คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 : ลงทุนทำธุรกิจ
วันนี้เอมมิกามีงานอีเวนต์ในฐานะแบรนด์อมาสเตอร์ของบริษัทผลิตขนมคบเคี้ยวงานหนึ่ง และงานนี้ไม่ธรรมดาก็ตรงที่วันนี้มะเหมี่ยวก็มาเป็นเซเลบในงานด้วยเช่นกัน เพื่อสยบข่าวเกาเหลาหรือเพิ่มความเป็นศัตรูกันก็สุดจะรู้ เพราะแค่เจอกันผ่านๆหน้าห้องแต่งตัวที่แต่ละคนก็ได้ห้องวีไอพีไปอย่างที่ต้องการ ก็เกือบจะได้เรื่อง
“อ้าว...น้องมะเหมี่ยวไม่ได้เจอกันตั้งนานนะคะ” เอมมิการ้องทักทายเบาๆเมื่อกำลังเดินผ่านไปที่ห้องแต่งตัวของตัวเองแล้วบังเอิญไปเจอกับมะเหมี่ยวเข้า
“แหม...นมนานอะไรกันคะ เหมี่ยวยังรู้สึกว่าเราพึ่งจะ...เจอกันเมื่อไม่นานมานี่เอง” มะเหมี่ยวสบสายตากับเอมมิกาอย่างท้าทายแม้ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มแต่ดวงตาที่ทอดมองมาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย ส่วนเอมมิกาก็กำลังใช้สายตาที่เหนือกว่าจ้องกลับก่อนจะหัวเราะ
“จริงเหรอคะเนี้ย พอดีพี่ไม่ค่อยได้จำใครหรืออะไรที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนะคะ ก็เลยจำไม่ค่อยได้ ต้องขอโทษด้วยนะ” เอมมิกาบอกยิ้มๆแต่มะเหมี่ยวถึงกับหลุดมาดนางพญากลายเป็นนางร้ายในละครทีวีไปในทันที เมื่อหญิงสาวกำลังกำหมัดแน่น ทำหน้าเหมือนจะร้องกรี๊ดให้ได้
เอมมิกาหันไปพูดอะไรอีกกับเจ๊มดก่อนจะหัวเราะแล้วเดินผ่านเลยมะเหมี่ยวไป จนหญิงสาวที่ยืนสั่นอยู่ยังได้ยินเสียงหัวเราะลอยตามลมมา นังเอม! อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ
งานวันนี้ช่างดูเหมือนราบรื่น เพราะสองสาวผลัดกันยิ้มผลัดกันชมกันอย่างเต็มที่ สยบข่าวเกาเหลากันอย่างสุดฤทธิ์ จนมาถึงคิวเดินแบบโชว์ท่ากินขนมคบเคี้ยวบนเวทีคู่กันนั้นแหละ ถึงได้เกิดเรื่องที่ผู้จัดถึงกับใจหายใจคว่ำเพราะสองนางเล่นแย่งซีนกันสุดฤทธิ์
ก่อนที่มะเหมี่ยวจะยิ้มร้ายระหว่างที่พวกเธอจะกำลังยืนโพสท่าคู่กันอยู่นั้น หญิงสาวก็ยกเท้าที่ใส่ส้นสูงขึ้นก่อนจะกระแทกลงไปที่เท้าของคนยืนข้างๆ แต่เอมมิกาไหวตัวทันเบี่ยงตัวหลบออกมาทำเป็นยืนโพสท่าให้นักข่าวอีกมุมถ่ายรูป ผลคือมะเหมี่ยวถึงกับเซไปข้างๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนแต่ด้วยสปีริตนักแสดงมะเหมี่ยวถึงกลับมายิ้มหวานใส่กล้องต่อแม้ตอนเดินกลับจะถึงกับเขยกนิดๆ ก็ตาม
อะไรมันก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าตอนที่เอมมิกามากระซิบใส่เธอหรอก
“แผนตื้นๆอย่างเธอน่ะ เอาไว้ใช้กับคนระดับเดียวกับเธอดีกว่านะอย่าคิดมาเทียบชั้นกับฉันเลย กระดูกมันคนล่ะเบอร์กัน” เอมมิกาพูดจบก็ยิ้มหวานก่อนที่นักข่าวจะเข้ามาสัมภาษณ์คู่กัน ซึ่งก็ยังดีที่มะเหมี่ยวสามารถระงับอารมณ์โกรธจนแทบประทุได้
เพราะหญิงสาวหันมายิ้มระรื่นใส่กล้องก่อนจะทำเป็นเล่นละครว่ารักและนับถือเอมมิกามากมายซะเหลือเกิน จนกระทั่งจบการสัมภาษณ์ทั้งสองสาวถึงได้แยกกันไปคนล่ะทาง
