คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : ซุปตาร์
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวยามที่เยื้องย่างเดินราวกับนางหงส์ผู้เลอโฉมด้วยหลังที่ตั้งตรงและใบหน้าที่เชิดขึ้น แม้ว่าใบหน้านั้นจะถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีชาไปกว่าครึ่งหน้าและเสริมทัพด้วยหมวกปีกกว้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้
หญิงสาวดูกลมกลืนไปกับผู้คนได้เลยเพราะความโดดเด่นที่เปล่งประกายออกมาจนใครๆต่างก็ต้องเหลียวหลังกลับไปมอง
เอมมิการีบเดินเร็วๆเลี้ยวข้างมุมตึกก่อนจะโผล่มาอีกฝั่งฝากของอาคารพร้อมกับผลุบเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“นังเอมมันมาแล้ว” จันทร์เพ็ญกระทุ้งศอกใส่นายสมรผู้เป็นสามีที่กำลังโซ้ยอาหารเข้าปากอย่างกับตายอดตายยาก เอมมิกามองไปทางบิดามารดาแท้ๆของตัวเองอย่างปลงใจก่อนจะทรุดนั่งลงตรงข้าม
นายสมรรีบเช็ดปากที่มีคราบมันเยิ้มก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายแวววาวเพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกบังเกิดเกล้าคนนี้ปรากฏตัว นั้นย่อมหมายถึงเงินจำนวนมากที่จะเอาไปต่อทุนที่เสียไปในบ่อน
“ไหนเงินพวกข้าล่ะ” จันทร์เพ็ญแบมือไปทางเอมมิกา จนคนเป็นลูกถึงกับน้ำตาซึมอย่างน้อยอกน้อยใจ เจอหน้าเธอทุกครั้งพ่อกับแม่ไม่เคยถามหรอกว่าเธอเป็นยังไงเหนื่อยบ้างไหมกินข้าวกินปลารึยัง สิ่งที่พ่อกับแม่สนใจคือเธอจะหาเงินมาให้ได้มากเท่าไหร่ต่างหาก
ตั้งแต่เด็กเอมมิกาโตขึ้นมากับกลิ่นน้ำคลำอยู่ในบ้านเช่าเก่าๆในสลัมโสโครกที่เธอแสนเกลียดชัง เธออยากจะโบยบินจากที่นั้นทุกวินาทีที่หายใจเลยก็ว่าได้ เอมมิกาก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอเกลียดสายตาดูถูกดูแคลน เกลียดความเป็นอยู่ที่ต้องปากกัดตีนถีบ แม่ของเธอมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายกล้วยแขกที่ไม่ค่อยทำมาค้าขายเอาแต่แทงหวยส่วนพ่อก็ไม่ทำงานทำการเอาแต่กินเหล้าเข้าบ่อน
ภาระหนักจึงตกมาที่เธออย่างไม่ต้องสงสัยเอมมิกาต้องทำงานทุกอย่าง หลังเลิกเรียนเธอก็ต้องทำงานพิเศษหาเงินจุนเจือครอบครัว ดีที่สามารถสอบชิงทุนได้ทำให้เธอยังสามารถเรียนหนังสืออยู่ได้ไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่คงไม่มีทางส่งเธอเรียนแน่ๆ
พอจบม.6 เธอก็ไม่ได้เรียนต่อทั้งๆที่สอบชิงทุนได้ในมหาวิทยาลัยของรัฐเพราะแม่เธอไม่ยอมให้เรียนเพราะกลัวจะหาเงินมาให้ไม่ได้เต็มที่ หญิงสาวเคยคิดอย่างน้อยอกน้อยใจว่าจริงๆแล้วเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่หรือไร ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เคยแสดงท่าทีว่ารักเธอเหมือนยามที่เห็นครอบครัวของเพื่อนๆเลยสักครั้ง
จนกระทั่งเธอได้เจอกับเจ๊มดผู้จัดการดาราคนที่เปลี่ยนชีวิตของเธอจากอีนังเอมในดงสลัมกลายเป็นคุณเอมมิกาที่สวยสง่าราวกับนางหงส์บนวงการมายา แต่ชีวิตใหม่ของเธอก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่างอย่างความใสซื่อบริสุทธิ์ยังไงล่ะที่เธอเสียมันไป เพราะตอนนี้มีแต่เอมมิกาที่พร้อมจะกดจิกทุกคนให้จมลงดินไม่เว้นหน้าอย่างที่เธอเคยโดนมา!
