ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) KING ♡ QUEEN | kaihun chanbaek ft.exo

    ลำดับตอนที่ #1 : [01] king ♡ queen | one

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      9
      8 เม.ย. 61



    [ ONE ]



     



             K .Kim High school

     

     

     

             ดวงตาคมที่แผงไปด้วยสเน่ห์ทอดมองกลุ่มเมฆที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ กระจัดกระจายดุจปุยนุ่นขาวสะอาด บ้างจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนช่างมีหน้าตาประหลาด สายลมแผ่วเบาก็ล่องลอยมากระทบผิวกายเป็นระยะๆ จนต้องยกมือขึ้นลูบท่อนแขนสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายไม่ให้หนาวมากเกินไป เขามองดูบรรดานกพิราบที่กำลังหกเหินอยู่บนอากาศ บ้างก็มากันเป็นคู่ บ้างก็เกาะกลุ่มกันเป็นฝูง หรือแม้กระทั่งทะยานอยู่อย่างโดดเดี่ยว


             นัยน์ตาคมทอดมองลูกนกพิราบที่กำลังกางปีกหกเหินอยู่บนอากาศท่ามกลางฝูงนกพิราบตัวอื่นที่มากันเป็นกลุ่ม ปีกคู่เล็กนั้นกางออก ขยับขึ้นลงหกเหินในอากาศอย่างไม่กลัวสิ่งใด มันต้องมีความกล้าหาญเพียงใดถึงจะสามารถทอดทิ้งครอบครัวของตนแล้วออกมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว...


             มองย้อนกลับมาดูตัวเขา เขาถูกเลี้ยงมาอย่างไข่ในหิน เขามีทุกอย่างที่เด็กบางคนแทบไม่ได้รับมันด้วยซ้ำ แต่ละวันนอนอยู่บนกองเงินกองทองของครอบครัวที่ใช่เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด ถ้ามองผิวเผินมันก็คงน่าอิจฉา แต่กลับกันหากมองลึกๆให้ดีเขากลับไม่มีความสุขกับชีวิตแบบนี้เอาเสียเลย ต้องอยู่ในกรอบที่ครอบครัวสร้างขึ้น ว่าตัวเขาจะต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้ ครอบครัวของเขาได้กำหนดแผนการดำเนินชีวิตของเขาไว้หมดทุกอย่าง ว่าจะต้องเดินไปตามเส้นทางไหน ความฝันของเขาพังทลายลงตั้งแต่ครอบครัวยัดเยียดสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้กับเขา เขาไม่สามารถขัดมันได้เลย

     

             ถ้าเปรียบคิม จงอินเป็นเสมือนนก เขาคงเป็นนกที่ขี้ขลาด นกที่ถูกกักขังเอาไว้ในกรงเหล็กกล้ามาเป็นเวลาเนินนาน พอถึงวันที่ประตูเปิดออก ลูกนกตัวนั้นกลับไม่กล้าที่จะก้าวออกไป 

     

     

     

             บริเวณดาดฟ้าของหอพักเป็นที่ประจำอย่างคิงทั้งห้า ตำแหน่งคิงมีมาทั้งแต่สมัยก่อตั้งโรงเรียนแต่แรกเริ่มจนมาถึงปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ว่าใครจะได้รับตำแหน่งนี้ง่ายๆ บุคคลทั้งห้าต้องมีรูปร่างและใบหน้าที่งดงาม ฐานะ การวางตัวที่ดีต้องเป็นแบบอย่างแก่นักเรียนในโรงเรียนและทางตระกูลของแต่ละคนจะต้องสร้างประโยชน์ให้แก่โรงเรียนไว้มากมาย ขั้นแรกต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะครูอาจารย์ในเรื่องของการวางตัวและคณะกรรมการนักเรียนที่ค่อยช่วยคิงตัดสินใจในเรื่องต่างๆ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องผ่านการคัดสรรจากคิงรุ่นพี่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพี่น้องเชื้อสายเดียวกันของคิงแต่ละตระกูล และจะมีคิงขึ้นมาใหม่ได้จะต้องมีคิงที่จบการศึกษาถึงจะสามารถตั้งคิงคนต่อไปขึ้นมาแทนได้ นักเรียนภายในโรงเรียนทุกคนจะต้องเคารพกฎที่คิงตั้งไว้อย่างเคร่งครัด ถ้าใครประพฤติตนผิดกฎก็ต้องรับโทษไปตามระเบียบ

     

             “อาหารเช้าครับคุณไค” บอดิ้การ์ดประจำของไคเอ่ย

     

