเหลือเกิน ปลื้มแทน
                    “แต่เสียดายที่พวกซัมเปอร์ไม่เข้าใจ และคงไม่คิดจะเข้าใจ” เธอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ดวงตาสีดำเหไปทางด้านข้างทำให้ฟรานเซียมองเธอได้ชัดขึ้น เพราะเธอไม่ชอบการถูกมอง แต่เท่าที่ดูแล้วน้าเอมิลี่สวยทีเดียว ผมสีดำหยิกตามธรรมชาติถูกม้วนง่ายๆแล้วใช้ที่หนีบผมหนีบไว้ข้างหลัง ตาสวย ขนตายาว ริมฝีปากอวบ และที่ดีที่สุดคือมีเสน่ห์
                    แต่ไอ้พวกซัมเปอร์ก็ทำให้น้าเอมิเลียของเธอทำสีหน้าลำบากใจเสียได้
                    “เอ่อ คุณนายดิสก์คะ ”
                    “เรียกน้าเอมี่สิจ้ะ”
                    ไม่เรียกหรอกจ้ะ ชื่อที่คล้ายเอมิลี่อย่างง้าน
                    “น้าเอมิเลียคะ คือว่า ” ฟรานยเซียพูดตะกุกตะกัก เพราะเธอไม่ค่อยจะพูด ยิ่งการพูดขอร้องยิ่งไม่เป็นใหญ่ สมองของเธอกำลังสั่งการ เรียงคำให้เป็นประโยคก่อนจะพูดออกไป แต่ แต่ละคำที่หลุดออกมามันไม่เป็นประโยคเนี่ยสิ
                    “เอ้อ อาหาร หน่อย ขอ เอ้อ! ขอ หน่อยอาหาร เอ้ย! หน่อยขออาหาร! หน่อยขออาหาร!”
                    หน่อยขออาหาร!?
                    บ้าเรอะ แกชื่อหน่อยตั้งกะเมื่อไหร่!
                    น้าเอมิเลียกับแอรอนหันไปมองเธอด้วยสีหน้าฉงนอย่างที่สุด การกระทำที่เธอทำออกไปทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะซีดเผือดยิ่งกว่าหิมะ ความรู้สึกตอนนี้คือรู้สึกงี่เง่าที่สุด งี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า แต่น้าเอมิเลียก็ยังน่ารัก หัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะที่ฟรานเซียสะดุ้งนึกว่าเธอจะหันมาถามว่า ‘หนูไปเปลี่ยนชื่อตั้งกะเมื่อไหร่’ ซะอีก
                    “หนูหมายความว่าหนูจะขออาหารใช่มั้ยจ้ะ”
                    “ค่ะ น้าเอมิเลีย”
                    “เอ่อ ขออาหารหรอจ้ะ ” น้าเอมิเลียหลบหน้ากวาดสายตามองพื้นทำท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะออกคำสั่ง “งั้น แอรอนไปหยิบให้แม่ทีสิ ไป” แอรอนรับคำก่อนจะวิ่งออกไปนอกประตู นาเอมิเลียเห็นว่าแอรอนออกไปเรียบร้อยโดยไม่ปิดประตูจึงเดินไปปิดให้ แล้วแอบล็อกประตูไม่ให้ฟรานเซียเห็น “แย่จริงลูกคนนี้” เธอพึมพำ
                    “ขอบคุณมากนะคะ น้าเอมิเลีย” เอมิเลียมองสีหน้าเปื้อนยิ้มของฟรานเซียแล้วก็รู้สึกผิด รีบยกมือมาปิดหน้าก่อนจะหันหน้าหนี “อย่ามาขอบคุณอะไรน้าเลยจ้ะ”
                    “แต่ว่า ”
                    “โอ ฟรานเซีย เมื่อเช้าตระกูลซัมเปอร์มาเอาอาหารไปแทบหมดแล้วจ้ะ นี่แหละเหตุผลที่พวกมันมากว้านซื้อหมู่บ้าน พวกนั้นก็ด้วยจ้ะ เกือบทุกร้านแหละจ้ะ ”
                    “ตระกูลซัมเปอร์ ?” เธอพึมพำ
                    แล้วไอ้พวกซัมเปอร์มันมาเกี่ยวอะไรด้วย
                    นี่มันชักเอาใหญ่ ถึงกับจัดการชีวิตคนอื่นเลยเรอะ
                    นี่เธอเสนอหน้าหามันหรือว่ามันที่เข้ามาจุ้นจ้านกับเธอ?
