ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหาหงส์ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ ๒๕ : ศักดินากับยาจก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      27
      31 มี.ค. 57

    บทที่ ๒๕

     

    ศักดินากับยาจก

     

     

    ช่องว่างระหว่างเราห่างกันเหลือเกิน

    ไม่มีสะพานไหนจะทอดเดินถึงได้

    ถึงเธอไม่คิดรังเกียจแต่เกียรติเธอสูงเกินใจ

    ความรักความใคร่ไม่อาจร่วมฝัน*

     

     

                   

    เฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าคันนั้น  ค่อยๆ ไต่ระดับลงช้าๆ ทีละนิด  ใบพัดหมุนวนก่อลมแรงประหนึ่งพายุกำลังจะมา  ฝุ่นดินเศษหญ้าปลิวว่อน  ณ สนามหญ้าหน้าโรงเรียนซึ่งถูกดัดแปลงเป็นลานจอดชั่วคราว  คณาจารย์และเหล่านักเรียนนับสิบที่พื้นเบื้องล่างต่างป้องหน้าหยีตามองอย่างตื่นตาราวกับไม่เคยพบเห็น 

    แมลงปอเหล็กยักษ์ค่อยๆ ร่อนลงแตะพื้นดิน  ลมแรงขึ้นตามใบพัดที่ยังหมุนส่งเสียงคำรามหึ่ง  คณะต้อนรับที่ยืนเรียงเป็นระเบียบถึงกับเสียขบวนไปชั่วขณะ  จ้อยรับหน้าที่เป็นตัวแทนนักเรียนครูประคองพานพวงมาลัยไว้มั่นต้านแรงลม   

                    ลมแรง.. พัดพาหัวใจคนึงไหวระส่าย  เสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม  หรือจะสู้เสียงก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นรัวเร็วด้วยแรงกดดัน  ในเครื่องแบบข้าราชการครูสีกากี  เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเต็มหน้าผาก  อาจารย์หนุ่มเคยพบปะเสวนากับ เจ้าขุนมูลนายมาหลายหน  แต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำเขาตื่นเต้นเท่าครั้งนี้

                    สัมผัสอบอุ่นแตะแผ่วเบาที่มือกร้าน  ร่างสูงใหญ่ชะงัก  หันมองข้างกาย  ดวงตาสีน้ำตาลใสของคนรักมองมาอย่างห่วงใย  บทสนทนาเมื่อคืนวาบเข้ามาในความทรงจำ

     

                [“อาจารย์ตื่นเต้นหรือเปล่าเลอมานถามแผ่ว  คนึงยกมือที่ก่ายหน้าผากลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มที่เกยอยู่บนอกกว้างแผ่วเบา

                “อืม..ด้วยความซื่อตรงจากใจ  พรุ่งนี้.. เขาจะได้พบบิดาผู้สูงศักดิ์ของคนรักเป็นครั้งแรก  ไม่ตื่นเต้นอย่างไรไหว ท่านพ่อของเล็กดุไหม

                “ดุครับคำตอบทันควันนั้นทำเอาคนฟังครางโอย  ใจฝ่อจนต้องซบหน้าลงกับหมอน  เดือดร้อนเลอมานต้องตามไปงัดขึ้น มือขาวบอบบางประคองใบหน้าเขาไว้ อาจารย์ไม่ต้องกลัว  ถึงท่านจะดุ  ก็ใช่ว่าจะดุอย่างไม่มีเหตุผลคำปลอบโยนทำให้คลายความเครียดลงเพียงนิด

                คุณชายยิ้มอ่อนหวาน  จูบเบาๆ ที่คางสาก  นี่ต่างหากที่ปัดเป่าความกังวลปลิวหาย

                เมื่อก่อนเล็กกลัวท่านพ่อที่สุดในชีวิต  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเสียงเล็กฉอเลาะ  ซบหน้าลงกับอกกว้าง  เกลี่ยปลายนิ้วแผ่วเบาบนกล้ามอกตึงแน่น

                “หืม เขาผงกศีรษะขึ้นมอง แล้วเล็กกลัวอะไรที่สุด

                วงหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้น  ในดวงตาที่งดงามกว่าดาวฉายเปล่งประกายเรืองรอง

                กลัวอาจารย์ไม่รัก”]

     

                    มือใหญ่กุมมือน้อยกระชับแน่น  ดั่งจะย้ำเตือน 

                    เราตกลงกันไว้.. ความรู้สึกใดที่มีต่อกัน  เราจะลั่นดาลมันไว้ในห้วงหัวใจ  กักขังจองจำ  ไม่ปล่อยให้เล็ดรอดออกไปให้ใครสังเกตเห็น  วันนี้.. เราจะแสดงตนเป็นเพียงอาจารย์และศิษย์ที่ผูกพันห่วงใย  จะไม่มีทีท่าใดเกินเลยไปกว่านั้น  หนึ่งวัน.. จนกว่าท่านชายอาทิตย์และหม่อมดาราจะเสด็จกลับ 

