คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [01] king ♡ queen | one
[ ONE ]
K .Kim High school
ดวงตาคมที่แผงไปด้วยสเน่ห์ทอดมองกลุ่มเมฆที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
กระจัดกระจายดุจปุยนุ่นขาวสะอาด บ้างจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนช่างมีหน้าตาประหลาด
สายลมแผ่วเบาก็ล่องลอยมากระทบผิวกายเป็นระยะๆ
จนต้องยกมือขึ้นลูบท่อนแขนสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายไม่ให้หนาวมากเกินไป เขามองดูบรรดานกพิราบที่กำลังหกเหินอยู่บนอากาศ
บ้างก็มากันเป็นคู่ บ้างก็เกาะกลุ่มกันเป็นฝูง
หรือแม้กระทั่งทะยานอยู่อย่างโดดเดี่ยว
นัยน์ตาคมทอดมองลูกนกพิราบที่กำลังกางปีกหกเหินอยู่บนอากาศท่ามกลางฝูงนกพิราบตัวอื่นที่มากันเป็นกลุ่ม
ปีกคู่เล็กนั้นกางออก ขยับขึ้นลงหกเหินในอากาศอย่างไม่กลัวสิ่งใด
มันต้องมีความกล้าหาญเพียงใดถึงจะสามารถทอดทิ้งครอบครัวของตนแล้วออกมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว...
มองย้อนกลับมาดูตัวเขา เขาถูกเลี้ยงมาอย่างไข่ในหิน
เขามีทุกอย่างที่เด็กบางคนแทบไม่ได้รับมันด้วยซ้ำ แต่ละวันนอนอยู่บนกองเงินกองทองของครอบครัวที่ใช่เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
ถ้ามองผิวเผินมันก็คงน่าอิจฉา
แต่กลับกันหากมองลึกๆให้ดีเขากลับไม่มีความสุขกับชีวิตแบบนี้เอาเสียเลย
ต้องอยู่ในกรอบที่ครอบครัวสร้างขึ้น ว่าตัวเขาจะต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้
ครอบครัวของเขาได้กำหนดแผนการดำเนินชีวิตของเขาไว้หมดทุกอย่าง
ว่าจะต้องเดินไปตามเส้นทางไหน
ความฝันของเขาพังทลายลงตั้งแต่ครอบครัวยัดเยียดสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้กับเขา
เขาไม่สามารถขัดมันได้เลย
ถ้าเปรียบคิม จงอินเป็นเสมือนนก เขาคงเป็นนกที่ขี้ขลาด นกที่ถูกกักขังเอาไว้ในกรงเหล็กกล้ามาเป็นเวลาเนินนาน พอถึงวันที่ประตูเปิดออก ลูกนกตัวนั้นกลับไม่กล้าที่จะก้าวออกไป
บริเวณดาดฟ้าของหอพักเป็นที่ประจำอย่างคิงทั้งห้า
ตำแหน่งคิงมีมาทั้งแต่สมัยก่อตั้งโรงเรียนแต่แรกเริ่มจนมาถึงปัจจุบัน
แต่ไม่ใช่ว่าใครจะได้รับตำแหน่งนี้ง่ายๆ
บุคคลทั้งห้าต้องมีรูปร่างและใบหน้าที่งดงาม ฐานะ การวางตัวที่ดีต้องเป็นแบบอย่างแก่นักเรียนในโรงเรียนและทางตระกูลของแต่ละคนจะต้องสร้างประโยชน์ให้แก่โรงเรียนไว้มากมาย
ขั้นแรกต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะครูอาจารย์ในเรื่องของการวางตัวและคณะกรรมการนักเรียนที่ค่อยช่วยคิงตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
แต่ท้ายที่สุดก็ต้องผ่านการคัดสรรจากคิงรุ่นพี่
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพี่น้องเชื้อสายเดียวกันของคิงแต่ละตระกูล
และจะมีคิงขึ้นมาใหม่ได้จะต้องมีคิงที่จบการศึกษาถึงจะสามารถตั้งคิงคนต่อไปขึ้นมาแทนได้
นักเรียนภายในโรงเรียนทุกคนจะต้องเคารพกฎที่คิงตั้งไว้อย่างเคร่งครัด
ถ้าใครประพฤติตนผิดกฎก็ต้องรับโทษไปตามระเบียบ
“อาหารเช้าครับคุณไค” บอดิ้การ์ดประจำของไคเอ่ย
ไค หรือ คิมจงอิน หนึ่งในคิงทั้งห้า
ไคเป็นลูกหลานเชื้อสายโดยตรงของตระกูลคิมที่เป็นผู้สร้างโรงเรียน K .Kim high school ขึ้นมา คิมจงอินคือลูกชายคนกลางกำลังเตรียมศึกษาในมัธยมปลายปีที่
