คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 0 : Prologue
P r o l o g u e
หน้าจอโน้ตบุคพับลงหลังจากที่ร่างโปร่งหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ให้พ้นจากโต๊ะหนังสือ เปลือกตาหนาปิดลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด เขาทุบหมัดลงที่กลางหน้าอกเบา ๆ เผื่อว่ามันจะบรรเทาความปวดร้าวที่แล่นอยู่ในทรวงอกให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่
“มิโนริ ฉัน... จะไม่ได้เจอกับเธออีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มปนสะอื้นกล่าวขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในห้องนอนของเขา แสงไฟดวงเล็กๆ จากหัวเตียงเป็นเพียงแสงสว่างเดียวในเวลาดึกเช่นนี้
“ความรักของฉันกับเธอก็คงจะเหมือนไฟดวงนั้น มันริบหรี่เหลือเกิน”
“ฉันก็แค่อยากพบกับเธอเหมือนทุก ๆ วัน”
นับเป็นเวลาร่วมสองปีตั้งแต่วันแรกที่เขาได้พบกับมิโนริ ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาตกหลุมรักมิโนริตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน โครงจมูกรั้นโด่งดูพอดีกับกลีบปากรูปกระจับที่เขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสมันทุกครั้งเมื่อมิโนริปรากฏตัว แววตาที่สดใสของมิโนริต่อให้มันจะไม่ได้โตนักแต่เขาก็ชอบที่จะมองตาของมิโนริเป็นที่สุด กรอบหน้าของมิโนริเรียวสวยและแม้ว่ามิโนริจะเป็นผู้ชายแต่เขามั่นใจว่าเรือนร่างที่บอบบางของมิโนรินั้นดูน่ากอดมากกว่าผู้หญิงที่เขาเคยพบเห็นเป็นไหน ๆ
แม้รู้ดีอยู่แล้วว่าวันนี้จะได้พบกับมิโนริเป็นครั้งสุดท้ายแต่เขาก็ยังรีบกลับบ้านเหมือนทุกวันเพื่อมาหามิโนริตามเวลาที่นัดกันเอาไว้ วันนี้มิโนริใส่สูทสีขาว ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ารูปร่างเล็ก ๆ ของมิโนริช่างรับกันดีกับชุดสูทที่มิโนริสวมอยู่ ผมสีดำเป็นเงาสวยขลับให้ใบหน้าของมิโนริโดดเด่นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ข้างกายของมิโนริคือชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของหัวใจของมิโนริซึ่งถ้าจะให้ว่ากันตามความเป็นจริงนั้นก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเขาสักเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นมิโนริก็ยังคงเลือกเจ้าหมอนั่นและวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งคู่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากที่พวกเขาฝ่าฝันอุปสรรค์ต่าง ๆ ด้วยกันมาร่วมสองปี
ใช่แล้ว... มิโนริมาเจอกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลา เพื่อชีวิตใหม่ที่มิโนริใฝ่ฝันมิโนริจำเป็นต้องจากเขาไปตลอดกาล...
ตืด... ตืด...
“ฮัลโหล”
(“ฮัลโหลมึงอยู่ไหนโทรเป็นร้อยสายละไมไม่รับวะ”)
ปลายสายไม่รอให้เขาพูดจนจบประโยคน้ำเสียงทุ้มแหลมนั้นทำให้เขาต้องยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหู นิ้วเรียวเลื่อนแถบหนึ่งจากสมาร์ทโฟนลงมาเพื่อดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในขณะที่หน่วยตานั้นยังไม่ได้ลืมขึ้นมาจนเต็มดวง
แม่
Missed Call (138)
น้ำเต้าหู้
Missed call (6)
ครูประจำชั้น
Missed call (64)
ชางกยุน
Missed call (2)
จูฮอน
Missed call (2)
มินฮยอก
Missed call (24)
“โทรผิดเบอร์เปล่า เห็นมิสคอลสองสายเอง”
(“ไม่ต้องพูดมากมึงรีบ ๆ เปิดประตูบ้านเลย กูกดกริ่งจนป้าข้างบ้านจะแจ้งตำรวจแล้วเนี่ย”)
“ได้” ไม่ทันที่จะวางสายร่างโปร่งรีบเดินไปเปิดประตูเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเขารออยู่นานแล้ว ขยี้ตาเบา ๆ เมื่อแสงแดดสาดกระทบกับม่านตาที่ยังไม่เปิดดี
“แล้วทำไมมึงไม่วางสายวะ”
“ก็นายบอกให้รีบเปิดประตูก่อนที่ป้าเขาจะแจ้งตำรวจ”
“อืม เค” จูฮอนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะตรงปรี่ไปที่ตู้เย็น
“มาทำไมเหรอ”
“แหม คิดว่ากูอยากมาหามึงมากมั้ง”
“อยากมาหาเราเหรอ”
“อ่อม บังเอิญว่าบ้านเราอยู่ใกล้กันอ่ะครุ้บครูเลยให้มาดูว่ามึงเป็นตายร้ายดียังไงสบายดีไหมจะไปที่ไหนมากับใครหรือเปล่า” เขาว่าพลางนั่งลงที่โซฟา ทำจมูกฟุตฟิตเพราะกลิ่นอับภายในห้องแคบ ๆ นี้ทำให้เขาหายใจไม่สะดวก แต่คงไม่เป็นอุปสรรคในการกินสักเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวจัดการขนมเค้กสองสามชิ้นในตู้เย็นจนเกลี้ยงตั้งแต่มาถึง
“ทำไมครูถึงให้มาดูเหรอ” นั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ ก่อนที่จะหยิบแว่นสายตาขึ้นมาใส่ ปากหนาเผยอออกเล็กน้อยเขามักจะเป็นแบบนี้ประจำเมื่อจดจ่อกับอะไรบางอย่าง
“กวนตีนป่ะเนี่ย”
“เปล่านะ”
“ละเป็นไรไม่ไปเรียนเป็นอาทิตย์ละ ป้าข้างบ้างก็บอกไม่เห็นมึงออกไปไหนเลย”
“อ๋อ...”