                    เฮลิคอปเตอร์จอดนิ่ง  เครื่องดับสนิท  ประตูเลื่อนเปิดออก  อาจารย์ศิษย์คลายมือออกจากกันทันใด

                    ไม่มีใครสังเกตเห็น  เพราะทุกสายตาจับจ้องสุภาพบุรุษและสตรีที่ก้าวลงมาอย่างสง่างาม  มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่ายิ่งยศศักดินาผิดสามัญชนทั่วไป 

                    ทั้งชาวตลาดและชาวทุ่งยืนออกันอยู่ตามร่มไม้  บ้างหลบตามแนวทางเดินอาคารเรียน  เสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกกันปากต่อปากว่า เจ้าจะเสด็จมา  จึงพร้อมใจกันแห่มาหมายจะชื่นชมบารมีเป็นบุญตาสักครั้ง  แถมยังได้เห็น ฮอของจริง  ไม่ใช่เพียงภาพเคลื่อนไหวบนจอผ้าใบหนังขายยา

                    อาจารย์ใหญ่ค้อมบังคมรับเสด็จหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัช  บุรุษวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มาในเสื้อโปโลกางเกงสแล็คสีน้ำตาล  ดูลำลองเรียบง่าย  แต่ราศีก็ยังจับในทุกท่วงท่า  ริมฝีปากใต้แนวหนวดเข้มยิ้มกว้าง  แตะไหล่อาจารย์ใหญ่อย่างเป็นกันเอง  บ่งบอกถึงความสนิทสนม  จ้อยค้อมตัวลงยื่นพานรองพวงมาลัยแด่หม่อมดารา  สตรีสูงวัยผมสีดอกเลาแต่ท่าทางยังแข็งแรงและงามสง่า  หลังตรงไม่งองุ้มเช่นหญิงชราทั่วไป  ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยเรียบนิ่งอย่างไว้ตัวอยู่ในที  มีชายหนุ่มตัวสูงท่าทางภูมิฐานติดตามมาด้วยอีกคน  ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย  คนึงคาดเดาด้วยสายตา  น่าจะเป็นเลขาอัครราชทูต  พี่ชานนท์ของคุณชายเล็ก 

                    หม่อมราชวงศ์เลอมานบังคมท่านพ่อและหม่อมย่า  ทันทีที่เห็นหน้าหลานรัก  ตัวที่หญิงผู้มากศักดิ์ ถือไว้พลันมลายสิ้น  มือเหี่ยวย่นดึงร่างเด็กหนุ่มไปกอดแน่น  ลูบหน้าลูบตา  หยาดน้ำคลอในดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่  กระทั่งหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชต้องกระแอมเตือน  อาจารย์คนึงได้แต่มองภาพคนรักในวงล้อมครอบครัวในระยะที่ห่างออกมา  เฉกเช่น คนนอก 

                    อาจารย์ปรีชาผายมือเชื้อเชิญคณะผู้มาเยือน  นำทางไปยังเรือนรับรอง  นอกจากเหล่าอาจารย์  มีแต่นักเรียนมารยาทดีเด่นอย่างจ้อยที่ได้รับมอบหมายให้ถวายการรับใช้ใกล้ชิด  ส่วนพวกลิงทโมนอย่างสง่าและสันติได้แต่ชะเง้อมองคอยืดอยู่ในกลุ่มนักเรียนครูที่มารอรับเด็จ 

                    นั่นเรอะพ่อชายเล็กสง่าพึมพำ  ตายังจ้องอยู่ที่กลุ่มราชนิกูลไม่วางตา 

                    อืมสันติขยับแว่นชะเง้อมองทางเดียวกัน

                    นักเรียนครูตัวแสบกลืนน้ำลายเอื๊อก  คุณพระคุณเจ้า  คนลูกนั่งเรือเมล์มา  แต่คนพ่อ.. เด็จจากฟ้าลงมาสู่ดินยังกะอินทรีทองเชียวเหวย แล้ว..ผู้หญิงล่ะ..หน้าคุ้นๆ ชอบกล

                    “หม่อมย่าคุณชายเล็กสันติตอบหน่ายๆ  ถ้าสง่าจะเงยหน้าจากนิตยสารมวยขึ้นมาอ่านคอลัมน์สังคมในหนังสือพิมพ์บ้าง  คำถามนี้คงไม่หลุดจากปาก ชายากรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์