“แหม...วันนี้เจ๊เห็นนะ ว่าแล้วก็สมน้ำหน้ายัยเด็กมะเหมี่ยวนั้นเหมือนกัน”เจ๊มดหัวเราะขึ้นมาอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกเมื่อทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนรถตู้ซึ่งเอมมิกามีคิวไปถ่ายละครต่อ ส่วนเอมมิกาก็ทำได้แค่ยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะหันมาเล่นสมาร์ทโฟนเสิชหาเสื้อผ้าแฟชั่นดีไซน์ใหม่ๆอย่างมีความสุข
“จริงสิเอม ช่วงนี้ทางครอบครัวติดต่อมารึเปล่า” เจ๊มดถามอย่างปกติธรรมดาที่สุดแต่เอมมิกาถึงกับรีบวางสมาร์ทโฟนลงอย่างกลัวว่าเจ๊มดจะจับได้ว่าเธอแอบไปพบพ่อกับแม่ เอมมิกาที่แสนเก่งกาจสารพัดแต่สิ่งที่เธอกลัวจับจิตจับใจคือความจริงของเธอ ความจริงที่เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกเปิดโปงออกมานี่แหละ
“ก็...ติดต่อมาบ้างแหละเจ๊ ไม่มีอะไรหรอกเอมก็โอนเงินให้พ่อกับแม่ตามปกติ”
“อือ...ก็ดีแล้ว แล้วอย่าลืมที่เจ๊บอกล่ะ เราต้องระวังตัวเรื่องนี้ให้มากนะอย่าพยายามไปเจอกับตาสองคนนั้น เอม...เธอมาสูงจนเทียมฟ้าขนาดนี้แล้วน่ะ เจ๊ไม่ต้องบอกเธอก็คงจะรู้ว่าเวลาร่วงหล่นลงมามันเจ็บขนาดไหน” เจ๊มดกรีดนิ้วจากที่สูงร่วงลงสู่ที่ต่ำประกอบการพูด
“รู้แล้วหน่าเจ๊ นี่ใคร...เอมมิกานะคะ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้เจ๊มาบอกหรอกค่ะ” เอมมิกาทำสีหน้ารำคาญก่อนจะแสร้งนอนหลับตาเป็นเชิงตัดบทสนทนา เพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด
เจ๊มดมองเอมมิกาอย่างหมั้นไส้ก่อนที่จะโทรตามเช็คตารางงานของเด็กในสังกัดคนอื่นๆต่อ ถ้าเธอดันคนอื่นขึ้นมาแทนเอมมิกาได้จ้างให้เธอก็ไม่มีวันง้อหรอก เด็กใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็ดังเปรี้ยงปร้างกันเป็นว่าเล่น ทั้งเล่นตัวทั้งเรื่องมากอย่างเอมมิกาเธอก็ขี้คร้านจะตามเอาใจเหมือนกัน
ส่วนเรื่องอิมเมจครอบครัวของเอมมิกาที่เธอสร้างโปรไฟล์เอมมิกาขึ้นมาใหม่ก็เพื่อหวังจะกลบกลิ่นน้ำคลำของเพชรเม็ดงามที่เธออุตส่าห์ไปขุดลากออกมาจากโคลนตม
เพราะว่าสมัยนี้ไม่ใช่สมัยก่อนหรอกนะที่อิมเมจสาวบ้านนาปากกัดตีนถีบจะครองใจคนทั้งประเทศ ต้องทั้งสวย ฉลาดมีความมั่นใจ และพื้นหลังครอบครัวต้องดูดี ไม่ใช่เป็นนางเอกดังแต่มีพ่อขี้เหล้าเข้าบ่อนมีแม่ที่ไม่ทำมาหากินเอาแต่แทงหวยกับเข้าบ่อนตามคนผัว เข้าคุกเข้าตะรางกันเป็นว่าเล่นเพราะโดนจับได้ในบ่อนกันบ่อยๆ คนอื่นๆเขาคงได้หัวเราะเยาะตาย
หลังจากถ่ายทำละครในฉากที่เอมมิกาต้องแสดงเสร็จ หญิงสาวก็ให้คนเอารถของเธอที่คอนโดมาให้ที่กองถ่ายเพราะวันนี้หญิงสาวไม่อยากจะใช้รถตู้ แต่ก่อนที่จะเปิดประตูรถก็ถูกใครบางคนสวมกอดจากทางด้านหลังเต็มรักจนหญิงสาวสะดุ้งเบี่ยงตัวหนีเป็นพัลวันก่อนจะพบว่าเป็นใครถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เซอไพร์สครับเอม ผมพึ่งถ่ายละครเสร็จที่ต่างจังหวัดก็รีบบึ่งมาหาคุณที่นี้เลยนะ” เพาวริศบอกเสียงหวานแต่เอมมิกาไม่ได้ซึ้งไปด้วยหันรีหันขว้างก่อนจะลากชายหนุ่มเข้าไปนั่งในรถ
“อะไรกันเอม จะกลัวอะไรก็เราเป็นแฟนกันอยู่แล้วนี่ครับ” หลังจากเข้ามานั่งในรถข้างคนขับได้ ชายหนุ่มก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาหญิงสาวทำสายตาหวานหยด