2 ลูกชายคนโตอย่างคิมจุนมยอนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไปตอนนนี้ได้รับตำแหน่งเป็นรองบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ส่งอาหารสำเร็จรูปและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทอีกด้วย ส่วนลูกชายคนสุดท้องกำลังเตรียมศึกษาในชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 อย่างคิมแทยง
“วางไว้ตรงนั้นแหละครับ ขอบคุณครับ” น้ำเสียงทุ่มเอ่ยโดยที่สายตาทอดมองพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้าบ่งบอกว่าได้เริ่มต้นของเช้าวันใหม่แล้ว
คิงทั้งห้าจะต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวค่อยดูแลอย่างน้อย 2 นายและจะต้องมีฝีมือในด้านการต่อสู้สามารถปกป้องและช่วยเหลือคิงได้ทุกเมื่อ
“เฮ้! วันนี้นึกไงถึงตื่นแต่เช้า”
“ฉันจะตื่นเช้าบ้างไม่ได้เหรอวะ”
“มีอะไรพิเศษงั้นเหรอ ล่ะนี้แต่งตัวเตรียมจะไปไหน” ปาร์คชานยอลหนึ่งในสมาชิกคิงทั้งห้าเอ่ยถาม
เมื่อก้าวขึ้นมาบนดาดฟ้าก็ต้องแปลกใจเพราะเห็นเพื่อนรักที่ไม่น่าจะได้พบในเวลายามเช้าแบบนี้
กำลังนั่งดื่มนมสดร้อนอย่างสบายใจ
พร้อมกับสังเกตเสื้อผ้าที่อีกคนสวมใส่เป็นชุดประจำที่คิมจงอินมักจะใส่ออกไปข้างนอก
อย่างเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีกรม
“ไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้นแหละฉันว่าจะไปร้านกาแฟพี่มินซอกน่ะ
ว่าแต่ทำไมนายถึงขึ้นมาบนนี้ล่ะร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะโผล่หัวขึ้นมา” จงอินเองก็แปลกใจเหมือนกันที่พบปาร์คชานยอลบนดาดฟ้าของหอพักพวกเขาได้
เพราะปกติชานยอลจะไม่ค่อยขึ้นมาบนนี้สักเท่าไหร่
เนื่องจะมีเหตุจริงๆอย่างบางครั้งพวกเราก็มักจะมานั่งดื่มกันบนนี้ หรือประชุมพูดคุยในเรื่องต่างๆ
หรือไม่ก็เบื่อ
“รู้สึกเบื่อวะ อยากเที่ยว” พูดยังไม่ทันขาดคำ...
ปาร์คชานยอลหนึ่งในคิงทั้งห้า ตระกูลปาร์คคอยช่วยเหลือโรงเรียนเคคิมไว้มากมาย
ซึ่งตระกูลของคิงสนิทชิดเชื้อกันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว
“นายเพิ่งกลับมาจากคลับเมื่อคืน” คิมจงอินเอ่ยขัดคอเพื่อนสนิทขึ้นมาทันที
ปาร์คชานยอลน่ะเป็นพวกชอบเข้าสังคมพบปะกับผู้อื่น ซึ่งบุคลิกนิสัยของชานยอลขัดกับตัวเขาเหลือเกิน
เพราะเขากลับมองว่ามันน่าสนุกตรงไหนกับสถานที่คนเยอะๆวุ่นวายจะตาย
แต่ยกเว้นคลับประจำของพวกเขาไว้ที่นึงเพราะมันเป็นสถานที่ที่เอาไว้ปลดปล่อยได้ทุกอย่าง
“ก็นั่นมันเมื่อคืน ตอนนี้ฉันอยากเที่ยว”
“ฉันจะฟ้องแบคฮยอน” คิมจงอินเผลอเอ่ยชื่อต้องห้ามของปาร์คชานยอลขึ้นมา
ทำเอาคู่บทสนทนาเมื่อได้ยินถึงกับไปไม่ถูก
“ห้าม! ห้ามเด็ดขาดขืนรู้ฉันต้องตายแน่ๆ”
“คุณชานยอลครับ ควีนมาพบตอนนี้กำลังรอคุณที่ห้องรับรอง” บอดี้การ์ดประจำตัวของปาร์คชานยอลเดินตรงเข้ามาหาผู้เป็นนายเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนเตรียมมารายงาน
ควีนเป็นอีกตำแหน่งที่จะค่อยอยู่เคียงข้างคิง เรียกง่ายๆว่าควีนคือคนรักของคิง
โดยเป็นการตัดสินใจจากคิงเพียงผู้เดียว จะไม่มีใครเลือกหรือแต่งตั้งให้กับเขาได้
คิงเพียงผู้เดียวที่จะสามารถแต่งตั้งควีนขึ้นมาได้และบุคคลนั้นจะไม่สามารถปฏิเสธได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะให้สมบูรณ์แบบก็ต้องเกิดมาจากความรักความจริงใจที่มีให้กัน
“ให้ตายเถอะคิมจงอินฉันฝากไว้ก่อน” คิมจงอินไม่สนใจกับประโยคขู่ขวัญของเพื่อนสนิทแถมยังส่งยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทให้กับอีกคน