                    “ห๊า! อดีตผบ.กรมทหารอากาศน่ะเรอะ!” สง่าตาเหลือกเท่าไข่  เสียงดังจนใครต่อใครหันมอง  ต้องรีบหดคอกระซิบกระซาบแทบไม่ทัน ปะ..เป็นปู่ชายเล็ก..เอ๊ย..คุณชายเล็กเรอะ

                    นายสี่ตาพยักหน้าหงึก  ดันแว่นขึ้นสันจมูกท่าทางทรงภูมิ  ส่วนอีกคนน่ะหรือ.. หน้างี้ซีดเอาๆ

                    อันหม่อมราชวงศ์นั้นมีหลายประเภท  ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๙ ปีก่อน  ระบบศักดินาก็เลือนรางไป  ตระกูลขุนนางหลายตระกูลมีเพียงนามสกุลไว้ประดับบารมี  แต่เนื้อในกลวงโบ๋  ไม่ได้มั่งคั่งมั่งมีเหมือนแต่ก่อน  บางตระกูลขายสมบัติเก่ากินไปวันๆ 

                    สง่ารู้.. หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ไม่ได้จัดอยู่จำพวกนั้นหรอก  แค่รู้ว่าเป็นบุตรชายท่านทูตก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กหนุ่มเชื้อฝรั่งคนนี้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติเพียงใด ยิ่งวันนี้.. เมื่อได้รู้เทือกเถาที่ คุณชายเล็กสืบเชื้อสาย  จึงได้หูตาสว่างขึ้นมาเหมือนถูกไฟสปอตไลท์ส่อง

                    เด็กหนุ่มที่มีพ่อ.. เอ๊ย..ท่านพ่อเป็นอัครราชทูต  มีปู่.. เอ๊ย.. เด็จปู่เป็นอดีตแม่ทัพ  วาสนาบารมีจะมากมายก่ายกองสักปานไหน  ปีกหางแบบใดที่พร้อมจะกางออกปกป้อง

                    เทียบกันกับลูกตาสีตาสาอย่างเขาแล้ว..

                    ตายละวาไอ้หง่าเอ๋ย..

                    นี่สันติ..นักเรียนตัวดีเหงื่อตกขมับ  ยืนตัวลีบยังกะกลัว เจ้าจะเห็นชนักที่ติดหลัง แกว่า.. คุณชายเล็กเขาจะฟ้องท่านพ่อเรื่องที่เราเคยแกล้งเขาให้เดินแก้ผ้ากลับโรงเรียนไหมวะ

                    ไม่ม้าง  เพื่อนกันน่า

                    “เพื่อนกะผีสิสง่าว้ากเพ้ย ลูกหลานเจ้าที่ไหนจะลดตัวลงมาเป็นเพื่อนเรา

                    สันติมุ่นคิ้วยุ่ง  มองไปทางกลุ่ม เจ้าที่เดินไปไกลลิบ  อดคิดตามไม่ได้จริงๆ..

                   

    ******************************

                   

    เรือนไม้ของอาจารย์ปรีชาก็ถูกดัดแปลงเป็นเรือนรับรองแขกชั่วคราว  ท่านชายอาทิตย์ทอดเนตรผ้าแพรเพลาะสีสดใสที่ผูกโยงกับราวบันไดแล้วอดแย้มสรวลไม่ได้  มือใหญ่ตบบ่าสหายเก่าผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างหยอกล้ออยู่ในที

    อาจารย์ปรีชาไม่ว่าอะไร  แต่ใจอดคิดไม่ได้

                    จะไม่ให้เอิกเกริกอย่างไรไหว  กิตติศัพท์ความเจ้ายศเจ้าอย่างของหม่อมดาราเลื่องลือกันทั่วพระนคร  หากลำพังท่านชายผู้สมถะเรียบง่ายเสด็จมาพระองค์เดียว  เหล่าคณาจารย์คงไม่ต้องเตรียมการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติขนาดนี้

                    “พอดีมาธุระที่กรุงเทพ  ไหนๆ ก็มาเมืองไทยแล้วเลยแวะมาเยี่ยมอาสาสมัครเสียหน่อย” หม่อมเจ้าอาทิตย์บุ้ยบ้ายไปทางบุตรชายที่ถูกหม่อมย่าลูบหน้าลูบหลังอยู่นั่น “บอกแล้วว่ามาอย่างไม่เป็นทางการ  ไม่เห็นต้องเอิกเกริกเลย”

    อาจารย์ใหญ่แย้มยิ้ม  จะไม่ให้เอิกเกริกอย่างไรไหว  เล่นเสด็จมาทางฮอ  ไก่หลับอยู่ในเล้ายังต้องผงกหัวขึ้นมองเทียวนั่น 