                    “ได้โปรดเถอะ ก่อนที่แอรอนจะมา ”
                    ฟรานเซียมองหน้าน้าเอมิเลียด้วยรอยยิ้ม สติขาดผึง ตอนนี้แม้แต่น้าเอมิเลียเธอก็อาละวาดใส่ได้ง่ายๆ เวลาที่เสียสตินี่แหละ
                    “ค่ะ หนูจะไปแล้ว คุณนายดิสก์” คำตอบสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่น่าเหินห่างของเธอคงส่งไปถึงน้าเอมิลี่แน่นอน แต่เธอคิดผิดที่ประชดน้าเอมิเลีย ในเมื่อไม่ใช่ความผิดอะไรของน้าเค้าสักนิด
                    ฟรานเซียเปิดประตูแล้วเดินออกจากบ้านและรั้วบ้านแสนน่ารักของครอบครัวดิสก์ มือเปล่าเหมือนเดิม เดินกลับไปเส้นทางเดิม และเจอผู้คนเดิมๆ มีแต่ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมและสติที่ขาดหายไป ในใจนึกรังเกียจตระกูลซัมเปอร์เป็นที่สุดที่เอาชีวิตคนอื่นมาเล่นให้ปั่นป่วนอย่างนี้
                    เออ!
                    เอาก็เอา
                    ชั้นจะอยู่รอดให้ได้ด้วยตัวเองไม่ยืมมือคนอื่น และไปหมู้บ้านฮอฟฟาเรลล์ในวันอาทิตย์
                    “ฟรานซ์” เสียงๆหนึ่งดึงความสนใจให้เธอกลับไปมอง เสียงของเด็กผู้ชาย คนเดิม “เอ้า! นี่!” แอรอนตะโกนพลางขว้างของในมือส่งให้ฟรานเซียไป
                    ไอ้เด็กนี่!
                    ตั้งชื่อเล่นให้เลยเรอะ คราวก่อนยังเรียกพี่อยู่เลยไม่ใช่เรอะ
                    แล้วมาโยนของให้ผู้ใหญ่เนี่ยนะ!
ของ!?
                    ฟรานเซียก้มลงไปมองวัตถุชิ้นเล็กๆบนมือ ที่เธอไม่คิดว่าจะได้รับ ไม่คิด ไม่เคยคิด เพราะมันคือ ส้มเน่าๆ 1 ผล ไอ้เด็กนี่จะให้ทีให้อะไรๆที่มันกินได้หน่อยไม่ได้เรอะไง
                    “เอาไว้ทำอะไรกินเองนะ ฟรานซ์”
                    หนอย! เอาใหญ่แล้วนะเด็กนี่!
                    ฟรานซ์งั้นเรอะ
                    เธอคิดพลางก้มมองส้มเน่าๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงแม้จะเจ็บใจก็ตาม
                    เอาใหม่ดีกว่า!
                    ชั้นจะอยู่รอดด้วยส้มลูกนี้ก่อนจะไปถึงหมู่บ้านฮอฟฟาเรลล์!