             ไค หรือ คิมจงอิน หนึ่งในคิงทั้งห้า ไคเป็นลูกหลานเชื้อสายโดยตรงของตระกูลคิมที่เป็นผู้สร้างโรงเรียน K .Kim high school ขึ้นมา คิมจงอินคือลูกชายคนกลางกำลังเตรียมศึกษาในมัธยมปลายปีที่ 2 ลูกชายคนโตอย่างคิมจุนมยอนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไปตอนนนี้ได้รับตำแหน่งเป็นรองบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ส่งอาหารสำเร็จรูปและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทอีกด้วย ส่วนลูกชายคนสุดท้องกำลังเตรียมศึกษาในชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 อย่างคิมแทยง

                                                                                              

             “วางไว้ตรงนั้นแหละครับ ขอบคุณครับ” น้ำเสียงทุ่มเอ่ยโดยที่สายตาทอดมองพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้าบ่งบอกว่าได้เริ่มต้นของเช้าวันใหม่แล้ว คิงทั้งห้าจะต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวค่อยดูแลอย่างน้อย นายและจะต้องมีฝีมือในด้านการต่อสู้สามารถปกป้องและช่วยเหลือคิงได้ทุกเมื่อ

     

     

             “เฮ้วันนี้นึกไงถึงตื่นแต่เช้า

     

             “ฉันจะตื่นเช้าบ้างไม่ได้เหรอวะ

     

             “มีอะไรพิเศษงั้นเหรอ ล่ะนี้แต่งตัวเตรียมจะไปไหน” ปาร์คชานยอลหนึ่งในสมาชิกคิงทั้งห้าเอ่ยถาม เมื่อก้าวขึ้นมาบนดาดฟ้าก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นเพื่อนรักที่ไม่น่าจะได้พบในเวลายามเช้าแบบนี้ กำลังนั่งดื่มนมสดร้อนอย่างสบายใจ พร้อมกับสังเกตเสื้อผ้าที่อีกคนสวมใส่เป็นชุดประจำที่คิมจงอินมักจะใส่ออกไปข้างนอก อย่างเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีกรม

     

             “ไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้นแหละฉันว่าจะไปร้านกาแฟพี่มินซอกน่ะ ว่าแต่ทำไมนายถึงขึ้นมาบนนี้ล่ะร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะโผล่หัวขึ้นมา” จงอินเองก็แปลกใจเหมือนกันที่พบปาร์คชานยอลบนดาดฟ้าของหอพักพวกเขาได้ เพราะปกติชานยอลจะไม่ค่อยขึ้นมาบนนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจะมีเหตุจริงๆอย่างบางครั้งพวกเราก็มักจะมานั่งดื่มกันบนนี้ หรือประชุมพูดคุยในเรื่องต่างๆ หรือไม่ก็เบื่อ

     

            “รู้สึกเบื่อวะ อยากเที่ยว” พูดยังไม่ทันขาดคำ...

     

             ปาร์คชานยอลหนึ่งในคิงทั้งห้า ตระกูลปาร์คคอยช่วยเหลือโรงเรียนเคคิมไว้มากมาย ซึ่งตระกูลของคิงสนิทชิดเชื้อกันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว

     

            “นายเพิ่งกลับมาจากคลับเมื่อคืน” คิมจงอินเอ่ยขัดคอเพื่อนสนิทขึ้นมาทันที ปาร์คชานยอลน่ะเป็นพวกชอบเข้าสังคมพบปะกับผู้อื่น ซึ่งบุคลิกนิสัยของชานยอลขัดกับตัวเขาเหลือเกิน เพราะเขากลับมองว่ามันน่าสนุกตรงไหนกับสถานที่คนเยอะๆวุ่นวายจะตาย แต่ยกเว้นคลับประจำของพวกเขาไว้ที่นึงเพราะมันเป็นสถานที่ที่เอาไว้ปลดปล่อยได้ทุกอย่าง

     

             “ก็นั่นมันเมื่อคืน ตอนนี้ฉันอยากเที่ยว

     

             “ฉันจะฟ้องแบคฮยอน” คิมจงอินเผลอเอ่ยชื่อต้องห้ามของปาร์คชานยอลขึ้นมา ทำเอาคู่บทสนทนาเมื่อได้ยินถึงกับไปไม่ถูก

     

            “ห้ามห้ามเด็ดขาดขืนรู้ฉันต้องตายแน่ๆ

     

            “คุณชานยอลครับ ควีนมาพบตอนนี้กำลังรอคุณที่ห้องรับรอง” บอดี้การ์ดประจำตัวของปาร์คชานยอลเดินตรงเข้ามาหาผู้เป็นนายเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนเตรียมมารายงาน ควีนเป็นอีกตำแหน่งที่จะค่อยอยู่เคียงข้างคิง เรียกง่ายๆว่าควีนคือคนรักของคิง โดยเป็นการตัดสินใจจากคิงเพียงผู้เดียว จะไม่มีใครเลือกหรือแต่งตั้งให้กับเขาได้ คิงเพียงผู้เดียวที่จะสามารถแต่งตั้งควีนขึ้นมาได้และบุคคลนั้นจะไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะให้สมบูรณ์แบบก็ต้องเกิดมาจากความรักความจริงใจที่มีให้กัน 