                    เรือนไม้ที่แสนเรียบง่ายวันนี้ผิดตาไป  ไม่เสียแรงที่เกณฑ์พวกนักเรียนครูมาช่วยกันตกแต่งคนละไม้ละมือ  โถงกว้างที่เคยโล่งโจ้งบัดนี้มีชุดเก้าอี้ไม้สักสลักลายเครือเถาที่ลงทุนไปหยิบยืมจากกำนันเสริม  กรุ่นกลิ่นดอกไม้สดกำจายจากระย้าทรงเครื่องกลางเพดานห้อง  ตาข่ายหน้าช้างที่แขวนไว้ตามหน้าต่างไหวเอื่อยตามแรงลม  งานดอกไม้พวกนี้ก็ได้จ้อยนี่แหละเป็นโต้โผในการจัดทำ  เกณฑ์พรรคพวกมานั่งร้อยนั่งเย็บกันจนดึกดื่น  ทุกอย่างที่เตรียมไว้ล้วนได้ผลดี  ดูจากสีหน้าพึงพอใจเปี่ยมล้นของหม่อมดารา 

                    เลอมานเห็นการตกแต่งแล้วอมยิ้ม  แต่ไหนแต่ไรมาเรือนอาจารย์ใหญ่เคยมีเก้าอี้เสียที่ไหน  เพราะคนไทยเคยชินกับการนั่งพื้นเป็นกิจวัตร  ทีตอนเขามา  จะกินข้าวหรือจะนั่งคุยยังต้องพับเพียบกับพื้นจนปวดตาตุ่ม 

                    แต่ดีแล้ว.. ที่วันนี้มีโต๊ะเก้าอี้ให้  ท่านพ่อน่ะไม่เท่าไร  แต่หม่อมย่านี่สิ 

                    นอกจากพวงดอกไม้ห้อยระย้าที่จ้อยเป็นคนร้อย  เลอมานยังไม่เห็นผู้เป็นย่าชื่นชมสิ่งใด  ตั้งแต่ลงจากฮอ  ริมฝีปากเคลือบสีลิปสติกฝรั่งยังพร่ำโอดครวญร้อยจบไม่เบื่อ

                    ผอมลงหรือเปล่าลูกมือเหี่ยวย่นจับตัวเขาหมุนหน้าหมุนหลัง  ผู้เป็นหลานได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ   

                    ชุดเก้าอี้นั้นมีสามชิ้น  สั้นสองยาวหนึ่ง  สิริรวมแล้วก็นั่งได้สี่คนละ  ผู้เป็นแขกกับเจ้าบ้านนั้นต้องนั่งอยู่แล้วเป็นมั่นแม่น 

                    วิถีชีวิตแบบไทยที่คลุกคลีมากว่าครึ่งปีขัดเกลาเลอมานจนซึมซับมารยาทและความอ่อนน้อมไว้ในหัวใจอันเคยแข็งกระด้าง  จากที่เคยนึกจะนั่งตรงไหนก็นั่ง  นึกจะยืนตรงไหนก็ยืน  ไม่สนว่าจะค้ำหัวใครหรือไม่  บัดนี้เกิดสามัญสำนึก.. เขาเป็นผู้น้อย.. ควรนั่งกับพื้นจะเหมาะสมกว่า 

    เด็กหนุ่มจึงกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยเมื่อหม่อมย่าจับเขาให้นั่งเก้าอี้ตัวยาวเดียวกันด้วยมือที่แน่นหนึบเป็นตุ๊กแก 

    ดูสิ คล้ำลงด้วยหม่อมย่าครวญเสียงละห้อย  เลอมานมองแขนตัวเองแล้วอยากหัวเราะ  นี่เรียกว่า คล้ำแล้ว?  ถ้าเห็นสง่าหรืออย่าง..นายสิงห์ลูกชายกำนัน  หม่อมย่าจะไม่ร้องว่า ไปคลุกกองถ่านที่ไหนมาเลยหรือ?

                    ร่างเล็กบางในเครื่องแบบนักเรียนครูเดินเข่าเข้ามา  ในมือประคองถาดใส่แก้วน้ำเอาไว้  คุณชายมองอย่างอดทึ่งไม่ได้  จ้อยทำได้อย่างไร  ถ้าเป็นเขาละก็.. แค่สองก้าว  แก้วกับถาดคงกระเด็นไปคนละทางแล้ว

                    มือขาวราวหยวกกล้วยวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะทีละใบด้วยกิริยาเรียบร้อยน่าจับตา  หม่อมเจ้าอาทิตย์ทอดเนตรอย่างชื่นชม   

                    ในขณะที่คุณชายกระอักกระอ่วนไม่น้อย  เขานั่งชูคออยู่บนเก้าอี้  มี เพื่อนรัก คลานเข่ามาเสิร์ฟน้ำให้ 