                    คำปณิธานใหม่ถูกตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วเสร็จสรรพ ฟรานเซียหันไปตะโกนไล่หลังแอรอนที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
                    “ขอบคุณมาก แอรี่” ชื่อเล่นที่ถูกตั้งให้ใหม่ เน้นดังฟังชัดให้เจ้าของชื่อสะดุ้งหันมายิ้มโบกมือให้ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งหายลับตา ฟรานเซียขยับมือนำส้มเข้าไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทป้องกันไม่ให้มีคนเห็น เดี๋ยวน้าเอมิเลียจะเดือดร้อนขึ้นมาอีก ซึ่งเธอไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นแน่นอน
                    วันนี้ถือเป็นวันโชคดีรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะโชคชะตาของเธอมันไม่แน่
                    แต่ที่รู้วันต่อๆไปคงต้องฝ่าอุปสรรคใหญ่กว่านี้แน่
                    ก่อนหน้านั้นเธอจะไม่ยอมแพ้เพียงเพื่อสนองตัณหาของตระกูลซัมเปอร์หรอก
                    ผมมองผมยาวสลวยของเธอจากด้านหลัง ผมไม่เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอหรอก แต่ที่ผมรู้เธอต้องสวยแน่ๆ ตาคู่นั้น ผมแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็น
                    “คุณเกิดวันอะไรครับ?”
                    ผมถามเธอเสียงดังฟังชัดเพื่อให้เธอหันมามองผมแน่นอน ในที่สุดผมก็ได้เจอเธอ ฟรานเซีย กรีนวิลล์
@@@
Don Delio\'s Message
อ่า... ไม่รู้จะพูดอารัยดีอ่ะครับ ขอบคุณทุกคนมากที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นท์ เข้ามา... โอ๊ย แยะจัง...
ไม่รู้จะชอบคุณยังไง แต่ดีใจที่ทุกคนเข้ามาอ่าน
แบบว่าปลื้มง่ะส์ ปลื๊มปลื้ม
@@@
                    ไอเย็นในอากาศส่งผลถึงสภาพภายในบ้านเรือนให้มีอากาศเย็นเยียบเช่นทุกวัน ที่อีกไม่นานคงจะไม่มีใครได้รับไอความหนาวเย็นภายในบ้านอีกแล้ว อีก 3 วัน ฟรานเซียก็จะออกไปจากหมู่บ้านกรีนวิลล์งี่เง่านี่แล้ว
                    เธอนั่งสบายอารมณ์อยู่ในห้องรับแขกบนโซฟาตัวนุ่ม มือถือแก้วเซรามิกสั่นระริกเพราะความหนาวแม้จะจุดไฟในเตผิงแล้วก็ตาม เธอไม่ค่อยอยากจะออกไปข้างนอกเท่าไหร่นัก ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่อาจเพราะขี้เกียจ...ขี้เกียจฟังสังคมประนามมากกว่า...
                    ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสบียงอาหารร่อยหรอล่ะก็...
                    ฟรานเซียคว้าเสื้อโค้ทเก่าๆสีน้ำตาลมาสวมก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้าน ด้วยเงินที่แทบไม่เหลือหรอ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือฝากความหวังไว้กับญาติคนสุดท้ายที่หมู่บ้านฮอฟฟาเรลล์ ถึงแม้ความหวังจะหมายถึงส่งที่ไม่มั่นคงที่สุดก็ตาม
                    ‘ร้านขายเนื้อ’ ป้ายใหญ่ตั้งอยู่หน้าร้านที่ไม่ต้อนรับเธอเอาเสียเลย ตั้งแต่เข้าไปใกล้ในรัศมี 2 เมตร คนขายก็รีบพูดตะคอกใส่หน้า “ไม่ขาย!”