     

            “ให้ตายเถอะคิมจงอินฉันฝากไว้ก่อน” คิมจงอินไม่สนใจกับประโยคขู่ขวัญของเพื่อนสนิทแถมยังส่งยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทให้กับอีกคน ชานยอลเห็นดังนั้นก็ไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก รีบเดินฟึดฟัดลงไปหาคนที่รอพบ ส่วนเขาก็เตรียมตัวที่จะไปสถานที่เป้าหมายของวันนี้

     

     

     

     

     

     

     



     

            “โอเซฮุน วันนี้พี่อนุญาติให้เลิกเร็วได้นะ” คิมมินซอกลูกเจ้าของร้านกาแฟชื่อดังอย่าง K .Kim’café เป็นกิจการอีกส่วนนึงของตระกูลคิมผู้ดูแลเป็นเจ้าของหลักๆคือคิมโซฮีพี่สาวของคิมซีวอน ซึ่งร้านเคคิมคาเฟ่แตกออกไปหลายสาขาตามจังหวัดและเมืองต่างๆ มินซอกมักจะช่วยดูแลร้านในวันหยุดเสมอแล้วในช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนอาทิตย์สุดท้าย อาทิตย์หน้าก็เป็นการเปิดภาคเรียนและเขาจะได้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสุดท้ายอย่างเต็มตัว

            

             “ไม่เป็นไรครับต้องทำงานให้สมค่าแรงสิ” ชายหนุ่มร่างผอมบางเอ่ยออกมาอย่างร่าเริงพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ คิมมินซอกคิดอย่างนั้น

     

             “นายนี่มัน แล้วแม่อาการเป็นยังไงบ้าง” มินซอกเอ่ยถามถึงมารดาอีกคนด้วยความห่วงใย เขารู้ว่าโอเซฮุนลำบากแค่ไหน ไหนจะแม่ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน้องชายที่ต้องดูแล โอเซฮุนทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเพราะพ่อของเจ้าตัวได้เสียไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินคำว่าเหนื่อยหรือท้อแท้ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้เลย โอเซฮุนเป็นเด็กดีมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบแต่ทำไมพระเจ้าถึงเล่นตลกให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องพบเจอกับความลำบากขนาดนี้กัน...

     

             “อีก เดือนเข้าผ่าตัดครับ

     

             “ค่าใช้จ่ายล่ะ มีครบแล้วเหรอ

     

             “ยังหรอกครับ แต่อีกตั้ง เดือนผมเก็บทันอยู่แล้ว” น้ำเสียงหวานเอ่ยกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

             “ตั้งเหรอต้องใช้คำว่าแค่ 2 เดือนเองนะเซฮุน คิมมินซอกเชื่อเลยจริงๆ โอเซฮุนมองโลกในแง่ดีเสมอ แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าบนโลกใบนี้มันไม่ดีไปเสียหมดทุกอย่างและมันเลวร้ายแค่ไหน... เขากลัวว่าวันหนึ่งเซฮุนจะรับมือกับมันไม่ได้… แต่เมื่อถึงวันนั้นจะทำยังไง

     

             “มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ ยืมเงินพี่ไปก่อนไหม” มินซอกยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยความเป็นห่วง ค่าผ่าตัดไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะค่าอุปกรณ์ ค่าต่างๆนาๆ แล้วเหลือเวลาแค่ เดือนเด็กผู้ชายตัวคนเดียวนี่ทำงานแค่พาสไทม์จะไปหาทันได้ยังไง

     

             “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมคิดว่าทำได้ก็ต้องทำได้” รอยยิ้มเสี้ยวพระจันทร์ถูกส่งมาให้กับเขาอย่างน่าเอ็นดู เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ เซฮุนไม่เคยรับความช่วยเหลือจากเขาเลยสักครั้ง เด็กคนนี้นี่มันจริงๆเลย

     

            “ไม่รู้แหละ ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบมาบอกพี่เลยเข้าใจไหม” เด็กหนุ่มพยับหน้ารับเข้าใจ แต่ยังไงเขาก็รู้ว่าโอเซฮุนน่ะไม่ยอมง่ายๆหรอก

     

            “ผมไม่เคยเสียใจกับโชคซะตาของตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยนะครับ สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันคือหน้าที่และความเต็มใจของเราล้วนๆ ทำอะไรผมก็อยากจะทำด้วยตัวเองก่อนไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นพอทำได้ก็ทำ แต่ถ้ามันถึงทางตันจริงๆไปไม่ไหวแล้ว ถึงตอนนั้นรบกวนพี่ด้วยนะครับ

     

