คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : love foever
intro
mark talking ::
วันนี้เป็นวันครบรอบที่ผมกับจินยองคบกันมา 365 วัน วันนี้จะต้องเป็นมันที่ผมมีความสุขกับคนที่ผมรักใช่ไหม
ผมนั่งรอจินยองอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่ามชานเมือง ที่ๆเราเจอกันครั้งแรกไงหละ โรแมนติกใช่ไหมหละ
30 นาทีผ่านไป ~
ผมยังคงนั่งเขาอย่างเดิม แต่นี่มันเลยมาครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมเขายังไม่มาถึงสักที
''ฮัลโหล อยู่ไหนแล้ว'' ไม่ทันไหร่ปลายสายที่ผมรอคอยก็โทรมา
''เอ่อผมถึงแล้ว อยู่หน้าร้านพี่มาร์คออกมาได้ไหม'' เมื่อได้ยินปลายสายเอ่ยมา ก็ทำให้ผมยิ้มขึ้นมาทันที ไม่รอช้าผมรีบทำตามที่ปลายสายขอทันที ผมหยิบช่อดอกไม้ที่เตรียมมาเพื่อจะให้เขาก่อนจะเดินออกไปนอกร้าน
''พี่มาร์ค รอผมนานไหม''
''ไม่หรอก นานแค่ไหนก็จะรอ''
''ว่าแต่ ทำไมมาหน้าร้านหละ เข้าไปข้างในกันเถอะ อากาศหนาวเดี๋ยวไม่สบายเอา'' ว่าจบ ผมก็ดึงมือร่างเล็กทันที
''ด....เดี๋ยว พี่มาร์ค''
''หืม?''
''คือผม....''
''พี่อะไร หืม?? อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ'' ผมชักในไม่ดีแล้วสิ ทำไมคนตรงหน้าถึงมีสีหน้าไม่ค่อยนักหละ นี่มันวันพิเศษของเรานะ
''เอ่อ......คือ''
''...'' ผมได้แต่มองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าต้องกานคำตอบ
''เรา...... เลิกกันเถอะ''
อะไรนะ
เรา
เลิก
กัน
งั้นเหรอ !
ผมแทนจะซุดลงไปกับพื้น สิ่งที่จินยองพูดมันไม่จริงใช่ไหม วันนี้เราต้องมีความสุขสิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
''ทำไม พี่ขอเหตุผล เหตุผล !!!! เพราะอะไร'' ผมแค่เหตุผลเพราะอะไร เท่านั้น! เรารักกันมากแค่ไหนผมรู้ แต่อยู่ๆ คนตรงหน่ากลับมาบอกว่าเราเลิกกันเถอะ มันโคตรไม่มีเหตุผล ตอนนี้หัวผมมันแทบจะระเบิดอยู่แล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
''ผมเบื่อพี่แล้ว พี่มันห่วย เข้าใจไหม พี่มาร์ค ผมโคตรเบื่อพี่เลย ฮือออ '' จบประโยคของคนตรงหน้าผม คนที่ผมรักที่ในหัวใจ ร่างกายผมทั้งล้มทั้งยืม มันชา ชาไปหมด ทำไมทำไมกัน สมองตอนนี้มันมืดสนิท พระเจ้า พระเจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่.. มันต้องไม่ใช่แบบนี้ใช่ไหม ทำไมกัน ผมทำอะไร พระเจ้าตอบผมมาสิ บอกมา ผมไม่ต้องการแบบนี้ ไม่ต้องการ ฮืออ .... ฮืออ ในที่สุดน้ำตากลับไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเน้น
หัวใจของผม
มันแทบจะแตกสลายเป็นชิ้นๆ!
''จินยองอย่าทำแบบนี้พี่ขอร้อง อย่า... อย่าทิ้งพี่ไป ได้โปรดด''
''พอเถอะ พี่มาร์ค ผ..ผมเลือกแล้ว''
ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนคนตรงหน้ากำลังโกหกผมอยู่อย่างนั้น เขากำลังโกหกอยู่ใช่ไหม
''จินยองพี่ขอ พี่รักนาย พี่รักนายจริงๆ ได้โปรด''
''...''
