ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วาดรัก ทะเลหวาม (โรแมนติก)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : เมอร์ริอัส

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 63



    เสียงครางฮือฮาอย่างตื่นเต้น ตามมาด้วยเสียงตบมือดังเกรียวกราวเมื่อผ้ากำมะหยี่สีแดงได้หลุดเลื่อนออกไปจากกรอบรูปสูงจรดเพดาน ภายในกรอบรูปเป็นรูปภาพกึ่งเปลือยของหญิงสาวที่กำลังอยู่ในอิริยาบถชวนวาบหวาม ภาพวาดสีน้ำมันอันเลื่องชื่อนี้ถูกวาดโดยจิตรกรชื่อดังผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม

    ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา หน้าตาของเขา ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของผลงานที่สร้างความฮือฮานี้คือความลึกลับมืดดำ ทุกคนล้วนจดจำเขาจากผลงาน รู้แต่เพียงว่าเขาเป็นจิตรกรชายชาวฝรั่งเศส และถูกขนานนามว่าเป็นพระเจ้าแห่งการสร้างสรรค์เทพีเปลือยกาย

    เพราะภาพแต่ล่ะภาพที่เขาตะหวัดปลายพู่กันลงบนผ้าใบ ราวกับมีมนต์สะกดให้ผู้คนหลงใหลไปกับสตรีในภาพวาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม

    ผลงานของเขาโด่งดังราวกับพลุแตกเมื่อภาพผลงานแรกที่มีชื่อว่า lady ถูกเผยแพร่สู่สายตาสาธารณะชน หญิงสาวที่มีใบหน้างามราวกับเทพีอะโฟรไดน์ นอนแช่ตัวอยู่ในลำธารใสแจ๋ว ศรีษะผิงอยู่กับโขดหิน ส่วนใบหน้าแหงนเงยขึ้นฟ้าเล็กน้อย ดวงตาหลับพริ้มดื่มด่ำไปกับความสุขอันหวานล้ำชวนให้จินตนาการว่าความสุขใดหนอที่ทำให้หญิงสาวสุขล้ำถึงปานนั้น

    ผมสีทองยาวสลวยร่วงพรูลงมาปิดยอดปทุมถันชวนวาบหวาม ก่อเกิดเป็นภาพที่ไม่ธรรมดาในความธรรมดาอย่างเหลือเชื่อ เพราะไม่นานหลังจากนั้นผลงานของเขาก็กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกของศิลปะ

    ทุกครั้งที่มีการจัดงานประมูลภาพวาดของเขา จะมีแค่เลขาส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่มาทำหน้าที่แทน แต่กระนั้นภาพวาดของเขาก็ถูกประมูลไปได้อย่างรวดเร็วในราคาที่หลายคนต้องตะลึงงัน เพราะอย่างวันนี้ภาพวาดของเขาพุ่งสูงไปเกือบสิบล้านดอลลาห์สหรัฐ

    เมื่อม่านปิดฉากลงและจบการประมูล ชายหนุ่มใส่สูทผูกไทน์เนียบกริบกับแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมดูเจ้าระเบียบก็เลี่ยงออกมาจากบริเวณที่ผู้คนกำลังทยอยกลับกันอยู่ เพราะหน้าที่หลักของชายหนุ่มอีกอย่างก็คือการโทรรายงานถึงเจ้านายโดยตรงของเขา หรือจะเรียกให้ถูกว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานในวันนี้นั่นแหละ

    “จบการประมูลแล้วครับ” ลาบิโอกรอกเสียงลงไปบนสมาทโฟนที่แนบอยู่ที่ใบหู รู้ว่าเจ้านายของเขาไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะดูเหมือนว่ารายนั้นจะสนใจอยู่แค่ผ้าใบ สี และพู่กัน เท่านั้น เรื่องการประมูล เรื่องธุรกิจอย่างนี้ รายนั้นแทบไม่มีความสนใจใคร่รู้ด้วยซ้ำ

    ก่อนที่ชายหนุ่มปลายสายจะรับฟังคล้ายไม่ใส่ใจอย่างที่ลาบิโอคาด เมื่อรายงานเสร็จลาบิโอก็กลับเข้าไปในงานเพื่อคอยเชคดูการเคลื่อนย้ายภาพวาดและการเซ็นเอกสารอะไรอีกนิดหน่อยแต่ปลีกย่อยมากมาย เลิกให้ความสนใจกับเจ้านายตัวเอง ที่ตอนนี้ลาบิโอก็กำลังเดาว่าเจ้านายคงกำลังหมกตัวอยู่กับการวาดภาพนั่นแหละ...


    ชายหนุ่มโยนสมาทโฟนในมือไปบนโซฟา มือเรียวอย่างจิตรกรแต่ทว่าแข็งแรงอย่างคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนคว้าแก้วไวน์ติดมือขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง ทอดมองสะพานโกลเด้นเกทตัดกับผืนน้ำทะเลกว้างไกลในเมืองซานฟรานซิสโก ผมสีมะฮอกกานีปลิวไปตามแรงลมเบาๆกับท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์มัดกล้าม

    เมอร์ริอัส ฌาน แฟรส์งกิน ผู้รังสรรค์ภาพหลายภาพจนเกิดตำนาน ชื่อของเขาคงกลายเป็นสิ่งล้ำค้า ที่ผู้คนมากมายอยากรู้จัก ชายหนุ่มกำลังทอดมองภาพตรงหน้าด้วยแววตานิ่งสงบไม่บ่งบอกความรู้สึกเหมือนสีนัยน์ตาของเขาที่คล้ายกับสีน้ำทะเลลึกล้ำที่ไม่บ่งบอกความตื้นลึก ดูน่ากลัวและน่าค้นหาไปพร้อมๆกัน

