ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์ - ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์ นิยาย ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์ : Dek-D.com - Writer

    ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์

    คุณกับฉันเราคือคนคนเดียวกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    313

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    313

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ย. 52 / 15:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ขอบคุณที่รับฟังอย่างเปิดใจ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
         ใครบอกว่าคุณกับผมไม่มีเวทย์มนต์

       

         การสำผัสถึงพลังอันเร้นลับที่วัจนภาษาไม่อาจเอ่ยหยิบยื่น และคลื่นเสียงไม่ได้เป็นสื่อกลาง หากแต่มวลอากาศเท่านั้นที่หมุนวนอยู่บนโลกใบได้เป็นตัวนำพาส่งทอดต่อผู้ถูกกระทำ และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกนิยามด้วยคำว่า มนต์ 

       "บ้างรุนแรง บ้างละลืม บ้างถูกปล่อยทิ้ง"  การรู้สึกถึงพลังเหล่านี้ สองสิ่งที่ที่เป็นตัวนำพาคือ จิตและ เวลา

       "จิต" ในที่นี้ฉันหมายถึง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ส่งผลถึงการรับรู้ในช่วงเวลาและขนาดพื้นที่ของหัวใจ และความนิกคิดถึงสิ่งรอบข้างโดยความเข้าใจในเชิงจิตวิทยา  ถว่ามโนจิตยังมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้

      " เวลา" ในที่นี้ฉันหมายถึงสิ่งที่ไม่ได้ถูกบดบังโดยแสงและเงาของจันทร์ทรา  และอวัจนภาษาก็ไม่สามารถบอกสถานะของตัวตนได้อย่างแท้จริง แต่ฉันหมายถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมาและเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

       อดีต ปัจจุบันและ อนาคต หากสามสิ่งที่เอ่ยมานี้ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อเราเลย เราก็อาจจะเข้าใจได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือ สถานะเดียวกัน ตัวตนเดียวกัน และส่งผลถึงความเข้าใจในเชิงวิทยาศาตร์ในแง่ของเหตุและผล
       ที่ในทางศาสนานิยามว่า เวรกรรม

       "บ้างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ บ้างยากที่จะปฎิเสษ ว่ามันคือสัจธรรม"  การรับรู้ถึงชีวิตมันคือความจริง และการดำรงอยู่มันคือสัจธรรม

       มาเข้าเรื่องมนต์กันดีกว่า คุณมี ฉันมี ทุกคนมีเราต่างมีกันทุกคน แต่จะดำเนินเรื่องราวเช่นไรให้เปิดประตูนำสิ่งเหล่านี้ให้่นำออกมาใช้ได้ แปลกแต่จริง มนต์ที่ติดตัวเรามามันไม่เคยถูกใช้เลยโดยการนึกคิด  และไม่สามารถหยิบยื่นเอาเพียงเพราะเราต้องการที่เรียกมันขึ้นมา แต่สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึืนโดยความว่างในนิมิตที่มีอยู่จริง

       แต่ถ้าหากเราอยู่ในสถานะจิตที่ว่าง การรับรู้ถึงสิ่งนี้ในทางจารีตก็เปรียบได้กับนักบวชผู้ละเว้นทางโลก แต่ในแง่ของทางธรรมก็น้อยนักที่จะมีผู้ใดย่างกลายเข้าถึง การเดินทางเข้าสู่ความว่างไม่ใช่เหตุผลเลยของมนุษย์ เพียงเพราะน้ำลายในคอยังคงไม่เหือดแห้ง  แต่เมื่อเราต่างเข้าใจถึงความต้องการของธรรมชาติแล้ว ธรรมชาติของสรรพสิ่งได้ถูกกำหนดมาทุกอย่าง เพียงแค่วิวัฒนาการเท่านั้นที่นำพาเรามาถึงจุดที่ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด

                วิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของมนุษย์โลกได้ถูก เปิดขึ้นมาและหายไปกับความกระหายในอารายะธรรม ความกระหายในการแสวงหาสิ่งใหม่ ดินแดนใหม่ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ และกิเลสที่เปรียบเสมือนไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่โปรแกรมเมอร์สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะรั้งความเป็นจีรัง
       การแสวงหามวลอากาศที่นำพาความต้องการทางจิตที่ส่งผลต่อกายภาพหรือเรียกสั้นๆว่า มนต์ นั้น ความพยายามค้นหานี้เองเป็นตัวผลักดันความจริงยิ่งออกห่างเสมือนแม่เหล็กสลับ ขั้ว แต่การเข้ามาของมนต์นั้อาศัยเพียงความว่าง ว่าง และว่าง แต่อย่าลืมที่จะดำเนินเรื่องราวที่ผ่านมา แต่หาก  เพียง ลอง อยู่กับตัวเองและตั้งใจฟังให้ดีๆ จะมีคนอีกคนที่ยืนอยู่ในตัวเราและคอยพูดกับเราว่า   "คุณกับฉันเราคือคนๆเดียวกัน" คุณอาศัยร่างกายฉัน และฉันก็อาศัยดวงจิตคุณ   

                                                                                                                                                     ทีฆทัศน์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×