“เพิร์ส ฉันเอมมิกานะคะ ถ้าปาปารัซซี่มาเห็นแล้วแอบถ่ายเอาไปพาดหัวข่าวว่าฉันกับคุณกอดจูบกันกลางที่สาธารณะ ฉันจะเสียหายแค่ไหน คุณคิดบ้างรึเปล่า” เอมมิกาบอกอย่างหัวเสียแต่เพาวริศกลับหัวเราะออกมาอย่างไม่ซีเรียส
“เอม...คุณจะเครียดเกินไปรึเปล่าผมดูดีแล้วสิครับถึงได้ทำแบบเมื่อกี้ ผมชักน้อยใจแล้วนะไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานคุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ”เพาวริศขยับเข้ามาแนบชิดอีกครั้งแต่ก็ถูกเอมมิกาผลักออกไปโดยแรงจนชายหนุ่มถึงกับหัวเสียชักสีหน้ารำคาญแต่ก็เพียงแวบเดียวก่อนจะกลับมาเป็นยิ้มจืดเจื่อน
“ผมขอโทษครับเอม เอมอย่าโกรธผมเลยนะครับผมคงคิดถึงคุณมากเกินไป” เพาวริศบอกเบาๆอย่างสำนึกผิดพร้อมกับทอดมองหญิงสาวข้างกาย ไอ้สวยน่ะเขายอมรับกับตัวเองเลยว่าเอมมิกาเป็นผู้หญิงที่สวยชนิดที่จะหยุดสายตาของผู้ชายทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่ไอ้นิสัยของเธอนี่สิที่เขารับไม่ได้ ไอ้เรื่องหยิ่งทะนงตัว ชอบคิดว่าอยู่เหนือกว่าเขาดังกว่าเขามันก็เกินจะรับแล้ว
แต่นี่ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเกือบปีเขาไม่เคยจะได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอเลย แม้แต่จูบสักครั้งยังยาก เพาวริศไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงอย่างเอมมิกาถึงไม่ขวนขวายอยากจะมีเซ็กส์กับเขาเหมือนผู้หญิงอีกหลายคนที่ต้องการร่วมเตียงกับเขาเพียงแค่กระดิกนิ้วหา ผู้หญิงที่เล่นตัวขนาดนี้แรกๆเขาก็รู้สึกท้าทายอยู่หรอกแต่พอนานวันเข้าก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่เพราะผลประโยชน์ในหลายๆอย่างที่เขาได้จากการคบหากัน เขาคงไม่ทนขนาดนี้
อีกอย่างตอนนี้เขาก็กำลังตั้งใจที่จะมีโปรเจคใหญ่ที่จะเกลี้ยกล่อมให้เอมมิกาเข้าร่วมด้วยถึงได้เอาอกเอาใจ ตอนนี้ไม่ว่าหญิงสาวต้องการอะไรเขาก็หามาประเคนให้ได้ทั้งนั้นแหละ
“ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ!”
“ครับเอม ผมจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยครับ” เพาวริศบอกเสียงหวาน ค่อยทำให้เอมมิกาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เธอก็ชอบเพาวริศตรงนี้แหละที่ไม่ว่าเธอต้องการอะไรก็ไม่เคยขัดใจเธอเลยสักครั้ง
“ดีค่ะ แล้ววันนี้คุณมีอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมอยากจะชวนคุณไปทานดินเนอร์กับผมครับ นะครับเอมผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหลายเรื่องเลย วันนี้คุณเองก็ไม่มีคิวถ่ายละครต่อไม่ใช่เหรอครับ” เพาวริศบอกกอย่างรู้ดีเพราะแอบเช็คตารางงานของหญิงสาวมาแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ฉันก็กำลังเบื่อๆอยู่เหมือนกัน งั้นไปรถฉันนะคะ” เพาวริศรีบพยักหน้าอย่างตามใจ ก่อนจะแอบยิ้มกริ่มกับตนเองอย่างสมใจ
โต๊ะดินเนอร์บนชั้นบนสุดของโรงแรมหรูทำเอาเอมมิกาถึงกับยิ้มแก้มปริเพราะไม่ว่าจะเป็นกุหลาบแดงก้านโตที่ปักเอาไว้บนแจกันอย่างที่เธอชอบ การบรรเลงเพลงคลาสสิคด้วยเปียโนกับไวโอลินแบบที่เธอโปรดปรานเพราะมันทำให้เอมมิกานึกเพ้อฝันไปได้ว่าเธอกำลังเป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
เพาวริศรู้ใจเธอเสมอ...