                    ทำไมถึงมีร้านเนื้อร้านเดียวก็ไม่รู้
                    แต่ไม่เป็นไรไม่กินเนื้อก็กินผักได้
                    ไม่ตายหรอกน่า
                    แต่ไม่ว่าเดินผ่านไปร้านไหน เจ้าของร้านก็จะรีบปิดร้านหนีทันที บางรายถึงกับต่อว่าต่างๆนาๆ ไหนจะ ‘ไอ้คนฆ่าลุง’ บ้าง ‘เด็กไม่รู้จักบุญคุณ’ บ้าง แต่เธอไม่สนใจสักเท่าไหร่ ได้แต่คิดว่า ไม่สนก็คงดีเอง แต่เธอก็ยังก้าวเดินบนถนนสายนี้ต่อไปท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
น่าขำ
                    ความคิดพลันแล่นวูบเมื่อมองไปทางร้านที่ผ่านมาแต่ละร้านปิดอย่างรวดเร็วราวกับประชาชนน้อมรับราชินี หรืออาจเป็น ประชาชนเกรงกลัวโจรป่ามากกว่า แค่คิดความน่ากลัวก็ทำให้ราชินีกลายเป็นโจรป่าเสียได้
                    จะว่าไปแล้วตระกูลซัมเปอร์ก็มีอิทธิพลต่อหมู่บ้านมากอยู่ ด้วยความรวยแบบที่สุด และไฮโซแบบที่สุดเช่นกัน เมื่อปีกลายกว้านซื้อบ้านในหมู่บ้านกรีนวิลล์ได้เกือบครบทุกหลัง เหลือแต่บ้านของท่านนายกเทศมนตรี บ้านลุงบุญธรรมของเธอ
                    คิดแล้วก็หนักใจ
                    จะไปซื้อก็คงไม่มีที่ไหนขาย ให้ฟรีก็ยิ่งแล้วใหญ่
                    แค่เข้าใกล้ยังไม่ได้เลย
                    ปลงได้ก็หันหลังกลับ ท่าทางจะต้องกลับบ้านมือเปล่า คงบอกไม่ได้ว่าผิดหวัง เพราะคิดอย่างงี้อยู่แล้ว
                    “เอ้อ พี่สาวฮะ” เสียงแผ่วเบาของเด็กผู้ชายดังขึ้นด้านหลังสาวหน้าอมทุกข์
มาอีกแล้วสินะ โชคดีบนความโชคร้าย
                    “ตามผมมาสิฮะ” ฟรานเซียเบิกตาขึ้นกว้างเมื่อได้ยินคำชวน หรี่ตาลงก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะได้ยินเสียงกระเซ้า “เร็วๆสิฮะ” เด็กชายกวักมือเรียกเธอ และวิ่งนำทางไป
                    บริเวณท้ายหมู่บ้าน เสียงหอบของเด็กชายดังมาเป็นระยะๆ ตามหลังด้วยเธอที่ไม่ได้ออกแรงวิ่งสักเท่าไหร่ ก่อนจะหยุดหน้าบ้านเล็กๆที่สร้างขึ้นแบบลูกหมูตัวที่ 2
บ้านไม้
                    มันเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กที่มีรั้วไม้เล็กๆรายล้อมและปลูกไม้เลื้อยรอบ ดูแล้วน่ารัก แต่ผิดกับบ้านคนรวย ส่วนใหญ่พวกไฮโซเดี๋ยวนี้บ้านิทานก็เลยชอบบ้านแบบลูกหมูตัวที่ 3 เป็นพิเศษ ทั้งที่เป็นหมูอวดดีอวดเก่งเอาชนะพวกพี่ๆได้ แต่ส่วนที่มันชนะคนอื่นได้มั้งคนถึงชอบกัน
                    “กลับมาแล้วฮะ” เสียงของเด็กน้อยถูกกลบด้วยเสียงโครมครามเจื้อยแจ้วของคนอื่นในบ้าน ที่เธอมั่นใจได้ว่านั่นเป็นเสียงเด็ก
                    “อ้าว! แอรอน ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนยื่นหน้าเข้ามาทักละจากการทำอาหารก่อนจะเบิกตากว้างมองแขกผู้มาเยือนและยิงคำถาม “นั่นใครน่ะ?”
