ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์
การสำผัสถึงพลังอันเร้นลับที่วัจนภาษาไม่อาจเอ่ยหยิบยื่น และคลื่นเสียงไม่ได้เป็นสื่อกลาง หากแต่มวลอากาศเท่านั้นที่หมุนวนอยู่บนโลกใบได้เป็นตัวนำพาส่งทอดต่อผู้ถูกกระทำ และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกนิยามด้วยคำว่า มนต์
"บ้างรุนแรง บ้างละลืม บ้างถูกปล่อยทิ้ง" การรู้สึกถึงพลังเหล่านี้ สองสิ่งที่ที่เป็นตัวนำพาคือ จิตและ เวลา
"จิต" ในที่นี้ฉันหมายถึง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ส่งผลถึงการรับรู้ในช่วงเวลาและขนาดพื้นที่ของหัวใจ และความนิกคิดถึงสิ่งรอบข้างโดยความเข้าใจในเชิงจิตวิทยา ถว่ามโนจิตยังมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้
" เวลา" ในที่นี้ฉันหมายถึงสิ่งที่ไม่ได้ถูกบดบังโดยแสงและเงาของจันทร์ทรา และอวัจนภาษาก็ไม่สามารถบอกสถานะของตัวตนได้อย่างแท้จริง แต่ฉันหมายถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมาและเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
อดีต ปัจจุบันและ อนาคต หากสามสิ่งที่เอ่ยมานี้ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อเราเลย เราก็อาจจะเข้าใจได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือ สถานะเดียวกัน ตัวตนเดียวกัน และส่งผลถึงความเข้าใจในเชิงวิทยาศาตร์ในแง่ของเหตุและผล
ที่ในทางศาสนานิยามว่า เวรกรรม
"บ้างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ บ้างยากที่จะปฎิเสษ ว่ามันคือสัจธรรม" การรับรู้ถึงชีวิตมันคือความจริง และการดำรงอยู่มันคือสัจธรรม
มาเข้าเรื่องมนต์กันดีกว่า คุณมี ฉันมี ทุกคนมีเราต่างมีกันทุกคน แต่จะดำเนินเรื่องราวเช่นไรให้เปิดประตูนำสิ่งเหล่านี้ให้่นำออกมาใช้ได้ แปลกแต่จริง มนต์ที่ติดตัวเรามามันไม่เคยถูกใช้เลยโดยการนึกคิด และไม่สามารถหยิบยื่นเอาเพียงเพราะเราต้องการที่เรียกมันขึ้นมา แต่สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึืนโดยความว่างในนิมิตที่มีอยู่จริง
แต่ถ้าหากเราอยู่ในสถานะจิตที่ว่าง การรับรู้ถึงสิ่งนี้ในทางจารีตก็เปรียบได้กับนักบวชผู้ละเว้นทางโลก แต่ในแง่ของทางธรรมก็น้อยนักที่จะมีผู้ใดย่างกลายเข้าถึง การเดินทางเข้าสู่ความว่างไม่ใช่เหตุผลเลยของมนุษย์ เพียงเพราะน้ำลายในคอยังคงไม่เหือดแห้ง แต่เมื่อเราต่างเข้าใจถึงความต้องการของธรรมชาติแล้ว ธรรมชาติของสรรพสิ่งได้ถูกกำหนดมาทุกอย่าง เพียงแค่วิวัฒนาการเท่านั้นที่นำพาเรามาถึงจุดที่ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด
วิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของมนุษย์โลกได้ถูก เปิดขึ้นมาและหายไปกับความกระหายในอารายะธรรม ความกระหายในการแสวงหาสิ่งใหม่ ดินแดนใหม่ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ และกิเลสที่เปรียบเสมือนไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่โปรแกรมเมอร์สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะรั้งความเป็นจีรัง
การแสวงหามวลอากาศที่นำพาความต้องการทางจิตที่ส่งผลต่อกายภาพหรือเรียกสั้นๆว่า มนต์ นั้น ความพยายามค้นหานี้เองเป็นตัวผลักดันความจริงยิ่งออกห่างเสมือนแม่เหล็กสลับ ขั้ว แต่การเข้ามาของมนต์นั้อาศัยเพียงความว่าง ว่าง และว่าง แต่อย่าลืมที่จะดำเนินเรื่องราวที่ผ่านมา แต่หาก เพียง ลอง อยู่กับตัวเองและตั้งใจฟังให้ดีๆ จะมีคนอีกคนที่ยืนอยู่ในตัวเราและคอยพูดกับเราว่า "คุณกับฉันเราคือคนๆเดียวกัน" คุณอาศัยร่างกายฉัน และฉันก็อาศัยดวงจิตคุณ
ทีฆทัศน์
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น