แต่แม้ว่าเธอจะร้ายใส่ใครๆสักแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่เธอก็กลับเป็นอีนังเอมคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพ่อกับแม่ เธอรักพวกเขามากแต่ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่จะไม่เคยรักเธอเลย
“แม่จะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันสบายดีไหม ทำงานเหนื่อยหรือเปล่า” เอมมิกาบอกเสียงสั่นเครือแต่คนเป็นแม่ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะรำคาญ
“อย่ามาบีบน้ำตาใส่ฉันหน่อยเลยน้า...แกจะเหนื่อยอะไรหนักหนาว่ะเป็นดาราสบายยิ่งกว่าอะไรดี ทำงานนิดๆหน่อยๆก็ได้เงินตั้งหลายแสนแล้ว เอาหน่าๆยังไงข้าก็เป็นห่วงเอ็งอยู่แล้ว นี่ข้าเป็นพ่อกับแม่เอ็งนะโว้ยใช่ไหมไอ้มร” จันทร์เพ็ญหันไปพยักพเยิดกับสมรผู้เป็นสามีที่รีบพยักหน้าเสริมทัพ แม้จะไปพูดให้ใครฟังก็คงเชื่อยากก็ตาม เพราะตั้งแต่เอมมิกาแตกเนื้อสาวผู้คนที่รู้จักกันดีก็มักจะอดแซวขึ้นมาไม่ได้ว่าเอมมิกาหน้าตาโดดเด่นเกินพ่อกับแม่มาก
ดูอย่างตอนนี้สิ จันทร์เพ็ญที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเพราะไม่ใส่ใจจะดีหน่อยก็ตรงที่เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูดีกับทองหลายเส้นที่ประดับที่คอ ไม่ต่างกับนายสมรที่รูปร่างผอมกะหร่องเพราะติดเหล้าเป็นทุนแม้จะมีทองประดับอย่างไรก็ไม่ได้ดูดีกว่าแต่ก่อนเลย
สองสามีภรรยาที่หน้าตาธรรมดาไม่น่าเชื่อว่าจะมีบุตรสาวเป็นถึงนางเอกดังที่หน้าตางดงามราวกับพระเจ้าประทานมาให้ก็ไม่ปาน
“เออสิว่ะ โธ่เอมลูกพ่อ อีจันทร์มึงก็หัดพูดจาหวานๆกับลูกมันบ้างสิโว้ย ใช่ไหมเอม ว่าแต่ไหนล่ะเงินลูก” เอมมิกาถอนหายใจก่อนจะดึงซองสีน้ำตาลในกระเป๋าส่งไปให้ สองสามีภรรยาแย่งกันตระครุบซองนั้นก่อนที่สมรจะเป็นผู้ชนะแอบนับเงินในซองด้วยความสุข
“ไอ้มร...ไอ้ชั่วอีเอมมันก็ลูกกูนะ มึงเอามาแบ่งกันสิโว้ย” จันทร์เพ็ญหันไปทุบตีสมรเสียงดังอั๊กๆ สมรปัดป้องพัลวันแถมยังกอดเงินไว้แน่น
“พ่อ! แม่!!” เอมมิกาปรามเสียงดังจนสงครามนั้นสงบลงได้
“ฉันขอล่ะได้ไหม เงินนี่อย่าเอาไปลงบ่อนอีกเลย เงินจำนวนไม่น้อยนี่พ่อกับแม่สามารถที่จะเอาไปลงทุนอะไรก็ได้ ไม่มีใครรวยขึ้นมาได้เพราะเข้าบ่อนหรอกนะ” ทั้งจันทร์เพ็ญและสมรต่างทำสีหน้าท่าทางรำคาญเต็มทน
“มันความสุขของพวกข้าเอ็งไม่เข้าใจหรอก เอ็งรู้อย่างเดียวคือเอ็งมีหน้าที่หาเงินมาให้พวกข้าใช้ เข้าใจไหม”สมรบอกพร้อมกับหันไปเถียงกันวุ่นวายกับจันทร์เพ็ญเรื่องแบ่งเงินกันต่อ เอมมิกามองภาพนั้นก่อนจะทำหน้าเศร้าไม่รู้จะห้ามปรามไม่ให้พ่อกับแม่เข้าบ่อนได้ยังไง