             “พี่ยอมแล้วเซฮุน” รอยยิ้มประจำของเด็กหนุ่มถูกมาให้เขานับครั้งไม่ถ้วน คนแบบโอเซฮุน คนที่สามารถคิดได้แบบเด็กคนนี้ในสถานการณ์แบบนี้จะมีสักกี่คนบนโลกนี้กัน แต่พระเจ้าก็ยังไม่ใจร้ายจนเกินไปเพราะยังส่งเด็กชายน่ารักคนนี้ลงมา อย่างน้อยก็ได้เป็นแบบอย่างของคนที่กำลังท้อได้ดีเลยล่ะ

     

            

             มินซอกแยกตัวขึ้นไปบนชั้นสองของร้านที่เป็นที่สำหรับทำเบเกอรี่ โดยโอเซฮุนค่อยดูแลร้านอยู่ชั้นล่างเพียงคนเดียว เพราะช่วงเช้างานยังไม่หนักเท่าไหร่

     

     



            กริ๊งง

     

     



             เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้นเมื่อถูกเปิดด้วยใครอีกคน ลูกค้าคนแรกของเช้าวันนี้  สายตาคู่สวยของร่างบางหันไปสนใจกับลูกค้าคนแรกของวันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวเข้าในร้านอย่างเต็มตัว ยกฝ่ามือขึ้นถอดแว่นตาราคาแพงออกมาเหน็บไว้ที่ปกเสื้อเผยให้เห็นใบหน้าคม สันกรามที่มีเสน่ห์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสบายๆเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีกรม โอเซฮุนมองทุกการเคลื่อนไหวของลูกค้าคนใหม่ เสื้อผ้าแสนธรรมดาแต่เมื่อถูกสวมใส่อยู่บนเรือนร่างของชายหนุ่มิวสีแทนคนนี้มันกลับดูดีมากๆเสียอย่างนั้น

     

             “อรุณสวัสดิ์ครับ เคคิมคาเฟ่ยินดีต้อนรับ โอเซฮุนพยายามเรียกสติของตนกลับมา โดยไม่ลืมกล่าวต้อนรับกับลูกค้ามาใหม่  

     

             “สาขานี้ไกลชะมัด ทำไมพี่มินซอกถึงมาไกลขนาดนี้” ชายหนุ่มไม่สนใจน้ำเสียงต้อนรับจากพนักงานอย่างโอเซฮุน แถมยังบ่นอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปหาที่นั่งของตน

     



             ผู้ชายคนนี้พิลึกดี ...

     

     



             “นี่ นาย” อยู่ๆผู้ชายพิลึกคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมา ทำเอาโอเซฮุนที่ยืนมองอยู่ไปไม่ถูก เขาจะโดนจับว่าแอบมองไหมเนี่ย

     

             “คะ..ครับ

     

             “พี่มินซอกไปไหน

     

             “ทำขนมอยู่ชั้นบน ให้ผมไปตามไหม

     

             “ไม่เป็นไร งั้นฉันขอโกโก้ร้อนที่นึง” โอเซฮุนขานรับ เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่เตรียมตัวทำออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง

     

            “ไกลชะมัด นี่ฉันใช้เวลามาที่นี้เกือบชั่วโมง

     

            “ร้านมีหลายสาขานี่ครับ” ร่างบางเอ่ยกลับไปขณะกำลังชงโกโก้อยู่

     

             “ฉันมาเจอคนต่างหาก

     

     

            “เสียงดังจนพี่ได้ยินไปขึ้นชั้นสองเลยนะ คิม จงอิน





    50%

     

     

     

     

           

             “ผมอยู่เกรด 11 แล้วปะวะ พ่อจะบังคับอะไรนักหนา ความฝันผมก็ยอมทิ้งเพื่อที่จะเดินตามเส้นที่พ่อวางไว้ให้แต่จะให้ทำตามสิ่งที่ขัดกับตัวเองทุกอย่างผมทำไม่ได้ว่ะพี่มินซอกหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วที่จงอินมานั่งปรึกษาปัญหาชีวิตกับคิมมินซอกลูกพี่ลูกน้องคนสนิท มินซอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องแก้ไขปัญหาหรือช่วยหาทางให้กับเรื่องนี้ย้งไง เขาทำได้เพียงให้คำปรึกษาน้องเท่าที่จะทำได้

     

             “ลองกลับไปคุยกับคุณอาก่อนดีก่อนไหม พี่ว่าคุณอาต้องเข้าใจนายนะ

     

             คนอย่างพ่อใครขัดได้ที่ไหน ถ้าพ่อเข้าใจผมจริงเขาไม่ทำแบบนี้หรอกใช่ไหมโอเซฮุนยืนมองดูสองพี่น้องที่กำลังนั่งคุยกับอยู่บริเวณมุกสุดของร้าน เขาได้ยินทุกบทสนทนาที่สองคนนั้นคุยกัน แปลกดีเขาไม่รู้ว่าควรจะอิจฉาหรือสงสาร คิมจงอินมีทุกอย่างที่เพียบพร้อมไปเสียหมดแต่ไม่สามารถทำตามความฝันของตนเองได้ มันทรมานแค่ไหนกันนะ ...