ชานยอลเห็นดังนั้นก็ไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก รีบเดินฟึดฟัดลงไปหาคนที่รอพบ
ส่วนเขาก็เตรียมตัวที่จะไปสถานที่เป้าหมายของวันนี้
♡
“โอเซฮุน วันนี้พี่อนุญาติให้เลิกเร็วได้นะ” คิมมินซอกลูกเจ้าของร้านกาแฟชื่อดังอย่าง K .Kim’café เป็นกิจการอีกส่วนนึงของตระกูลคิมผู้ดูแลเป็นเจ้าของหลักๆคือคิมโซฮีพี่สาวของคิมซีวอน
ซึ่งร้านเคคิมคาเฟ่แตกออกไปหลายสาขาตามจังหวัดและเมืองต่างๆ
มินซอกมักจะช่วยดูแลร้านในวันหยุดเสมอแล้วในช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนอาทิตย์สุดท้าย
อาทิตย์หน้าก็เป็นการเปิดภาคเรียนและเขาจะได้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสุดท้ายอย่างเต็มตัว
“ไม่เป็นไรครับต้องทำงานให้สมค่าแรงสิ” ชายหนุ่มร่างผอมบางเอ่ยออกมาอย่างร่าเริงพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
คิมมินซอกคิดอย่างนั้น
“นายนี่มัน แล้วแม่อาการเป็นยังไงบ้าง” มินซอกเอ่ยถามถึงมารดาอีกคนด้วยความห่วงใย
เขารู้ว่าโอเซฮุนลำบากแค่ไหน ไหนจะแม่ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน้องชายที่ต้องดูแล
โอเซฮุนทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวเพราะพ่อของเจ้าตัวได้เสียไปแล้ว
แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินคำว่าเหนื่อยหรือท้อแท้ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้เลย
โอเซฮุนเป็นเด็กดีมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบแต่ทำไมพระเจ้าถึงเล่นตลกให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องพบเจอกับความลำบากขนาดนี้กัน...
“อีก 2 เดือนเข้าผ่าตัดครับ”
“ค่าใช้จ่ายล่ะ
มีครบแล้วเหรอ”
“ยังหรอกครับ แต่อีกตั้ง 2 เดือนผมเก็บทันอยู่แล้ว” น้ำเสียงหวานเอ่ยกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ตั้งเหรอต้องใช้คำว่าแค่ 2 เดือนเองนะเซฮุน” คิมมินซอกเชื่อเลยจริงๆ
โอเซฮุนมองโลกในแง่ดีเสมอ
แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าบนโลกใบนี้มันไม่ดีไปเสียหมดทุกอย่างและมันเลวร้ายแค่ไหน...
เขากลัวว่าวันหนึ่งเซฮุนจะรับมือกับมันไม่ได้… แต่เมื่อถึงวันนั้นจะทำยังไง
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ ยืมเงินพี่ไปก่อนไหม” มินซอกยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยความเป็นห่วง
ค่าผ่าตัดไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะค่าอุปกรณ์ ค่าต่างๆนาๆ แล้วเหลือเวลาแค่ 2 เดือนเด็กผู้ชายตัวคนเดียวนี่ทำงานแค่พาสไทม์จะไปหาทันได้ยังไง
“ไม่เป็นไรครับ
ตอนนี้ผมคิดว่าทำได้ก็ต้องทำได้” รอยยิ้มเสี้ยวพระจันทร์ถูกส่งมาให้กับเขาอย่างน่าเอ็นดู
เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ เซฮุนไม่เคยรับความช่วยเหลือจากเขาเลยสักครั้ง
เด็กคนนี้นี่มันจริงๆเลย
“ไม่รู้แหละ
ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบมาบอกพี่เลยเข้าใจไหม” เด็กหนุ่มพยับหน้ารับเข้าใจ
แต่ยังไงเขาก็รู้ว่าโอเซฮุนน่ะไม่ยอมง่ายๆหรอก
“ผมไม่เคยเสียใจกับโชคซะตาของตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยนะครับ
สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันคือหน้าที่และความเต็มใจของเราล้วนๆ
ทำอะไรผมก็อยากจะทำด้วยตัวเองก่อนไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นพอทำได้ก็ทำ