ความจริงเธอไม่จำเป็นต้องเอาเงินมาให้พ่อกับแม่เองด้วยซ้ำ เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูเจ๊มดผู้จัดการของเธอ เธอคงโดนบ่นหูชาแน่ๆเพราะถ้าเกิดมีใครรู้ว่าความจริงว่าเธอเป็นแค่อีนังเอมลูกแม่ค้าขายกล้วยแขกกับพ่อขี้เหล้า เคยมีบ้านอยู่ในสลัม ชีวิตในวงการมายาอันสวยหรูของเธอคงจบลงอย่างไม่ต้องสงสัย เอมมิกานึกกลัวหากวันนั้นมาถึงเธอจะทำยังไงดีแต่โกหกมาถึงขนาดนี้แล้ว ทางที่จะทำให้เธอรอดคือต้องโกหกต่อไป
ทั้งๆที่ตัวเธอเองไม่เคยรังเกียจที่มีพ่อมีแม่อย่างจันทร์เพ็ญกับสมรเพราะสำนึกอยู่เสมอว่าทั้งสองคนได้ให้ชีวิตกับเธอ วันนี้เธอถึงอยากเอาเงินมาให้ด้วยตัวเองเพราะไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่มาหลายเดือนแล้ว ทั้งยังหวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้พ่อกับแม่เลิกเล่นการพนัน ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเปล่าประโยชน์
หญิงสาวนั่งอยู่ครู่เดียว เจ๊มดก็โทรมาตามเธอถึงได้รีบจ่ายค่าข้าวให้แล้วกลับออกมาเพราะต้องไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง
“พ่อ แม่ ดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วไอ้การพนันน่ะ อย่าเล่นให้มันมากนะ”เมื่อเห็นอาการโบกมือห้ามอย่างไม่อยากฟังเอมมิกาถึงกับถอนหายใจพร้อมกับบอกลา “ฉันลาล่ะ" หญิงสาวพนมมือไหว้ลา
“เออๆ รีบไปทำงานหาเงินให้พวกข้าใช้นะ อีเอมลูกพ่อ” สมรยิ้มแก้มปริ จนจันทร์เพ็ญเหยียดริมฝีปากอย่างหมั้นไส้
“อีเอมก็ลูกกูไอ้มร แม่ด้วยนะเอม” จันทร์เพ็ญไม่ยอมน้อยหน้าเมื่อเห็นสมรทำท่าจะประจบประแจงผู้เป็นลูก สองสามีภรรยามองตามร่างเพรียวระหงผลุบออกไปจากร้านอาหารก่อนจะหันมาทะเลาะกันเรื่องแบ่งเงินกันอีกรอบ
เอมมิกาพารถเบนซ์คู่ใจมาจนถึงสตูดิโอ สลัดหมวกปีกกว้างและแว่นกันแดดออกเผยให้เห็นใบหน้างามก้าวลงมาจากรถ เจ๊มดรีบกระวีกระวาดเข้ามาหาเอมมิกาทันทีที่หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นที่สตูดิโอ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตรงเข้าไปในห้องแต่งตัว
“วันนี้หลังเสร็จโชว์ที่รายการนี้ ให้เตรียมสัมภาษณ์นักข่าวไว้ด้วยนะจ๊ะเอม” เจ๊มดบอกตารางงานของเอมมิกา เด็กในสังกัดของเธอ ตอนนี้คนที่ดังที่สุดก็เห็นจะมีแต่เอมมิกา เจ๊มดทอดมองหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกเพื่อให้ช่างแต่งหน้าให้ อีกคนก็กำลังทำผมให้เธออย่างขะมักเขม้น
ไม่น่าเชื่อว่าจากเด็กสลัมจนๆที่เธอเตะตาเข้าเพราะบังเอิญอยากกินกล้วยแขกขึ้นมาจึงได้ไปเจอกับแม่ค้าหน้าตาพริ้มเพรา ตามประสาของนักปั้นอย่างเธอที่จะมองออกว่าเพชรเม็ดไหนที่น่าจะจับมาล้างโคลนออกแล้วเจียระไนให้สวยสะพรั่งอย่างทุกวันนี้
