ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : มาเริ่มเรื่องใหม่กันเลยน้า เรื่อง ดาราศาสตร์และอวกาศจ้า
ดาราศาสตร์และอวกาศ
ดาราศาสตร์ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับดวงดาว และปรากฎการณ์ต่าง ๆ ของวัตถุในท้องฟ้า ทำให้รู้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับวัตถุในท้องฟ้าและช่วยให้เข้าใจปรากฎการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก
เอกภพหรือจักรวาล คือ บริเวณที่กว้างใหญ่ไฟศาลประกอบด้วยจำนวนกาแล็กซี่จำนวนมากมายมหาศาลและที่ว่างระหว่างกาแล็กซี่ ดวงดาวต่าง ๆ ในท้องฟ้าจะรวมกันอยู่เป็นกลุ่มๆ เรียกว่า กาแล็กซี่ หรือ ดาราจักร
กาแล็กซี่ (Galaxy) หมายถึง ระบบดาวฤกษ์รวมทั้งดาวเคราะห์ ดาวหาง อุกกาบาต ฝุ่นผง และก๊าซในอวกาศ ซึ่งกินบริเวณกว้างไกลในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. แบบกลมลี 2.แบบก้นหอย 3.แบบก้นหอยคาน 4.แบบไร้รูปร่าง
ดวงดาวที่เห็นอยู่ในท้องฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์ ซึ่งความแตกต่างของดาวทั้งสองประเภทนี้ มีดังนี้
1.ดาวฤกษ์ เป็นดาวที่มีแสงสว่างและความร้อนในตัวเองมีสีแตกต่างกัน สีของดาวแต่ละด้วงจะบอกถึงอุณหภูม และอายุของดาวฤกษ์นั้น เช่น ดาวสีแดงจะมีอุณหภูมิต่ำและมีอายุมากกว่าดาวสีเหลืองหรือสีน้ำเงิน ดาวฤกษ์จะมีแสงระยิบระยับหรือกระพริบแสง การเคลื่อนที่จะเกาะกลุ่มอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อเทียบกับดาวดวงอื่น ๆ
2.ดาวเคราะห์ เป็นดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเองจึงต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องกระทบพื้นผิวของดาวเคราะห์แล้วสะท้อนแสงออกมา จึงมีแสงสว่างนวลนิ่งและการเคลื่อนที่จะไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม เมื่อเทียบกับดาวส่วนใหญ่ในท้องฟ้า
เนบิวลา คือกลุ่มก๊าซและฝุ่นผงในอวกาศ ที่จับกลุ่มกันค่อนข้างหนาแน่นอยู่ในที่ว่างระหว่างดาวฤกษ์ มีทั้งประเภทเรืองแสงและไม่เรืองแสง
ดาวหาง คือวัตถุในท้องฟ้าที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ประกอบด้วยฝุ่นผง ก้อนน้ำแข็งและก๊าซแข็งตัว เคลื่อนรอบด้วงอาทิตย์เป็นวงรีมาก ขณะที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะไม่มีหาง ไม่มีแสงสว่าง แต่เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ พลังงานจากดวงอาทิตย์ทั้งในรูปความร้อน และ ลมสุริยะ (อนุภาคมีประจุที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตรอนและอิเล็คตรอน) ทำให้น้ำแข็งกลายเป็นไอ ดาวหางจะขยายตัวใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และพลังงานดังกล่าวจะผลักดันให้หางพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ ส่งของหางจะมีทั้งที่เป็นฝุ่น ก๊าซ และโมเลกุลที่เป็นประจุไฟฟ้า
อุกกาบาต คือ วัตถุที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ เมื่อเข้าใกล้โลกจะถูกแรงดึงดูดให้ตกลงสู่ผิวโลก แล้วเกิดการเสียดสีกับบรรยากาศของโลก ลุกไหม้ตกลงมาถึงโลกเรียกว่า ลูกอุกกาบาต
ดาวตก หรือ ผีพุ่งใต้ คือ สะเก็ดดาวที่ปรากฎแสงวูบวาบร่วงลงมาจากฟ้าและลุกไหม้ก่อนจะถึงดินมักมีอัตราเร็วโคจรประมาณ 7-45 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งเมื่อพุ่งผ่านเข้ามาในบรรยากาศของโลกจะถูกดึงดูดให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น