แต่ถ้ามันถึงทางตันจริงๆไปไม่ไหวแล้ว ถึงตอนนั้นรบกวนพี่ด้วยนะครับ”
“พี่ยอมแล้วเซฮุน” รอยยิ้มประจำของเด็กหนุ่มถูกมาให้เขานับครั้งไม่ถ้วน
คนแบบโอเซฮุน
คนที่สามารถคิดได้แบบเด็กคนนี้ในสถานการณ์แบบนี้จะมีสักกี่คนบนโลกนี้กัน
แต่พระเจ้าก็ยังไม่ใจร้ายจนเกินไปเพราะยังส่งเด็กชายน่ารักคนนี้ลงมา
อย่างน้อยก็ได้เป็นแบบอย่างของคนที่กำลังท้อได้ดีเลยล่ะ
มินซอกแยกตัวขึ้นไปบนชั้นสองของร้านที่เป็นที่สำหรับทำเบเกอรี่
โดยโอเซฮุนค่อยดูแลร้านอยู่ชั้นล่างเพียงคนเดียว
เพราะช่วงเช้างานยังไม่หนักเท่าไหร่
กริ๊งง
เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้นเมื่อถูกเปิดด้วยใครอีกคน
ลูกค้าคนแรกของเช้าวันนี้ สายตาคู่สวยของร่างบางหันไปสนใจกับลูกค้าคนแรกของวันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวเข้าในร้านอย่างเต็มตัว ยกฝ่ามือขึ้นถอดแว่นตาราคาแพงออกมาเหน็บไว้ที่ปกเสื้อเผยให้เห็นใบหน้าคม
สันกรามที่มีเสน่ห์ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสบายๆเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์สีกรม
โอเซฮุนมองทุกการเคลื่อนไหวของลูกค้าคนใหม่
เสื้อผ้าแสนธรรมดาแต่เมื่อถูกสวมใส่อยู่บนเรือนร่างของชายหนุ่มิวสีแทนคนนี้มันกลับดูดีมากๆเสียอย่างนั้น
“อรุณสวัสดิ์ครับ เคคิมคาเฟ่ยินดีต้อนรับ” โอเซฮุนพยายามเรียกสติของตนกลับมา
โดยไม่ลืมกล่าวต้อนรับกับลูกค้ามาใหม่
“สาขานี้ไกลชะมัด
ทำไมพี่มินซอกถึงมาไกลขนาดนี้” ชายหนุ่มไม่สนใจน้ำเสียงต้อนรับจากพนักงานอย่างโอเซฮุน
แถมยังบ่นอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปหาที่นั่งของตน
ผู้ชายคนนี้พิลึกดี ...
“นี่
นาย” อยู่ๆผู้ชายพิลึกคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมา
ทำเอาโอเซฮุนที่ยืนมองอยู่ไปไม่ถูก เขาจะโดนจับว่าแอบมองไหมเนี่ย
“คะ..ครับ”
“พี่มินซอกไปไหน”
“ทำขนมอยู่ชั้นบน ให้ผมไปตามไหม”
“ไม่เป็นไร งั้นฉันขอโกโก้ร้อนที่นึง” โอเซฮุนขานรับ เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่เตรียมตัวทำออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง
“ไกลชะมัด
นี่ฉันใช้เวลามาที่นี้เกือบชั่วโมง”
“ร้านมีหลายสาขานี่ครับ” ร่างบางเอ่ยกลับไปขณะกำลังชงโกโก้อยู่
“ฉันมาเจอคนต่างหาก”
“เสียงดังจนพี่ได้ยินไปขึ้นชั้นสองเลยนะ คิม จงอิน”
50%
“ผมอยู่เกรด 11 แล้วปะวะ
พ่อจะบังคับอะไรนักหนา ความฝันผมก็ยอมทิ้งเพื่อที่จะเดินตามเส้นที่พ่อวางไว้ให้แต่จะให้ทำตามสิ่งที่ขัดกับตัวเองทุกอย่างผมทำไม่ได้ว่ะพี่มินซอก”
หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วที่จงอินมานั่งปรึกษาปัญหาชีวิตกับคิมมินซอกลูกพี่ลูกน้องคนสนิท มินซอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องแก้ไขปัญหาหรือช่วยหาทางให้กับเรื่องนี้ย้งไง เขาทำได้เพียงให้คำปรึกษาน้องเท่าที่จะทำได้
“ลองกลับไปคุยกับคุณอาก่อนดีก่อนไหม
พี่ว่าคุณอาต้องเข้าใจนายนะ”
“คนอย่างพ่อใครขัดได้ที่ไหน
ถ้าพ่อเข้าใจผมจริงเขาไม่ทำแบบนี้หรอกใช่ไหม” โอเซฮุนยืนมองดูสองพี่น้องที่กำลังนั่งคุยกับอยู่บริเวณมุกสุดของร้าน
เขาได้ยินทุกบทสนทนาที่สองคนนั้นคุยกัน แปลกดีเขาไม่รู้ว่าควรจะอิจฉาหรือสงสาร
คิมจงอินมีทุกอย่างที่เพียบพร้อมไปเสียหมดแต่ไม่สามารถทำตามความฝันของตนเองได้
มันทรมานแค่ไหนกันนะ ...