''ขอร้อง ฮือ..อย่าทิ้งพี่ไป ขอร้องพี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจินยอง'' ผมกอดร่างบางเน้นกว่าเดิม ผมจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้คนรักของผมไปไหน แม้....ตายก็ยอม
''ฮืออ พี่มาร์ค ไม่ได้ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ปล่อยผมได้โปรด'' เสียงสะอึกของคนในอ้อมกอด ยิ่งทำให้ผมเศร้ามากกว่าเดิม เขาหมดรักผมแล้วจริงๆ งั้นเหรอ
มันมาถึงจุดสุดของเราสองคนแล้วจริงๆเหรอ มันต้องมีทางออก ทางอื่นสิ
แต่ทำไมในสมองผมกลับมืดแปดด้าน ทำได้แต่พูดความในใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมดหนทางแล้วจริงๆเหรอ
''ไม่ อย่างทิ้งพี่ไป พี่รักนายรักจริงๆ''
''...''
''พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไป''
''...''
''แม้ต้องตาย ... พี่ก็ยอม''
''ฮืออ พี่มาร์คผมขอโทษ ขอโทษ ฮืออ..''
''อย่าทิ้งพี่ไปนะจินยองพี่ขอร้อง''
''หยุดเดียวนี้ ฉันบอกให้แกมาบอกเลิกมาร์คไม่ใช่แบบนี้'' อยู่ๆ กลับมีแขกไม่ได้รับเชิญ แทรกเข้ามา นี่เรื่องอะไรกัยแน่
''ม...มินอา'' แล้วผู้หญิงที่มาใหม่นี่ เกี่ยวอะไร โอ๊ย! นี่มันเริ่องบ้าบออะไรกัน
''ตกใจสิ่ ฉันเป็นคนบอกให้แฟนพี่มาบอกเลิกพี่เอง พี่ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!!!!''
''...''
''ถ้าพี่ยังไม่เลิกกับมัน ฉันจะฆ่าแฟนพี่เดี้ยวนี้แหละ''' มินอาเอ่ยก่อนจะชักปืนออกมา แล้วเรนมาที่จินยอง
''มินอาอย่าทำแบบนี้ ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าพี่เลย ฆ่าพี่ อย่าทำร้ายคนที่พี่รัก ขอร้อง'' ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
''ทำไมต้องเป็นมัน ทำไม ทำไมกัน ทำไมไม่ใช่มินอา พี่บอกมาสิ บอกมา!!!!!"
''พี่ไม่ได้รักเธอ แล้วก็ไม่มีวันรักเธอด้วย จำไว้!!''
''ได้ ถ้าพี่ต้องการแบบนั้น ฉันจะมัน!!''
''อย่านะมินอา อยากฆ่าก็ฆ่าพี่สิ ฆ่าเลย!!!''
''ฮืออ ได้ฉันจะทำตามที่พี่ต้องการ'' สิ้นสุดประโยคของหญิงสาวตรงหน้า มินอาเปลื่ยนเป่าหมายมาทางผมแทน ก่อนจะทำเรื่องสิ่งที่ไม่คาดคิด
''ไม่!!! อย่านะ'' ในขณะที่มินอากำลังเรนปืนมาทางผม ร่างเล็กที่อยู่ข้างๆผม คนที่ผมรักที่สุด กลับวิ่งมาผลักผมอย่างแรง จนผมล้มลงไปกันพื้น
เพียงแค่เสี่ยววินาทีนั่นที่ผมจะลุกขั้น เสืยงปืนกลับดังขึ้นอย่างดัง
ปัง !!
ร่างบางที่วิ่งเข้ามารับกระสุนนั้น ล้มตัวลงนอนมาทันผมอย่างแรง เสื้อบางที่ขาวนั้นตอนนี้กลับเต็มได้เลือดสีแดงสด
หัวใจของผมมันแทบสลาย ใบหน้าร้อนชาไปทั้งตัว ทำอะไรไม่รู้
ผมดึงร่างบางเข้ามากอด ก่อนเอื้อมมือมาจับใบหน้าของคนในอ้อนกอด ใบหน้าสวยกลับเต็มด้วยน้ำตา กับรอยยิ้มที่ยิ้มให้ทำบางๆ เหมือนกันว่า เขาไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมกอดจินยองอีกครั้ง เน้นกว่าเดิม ผู้ชายเข้มแข็งตอนนี้มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว น้ำตาใสๆ กลับไหลอาบใบหน้าของผมในที่สุด
''จินยอง ทำแบบนี้ทำไม ทำไม !!''