    บ้านหลังนี้สร้างขึ้นบนผาสูงริมอ่าวซานฟรานซิสโก สนนราคาคงไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ใช่แค่วิวทิวทัศน์ที่หลายคนต้องอิจฉาผู้เป็นเจ้าของบ้าน แต่การตกแต่งภายในยังได้ดีไซเนอร์ฝีมือระดับโลกเป็นผู้ออกแบบให้ บ้านหลังใหญ่แต่ทว่ากลับดูเย็นชืดเหมือนผู้เป็นเจ้าของ ทุกอย่างถูกตกแต่งด้วยโทนขาวดำ มืดหม่น มืดมัว

    ดวงตาสีน้ำทะเลลึกของเมอร์ริอัสกำลังทอดมองออกไปเบื้องหน้า ไม่ใช่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า แต่ราวกับว่าเขากำลังทอดมองลึกลงไปในอดีตของตน อดีตที่เขาซ่อนไว้ลึกสุดหัวใจ และมันทำให้เขาเลือกที่จะปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาเอาไว้ ตัวตนที่ชายหนุ่มเองก็พยายามปิดกลั้นสร้างกำแพงขึ้นในใจของตนเองเช่นกัน

         

               เมอร์ริอัสครับ...” เสียงนั้นเรียกเอาสติของชายหนุ่มที่กำลังจมดิ่งไปกับอดีตของตน ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปมองคนเรียกและพบว่าเป็นลาบิโอ เลขาหรือจะเรียกว่าเป็นตัวแทนของเขาก็ว่าได้ พอเห็นลาบิโอมายืนอยู่ที่นี้เขาถึงได้รู้ตัวว่าปล่อยให้ตัวเองยืนจมอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

    “มีอะไรรึเปล่า” เมอร์ริอัสว่าพลางเดินไปทรุดตัวลงบนโซฟาหนังสีดำเนื้อดี

    “วันนี้คุณเฮนรี่ติดต่อมา เขาอยากเป็นสปอนเซอร์หลักให้คุณ จัดงานโชว์และประมูลภาพรวมผลงานของคุณในเดือนหน้านี้ครับ”

    “เฮนรี่ เพตติสัน เศรษฐีดังคนนั้นนะเหรอ”

                 ใช่ครับ ข้อเสนอของเขาไม่เลวทีเดียว แถมเขาจะอำนวยความสะดวกให้คุณทุกอย่างในขณะที่คุณทำงาน” เมอร์ริอัสเพียงแต่คลึงแก้วไวน์ในมือเล่น เฮนรี่...มหาเศรษฐีที่ติดอันดับโลกอย่างเขา ย่อมไม่ระคายอยู่แล้วกับเงินแค่ไม่กี่สิบไม่กี่ร้อยล้าน มหาเศรษฐีหลายคนยอมลงทุนซื้อภาพของเขาในราคาสูงลิ่ว แต่ยังมีคนจนไม่มีอันจะกินอยู่เป็นแสนเป็นล้านคนในโลกหม่นๆใบนี้ มันช่างเป็นเรื่องตลกร้ายกับความเท่าเทียมของมนุษย์โลก

    “ตอบตกลงเฮนรี่ไปก็แล้วกัน เอาะ...แล้วอย่าลืมโอนเงินประจำเดือนเข้าตามมูลนิธิด้วยล่ะ” ลาบิโอรับคำพร้อมกับขอตัวไปรายงานกับเฮนรี่และโอนเงินประจำเดือนให้มูลนิธิตามที่เมอร์ริอัสสั่ง

    หลายปีมาแล้วที่นอกจากเมอร์ริอัสจะไม่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชนแล้ว เขายังเป็นเศรษฐีใจบุญผู้ลึกลับที่เที่ยวบริจาคไปตามมูลนิธิเด็กยากไร้ ตามประเทศต่างๆ ที่ขาดแคลนทั่วโลก แต่แม้อย่างนั้นความช่วยเหลือของเมอร์ริอัสก็ยังไม่เพียงพอหรอกสำหรับคนอดยากที่มากมายเหลือเกินบนโลกใบนี้

    ลาบิโอรู้ว่าเจ้านายของเขาทำงานศิลปะด้วยความสุข และเงินที่เขาหามาได้ด้วยความสุข เขาจะเผื่อแผ่ไปสู่คนยากไร้อีกนับล้านคน และเปิดกองทุนเพื่อคนยากไร้อีกหลายร้อยทุน

    เมอร์ริอัส เป็นคนที่ลาบิโอยกย่องอยู่ในใจเสมอมา นับตั้งแต่เขาหลงใหลไปกับภาพวาดของเมอร์ริอัสและจะด้วยความบังเอิญหรือจะอะไรก็แล้วแต่ เขาบังเอิญได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของจิตรกรดังอย่างเมอร์ริอัส และชายหนุ่มยังหยิบยื่นงานให้เขามาเป็นเลขาส่วนตัว ในวันที่ตัวเขาแทบไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่

    ตั้งแต่วันนั้นจนถึงเดี๋ยวนี้ก็เกือบๆ สี่ปีแล้วที่เขาทำงานให้เมอร์ริอัส แต่แม้ว่าเขาจะทำงานกับชายหนุ่มมานาน แต่ทว่า...อดีตของเมอร์ริอัสก็ยังดำมืดสำหรับเขาเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เขามองเห็นแค่ปัจจุบันของเมอร์ริอัสก็น่าจะเพียงพอ และคงเป็นเพราะอย่างนี้เองเขาถึงทำงานกับเมอร์ริอัสมาได้นานถึง 4 ปี


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×