“ไว้พี่จะลองไปคุยกับคุณอาให้ดีไหม อย่าเครียดมากสิใกล้จะเปิดเทอมแล้วนะ”
“พ่อเชื่อพี่ มากกว่าเชื่อผมที่เป็นลูกแท้ๆอีกให้ตาย”
“คุณไคครับ สายจากคุณเทา”
บอดี้การ์ดประจำตัวของคิมจงอินที่ยืนอยู่บริเวณประตูหน้าร้าน
เดินเข้ามาพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย จงอินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปรับสายจากเพื่อนสนิทอีกคนที่ตอนนี้อยู่ถึงประเทศจีน
“ผมขอออกไปคุยโทรศัพท์แปปนึงนะครับ”
“อืม
เดี๋ยวพี่ว่าจะขึ้นไปทำงานต่อแล้วล่ะ” ว่าจบมินซอกก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาหาพนักงานเพียวคนเดียวของร้านในตอนนี้ที่กำลังยืนมองเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
โอเซฮุนยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกำลังเดินตรงมาทางเขา
“วันนี้พนักงานคนอื่นๆคงจะเข้าช้าเพราะเป็นวันธรรมดาคนไม่ค่อยเยอะ
เหนื่อยหน่อยนะเซฮุน” มินซอกว่าก่อนจะเท้าแขนบนแคชเชียร์
เวลาเริ่มเข้ามาทำงานของร้านคือ 8 โมงเช้าสำหรับวันธรรมดาบอกคนไม่ค่อยเยอะบวกกับสถานที่ตั้งร้านคนจะไม่ค่อยพุกพ้านนักเพราะเป็นแถวชานเมือง
เหตุผลที่เขามาเปิดสาขาที่นี่ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนไม่ค่อยพุกพ้าน
รายได้ต่อวันของสาขานี้ก็คงไม่เยอะเท่าไหร่
แต่สำหรับเขาคิดว่าเราควรที่จะมาอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่แถวนี้เพราะพวกคนเหล่านี้จะได้ไม่ต้องขับรถไปไกล
แรกๆที่แม่เขาตัดสินใจมาเปิดสาขาที่นี่คนก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่นักแต่นานไปคนก็เริ่มจำร้านเราได้
นำไปบอกต่อกับคนในหมู่บ้านมากขึ้น
ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว
“สบายมากครับพี่มินซอก”
เด็กหนุ่มเอ่ยแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ใครอีกคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่นอกร้านใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความสงสัย
เพราะเมื่อกี้ยังเห็นนั่งเครียดอยู่เลย
“คนนั้นน่ะคิมจงอินลูกพี่ลูกน้องพี่เอง
อายุเท่าเรานะเซฮุน”
“อ่อ ..ครับ แต่ร่างกายเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมมากเลย”
โอเซฮุนยังคงมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งด้วยความชื่นชมในรูปร่างของชายผิวแทนที่ดูเป็นผู้ชายแข็งแรง
แตกต่างกับเขาที่ผอมราวกับว่าเหลือแต่กระดูกทำอะไรนิดๆหน่อยๆก็ปวดไปทั้งตัวแล้ว
ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย...