โชคดีที่เอมมิกามีใบหน้าที่เรียกได้ว่า เด่นสะดุดตา ทั้งจมูกคมได้รูป ริมฝีปากบาง ตาก็คมสวย เรียกได้ว่าเพอเฟ็กไปเสียทุกสิ่งอย่างไม่จำเป็นต้องลงทุนพาไปศัลยกรรมเพิ่มเติมเหมือนเด็กในสังกัดบางคนที่ตอนนี้เธอยังไม่ได้ทุนคืนเลย
“เรื่องอะไรอีกล่ะคะ”เอมมิกาถามคล้ายไม่ใส่ใจ หยิบนิตยสารบันเทิงบนโต๊ะที่มีเธอขึ้นปก เอมมิกาพลิกไปสักพักก็โยนลงที่เดิมพร้อมกับทำสีหน้าเบื่อหน่าย ข่าวฉาวข่าวคาวทั้งนั้นทั้งเรื่องจริงทั้งเรื่องเท็จที่ปั่นกระแสกันสุดๆ บางคนก็ยอมทุ่มทุนปล่อยคลิปหลุด รูปหลุดกันบ้างเพื่อให้ตัวเองมีคนพูดถึง บางคนก็เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกเพื่อโปรโมทตัวเอง เธออยู่ในวงการนี้มานานถึงคร้านที่จะอ่านเรื่องพวกนี้
“ก็เรื่องเกาเหลากับนางเอกต่างช่องนั้นแหละ” เอมมิการับฟังพร้อมกับควานหาลิปสติกสีโปรดของเธอส่งไปให้ช่างแต่งหน้าเป็นเชิงว่าวันนี้เธอต้องการสีนี้เท่านั้น พร้อมกับยักไหล่
“ยัย...” เอมมิกาเกือบหลุดคำว่าตอแหลออกมาแล้วเชียว แต่เพราะไม่ได้อยู่กับผู้จัดการสองคนถึงได้ลดดีกรีลง
“น้องมะเหมี่ยวนะเหรอค่ะ”
“ต๊าย...เรื่องนี้พี่ก็ได้ยินมาค่ะ อย่างว่านะคะ พี่เคยแต่งหน้าให้น้องมะเหมี่ยวเหมือนกันรายนั้นเรื่องมากไม่แพ้ใคร ขี้วีนขี้โวยวาย พี่ไม่ไหวจะเคลียค่ะคุณน้องเอม”กระเทยร่างใหญ่ช่างแต่งหน้าฝีมือดีโพล่งออกมาตามประสาของพวกชอบเมาท์มอย แถมช่างทำผมที่ร่างใหญ่ไม่แพ้กันก็หันมาผสมโรงด้วย สองสาวเทียมผลัดกันเล่าอย่างเผ็ดร้อนส่วนเอมมิกาทำได้แต่หัวเราะอย่างมีจริต
“โถ...พวกพี่ก็พูดกันไปเรื่อยนะคะ” เอมมิกาดัดเสียงให้ดูเหมือนสงสารยัยมะเหมี่ยวนั่นเต็มทนก่อนจะหันไปสบตากับเจ๊มดพร้อมกับแอบเบ้หน้า ยัยช่างแต่งหน้าทำผมสองคนนี้เธอรู้ดีว่าไม่ได้ประสงค์ดีกับใครหรอกเชื่อเถอะว่าถ้าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือยัยมะเหมี่ยวเธอเองนั้นแหละจะตกเป็นเป้าสนทนา เรื่องพวกนี้เธอถึงรู้ดีไม่พยายามกระโดดเข้าไปในกองเพลิงที่พวกปากหอยปากปูล่อเอาไว้เพื่อจะเอาไปขายข่าวทีหลัง
หลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จ สองสาวเทียมร่างใหญ่ถึงได้จากไปเพราะต้องไปแต่งหน้าทำผมให้กับคนอื่นๆที่กำลังนั่งรอหน้าหงิกอยู่ในห้องแต่งตัวรวม
“ยัยกระเทยแก่...เอมล่ะเบื่อคนพวกนี้จริงๆ” เอมมิกาทำหน้าระอาตามหลังคนทั้งสองไป
“เอมก็น่าจะชินได้แล้วนี่ เอาะ...แล้ววันนี้ไปไหนมาถึงเข้าสตูเลทไปตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง” คำถามนั้นทำเอาเอมมิกาถึงกับสะดุ้งเบาๆก่อนจะทำท่าสนใจกับการปัดบรัชออนเพิ่มอยู่
“ก็...ไม่มีอะไรหรอกคะ เอมไปธุระนิดหน่อย” เจ๊มดรี่ตามองคนพูดก่อนจะทำท่าไม่ได้ติดใจอะไร พร้อมกับร่ายยาวถึงงานของหญิงสาวตลอดทั้งสัปดาห์