                    เพื่อนรัก.. ที่เย็นชาเฉยเมยใส่เขามาร่วมอาทิตย์แล้ว  ตั้งแต่กลับจากไปฉายหนังที่โรงเรียนบางบาล

                    เลอมานพยายามคิดว่าเขาไปทำอะไรให้จ้อยไม่พอใจ  แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

                    จ้อยเป็นนักเรียนดีเด่นของเรากระหม่อมอาจารย์ปรีชาแนะนำ ผลการเรียนก็ดี มารยาทก็ดี

                    “กิริยาท่าทางเข้าท่าท่านชายทอดเนตรหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู 

                    หามิได้กระหม่อม จ้อยทูลนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน  ผู้มากวัยกว่ายิ่งพึงใจนัก  นี่คือดอกผลอันงอกงามของต้นไม้นามว่า การศึกษาที่พระองค์มีส่วนทะนุบำรุง  เงินที่ถวายให้โรงเรียนเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กเรียนดีและด้อยโอกาสเป็นดั่งปุ๋ย  ไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ

                    “ดอกไม้ที่แขวนอยู่นี่จ้อยก็เป็นคนร้อยนะครับหม่อมราชวงศ์เลอมานชี้ชวนให้ดูพวงระย้ากลางห้อง  หมายจะเอาใจเพื่อนผู้หมางเมิน  แต่กระนั้น.. รอยยิ้มบนปากเรื่อที่เมื่อกี้ยังมอบให้ท่านพ่ออยู่เลย  กลับหุบลงทันทีที่เขาเอ่ยถึง

                    “เก่งจริงพ่อคุณหม่อมดาราแหงนหน้ามองกลางห้อง ฝีมืออย่างกับชาววังท่านชมจากใจจริง  มิได้มีเจตนากระทบชิ่งใคร  แต่เล่นเอาชาววังตัวจริงอย่างเลอมานหน้าม้าน  คนอะไรแค่จับดอกไม้ก็ช้ำ  ขนาดเมื่อคืน  เขาพยายามมาช่วยจ้อยร้อยดอกไม้  ทิ่มๆ แทงๆ ไปได้สองดอก  เข็มแหลมก็ตำนิ้วเข้าให้

                ไปนอนเถอะครับจ้อยว่าไม่มองหน้า ยิ่งช่วยก็ยิ่งช้า

                    คำว่า ตัวถ่วงแปะหน้าหรา  เลอมานเดินคอตกพาหัวใจซึมเซาไปให้อาจารย์คนึงปลอบ  โชคดีที่ยังมีอาจารย์  มีอ้อมแขนอบอุ่นไว้รอท่าเสมอที่ห้องน้อยห้องนั้น 

                    คนอะไร  คิดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ   

                    ความรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งบนที่สูงกว่าเช่นนี้  กับจ้อยยังไม่เท่าไร  แต่พอร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งพ้นกรอบประตูเข้ามาเท่านั้น 

                    เก้าอี้เต็มเสียแล้ว.. อาจารย์คนึงจะนั่งตรงไหนได้..

                    ดวงตาสีเข้มมองมาปลาบเดียว  และแล้ว.. ผู้ชายตัวโตในชุดสีกากีก็ย่อตัวลงนั่งบนพื้นตรงหน้า.. แทบเท้า..

                    มีหรือเลอมานจะยอม

                    เด็กหนุ่มสูงศักดิ์สลัดมือหม่อมย่าที่เฝ้ากุมอยู่ทีเดียวหลุด  ก่อนปราดไปนั่งพับเพียบแต้เคียงข้างอาจารย์หนุ่ม  ท่วงท่าเหมือนนกจิ้งโครงโผลงเกาะกิ่ง  กระโดกกระเดกหาใดเทียบไม่มี

                    หม่อมย่าดูไม่ค่อยโปรด  หากท่านชายแย้มสรวลพึงพระทัยยิ่ง  โอรสจอมเย่อหยิ่งรู้มารยาทขึ้นเยอะ  จากที่เคยไม่เห็นหัวเหล่ามาสเซอร์ในคอลเลจ  บัดนี้กลับนั่งลงเอี้ยมเฟี้ยมเคียงข้างอาจารย์หนุ่ม  พับเพียบเรียบร้อยไม่ขัดตา

                    ใครเล่าจะรู้ ในอกเลอมาน  ไหนเลยจะปล่อยดวงใจวางไว้แทบเท้าได้ 

                    อาจารย์ปรีชาแนะนำคนึงแก่ผู้มาเยือน  ว่านี่แหละคืออาจารย์ผู้ดูแลและเพื่อนร่วมห้องของหม่อมราชวงศ์เลอมาน  ท่านชายตรัสชมว่าหน่วยก้านเข้าที  หม่อมย่าก็ว่าหน้าตาหล่อเหลา  อาจารย์หนุ่มตอบชัดเจนฉาดฉานทุกถ้อยคำ  ใช้ราชาศัพท์ได้ไม่ผิดเพี้ยน  เล่นเอาคุณชายอมยิ้มภูมิใจในตัวคนรักล้นอก  อย่างน้อย.. สร้างความประทับใจแรกพบได้ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง 