“นายก็กินข้าวเยอะๆแล้วก็กินให้ตรงเวลาหน่อยสิ”
“เข้าใจแล้วครับเจ้านาย”
“เด็กบ้านี่” ว่าจบมินซอกก็เอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มของเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้
ก่อนจะเข้าประเด็นที่เขาต้องการคุยกับโอเซฮุนจริงๆ “ที่พี่เคยคุยกับนายไปวันนั้นเรื่องให้มาลองสอบโรงเรียนเคคิม
ผลเป็นยังไงรู้หรือยังประกาศแล้วนี้”
“ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ
เดี๋ยวกลับบ้านไปค่อยเปิดดู” น้ำเสียงของเซฮุนฟังดูไม่ค่อยตื่นเต้นดีใจเท่าไหร่นักเพราะเขาคิดว่าคงไม่ติดอยู่แล้ว
คนสอบทั้งหลายหมื่นคน รับเพียงไม่กี่คน
เขาถอดใจตั้งแต่ยื่นใบสมัครแล้วแต่เห็นว่าเป็นคำแนะนำจากพี่มินซอกเลยอยากจะลองดูเพื่อวัดความสามารถตัวเองเหมือนกัน
“อ่า... ต้องติดสิเราจะได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกันสักที”
ความจริงแล้ว
...คิมมินซอกน่ะรู้อยู่แล้วผลเป็นยังไง เขาต้องการให้เซฮุนมาอยู่ในโรงเรียนด้วยทุน
100% โดยที่เซฮุนไม่ต้องมานั่งหาเงินสำหรับค่าเทอมของตัวเอง
ซึ่งคงจะทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายไปส่วนนึงได้
และถ้าเกิดเซฮุนไม่ยอมมาสอบเขาก็จะพยายามให้เซฮุนเข้ามาเรียนที่นี่อยู่ดี
แต่เชื่อเถอะ
ถ้าพวกคุณเห็นคะแนนของโอเซฮุนแล้วผมไม่ต้องช่วยอะไรเลย คะแนนของเด็กนั่นติดหนึ่งในสิบอันดับแรก
ให้ตายเถอะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือกัน เหลือเชื่อเลยจริงๆ เขาคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจไม่บอกผลกับเซฮุน
ไว้ให้เจ้าตัวกลับไปลุ้นที่บ้านเอาเองแล้วกัน แต่ตอนนี้เขากลัวใจเด็กคนนี้มาก
กลัวว่าเซฮุนจะไม่เอาเพราะมันสามารถสละสิทธิได้
“แล้วถ้าติดล่ะ”
“ถ้าติดงั้นเหรอครับ...ก็ไม่รู้สิ
โรงเรียนให้ผมเข้าไปเรียนฟรีๆก็จริง แต่ส่วนที่ผมต้องออกเองไหนจะค่าชุดที่ต้องสั่งตัดพิเศษสำหรับโรงเรียนนี่ก็แพงหูฉีก
ราคานี่รวมอยู่โรงเรียนรัฐได้เกือบจบเลยนะครับ”
ว่าแล้วไง ...
“โถ่...เซฮุนพี่อยู่นี่ทั้งคนแค่เรื่องชุดเองเนี่ยนะ
พี่จัดการให้แค่นี้จิ๊บมากๆ”
“พี่มินซอกพูดอย่างกับว่าผมสอบติด
แล้วอีกอย่างถ้าผมติดจริงๆผมก็ไม่อยากมารบกวนพี่” โอเซฮุนคิดอย่างงั้น
พี่มินซอกดีกับเขาเกินไปแล้ว เกินไปมากจริงๆเขาไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงเลย
“เถอะหน่า
ถือเป็นของขวัญที่นายสอบติดไง”
“พูดเหมือนผมสอบติดอีกแล้วนะครับ”
“เอ่อ...ก็ให้กำลังใจไง”
เขาน่ะไม่รู้สึกลำบากใจกับการช่วยโอเซฮุนเลยสักครั้งกลับเต็มใจเสียด้วยซ้ำที่ได้ช่วยน้อง
มินซอกชอบเข้าเรื่องของเซฮุนไปเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังบ่อยๆ
และแม่ของเขาก็เห็นด้วยกับเขาที่จะช่วยเซฮุน และสนับสนุนในทุกๆด้าน “ต้องสัญญากับพี่ก่อน ถ้าติดห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ” เซฮุนเอ่ยพร้อมสีหน้าที่ค่อยข้างลำบากใจ ใช่ว่าเขาคิดว่าตัวเองจะติด
แต่พี่มินซอกพูดมาแบบนี้แล้วเกินเขาติดขึ้นมาจริงๆล่ะ
เขาจะต้องไปรบกวนพี่มินซอกจริงๆอย่างนั้นเหรอ
“เด็ดขาด!”
“พี่มินซอก...”
”ว่าแต่ข้าวเช้าน่ะได้กินหรือยัง”
คิมมินซอกได้รับเพียงการส่ายหัวไปมาก่อนอีกคนเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มเสี้ยวพระจันทร์นั่นอีกตามเคย
ให้ตายเถอะ!
โอเซฮุนนี่มันจริงๆเลย
“ไปกินข้าวเดี๋ยวนี้นี่คือคำสั่ง”
“อีกสักพักไม่ได้เหรอครับ
ผมยังไม่หิว” ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทานข้าว
แต่ตอนนี้อยู่ในเวลาของงานนี่ หน้าที่ของเขาตอนนี้ก็คือทำงาน
ซึ่งมันเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมทานข้าวมาจากบ้าน
”งั้นเอางี้แล้วกันพี่จะขึ้นไปทำอาหารให้นายเอง
แล้วก็ถ้าจงอินเข้ามาฝากบอกด้วยว่าให้รอกินข้าวเช้าก่อนค่อยกลับ เข้าใจไหม” โอเซฮุนพยักหน้าอีกครั้งอย่างเกรงใจ พี่มินซอกดีกับเขาทุกอย่าง
ทั้งๆที่เขาเป็นเพียงพนักงานคนนึงแท้ๆ
ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ใจร้าย
ยังส่งคนดีๆอย่างพี่มินซอกมาให้เขาได้รู้จักถึงจะในฐานะพนักงานกับลูกจ้างก็เถอะ...