หลังเสร็จรายการทีวีแนวทอล์คโชว์เสร็จเอมมิกาก็ต้องเจอกับขบวนนักข่าวที่กรูเข้ามาสัมภาษณ์เธอตามที่เจ๊มดผู้จัดการร่างใหญ่ของเธอได้บอกไว้ หญิงสาวหันไปยิ้มให้พี่ๆนักข่าวก่อนที่จะโดนซัดคำถามแรก
“เรื่องที่น้องเอมกับน้องมะเหมี่ยวกำลังซดเกาเหลากัน เรื่องจริงเป็นยังไงคะ” เอมมิกาได้ฟังอย่างนั้นก็แสร้งทำสีหน้าตกใจเหมือนกับว่าเธอพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“นี่เอมพึ่งจะได้ยินเรื่องนี้นะคะเนี้ย”
“เห็นบอกว่าทั้งสองคนไปเจอกันที่งานอีเวนต์งานหนึ่งแล้วเกิดไม่ถูกชะตากันอย่างแรง จนมีข่าวว่าถ้างานไหนมีมะเหมี่ยวจะไม่มีเอมมิกา จริงรึเปล่าค่ะ” เอมมิกาหัวเราะเบาๆก่อนจะแถลงไขอย่างใจเย็น
“ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ กับน้องมะเหมี่ยวเราก็ยังทักทายกันตามปกติเวลาที่เจอกันตามงาน ที่มีข่าวออกมาอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงที่ติดต่อเข้ามาเป็นช่วงที่เอมรับอีกงานหนึ่งเอาไว้แล้วงานที่เอมปฏิเสธก็มีน้องมะเหมี่ยวมาเป็นเซเลบ มันเลยเป็นข่าวขึ้นมา จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลยค่ะ” เอมมิกาบอกยิ้มๆ ทั้งที่ในใจตะหวัดไปถึงคู่กรณีที่อาจหาญมาเทียบรัศมีกับเธอ ทั้งๆที่เพิ่งจะไต่เต้าหรืออาจจะใช้เต้าไต่เข้าวงการมาเมื่อไม่นานมานี้
ละครดังแค่ไม่กี่เรื่องทำวางท่าไม่เห็นหัวรุ่นพี่อย่างเธอ วันนั้นเธอจึงหักหน้าขอใช้ห้องแต่งตัววีไอพีที่ระบุให้เธอสองคนใช้ร่วมกัน แต่เอมมิกายื่นคำขาดถ้าเธอไม่ได้ใช้ห้องนี้คนเดียวเธอก็จะไม่ทำ เพราะห้องวีไอพีมีเพียงห้องเดียว เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกว่าถ้าให้มะเหมี่ยวก็จะไม่มีเอมมิกา
สุดท้ายเธอก็ทำสำเร็จไม่มีใครโง่ที่จะแลกเอมมิกากับยัยเด็กที่พึ่งจะดังนั้นหรอก มันก็เลยเป็นข่าวขึ้นมาซึ่งเธอก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ดูท่ายัยมะเหมี่ยวคงจะซีเรียสน่าดูเวลาเจอกันตามงานต่างๆโดยบังเอิญถึงได้เขม่นมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งคนอย่างเอมมิกาก็ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว
“แสดงว่าน้องเอมยืนยันว่าไม่ได้ซดเกาเหลากับน้องมะเหมี่ยว และยังสามารถร่วมงานกันได้ปกติใช่ไหมค่ะ”
“สำหรับเอมนะคะ ร่วมงานกันได้ไม่มีปัญหา แต่มันก็เป็นเรื่องสุดวิสัยนะคะถ้าเกิดงานที่ติดต่อมาเอมไม่ว่างจริงๆ ก็ต้องปฏิเสธไปค่ะ” เอมมิกาบอกก่อนจะยิ้มหวาน จนข่าวนี้ของเธอตกไป
“น้องเอมเครียดไหมค่ะ ที่มีข่าวว่าน้องเอมเกาเหลากับคนนู้นทีคนนี้ที”
“เอมไม่เครียดหรอกค่ะ เราก็อยู่วงการนี้มานาน ย่อมจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบางครั้งมันไม่มีอะไรเลยอย่างน้องมะเหมี่ยวมันก็เป็นข่าวขึ้นมาจนได้ ข่าวเก่าตกไปเดี๋ยวข่าวใหม่ก็มาถ้าเอมเครียด เอมคงทำงานในวงการนี้ไม่ได้หรอกค่ะ” เอมมิกาหัวเราะเบาๆ จนบรรยากาศสดชื่นขึ้น