                    ไม่ทันถึง ๕ นาที  คุณชายชักจะเมื่อย  วาดขาสลับข้างพับเพียบด้วยกิริยาเหมือนลิงล้างก้นอวดท่านพ่อไปหนึ่งคำรบ 

                    อาจารย์ปรีชามองตามแล้วหัวเราะ “ฝรั่งน่ะ  บางทีเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเขา”

                    “หืม อาจารย์หมายความว่ายังไงรึ”

                    “ดูอย่างคุณชายเล็กนี่สิกระหม่อม  เดินช้าๆ เป็นเสียเมื่อไร  เธอต้องวิ่งขึ้นวิ่งลง  เดินจ้ำพรวดๆ คนไทยดูแล้วไม่เข้าใจ  ว่าจะรีบไปไหน” อาจารย์ตัวอ้วนกลืนคำว่า ไล่วัวไล่ควายลงคอดังเอื๊อก “เวลาคุณชายวิ่งลงกระได  ถ้าหัวทิ่มลงมาจะไม่มีใครแปลกใจเลย”

                    ท่านพ่อสรวลลั่น  ดูแล้ว.. อาจารย์ใหญ่กับท่านพ่อคงรู้จักกันดีในระดับหนึ่งแน่  วงสนทนาจึงครึกครื้นเช่นนี้  เลอมานรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปเสี้ยวหนึ่ง 

                    ดวงตาคู่ใสเหลือบมองคนรักข้างกาย  ฝ่ายนั้นเก็บอาการได้ดีเยี่ยม  เสี้ยวหน้าคมสันเรียบเฉย  ไม่แม้แต่จะปรายตามองเขาสักนิด  หากพอเลอมานแตะมือใหญ่ที่เท้าแขนอยู่ข้างตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ  จึงได้รู้ว่ามืออาจารย์เย็นเฉียบ

                    คุณชายเปลี่ยนข้างพับเพียบ  เท้ามือลงข้างมืออาจารย์บ้าง 

                    เพียงปลายก้อยสัมผัสกัน  หม่อมย่าหรือท่านพ่อคงไม่ทันสังเกตเห็นหรอกกระมัง?

                   

                    เจ้าบ้านและแขกโอภาปราศรัยกันไป  จ้อยแวบลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมจัดสำรับอาหารเที่ยง  ผ่านอาจารย์ประพนธ์ที่กำลังเสวนากับเลขาของหม่อมเจ้าอาทิตย์ที่แคร่ไม้รวกตีนบันได  นี่ละ.. พี่ชานนท์ที่คุณชายเล็กพูดถึงบ่อยๆ  ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่  หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาเอาการ  เขาหันมายิ้มให้จ้อย  แววตาอ่อนโยนเป็นประกาย  จ้อยยกมุมปากยิ้มตามมารยาทกลับไปให้

                    ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างคล้ายอาจารย์คนึง

                    หรือผู้ชายลักษณะนี้จะเป็น สเปคของคุณชายเล็ก  หึ.. แค่นึกถึง  จ้อยก็ขมวดคิ้วไม่รู้ตัว  นึกชังขึ้นมาเสียเฉยๆ  ไม่อยากเสวนา  ไม่อยากแม้จะเห็นหน้า  อดละอายใจแทนไม่ได้  เสียทีเป็นถึงลูกท่านหลานเธอ  แล้วดูสิดู  วันนี้ต้องมานั่งตีหน้าซื่อต่อหน้าผู้ให้กำเนิด  นี่ถ้าท่านพ่อของหม่อมราชวงศ์เลอมานรู้ว่าลูกชายลักลอบได้เสียกับผู้ชายด้วยกัน  คงอยากผู้คอตายวันละสามหนเป็นแน่

                    ตั้งแต่กลับจากบางบาล  ทันทีที่ทราบว่าหม่อมเจ้าอาทิตย์จะเสด็จมา  อาจารย์คนึงก็เกณฑ์นักเรียนบางส่วนให้มาช่วยทำความสะอาด จัดเตรียมสถานที่ ทำริ้ว ทำผ้าตกแต่ง ซึ่งแน่นอนว่ามีจ้อยอยู่ในนั้นด้วย  ยิ่งก่อนวันเสด็จต้องเตรียมอาหาร  จ้อยเลยไม่ได้ไปเหยียบบ้านกำนันมาร่วมอาทิตย์แล้ว