     

             “ไว้พี่จะลองไปคุยกับคุณอาให้ดีไหม อย่าเครียดมากสิใกล้จะเปิดเทอมแล้วนะ” 

     

             “พ่อเชื่อพี่ มากกว่าเชื่อผมที่เป็นลูกแท้ๆอีกให้ตาย

     

     

             “คุณไคครับ สายจากคุณเทาบอดี้การ์ดประจำตัวของคิมจงอินที่ยืนอยู่บริเวณประตูหน้าร้าน เดินเข้ามาพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย จงอินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปรับสายจากเพื่อนสนิทอีกคนที่ตอนนี้อยู่ถึงประเทศจีน ผมขอออกไปคุยโทรศัพท์แปปนึงนะครับ

     

             “อืม เดี๋ยวพี่ว่าจะขึ้นไปทำงานต่อแล้วล่ะว่าจบมินซอกก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาหาพนักงานเพียวคนเดียวของร้านในตอนนี้ที่กำลังยืนมองเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว โอเซฮุนยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกำลังเดินตรงมาทางเขา

     

             วันนี้พนักงานคนอื่นๆคงจะเข้าช้าเพราะเป็นวันธรรมดาคนไม่ค่อยเยอะ เหนื่อยหน่อยนะเซฮุนมินซอกว่าก่อนจะเท้าแขนบนแคชเชียร์ เวลาเริ่มเข้ามาทำงานของร้านคือ 8 โมงเช้าสำหรับวันธรรมดาบอกคนไม่ค่อยเยอะบวกกับสถานที่ตั้งร้านคนจะไม่ค่อยพุกพ้านนักเพราะเป็นแถวชานเมือง เหตุผลที่เขามาเปิดสาขาที่นี่ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนไม่ค่อยพุกพ้าน รายได้ต่อวันของสาขานี้ก็คงไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สำหรับเขาคิดว่าเราควรที่จะมาอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่แถวนี้เพราะพวกคนเหล่านี้จะได้ไม่ต้องขับรถไปไกล แรกๆที่แม่เขาตัดสินใจมาเปิดสาขาที่นี่คนก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่นักแต่นานไปคนก็เริ่มจำร้านเราได้ นำไปบอกต่อกับคนในหมู่บ้านมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

     

             สบายมากครับพี่มินซอกเด็กหนุ่มเอ่ยแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ใครอีกคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกร้านใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้ยังเห็นนั่งเครียดอยู่เลย

     

             คนนั้นน่ะคิมจงอินลูกพี่ลูกน้องพี่เอง อายุเท่าเรานะเซฮุน

     

             อ่อ ..ครับ แต่ร่างกายเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมากเลยโอเซฮุนยังคงมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งด้วยความชื่นชมในรูปร่างของชายผิวแทนที่ดูเป็นผู้ชายแข็งแรง แตกต่างกับเขาที่ผอมราวกับว่าเหลือแต่กระดูกทำอะไรนิดๆหน่อยๆก็ปวดไปทั้งตัวแล้ว ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย...

     

             นายก็กินข้าวเยอะๆแล้วก็กินให้ตรงเวลาหน่อยสิ

     

             “เข้าใจแล้วครับเจ้านาย

     

             เด็กบ้านี่ว่าจบมินซอกก็เอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มของเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเข้าประเด็นที่เขาต้องการคุยกับโอเซฮุนจริงๆ ที่พี่เคยคุยกับนายไปวันนั้นเรื่องให้มาลองสอบโรงเรียนเคคิม ผลเป็นยังไงรู้หรือยังประกาศแล้วนี้

     

             “ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปค่อยเปิดดูน้ำเสียงของเซฮุนฟังดูไม่ค่อยตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่นักเพราะเขาคิดว่าคงไม่ติดอยู่แล้ว คนสอบทั้งหลายหมื่นคน รับเพียงไม่กี่คน เขาถอดใจตั้งแต่ยื่นใบสมัครแล้วแต่เห็นว่าเป็นคำแนะนำจากพี่มินซอกเลยอยากจะลองดูเพื่อวัดความสามารถตัวเองเหมือนกัน

     

             อ่า... ต้องติดสิเราจะได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกันสักที

     

     


             ความจริงแล้ว ...คิมมินซอกน่ะรู้อยู่แล้วผลเป็นยังไง เขาต้องการให้เซฮุนมาอยู่ในโรงเรียนด้วยทุน 100% โดยที่เซฮุนไม่ต้องมานั่งหาเงินสำหรับค่าเทอมของตัวเอง ซึ่งคงจะทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายไปส่วนนึงได้ และถ้าเกิดเซฮุนไม่ยอมมาสอบเขาก็จะพยายามให้เซฮุนเข้ามาเรียนที่นี่อยู่ดี