''ผมรักพี่นะ พี่มาร์ค ผมรักพี่''
''ไม่จินยอง มันต้องไม่ใช่แบบนี้ จินยองไม่..อย่าหลับนะปาร์ค จินยอง อย่าหลับ นายต้องไม่เป็นอะไร จินยอง!!''
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่จริงใช่ไหม พระเจ้ากำลังแกล้งผมใช่ไหม ทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้านี้สิ ทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมร ได้โปรด ..
''ฮือออ ..... ไม่! อย่าทิ้งพี่ไปขอร้องจินยอง''
ผมทำได้เพียงกอดเขา กอดให้เน้นที่สุด เท่าแรงที่ผมมี แต่มันกลับช่วยอะไรคนรักของผมไม่ได้เลย ผมหลับตาลงอย่างช้าๆ เหมือนโลกกำลังหยุดหมุน เหมือนอยู่อีกโลกที่มีเพียงผมกับเขาสองคน
______________________
2 ปีผ่านไป ~
สองปีแล้วที่ผมยังลืมคนๆหนึ่งไม่ได้ แม้ว่าจะมีคนเข้ามาในชีวิตผมมากมายก็ตาม
ผมใช้ชีวิตตามลำพัง ชีวิตที่ไม่มีคนตัวเล็กอยู่ข้างๆ ผมทำได้เพียงหยิบรูปเก่าๆที่เราถ่ายด้วยกันไว้ขึ้นมาดู นั่งนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ที่มีแค่ผมกับเขา ...
ใช่ ชีวิตตอนนี้ของผมดีมากๆ ดีจนไม่น่าเชื่อ ผมเป็นนักร้องโด่งดังมากในแถบเอเชีย แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนๆนั้นยังอยู่กับผม
เหอะ. ชีวิตของผมมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว ทั้งๆที่ยังอยู่
เขายอมสละชีวิตเพื่อผม เขายอมให้ผมรอด แต่เขาต้องตาย มันไม่ยุตธรรมจริงๆ
และยิ่งแย่ไปกว่านั้น ผมจำเหตุการณ์เมื่อวานปีก่อน หลังจากที่จินยองโดนยิง งานศพของเขากลับไม่เกิดขึ้น เพราะร่างเขาหายไปตั้งแต่วันนั้น มันน่าแปลกจริงๆใช่มั้ยหละ
''นั่งเม่ออะไรคนเดียววะเฮีย เตรียมตัวได้แล้วนะ'' เสียงของยูคยอมผู้จัดการส่วนตัวของผม เอ่ย ทำให้ผมหลุดจากภวังค์
''เปล่า อันนี้เวทีสุดท้ายของวันนี้ปะ รู้สึกไม่ค่อยสบายวะ'' ผมเอ่ยอย่างเหนื่อยๆ วันนี้ทั้งวันแทบไม่ได้พัก
''อือ...''ยูคยอมเอ่ยคิ้วขมวด ก่อนจะหยิบสรุปเล่มหนาขึ้นมาเช็คตารางงานวันนี้ ''ใช่เฮีย แล้วไหวใช่มั้ยเนี่ยยย''
ผมพยักหน้ากลับไป แล้วค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
คิมยูคยอมมันเป็นรุ่นน้องคนสนิทของผม ห่างกับผมแค่ 1 ปีเอง ตอนนี้ผมก็กำลังจะเข้าอายุ 23 ปีเต็มแล้วส่วนยูคยอมก็พึ่งเรียนจบด้วยอายุยังน้อย เพราะมันเป็นคนหัวดี ทำไมผมถึงจำได้ดี เพราะมันอายุเท่ากับจินยองเหมือนกัน
''เออ เฮียวันนี้ย้ายบ้านนะ คุณน้าบอกเฮียแล้ใช่ปะ ส่วนเสื้อผ้าผมเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ข้าวของคอยขนอีกที''
''แล้วบ้านใหม่ทีว่านี่มันอยู่แถวไหนวะ'' ผมเอ่ยถาม คุณน้าของมันก็แม่ผมเนี่ยแหละ แม่บอกจะซื้อบ้านให้ผมน่ะ ท่านบอกว่าไม่อยากให้ไปอยู่คอนโด ส่วนเรื่องบ้านที่จะซื้อเขาจะเป็นคนหาให้ ผมเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก อยู่ที่ไหนก็อยู่
''เอ่อ...'' ยูคยอมเอ่ยติดๆขัดๆ ก่อนจะสูบหายใจเข้าลึงๆแล้วพูดต่อ ''ชานเมืองน่ะเฮีย''
ชานเมือง... งั้นเหรอ ผมชะงั้กไปชั่วขณะ ใช่ยูคยอมรู้อดีตของดี มันรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตผม ครอบครัวของมันกับครอบครัวของผม่อยข้างจะสนิทกัน ผมกับมันก็เลยสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ ผมเลยกล้าที่จะปรึกษามันทุกเรื่อง
''เฮ้ย!! อย่าเครียดดิ่ กูโอเคๆ'' ผมพูดให้ยูคยอมสบายใจ ผมรู้มันห่วงผมมากแค่ไหน
''โอเคจริงๆนะเฮีย'' ยูคยอมเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้ง
________________________________________________________________
19.30 น.