                    “พี่สาวที่ช่วยผมตรงสถานีรถไฟไงฮะ”
                    “อ้าว! ฟรานเซียใช่มั้ยจ้ะ? น้าเอมิเลียจ้ะ เอมิเลีย ดิสก์ จะเรียกว่าน้าเอมี่ก็ได้จ้ะ”
                    น้าเอมี่
                    ไม่เรียกหรอก ชื่อมันตะหงิดเหมือนชื่อเอมิลี่ ซัมเปอร์ที่คิดว่าเธอเป็นศัตรูนี่สิ
                    น้าเอมิเลียยกหม้อออกจากเตาจะมาวางบนโต๊ะไม้ขณะที่ลูกคนเล็กหยิบผ้ารองมาวางให้แทบจะทันที
                    “ขอบคุณจ้ะ ไบรท์” เธอหันไปปิดแก๊สก่อนจะลากเก้าอี้แล้วเอี้ยวตัวมานั่ง แอรอนถอดหมวกวางไว้บนโต๊ะและนั่งลงบ้าง ก่อนจะขยับเก้าอี้ให้ฟรานเซียนั่งข้างๆ
                    “ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยลูกน้าไว้” น้าเอมิเลียส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้เธอ รอยยิ้มที่หาคนจะมีได้ยาก แม้กระทั่งคนรวยอย่างตระกูลซัมเปอร์ก็หาซื้อไม่ได้ เธอช่างบาปหนาที่เอาน้าคนสวยไปเปรียบกับนางมารอย่างนั้นได้ไงก็ไม่รู้
                    “ไม่เป็นไรค่ะ”
                    “น้าก็ดูออกหรอกจ้ะ ว่าหนูฉุดยักษ์อย่างทนายแมกซ์ ซัมเปอร์ไม่ไหว”
                    ปลื้ม
                    บอกได้คำเดียวว่า ปลื้ม
                    ปลื้มจนภายในตัวเคว้งคว้าง
                    ปลื้มว่าเด็กคนที่ช่วยมีแม่น่ารักเหลือเกิน ปลื้มแทน
                    “แต่เสียดายที่พวกซัมเปอร์ไม่เข้าใจ และคงไม่คิดจะเข้าใจ” เธอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ ดวงตาสีดำเหไปทางด้านข้างทำให้ฟรานเซียมองเธอได้ชัดขึ้น เพราะเธอไม่ชอบการถูกมอง แต่เท่าที่ดูแล้วน้าเอมิลี่สวยทีเดียว ผมสีดำหยิกตามธรรมชาติถูกม้วนง่ายๆแล้วใช้ที่หนีบผมหนีบไว้ข้างหลัง ตาสวย ขนตายาว ริมฝีปากอวบ และที่ดีที่สุดคือมีเสน่ห์
                    แต่ไอ้พวกซัมเปอร์ก็ทำให้น้าเอมิเลียของเธอทำสีหน้าลำบากใจเสียได้
                    “เอ่อ คุณนายดิสก์คะ ”
                    “เรียกน้าเอมี่สิจ้ะ”
                    ไม่เรียกหรอกจ้ะ ชื่อที่คล้ายเอมิลี่อย่างง้าน
                    “น้าเอมิเลียคะ คือว่า ” ฟรานยเซียพูดตะกุกตะกัก เพราะเธอไม่ค่อยจะพูด ยิ่งการพูดขอร้องยิ่งไม่เป็นใหญ่ สมองของเธอกำลังสั่งการ เรียงคำให้เป็นประโยคก่อนจะพูดออกไป แต่ แต่ละคำที่หลุดออกมามันไม่เป็นประโยคเนี่ยสิ
                    “เอ้อ อาหาร หน่อย ขอ เอ้อ! ขอ หน่อยอาหาร เอ้ย! หน่อยขออาหาร! หน่อยขออาหาร!”