             แต่เชื่อเถอะ ถ้าพวกคุณเห็นคะแนนของโอเซฮุนแล้วผมไม่ต้องช่วยอะไรเลย คะแนนของเด็กนั่นติดหนึ่งในสิบอันดับแรก ให้ตายเถอะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือกัน เหลือเชื่อเลยจริงๆ เขาคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจไม่บอกผลกับเซฮุน ไว้ให้เจ้าตัวกลับไปลุ้นที่บ้านเอาเองแล้วกัน แต่ตอนนี้เขากลัวใจเด็กคนนี้มาก กลัวว่าเซฮุนจะไม่เอาเพราะมันสามารถสละสิทธิได้

     

             แล้วถ้าติดล่ะ

     

             “ถ้าติดงั้นเหรอครับ...ก็ไม่รู้สิ โรงเรียนให้ผมเข้าไปเรียนฟรีๆก็จริง แต่ส่วนที่ผมต้องออกเองไหนจะค่าชุดที่ต้องสั่งตัดพิเศษสำหรับโรงเรียนนี่ก็แพงหูฉีก ราคานี่รวมอยู่โรงเรียนรัฐได้เกือบจบเลยนะครับ

     

             ว่าแล้วไง ...

     

             โถ่...เซฮุนพี่อยู่นี่ทั้งคนแค่เรื่องชุดเองเนี่ยนะ พี่จัดการให้แค่นี้จิ๊บมากๆ

     

             “พี่มินซอกพูดอย่างกับว่าผมสอบติด แล้วอีกอย่างถ้าผมติดจริงๆผมก็ไม่อยากมารบกวนพี่โอเซฮุนคิดอย่างงั้น พี่มินซอกดีกับเขาเกินไปแล้ว เกินไปมากจริงๆเขาไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงเลย

     

             “เถอะหน่า ถือเป็นของขวัญที่นายสอบติดไง 

     

             “พูดเหมือนผมสอบติดอีกแล้วนะครับ

     

             “เอ่อ...ก็ให้กำลังใจไงเขาน่ะไม่รู้สึกลำบากใจกับการช่วยโอเซฮุนเลยสักครั้งกลับเต็มใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ช่วยน้อง มินซอกชอบเข้าเรื่องของเซฮุนไปเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังบ่อยๆ และแม่ของเขาก็เห็นด้วยกับเขาที่จะช่วยเซฮุน และสนับสนุนในทุกๆด้าน ต้องสัญญากับพี่ก่อน ถ้าติดห้ามปฏิเสธเด็ดขาด

     

             “เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ” เซฮุนเอ่ยพร้อมสีหน้าที่ค่อยข้างลำบากใจ ใช่ว่าเขาคิดว่าตัวเองจะติด แต่พี่มินซอกพูดมาแบบนี้แล้วเกินเขาติดขึ้นมาจริงๆล่ะ เขาจะต้องไปรบกวนพี่มินซอกจริงๆอย่างนั้นเหรอ

     

             “เด็ดขาด!”

     

             “พี่มินซอก...

     

     

             ”ว่าแต่ข้าวเช้าน่ะได้กินหรือยังคิมมินซอกได้รับเพียงการส่ายหัวไปมาก่อนอีกคนเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มเสี้ยวพระจันทร์นั่นอีกตามเคย

     

             ให้ตายเถอะ! โอเซฮุนนี่มันจริงๆเลย

     

             ไปกินข้าวเดี๋ยวนี้นี่คือคำสั่ง

     

             “อีกสักพักไม่ได้เหรอครับ ผมยังไม่หิว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทานข้าว แต่ตอนนี้อยู่ในเวลาของงานนี่ หน้าที่ของเขาตอนนี้ก็คือทำงาน ซึ่งมันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมทานข้าวมาจากบ้าน

     

             ”งั้นเอางี้แล้วกันพี่จะขึ้นไปทำอาหารให้นายเอง แล้วก็ถ้าจงอินเข้ามาฝากบอกด้วยว่าให้รอกินข้าวเช้าก่อนค่อยกลับ เข้าใจไหมโอเซฮุนพยักหน้าอีกครั้งอย่างเกรงใจ พี่มินซอกดีกับเขาทุกอย่าง ทั้งๆที่เขาเป็นเพียงพนักงานคนนึงแท้ๆ

     

             ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ใจร้าย ยังส่งคนดีๆอย่างพี่มินซอกมาให้เขาได้รู้จักถึงจะในฐานะพนักงานกับลูกจ้างก็เถอะ...