                    ขี้ข้าจะหายหัวไปนานอย่างนี้  คุณนายพูนทรัพย์โวยวายแน่ละ  อาจารย์คนึงเลยตัดปัญหาด้วยการไปขออนุญาตด้วยตนเอง  แล้วกลับมาเล่าให้จ้อยฟังว่าทีแรกคุณนายก็ตะบึงตะบอน  แต่พอเห็นหนังสือรับรองลงลายเซ็นอาจารย์ใหญ่ระบุนามหม่อมเจ้าเอกอัครราชทูต  คุณนายก็หุบปากกริบ 

                    จ้อยไม่ได้ถามถึงคนอื่น  แต่รู้อยู่แก่ใจ  ขาดจ้อยไปคน  ลุงกำนันคงขาดลูกมือช่วยคัดลอกเอกสาร  น้าแป้นคงทำกับข้าวคนเดียวหัวหมุน  ยุ่งเหมือนเหมือดข้าวยำ  น้าเวกคงเหนื่อยหนักกว่าเก่า  และแม่หนูน้ำฝนคงคิดถึงจ้อยน่าดู  ส่วนอีกคนที่เหลือ..

                    ไอ้สิงห์..

                    มันจะเป็นตายร้ายดียังไง  แผลที่หัวจะเน่ากลัดหนองไปแล้วก็ช่าง  จ้อยไม่สนหรอก  จ้อยไม่แยแสมันสักนิด 

                    สองสามวันหลังจากกลับจากบางบาล  ทุกเช้าตอนเข้าแถว  สง่ามาสะกิดจ้อย  บอกว่าเห็นมันมาเกาะรั้วโรงเรียนชะเง้อมองหา  จ้อยยังไม่แม้แต่จะหันไปมอง

                    ใครจะหาว่าใจร้ายก็เชิญ  ความใจดีของจ้อย  ทำร้ายจ้อยมามากพอแล้ว  

                    จ้อยคนเดิมตายไปแล้ว  จ้อยฝังไว้ในกระท่อมระยำนั่น  ขุดหลุมลึกก่อนเอาดินฝังกลบ  เอาหัวใจโง่เขลาเสียบไม้ปักประจานไว้แทนป้ายชื่อ  

                    ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้  จ้อยจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจ้อยอีก

     

    ******************************

     

                    ท้ายเรือนอาจารย์ใหญ่มีระเบียงกว้างขวาง  ลมพัดโชยเอื่อยเสียดใบมะม่วงเป็นทำนองไหวระริก  พวงปลาตะเพียนใบลานแหวกว่ายตามมุมชายคา  วงสนทนาได้ย้ายมาที่นี่ 

                    ชุดโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักแกะสลักลายป่าหิมพานต์ที่ตั้งอยู่กลางชานนั้นไม่ค่อยเข้ากันกับพื้นไม้กระดานเก่าเท่าไร  แต่ได้สายดอกรักร้อยโยงสลับด้วยอุบะดอกจำปาส่งกลิ่นหอมอวลตกแต่งตามแนวกันสาด  ระเบียงดาษๆ ที่อาจารย์ใหญ่เอาไว้นั่งแปะกินข้าวกับพื้นหรือไม่ก็ก๊งเหล้ากับเหล่าอาจารย์น้อยก็ดูเลอค่าขึ้นมาในบัดดล 

                    คนึงได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะเสวย  นอกจากอาจารย์ปรีชาและเลขาท่านทูตแล้ว  ที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่นี้ล้วนสายเลือดศักดินาทั้งสิ้น  ทั้งหม่อมเจ้าอาทิตย์ที่ประทับหัวโต๊ะ  หม่อมดาราที่นั่งฝั่งตรงข้ามประจันหน้าเขา  และหม่อมราชวงศ์เลอมานที่นั่งอยู่เคียงข้างกันนี้ 

                    คุณชายองอาจผึ่งผาย  ท่าทีกริยางามจับตา  หลังไหล่ผึ่งผาย  จะจับแก้วจับช้อนก็ดูเข้าทีไปเสียสิ้น  ราวกับคนละคนกับเจ้าหนุ่มน้อยที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ตีนท่าเมื่อวันก่อนลิบลับ

                    เพชร.. ก็ควรอยู่บนยอดเรือน  ใครเล่าเอามาวางกับเปือกตม

                    โชคดีที่สำรับเป็นกับข้าวชาวกรุงเก่าทั้งสิ้น  จ้อยทยอยลำเลียงมาเสิร์ฟให้  ทั้งแกงส้มปลาช่อน  น้ำพริกกุ้งแกล้มปลาย่าง  เคียงผักพื้นบ้านอย่างผักบุ้ง ดอกโสน ดอกแค  ต้มกะทิสายบัว  ไก่บ้านรวนน้ำปลา  มียำตะไคร้ไว้เอาใจหม่อมดารา  ขืนเป็นอาหารฝรั่ง  มีมีดส้อมช้อนเรียงรายเป็นตับ  เห็นทีเขาต้องปล่อยไก่กลางโต๊ะอาหารแน่ 