                    หน่อยขออาหาร!?
                    บ้าเรอะ แกชื่อหน่อยตั้งกะเมื่อไหร่!
                    น้าเอมิเลียกับแอรอนหันไปมองเธอด้วยสีหน้าฉงนอย่างที่สุด การกระทำที่เธอทำออกไปทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะซีดเผือดยิ่งกว่าหิมะ ความรู้สึกตอนนี้คือรู้สึกงี่เง่าที่สุด งี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า แต่น้าเอมิเลียก็ยังน่ารัก หัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะที่ฟรานเซียสะดุ้งนึกว่าเธอจะหันมาถามว่า ‘หนูไปเปลี่ยนชื่อตั้งกะเมื่อไหร่’ ซะอีก
                    “หนูหมายความว่าหนูจะขออาหารใช่มั้ยจ้ะ”
                    “ค่ะ น้าเอมิเลีย”
                    “เอ่อ ขออาหารหรอจ้ะ ” น้าเอมิเลียหลบหน้ากวาดสายตามองพื้นทำท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะออกคำสั่ง “งั้น แอรอนไปหยิบให้แม่ทีสิ ไป” แอรอนรับคำก่อนจะวิ่งออกไปนอกประตู นาเอมิเลียเห็นว่าแอรอนออกไปเรียบร้อยโดยไม่ปิดประตูจึงเดินไปปิดให้ แล้วแอบล็อกประตูไม่ให้ฟรานเซียเห็น “แย่จริงลูกคนนี้” เธอพึมพำ
                    “ขอบคุณมากนะคะ น้าเอมิเลีย” เอมิเลียมองสีหน้าเปื้อนยิ้มของฟรานเซียแล้วก็รู้สึกผิด รีบยกมือมาปิดหน้าก่อนจะหันหน้าหนี “อย่ามาขอบคุณอะไรน้าเลยจ้ะ”
                    “แต่ว่า ”
                    “โอ ฟรานเซีย เมื่อเช้าตระกูลซัมเปอร์มาเอาอาหารไปแทบหมดแล้วจ้ะ นี่แหละเหตุผลที่พวกมันมากว้านซื้อหมู่บ้าน พวกนั้นก็ด้วยจ้ะ เกือบทุกร้านแหละจ้ะ ”
                    “ตระกูลซัมเปอร์ ?” เธอพึมพำ
                    แล้วไอ้พวกซัมเปอร์มันมาเกี่ยวอะไรด้วย
                    นี่มันชักเอาใหญ่ ถึงกับจัดการชีวิตคนอื่นเลยเรอะ
                    นี่เธอเสนอหน้าหามันหรือว่ามันที่เข้ามาจุ้นจ้านกับเธอ?
                    “ได้โปรดเถอะ ก่อนที่แอรอนจะมา ”
                    ฟรานเซียมองหน้าน้าเอมิเลียด้วยรอยยิ้ม สติขาดผึง ตอนนี้แม้แต่น้าเอมิเลียเธอก็อาละวาดใส่ได้ง่ายๆ เวลาที่เสียสตินี่แหละ
                    “ค่ะ หนูจะไปแล้ว คุณนายดิสก์” คำตอบสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่น่าเหินห่างของเธอคงส่งไปถึงน้าเอมิลี่แน่นอน แต่เธอคิดผิดที่ประชดน้าเอมิเลีย ในเมื่อไม่ใช่ความผิดอะไรของน้าเค้าสักนิด
                    ฟรานเซียเปิดประตูแล้วเดินออกจากบ้านและรั้วบ้านแสนน่ารักของครอบครัวดิสก์ มือเปล่าเหมือนเดิม เดินกลับไปเส้นทางเดิม และเจอผู้คนเดิมๆ มีแต่ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมและสติที่ขาดหายไป ในใจนึกรังเกียจตระกูลซัมเปอร์เป็นที่สุดที่เอาชีวิตคนอื่นมาเล่นให้ปั่นป่วนอย่างนี้
                    เออ!