“ทำไมคุณไม่บอกฉันแต่แรกคะ จะได้เปลี่ยนชุดให้ดูดีกว่านี้”เอมมิกาก้มสำรวจดูชุดเดรสสั้นของตนเองอย่างไม่ชอบใจ แม้มันจะดูดีในสายตาคนทั่วไปแล้วแต่มันก็ยังธรรมดาเกินไปสำหรับเอมมิกา ดาราดังอย่างเธอ
“ไม่ว่าเอมจะใส่อะไรคุณก็สวยสง่าทั้งนั้นแหละครับ แต่ถ้าเอมต้องการ...ผมมีของขวัญให้คุณด้วยนะครับ” ชายหนุ่มดีดนิ้วทีหนึ่งก็มีคนนำกล่องใบใหญ่มาวางไว้ตรงหน้าเอมมิกา หญิงสาวทอดมองอย่างประหลาดใจก่อนจะเปิดกล่องตรงหน้าออกก็พบกับชุดราตรีสีม่วงอ่อนดีไซน์ใหม่ที่เธอพึ่งจะดูเมื่อก่อนจะมาเข้ากองนี่เอง ตั้งใจว่าจะสั่งซื้อแต่เพาวริศกลับซื้อมาเซอไพรส์เธอก่อนซะได้
หญิงสาวรีบลุกขึ้นเอาชุดมาทาบตัวก่อนจะหัวเราะเสียงใสอย่างถูกใจ
“ถูกใจไหมครับ”
“ที่สุดเลยค่ะ รู้ไหมว่าฉันพึ่งจะดูคอลเลคชั่นนี่ก่อนมาเข้ากองนี่เอง คุณน่ารักที่สุดเลยค่ะเพิร์ส” เอมมิกายิ้มหวานก่อนจะขอตัวไปลองใส่คอลเลคชั่นตรงหน้าที่มีทั้งกระเป๋ารองเท้าเข้าชุดกัน เอมมิกาได้รับการบริการอย่างดีเยี่ยมจนวันนี้เธออารมณ์แจ่มใสอย่างที่สุด
แถมพอออกมาพบกับเพาวริศชายหนุ่มยังแอบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของตนเองให้ดูเข้ากับชุดราตรีของหญิงสาวในชุดทักซิโดสุดหล่อ ก่อนจะขอเอมมิกาเต้นรำ
เอมมิกาหัวเราะร่าเริงก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสกับมือของชายหนุ่ม ทั้งสองคนเต้นรำกันท่ามกลางแสงเทียนอย่างโรแมนติก จนกระทั่งอาหารที่ชายหนุ่มสั่งทยอยมาเสริฟ หนุ่มสาวจึงหันมาพูดคุยกันที่โต๊ะอาหารแทน
เมื่อเห็นเอมมิกาอารมณ์ดีแบบนี้เพาวริศก็ถึงกลับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่แผนของเขาไปได้สวย
“เอมว่าไหมครับว่าอาชีพนักแสดงอย่างเราๆ มันก็ใช่ว่าจะยั่งยืน” หลังจากคุยกันเรื่องสรรเพเหระต่างๆนาๆเพาวริศถึงได้เริ่มเข้าแผน
“ก็จริงค่ะ แต่คนอย่างฉันไม่มีวันยอมร่วงลงไปง่ายๆหรอกค่ะ”เอมมิกาบอกอย่างมั่นใจ
“ผมก็คิดว่าดาวค้างฟ้าอย่างเอมคงไม่มีวันร่วงหล่นลงมาแน่ๆครับ แต่สำหรับผมนี่สิ พระเอกหน้าใหม่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มดังเปรี้ยงปร้างกันเป็นว่าเล่น ผมถึงได้คิดที่จะหาหลักประกันอะไรสักอย่างไว้ยามที่ผมไม่มีใครจ้างแล้ว เดี๋ยวนี้ดาราหลายๆคนก็เริ่มลงทุนทำนู้นทำนี่กัน บางคนเลิกอาชีพดาราไปเลยก็มี”
“ฉันก็ได้ยินเหมือนกันค่ะ เอาะ...อย่างคุณตุ๊กนี่ก็ออกไปทำร้านอาหารนี่ค่ะ เห็นว่าไปได้สวยทีเดียว”
“นั่นไงครับ เดี๋ยวนี้เราเองก็ต้องขวนขวายลงทุนค้าขายจะได้ไม่ต้องไปพึ่งกับงานวงการบันเทิงมาก”
“แล้วคุณมีแพลนที่จะลงทุนอะไรเหรอคะ”