“พี่มินซอกล่ะ ขึ้นไปแล้วเหรอ” หลังจากที่พี่มินซอกขึ้นไปชั้นบนเมื่อครู่นี้ชายหนุ่มที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินเข้ามาในร้านก่อนจะเอ่ยถามเพราะไม่เห็นพี่ชายของตนนั่งอยู่แล้ว
“พี่มินซอกขึ้นทำอาหารน่ะครับ
เขาฝากบอกให้คุยอยู่รอทานข้าวก่อนแล้วค่อยครับ” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาสนใจชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยสิ่งที่เจ้านายของเขาฝากให้นำมาบอก
คิมจงอินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินมานั่งที่มุมเดิมคือบริเวณด้านในสุดของร้านเมื่อครู่นี้เขาได้ออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเมื่อหวงจื่อเทาเพื่อนสนิทของเขาอีกคนอีกทั้งยังเป็นสมาชิกคิงทั้งห้าเช่นเขาอีกด้วย
ส่งข่าวมาบอกว่าจะกลับเกาหลีในวันพรุ่งนี้แล้ว แถมมันยังบอกอีกว่ามีของฝากที่เขาเห็นต้องชอบแน่ๆ
แต่มันไม่ได้บอกว่าคืออะไร
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนักหรอกนอกจากเรื่องที่มันจะกลับมาในวันพรุ่งนี้น่ะ เหงาเป็นบ้า
“นี่
นายทำอะไรอยู่” จงอินมองไปรอบๆร้านด้วยความเบื่อหน่ายแต่สายตาคมก็ไปสะดุดกับบริเวณหน้าแคชเชียร์ที่พนักงานร่างผอมแห้งยืนก้มๆเงยๆอยู่จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ทำเหรียญหล่นน่ะครับ อ๊ะ!นี่ไงเจอแล้ว
คุณจะรับอะไรไหม”
“ไม่ล่ะ” โอเซฮุนไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับไปเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปว่ายังไงดี
ทางเลือกที่ดีควรที่จะเงียบและหันมาสนใจงานไม่ใช่ไปสนใจผู้ชายพิลึกนั่น
“นี่...นาย”
“ครับ” อะไรของเขาอีก...
โอเซฮุนคิดในใจ
“มานั่งเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
พิลึก ... พิลึกจริงๆ
มีที่ไหนชวนพนักงานไปนั่งด้วย
“เอ่อ...คงไม่...” ในขณะที่เซฮุนกำลังเอ่ยกลับไปจงอินก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ทำไมนั่งกับฉันไม่ได้หรือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
ให้ตาย..จะให้เขาตอบว่ายังไงกัน ได้ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้หรือไม่ดีกว่าคุณเป็นลูกค้าส่วนผมเป็นแค่พนักงานงี้เหรอ
บ้าบอ
“ฉันมานั่งเป็นเพื่อนหน่อย”
“ผมต้องรอต้อนรับลูกค้าท่านอื่นนะครับ...”
“นายดูหน้าร้านนั่น
บอดี้การ์ดของฉันยืนอยู่สามคนใครจะกล้าเข้ามา น่าเบื่อชะมัดจะตามอะไรนักหนา มานั่งเป็นเพื่อนฉันไม่ได้หรือไงรังเกียจฉันเหรอ”
“โอเคครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เซฮุนถอดผ้ากันเปื้อนเสื้อที่สวมใส่อยู่ออกก่อนจะเดินตรงไปหาโต๊ะมุมสุดของร้าน
ที่ได้รับคำสั่งจากผู้ชายเอาแต่ใจให้ไปนั่งเป็นเพื่อน
“น่าเบื่อชะมัดเลยนี่รู้ไหมฉันโคตรไม่มีความสุขอยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำ
นายคิดว่ามันน่าอึดอัดแค่ไหน” คิมจงอินเอนไปด้านหลังยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก
เขารู้สึกว่ายิ่งโตขึ้นก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
ไม่เหมือนตอนเด็กที่ต้องทำตามครอบครัวหมดทุกอย่างพูดอะไรก็เชื่อ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเขาคิดเป็น เขาอยากทำในสิ่งที่ตนเองรัก ...