หลังจากที่ทำงานเสร็จ ยูคยอมก็พามาบ้านหลังใหม่ทันที ตลอดการเดินทาง ผมก็หลับตั้งแต่ที่ขึ้นรถ เพราะเหนื่อยมาก
‘’เฮียๆ ถึงแล้วๆ’’
อือ... ผมลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะแรงสะกิดที่ฝ่ามือของยูคยอม บิดขี้เกียจก่อนจะเดินลงจากรถ
บ้านค่อยข้างใหญ่พอสมควร เป็นบ้านสองชั้น มีพื้นที่รอบนอกเป็นสวนเล็กๆ พอให้นั่งสูบอากาศบริสุทธิ์ ดูจากสภาพแวดล้อมค่อยสงบและปลอดภัย บ้านหลังนี้ค่อยข้างจะอยู่ลึก เพราะอีกแค่หลังเดียวก็จะติดกำแพงแล้ว เป็นบ้านหลังเดี่ยว ดูจากลักษณะค่อยข้างแพงพอตัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของแต่ละหลัง ว่าง่ายๆ คนที่จะมาอาศัยอยู่ก็ต้องเป็นคนกระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แถมในหมู่บ้านยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางหมู่บบ้านอีกด้วย ไว้ให้คนไปนั่งเล่น ออกกำลังกายตอนเช้าๆ
‘’ยูคยอม เดี๋ยวกูขอไปเดินเล่นหน่อยนะ’’ ผมเอ่ยบอกกลับน้องชาย ก่อนจะเดินออกไป ว่าจะเดินไปสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านสักหน่อย
ผมเดินไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดแต่เรื่องเดิมๆ เหอะ!
‘’อ๊ะ!!’’
‘’....’’ ในขณะที่เดิน ผมก็ไม่ทันระวัง เดินไปชนใครเข้าให้
‘’ขอโทษครับ! ขอโทษครับ! ผมไม่อยู่ว่าคุณเดินอยู่ตรงนี้ ขอโทษจริงๆครับ’’ ผู้ชายร่างเล็กตรงหน้าเอ่ย แต่น่าแปลกถนนก็กว้าง เขาน่าจะเห็นผมเดินอยู่ และกลับเดินมาชนซะงั้น แปลกกว่านั้นเขากำลังคุยกับผม แต่สายตากลับมองไปทางอื่น
‘’เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ’’ ผมเอ่ยกลับไปอย่าง งง ก่อนจะสังเกตผู้ชายตัวเล็ก ผมสีดำสนิท ด้านหน้าย้อมด้วยสีชมพู ใบหน้าเรียวเข้ารูป
น่ารักจัง..
‘’ขอโทษจริงๆนะครับว่าแต่คุณเสียงไม่คุ้นเลย พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เหรอครับ’’ ร่างเล็กถามด้วยความสงสัย
‘’เอ่อ...ครับ ผมพึ่งย้ายเมาอยู่’’ ผมตอบกลับไป แสดงว่าเขาไม่รู้จักผมงั้นเหรอ นี่! มาร์ค ต้วน นักร้องดังเสียวนะ
‘’ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมแบมแบม ผมอยู่นู้นน บ้านผมหลังสุดท้ายเลย’’ ร่างเล็กเอ่ยโดยไม่มองหน้าผมตามเคย ก่อนจะเดินจากไป
ยินดีที่ได้รู้จัก เพื่อนข้างบ้าน...
ผมมองตามร่างเล็กเดินไป ก่อนจะสังเกตเห็นในมือของเขามีไม้อยู่อันหนึ่ง เหมือนจะเอาไว้ช่วยในการเดิน
เขามองไม่เห็นงั้นเหรอ...
ความคิดเห็น