     

     

             พี่มินซอกล่ะ ขึ้นไปแล้วเหรอหลังจากที่พี่มินซอกขึ้นไปชั้นบนเมื่อครู่นี้ชายหนุ่มที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินเข้ามาในร้านก่อนจะเอ่ยถามเพราะไม่เห็นพี่ชายของตนนั่งอยู่แล้ว

     

             พี่มินซอกขึ้นทำอาหารน่ะครับ เขาฝากบอกให้คุยอยู่รอทานข้าวก่อนแล้วค่อยครับเซฮุนเงยหน้าขึ้นมาสนใจชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยสิ่งที่เจ้านายของเขาฝากให้นำมาบอก

     

             คิมจงอินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินมานั่งที่มุมเดิมคือบริเวณด้านในสุดของร้านเมื่อครู่นี้เขาได้ออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเมื่อหวงจื่อเทาเพื่อนสนิทของเขาอีกคนอีกทั้งยังเป็นสมาชิกคิงทั้งห้าเช่นเขาอีกด้วย ส่งข่าวมาบอกว่าจะกลับเกาหลีในวันพรุ่งนี้แล้ว แถมมันยังบอกอีกว่ามีของฝากที่เขาเห็นต้องชอบแน่ๆ แต่มันไม่ได้บอกว่าคืออะไร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนักหรอกนอกจากเรื่องที่มันจะกลับมาในวันพรุ่งนี้น่ะ เหงาเป็นบ้า

     

             “นี่ นายทำอะไรอยู่จงอินมองไปรอบๆร้านด้วยความเบื่อหน่ายแต่สายตาคมก็ไปสะดุดกับบริเวณหน้าแคชเชียร์ที่พนักงานร่างผอมแห้งยืนก้มๆเงยๆอยู่จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

             ทำเหรียญหล่นน่ะครับ อ๊ะ!นี่ไงเจอแล้ว คุณจะรับอะไรไหม

     

              “ไม่ล่ะโอเซฮุนไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับไปเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปว่ายังไงดี ทางเลือกที่ดีควรที่จะเงียบและหันมาสนใจงานไม่ใช่ไปสนใจผู้ชายพิลึกนั่น

     

              นี่...นาย

     

              “ครับ อะไรของเขาอีก... โอเซฮุนคิดในใจ

     

             มานั่งเป็นเพื่อนหน่อยสิ

            

              พิลึก ... พิลึกจริงๆ มีที่ไหนชวนพนักงานไปนั่งด้วย

     

             เอ่อ...คงไม่...ในขณะที่เซฮุนกำลังเอ่ยกลับไปจงอินก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำไมนั่งกับฉันไม่ได้หรือไง

     

             “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับให้ตาย..จะให้เขาตอบว่ายังไงกัน ได้ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้หรือไม่ดีกว่าคุณเป็นลูกค้าส่วนผมเป็นแค่พนักงานงี้เหรอ บ้าบอ

     

             ฉันมานั่งเป็นเพื่อนหน่อย

     

             “ผมต้องรอต้อนรับลูกค้าท่านอื่นนะครับ...

     

             “นายดูหน้าร้านนั่น บอดี้การ์ดของฉันยืนอยู่สามคนใครจะกล้าเข้ามา น่าเบื่อชะมัดจะตามอะไรนักหนา มานั่งเป็นเพื่อนฉันไม่ได้หรือไงรังเกียจฉันเหรอ

     

             โอเคครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละเซฮุนถอดผ้ากันเปื้อนเสื้อที่สวมใส่อยู่ออกก่อนจะเดินตรงไปหาโต๊ะมุมสุดของร้าน ที่ได้รับคำสั่งจากผู้ชายเอาแต่ใจให้ไปนั่งเป็นเพื่อน

     

     

             “น่าเบื่อชะมัดเลยนี่รู้ไหมฉันโคตรไม่มีความสุขอยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำ นายคิดว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหนคิมจงอินเอนไปด้านหลังยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก เขารู้สึกว่ายิ่งโตขึ้นก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนตอนเด็กที่ต้องทำตามครอบครัวหมดทุกอย่างพูดอะไรก็เชื่อ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเขาคิดเป็น เขาอยากทำในสิ่งที่ตนเองรัก ...

     

             มีเงินมีทองก็จริงแต่ทำไมมันไม่เห็นจะมีความสุขเอาซะเลย

     

             อึดอัดไหมเหรอครับ ถ้าเป็นผมก็คงอึดอัดมากถ้าผมไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำซึ่งตอนนี้ก็เป็น แต่ไม่ว่าความฝันของเขาจะเป็นแบบไหน โอเซฮุนคิดว่ายังไงแม่กับน้องก็ต้องมาก่อน ส่วนเรื่องความฝันน่ะเอาไว้ก่อนแล้วกัน

     

             นายเข้าใจฉันใช่ไหม ดูสิขนาดฉันมาหาพี่มินซอกพ่อยังให้บอดี้การ์ดบ้าบอพวกนั้นตามมาอีก ฉันก็โตแล้วป่ะวะคิมจงอินหันออกไปมองบริเวณภายนอกของร้านด้วยความหงุดหงิด