                    เอาก็เอา
                    ชั้นจะอยู่รอดให้ได้ด้วยตัวเองไม่ยืมมือคนอื่น และไปหมู้บ้านฮอฟฟาเรลล์ในวันอาทิตย์
                    “ฟรานซ์” เสียงๆหนึ่งดึงความสนใจให้เธอกลับไปมอง เสียงของเด็กผู้ชาย คนเดิม “เอ้า! นี่!” แอรอนตะโกนพลางขว้างของในมือส่งให้ฟรานเซียไป
                    ไอ้เด็กนี่!
                    ตั้งชื่อเล่นให้เลยเรอะ คราวก่อนยังเรียกพี่อยู่เลยไม่ใช่เรอะ
                    แล้วมาโยนของให้ผู้ใหญ่เนี่ยนะ!
ของ!?
                    ฟรานเซียก้มลงไปมองวัตถุชิ้นเล็กๆบนมือ ที่เธอไม่คิดว่าจะได้รับ ไม่คิด ไม่เคยคิด เพราะมันคือ ส้มเน่าๆ 1 ผล ไอ้เด็กนี่จะให้ทีให้อะไรๆที่มันกินได้หน่อยไม่ได้เรอะไง
                    “เอาไว้ทำอะไรกินเองนะ ฟรานซ์”
                    หนอย! เอาใหญ่แล้วนะเด็กนี่!
                    ฟรานซ์งั้นเรอะ
                    เธอคิดพลางก้มมองส้มเน่าๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงแม้จะเจ็บใจก็ตาม
                    เอาใหม่ดีกว่า!
                    ชั้นจะอยู่รอดด้วยส้มลูกนี้ก่อนจะไปถึงหมู่บ้านฮอฟฟาเรลล์!
                    คำปณิธานใหม่ถูกตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วเสร็จสรรพ ฟรานเซียหันไปตะโกนไล่หลังแอรอนที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
                    “ขอบคุณมาก แอรี่” ชื่อเล่นที่ถูกตั้งให้ใหม่ เน้นดังฟังชัดให้เจ้าของชื่อสะดุ้งหันมายิ้มโบกมือให้ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งหายลับตา ฟรานเซียขยับมือนำส้มเข้าไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทป้องกันไม่ให้มีคนเห็น เดี๋ยวน้าเอมิเลียจะเดือดร้อนขึ้นมาอีก ซึ่งเธอไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นแน่นอน
                    วันนี้ถือเป็นวันโชคดีรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะโชคชะตาของเธอมันไม่แน่
                    แต่ที่รู้วันต่อๆไปคงต้องฝ่าอุปสรรคใหญ่กว่านี้แน่
                    ก่อนหน้านั้นเธอจะไม่ยอมแพ้เพียงเพื่อสนองตัณหาของตระกูลซัมเปอร์หรอก
                    ผมมองผมยาวสลวยของเธอจากด้านหลัง ผมไม่เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอหรอก แต่ที่ผมรู้เธอต้องสวยแน่ๆ ตาคู่นั้น ผมแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็น
                    “คุณเกิดวันอะไรครับ?”
                    ผมถามเธอเสียงดังฟังชัดเพื่อให้เธอหันมามองผมแน่นอน ในที่สุดผมก็ได้เจอเธอ ฟรานเซีย กรีนวิลล์
@@@
Don Delio\'s Message
อ่า... ไม่รู้จะพูดอารัยดีอ่ะครับ ขอบคุณทุกคนมากที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นท์ เข้ามา... โอ๊ย แยะจัง...
ไม่รู้จะชอบคุณยังไง แต่ดีใจที่ทุกคนเข้ามาอ่าน
แบบว่าปลื้มง่ะส์ ปลื๊มปลื้ม
@@@
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น