มีเงินมีทองก็จริงแต่ทำไมมันไม่เห็นจะมีความสุขเอาซะเลย
“อึดอัดไหมเหรอครับ ถ้าเป็นผมก็คงอึดอัดมากถ้าผมไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ”
ซึ่งตอนนี้ก็เป็น แต่ไม่ว่าความฝันของเขาจะเป็นแบบไหน โอเซฮุนคิดว่ายังไงแม่กับน้องก็ต้องมาก่อน ส่วนเรื่องความฝันน่ะเอาไว้ก่อนแล้วกัน
“นายเข้าใจฉันใช่ไหม
ดูสิขนาดฉันมาหาพี่มินซอกพ่อยังให้บอดี้การ์ดบ้าบอพวกนั้นตามมาอีก ฉันก็โตแล้วป่ะวะ”
คิมจงอินหันออกไปมองบริเวณภายนอกของร้านด้วยความหงุดหงิด
“แต่คุณก็ต้องเข้าใจนะครับว่าพวกเขาก็ต้องทำตามหน้าที่”
“เข้าใจสิ
แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อไม่เข้าใจฉันบ้าง
นี่ฉันอยากเรียนดนตรีก็ไม่ให้เรียนตลกไหมล่ะ” จงอินแสยะยิ้มให้กับปัญหาชีวิตของตนเอง
“ความฝันฉัน ฉันอยากเป็นศิลปินฉันชอบเสียงดนตรี
แต่มันก็เป็นได้แค่ความฝัน”
“ผมเข้าใจครับ”
“ฉันชอบแอบไปฝึกเล่นกีต้าร์คนเดียว
อาจจะใช้เวลานานหน่อยเพราะฉันศึกษาด้วยตัวเองแต่มันก็มีความสุขเพราะฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันชอบ
บ้าไหมเงินก็มีตั้งเยอะแต่ฉันไม่สามารถเอามันมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวฉันได้เลย”
“คุณเล่นกีต้าร์เป็นเหรอครับ” เซฮุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เขาน่ะชอบเสียงของกีต้าร์มากๆ เวลาผู้ชายเล่นกีต้าร์น่ะมันมีเสน่ห์มากๆเลยนะ
พิลึกแต่ก็ยังมีข้อดี ...
“อืม ฉันชอบน่ะนายก็เล่นเป็นเหรอ”
“เปล่าครับ
แต่ผมชอบดูมากกว่า ผมไม่ค่อยถนัดทางเครื่องดนตรีสักเท่าไหร่น่ะ
ชอบเป็นผู้ฟังดีมากกว่า” เสียงดนตรีมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆเลยนะ
แล้วถ้ายิ่งเป็นเพลงที่เราชอบมากๆ เราจะฟังอีกสักกี่รอบก็ไม่เบื่อ
มันรู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ
“ฉันเพิ่งจะเจอคนคุยถูกคอก็วันนี้แหละ”
จงอินเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กับเขา
มุมน่ารักๆกับเขาก็มีนี่ ...
โอเซฮุนคิดในใจ
“ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“โอ..”
“โอเซฮุนงั้นเหรอ” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะเอ่ยออกมาก็ถูกอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อนเพราะสายตาคมเมื่อเอ่ยถามชื่อจบก็ดันไปสังเกตป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกเสื้อด้านขวาของอีกคน
“อ่าครับ” แล้วจะถามเขาทำไมวะ ถามเองตอบเองเพื่อ!
“ชื่อน่ารักดี”
….
อะไร ...
แต่ละคำพูดคำจานี่ต้องทำให้เขารอลุ้นและสะพรึงตลอดเวลา
ให้ตายห้ามใจสั่นกับผู้ชายพิลึกคนนี้เด็ดขาดนะโอเซฮุน
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ
ฝากบอกพี่มินซอกด้วยลืมไปว่าต้องไปหาพ่อที่บริษัท” จงอินก้มมองนาฬิกาที่สวมอยู่บนข้อมือ
เขาลืมไปเสียสนิทว่าผู้เป็นพ่อบอกให้เขาเข้าไปหา ซึ่งมันใกล้เวลานัดหมายแล้ว
“รีบไปเถอะครับเดี๋ยวผมบอกพี่มินซอกให้”
“ขอบคุณที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ครับ..”
“แล้วก็ถ้าฉันได้เจอนายอีกฉันจะมาเล่นกีต้าร์ให้ฟังนะ”
“ครับ...”
”แถมให้สิทธิพิเศษเป็นคนแรกที่จะได้เห็นฉันเล่นกีต้าร์ด้วย”
{100%}
#คิงควีนKH
talk ;
ครบแล้ว เย้ ขอโทษที่ให้รอกันค่า ช่วงนี้โรงเรียนเราใกล้สอบปลายภาคแล้วก็ปั่นงานอ่ะแง๊
แถมช่วงนี้เป็นฤดูของกีฬาสีแล้วด้วย กิจกรรมเต็มเลย แต่ก็จะรีบมาอัพๆบ่อยๆนะ อย่าพึ่งเบื่อนะ
ขอกำลังใจหน่อวว แอร๊ยย เม้นๆติดแท็กให้เลาด้วย อิอิ
แท็กนี้เลยนะทุกคน >> #คิงควีนKH
twitter :: dolrutaiss
ความคิดเห็น