“โปรเจคของผมน่ะครับ เตรียมไว้เป็นปีๆแล้ว แต่ที่ยังเริ่มไม่ได้ก็เพราะว่าขาดเงินลงทุนนี่สิครับ ผมอายตัวเองเหลือเกินเอม”เพาวริศหน้าสลดลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จนเอมมิกาถึงกับสงสารอดจะเอื้อมมือไปกุมมือของเพาวริศที่ค้างอยู่บนโต๊ะไม่ได้
“มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้รึเปล่าคะ” เพาวริสแสร้งเงยหน้าขึ้นมามองเอมมิกาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ เอื้อมมืออีกข้างมากุมทับมือของหญิงสาวเอาไว้
“เอมครับ ขอบคุณมากครับ แต่ผมจะพยายามหาคนมาร่วมลงทุนกับผมเพื่อจะสานฝันของผมให้เป็นจริงแต่ถ้าไม่มี ฝันของผมก็คงต้องเก็บเข้ากรุเอาไว้ เพราะลำพังผมคนเดียวคงไม่สามารถทำได้แน่ๆ” เพาวริศบอกอย่างปลงใจก่อนจะแสร้งหัวเราะขึ้นมากลบเกลื่อน
“ไม่เอาแล้วครับผมกำลังจะทำให้บรรยากาศเครียดขึ้นมาเปล่าๆ”
“ไม่หรอกค่ะ เพิร์สค่ะเรื่องโครงการของคุณลองว่ามาให้ฉันฟังสิค่ะ เผื่อฉันจะอยากร่วมลงทุนกับคุณด้วย ความจริงฉันเองก็ไม่ได้คิดที่จะทำอาชีพนักแสดงไปจนแก่หรอกค่ะ” เอมมิกาบอกยิ้มๆ อย่างเอาใจ แต่เพาวริสถึงกับตกตะลึง
“อะ...เอม คุณพูดจริงเหรอครับ”
“ก็ลองพรีเซนต์โครงการของคุณดูสิค่ะ ถ้าน่าสนใจฉันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ” เพาวริศอยากจะตะโกนคำว่าสำเร็จขึ้นฟ้าดังๆอย่างดีใจ อะไรมันจะง่ายขนาดนี้แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบคุณครับเอม ขอบคุณที่คุณให้ความหวังผมในการสานฝันครั้งนี้”
“แค่เผื่อนะคะ เอมยังไม่ได้ตกลง ต้องฟังโครงการของคุณก่อน” เอมมิกาเอียงคอบอกเบาๆ
“ครับๆ เอม แค่นี้ผมก็ชื่นหัวใจอย่างที่สุดแล้วครับ” เพาวริศดึงมือของหญิงสาวขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่ ส่วนเอมมิกาก็กำลังครุ่นคิด ความจริงเธอเองไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำงานในวงการนี้มานานขนาดนี้
ตอนแรกที่เริ่มเข้าวงการมาและเริ่มโกหกคนทั้งประเทศถึงเรื่องครอบครัวของเธอ เจ๊มดเกลี้ยกล่อมกับเธอว่าเมื่อเธอทำงานเก็บเงินจนพอจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ก็แค่ออกจากวงการไป แค่นี้เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องครอบครัวที่แท้จริงของเธอจะถูกเปิดเผย
แต่ชื่อเสียง เงินทอง ก็เป็นเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่งนั้นแหละ ยิ่งดังมาก คนรู้จักมาก ทุกคนต่างเข้ามารุมล้อมเอาอกเอาใจเธอ เธอก็ยิ่งเสพติดมากจนไม่สามารถเลิกได้ จนเมื่อเพาวริศพูดถึงเรื่องการลงทุนทำธุรกิจเธอถึงฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงได้อยากจะฟังแผนงานของเขา ถ้าเข้าท่าเธอเองก็พร้อมจะลงทุนด้วยเพราะเธอก็เก็บเงินมาได้พอสมควรแล้วเหมือนกัน
ความคิดเห็น