ดาราศาสตร์ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับดวงดาว และปรากฎการณ์ต่าง ๆ ของวัตถุในท้องฟ้า ทำให้รู้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับวัตถุในท้องฟ้าและช่วยให้เข้าใจปรากฎการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก
เอกภพหรือจักรวาล คือ บริเวณที่กว้างใหญ่ไฟศาลประกอบด้วยจำนวนกาแล็กซี่จำนวนมากมายมหาศาลและที่ว่างระหว่างกาแล็กซี่ ดวงดาวต่าง ๆ ในท้องฟ้าจะรวมกันอยู่เป็นกลุ่มๆ เรียกว่า กาแล็กซี่ หรือ ดาราจักร
กาแล็กซี่ (Galaxy) หมายถึง ระบบดาวฤกษ์รวมทั้งดาวเคราะห์ ดาวหาง อุกกาบาต ฝุ่นผง และก๊าซในอวกาศ ซึ่งกินบริเวณกว้างไกลในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. แบบกลมลี 2.แบบก้นหอย 3.แบบก้นหอยคาน 4.แบบไร้รูปร่าง
ดวงดาวที่เห็นอยู่ในท้องฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์ ซึ่งความแตกต่างของดาวทั้งสองประเภทนี้ มีดังนี้
1.ดาวฤกษ์ เป็นดาวที่มีแสงสว่างและความร้อนในตัวเองมีสีแตกต่างกัน สีของดาวแต่ละด้วงจะบอกถึงอุณหภูม และอายุของดาวฤกษ์นั้น เช่น ดาวสีแดงจะมีอุณหภูมิต่ำและมีอายุมากกว่าดาวสีเหลืองหรือสีน้ำเงิน ดาวฤกษ์จะมีแสงระยิบระยับหรือกระพริบแสง การเคลื่อนที่จะเกาะกลุ่มอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อเทียบกับดาวดวงอื่น ๆ
2.ดาวเคราะห์ เป็นดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเองจึงต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องกระทบพื้นผิวของดาวเคราะห์แล้วสะท้อนแสงออกมา จึงมีแสงสว่างนวลนิ่งและการเคลื่อนที่จะไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม เมื่อเทียบกับดาวส่วนใหญ่ในท้องฟ้า
เนบิวลา คือกลุ่มก๊าซและฝุ่นผงในอวกาศ ที่จับกลุ่มกันค่อนข้างหนาแน่นอยู่ในที่ว่างระหว่างดาวฤกษ์ มีทั้งประเภทเรืองแสงและไม่เรืองแสง
ดาวหาง คือวัตถุในท้องฟ้าที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ประกอบด้วยฝุ่นผง ก้อนน้ำแข็งและก๊าซแข็งตัว เคลื่อนรอบด้วงอาทิตย์เป็นวงรีมาก ขณะที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะไม่มีหาง ไม่มีแสงสว่าง แต่เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ พลังงานจากดวงอาทิตย์ทั้งในรูปความร้อน และ ลมสุริยะ (อนุภาคมีประจุที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตรอนและอิเล็คตรอน) ทำให้น้ำแข็งกลายเป็นไอ ดาวหางจะขยายตัวใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และพลังงานดังกล่าวจะผลักดันให้หางพุ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ ส่งของหางจะมีทั้งที่เป็นฝุ่น ก๊าซ และโมเลกุลที่เป็นประจุไฟฟ้า
อุกกาบาต คือ วัตถุที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ เมื่อเข้าใกล้โลกจะถูกแรงดึงดูดให้ตกลงสู่ผิวโลก แล้วเกิดการเสียดสีกับบรรยากาศของโลก ลุกไหม้ตกลงมาถึงโลกเรียกว่า ลูกอุกกาบาต
ดาวตก หรือ ผีพุ่งใต้ คือ สะเก็ดดาวที่ปรากฎแสงวูบวาบร่วงลงมาจากฟ้าและลุกไหม้ก่อนจะถึงดินมักมีอัตราเร็วโคจรประมาณ 7-45 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งเมื่อพุ่งผ่านเข้ามาในบรรยากาศของโลกจะถูกดึงดูดให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น