     

             แต่คุณก็ต้องเข้าใจนะครับว่าพวกเขาก็ต้องทำตามหน้าที่

     

             “เข้าใจสิ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อไม่เข้าใจฉันบ้าง นี่ฉันอยากเรียนดนตรีก็ไม่ให้เรียนตลกไหมล่ะจงอินแสยะยิ้มให้กับปัญหาชีวิตของตนเอง ความฝันฉัน ฉันอยากเป็นศิลปินฉันชอบเสียงดนตรี แต่มันก็เป็นได้แค่ความฝัน

     

             “ผมเข้าใจครับ

     

             “ฉันชอบแอบไปฝึกเล่นกีต้าร์คนเดียว อาจจะใช้เวลานานหน่อยเพราะฉันศึกษาด้วยตัวเองแต่มันก็มีความสุขเพราะฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันชอบ บ้าไหมเงินก็มีตั้งเยอะแต่ฉันไม่สามารถเอามันมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวฉันได้เลย

     

             คุณเล่นกีต้าร์เป็นเหรอครับเซฮุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาน่ะชอบเสียงของกีต้าร์มากๆ เวลาผู้ชายเล่นกีต้าร์น่ะมันมีเสน่ห์มากๆเลยนะ พิลึกแต่ก็ยังมีข้อดี ...

     

             อืม ฉันชอบน่ะนายก็เล่นเป็นเหรอ

     

             “เปล่าครับ แต่ผมชอบดูมากกว่า ผมไม่ค่อยถนัดทางเครื่องดนตรีสักเท่าไหร่น่ะ ชอบเป็นผู้ฟังดีมากกว่า” เสียงดนตรีมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆเลยนะ แล้วถ้ายิ่งเป็นเพลงที่เราชอบมากๆ เราจะฟังอีกสักกี่รอบก็ไม่เบื่อ มันรู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ

     

            “ฉันเพิ่งจะเจอคนคุยถูกคอก็วันนี้แหละจงอินเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กับเขา

     

             มุมน่ารักๆกับเขาก็มีนี่ ... โอเซฮุนคิดในใจ

     

     

             ว่าแต่นายชื่ออะไร

     

             “โอ..

     

              “โอเซฮุนงั้นเหรอ ยังไม่ทันที่ร่างบางจะเอ่ยออกมาก็ถูกอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อนเพราะสายตาคมเมื่อเอ่ยถามชื่อจบก็ดันไปสังเกตป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกเสื้อด้านขวาของอีกคน

     

             อ่าครับแล้วจะถามเขาทำไมวะ ถามเองตอบเองเพื่อ!

     

              “ชื่อน่ารักดี

     

              ….


             อะไร ...

     

             แต่ละคำพูดคำจานี่ต้องทำให้เขารอลุ้นและสะพรึงตลอดเวลา ให้ตายห้ามใจสั่นกับผู้ชายพิลึกคนนี้เด็ดขาดนะโอเซฮุน

     

             ฉันต้องไปแล้วล่ะ ฝากบอกพี่มินซอกด้วยลืมไปว่าต้องไปหาพ่อที่บริษัทจงอินก้มมองนาฬิกาที่สวมอยู่บนข้อมือ เขาลืมไปเสียสนิทว่าผู้เป็นพ่อบอกให้เขาเข้าไปหา ซึ่งมันใกล้เวลานัดหมายแล้ว 

     

             “รีบไปเถอะครับเดี๋ยวผมบอกพี่มินซอกให้

     

             ขอบคุณที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนฉันนะ

     

             “ครับ..

     

     

             “แล้วก็ถ้าฉันได้เจอนายอีกฉันจะมาเล่นกีต้าร์ให้ฟังนะ

     

             “ครับ...

     

             ”แถมให้สิทธิพิเศษเป็นคนแรกที่จะได้เห็นฉันเล่นกีต้าร์ด้วย





     

     

                                                                                                                                                                  

     









    {100%}

    #คิงควีนKH










    talk ; 

    ครบแล้ว เย้ ขอโทษที่ให้รอกันค่า ช่วงนี้โรงเรียนเราใกล้สอบปลายภาคแล้วก็ปั่นงานอ่ะแง๊ 

    แถมช่วงนี้เป็นฤดูของกีฬาสีแล้วด้วย กิจกรรมเต็มเลย แต่ก็จะรีบมาอัพๆบ่อยๆนะ อย่าพึ่งเบื่อนะ 


    ขอกำลังใจหน่อวว แอร๊ยย เม้นๆติดแท็กให้เลาด้วย อิอิ


    แท็กนี้เลยนะทุกคน >> #คิงควีนKH


    twitter :: dolrutaiss



    thank you :: 

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×