นั่นคงเป็นเหตุผลที่มิสคอลในโทรศัพท์เขามากเป็นพิเศษเพราะปกติแล้วแทบจะไม่ได้ติดต่อกับใครเลยแม้แต่แม่แท้ ๆ เพื่อนร่วมชั้นคนที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้เห็นจะเป็นคนเดียวที่พูดคุยกับเขามากเป็นพิเศษโดยเฉพาะเวลาทำรายงานและการสอบเก็บคะแนนต่าง ๆ นอกจากนั้นแล้วเขาก็แทบจะไม่มีตัวตนในโรงเรียนเลย
“อ๋อไร เดี๊ยะหลังแหวน”
“นายใส่แหวนด้วยเหรอ”
“อ่อม พรุ่งนี้จะไปเรียนมะสอบปลายภาคละนะ”
“อืม... ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
“เป็นไรวะ”
“อาการคล้าย ๆ กับอกหัก”
“ห๊ะ มึงเนี่ยนะอกหัก” รูปตาหยีเบิกกว้างขึ้นเป็นพิเศษก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจคนที่นั่งซึมอยู่ข้าง ๆ
“อื้ม มิโนริแต่งงานแล้ว”
“ใครวะมิโนริ”
“นายไม่รู้จักหรอก”
“อ่าวถ้ารู้จักแล้วจะถามเรอะ ไอ้นี่”
“เอาไว้พร้อมแล้วจะเล่าให้ฟัง”
“คือจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากรู้เบอร์นั้น อยากรู้ว่าพรุ่งนี้จะไปโรงเรียนไหมแค่นั้นละโทรกลับไปหาครูด้วย กลับละ บุย”
จูฮอนลุกขึ้นก่อนที่จะหยิบเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายบนไหล่ เขาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจนัก คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเป็นห่วงเป็นใยไอ้เด็กหน้าห้องนี่นักเพราะมันไม่ได้ชอบสุงสิงกับใครแล้วใครที่ว่าก็ไม่ได้ชอบสุงสิงกับมันนัก นี่ถ้าเพื่อน ๆ รู้ว่าเขามาหาไอ้แว่นนี่ถึงบ้านแถมนั่งคุยกันนานขนาดนี้คงโดนล้อทั้งวันแหง
“กลับบ้านดี ๆ นะ ขอบคุณที่เป็นห่วง เดี๋ยวเราจะโทรหาครูเดี๋ยวนี้แหละ”
“เออ”
“จริง ๆ ถ้ามีใครบางคนรับฟังเราบ้างก็คงจะดีเนอะ” บ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่โทรกลับไปหาเบอร์โทรที่ไม่ได้รับ
(“โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวให้พ่อแม่เป็นห่วงมันใช้ได้ที่ไหน”)
“ขอโทษฮะแม่”
(“นึกถึงคนอื่นที่เขาไม่มีโอกาสได้เรียนโรงเรียนดี ๆ อย่างแกหน่อยสิ ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ป่านนี้แกก็ต้องไปเป็นขอทานอยู่ข้างถนน ไม่ได้เข้าไปเรียนในเมืองแบบนี้หรอก เข้าใจไหม”)
“ครับ ขอโทษครับแม่”
(“ถ้าคะแนนตกไปแม้แต่จุดเดียวพ่อแกเอาตายแน่ เข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม”)
“ครับ ผมขอโทษครับแม่”
(“แค่นี้แหละแม่ต้องประชุมแล้ว อย่าขาดเรียนอีกเข้าใจไหม”)
“ครับ ขอโทษครับ”
ปากหนาเม้มเข้าน้อย ๆ เมื่อสายสุดท้ายของวันนี้สิ้นสุดลง ไม่ได้หวังว่าจะได้รับคำปลอบใจจากแม่แต่อย่างน้อยแม่ก็น่าจะถามสักหน่อยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาอายุเพียงสิบเจ็ดปีและยังต้องมาอาศัยอยู่ในเมืองเพื่อเรียนต่อเพียงคนเดียวตั้งแต่จบมัธยมต้น แม่จะรู้บ้างไหมว่าการกินข้าวคนเดียวมันเจ็บปวดขนาดไหน แม้กระทั่งในโรงเรียนที่ซึ่งเขาควรจะมีเพื่อนและใครสักคนที่จะรับฟังเขาได้ แต่เปล่าเลย... มีเพียงแค่มิโนริเท่านั้นที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเขา มีแต่มิโนริคนเดียวที่เข้าใจและรับฟังเขา มิโนริคือคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดมา
“ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน มิโนริ”
- To be continued -
#ฮยองกีมิโนริ
ความคิดเห็น