“แล้วช่วงนี้เรื่องหัวใจเป็นยังไงบ้างค่ะ หนุ่มเพิร์สยังหวานเหมือนเดิมไหม” คำถามนี้เรียกเสียงแซวจากนักข่าวได้พอสมควร จนเอมมิกาถึงกับเขินยิ้มแก้มปริเมื่อนึกไปถึงเพิร์ส เพาวริศ อาร์ม พระเอกลูกครึ่งที่สังกัดช่องเดียวกัน แถมยังได้ร่วมงานกันบ่อยครั้งจากคนรู้จักถึงได้ขยับมาเป็นคนรักภายในเวลาอันรวดเร็ว เริ่มแรกส่วนหนึ่งก็เพราะโปรโมทละครที่แสดงด้วยกันด้วย แต่นานวันเข้ารักโปรโมทของเธอถึงได้เริ่มหวือหวาขึ้นมาทีล่ะนิด จากที่ต้องแกล้งทำเป็นไปดูหนังด้วยกันบ้าง ทานอาหารด้วยกันบ้าง ก็กลับเป็นทำไปโดยที่เบื้องบนไม่ต้องสั่ง
เพราะเพิร์สเป็นคนหน้าตาดีแถมยังเสมอต้นเสมอปลายกับเธอ แม้จะรู้ดีว่ารักกับคนที่ทำงานในแวดวงเดียวกันมักจะไปไม่รอด แถมเจ๊มดยังมากระซิบเตือนถึงอดีตที่ไม่ค่อยดีของเพิร์ส แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ก็ตอนนี้เธอยังไม่เบื่อนี่นะ ถ้าเธอเบื่อเมื่อไหร่ก็ค่อยเลิกกันก็ไม่เห็นแปลก
“ก็แฮปปี้ดีเหมือนเดิมค่ะ ช่วงนี้เราก็ไม่ได้ถ่ายละครด้วยกัน เพิร์สเขาก็มีงานของเขา เอมก็งานยุ่งมากอาทิตย์หนึ่งไม่มีวันหยุดเลย เราก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน”
“ไม่ค่อยได้เจอกัน ทำไมช่วงนี้เห็นผลัดกันอัพรูปคู่ลงอินสตราแกรมเป็นว่าเล่นเลยค่ะ” เอมมิกาหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบคำถาม
“รูปเก่าค่ะ ไม่ใช่รูปปัจจุบัน”เอมมิกาบอกยิ้มๆ ทั้งที่ความจริงเรื่องอัพรูปก็เพราะเธอสองคนกำลังมีละครที่แสดงคู่กันกำลังจะลงจอ ถึงได้อัพรูปลงให้แฟนคลับอิน โปรโมทละครไปในตัวตามคำสั่งช่อง
ก่อนที่หญิงสาวจะตอบคำถามอีกหลายคำถาม เมื่อจบคำถามนั้นแหละเธอถึงได้ฝากผลงานทั้งงานละครทั้งงานเดินแบบให้แฟนๆได้ติดตามกันตลอดทั้งปี
เจ๊มดพาเอมมิกาออกมาจากขบวนนักข่าวเมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จก่อนจะเปิดประตูรถตู้ส่วนตัวที่มีมูลค่าหลายล้านบาทให้อย่างเอาใจ พร้อมกับให้คนนำรถเบนซ์ของหญิงสาวไปจอดให้ที่บ้านเพื่อความสะดวกเพราะเอมมิกายังต้องไปอัดเทปรายการอีกรายการหนึ่งแถมยังมีคิวถ่ายละครอีกจนถึงเช้า
“เอมจะหลับนะคะห้ามรบกวน!” เอมมิกาหันมาบอกเจ๊มดปล่อยให้ผู้จัดการร่างใหญ่อ้าปากค้างเพราะกำลังจะพูดถึงผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ติดต่อเข้ามาให้เอมมิกาเป็นพรีเซนเตอร์ เจ๊มดกลอกตาไปมาก่อนจะคิดกับตัวเองอย่างหมั้นไส้อยู่ในทีเมื่อก่อนล่ะไม่ว่าเธอจะให้ทำอะไรก็ไม่เคยขัด เชื่องยิ่งกว่าลูกแมวเสียอีก พอดังเป็นซุปตาร์แล้วแม้แต่คนที่ปั้นมากับมืออย่างเธอชียังไม่ค่อยจะเห็นหัวเลย...
ความคิดเห็น