                    แรกเริ่มหัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่องทั่วไป  โรงเรียน  นักเรียน  หลักสูตรการสอน  เรื่องภารกิจของคุณชายเล็กที่ได้ทำมาในช่วงเวลาครึ่งปีที่อยู่ที่นี่ 

                    อาจารย์หนุ่มไม่เข้าใจว่าประเด็นพูดคุยมาตกอยู่ที่ตัวเขา อาจารย์บ้านนอกธรรมดาๆ คนหนึ่งได้อย่างไร

                    “อาจารย์คนึงต้องมาดูแลชายเล็ก  คงเหนื่อยน่าดูสินะ” ท่านชายตรัสถามพลางแย้มพระโอษฐ์  แววตาเปี่ยมด้วยปรานี  หากคนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอฝืดฝืน

                    เหนื่อยกว่าดูแลนักเรียนทั้งโรงเรียนอีกกระหม่อม..

                    ไม่เลยกระหม่อม  ชายเล็กเป็นเด็กดี  ตั้งใจสอน ตั้งใจเรียนรู้ สิ่งที่อยู่ในใจก็ยังคงลั่นดาลอยู่ในนั้นมิดชิด   

                    เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไร  แต่เหนื่อยใจนั้นหนักหนานัก 

                    เขาไม่อาจปฏิเสธ  ว่าระหว่างวันคืนแสนชื่นมื่น  หากเมื่ออยู่คนเดียวคราใด  อดหนักเหนื่อยใจกับความสัมพันธ์ซ่อนเร้นนี้ไม่ได้ 

                    ดั่งเรือใบไม้เริงระริกในสายธารา  ไม่รู้เลยว่าจะถูกชะตากรรมซัดพาไปจบลงที่ใด 

                    ดื้อนักก็ลงไม้เรียวสักที  ฉันอนุญาตเอกอัครราชทูตตรัสพลางสรวลก้อง  ทว่าในหัวอกคนฟัง  ความละอายอดสูก่อตัวขึ้นเงียบเชียบใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง  อย่าว่าแต่ลงไม้  ลง อย่างอื่นก็เคยมาแล้ว  หากทรงทราบเข้า  จะยังยิ้มหัวเราะให้เขาแบบนี้ได้อยู่ไหม 

                    อาจารย์หนุ่มเหลือบมองคนรักข้างกาย  หม่อมราชวงศ์เลอมานตักไก่รวนบริการหม่อมย่า  วงหน้าเปื้อนยิ้มละไม 

                    อาจารย์คนึงจบครูมาจากไหนรึท่านชายตรัสถาม

                    โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครกระหม่อมหลักสูตร ๓ ปี ฝึกสอนอีก ๑ ปีก่อนสอบบรรจุเป็นข้าราชการ  ถูกส่งมาประจำที่นี่  หากคนึงไม่คิดจะต่อความยาว  ภาวนาในใจให้หัวข้อสนทนาอยู่ห่างไกลจากเขาที่สุด 

                    อ้อ..หลังวังปารุสก์นั่นเองคำอธิษฐานเป็นผล  ท่านชายเปลี่ยนประเด็น สมัยเจ้าเล็กเด็กๆ ก็เคยพาไปที่วัง  ไม่แน่อาจจะเคยเห็นกันก็ได้นะ

                    ชายหนุ่มรำพึงในใจ  อาจเคยเห็น.. อาจเคยสวนกัน.. ยามครอบครัวบูรพวงศ์นั่งอยู่ในรถบูอิคคันหรู  อาจเคยสวนกับเขาที่เดินอยู่ริมถนน 

                    “พ่อคนึงเป็นคนที่ไหนล่ะหนนี้หม่อมดาราถามขึ้นมาบ้าง  คนึงชะงักมือที่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ  ตอบสุภาพ

                    “บ้านเกิดผมอยู่สิงห์บุรีครับ

                    “ที่บ้านทำมาหากินอะไร

                    คำภาวนาของเขาไม่เป็นผลเสียแล้ว ครอบครัวผมทำนาครับ

                    “เข้าทีนี่  ลูกชาวนาได้ดิบได้ดีเป็นข้าราชการ  พ่อแม่คงภูมิใจไม่เบาถ้อยคำผู้มากวัยดูชื่นชม  ไร้ความเดียดฉันท์สักนิด  แต่เหตุใดส่งผลให้คนฟังแปลบยอกในอก 

                    “แล้วมีพี่น้องกี่คนล่ะหม่อมย่าของเลอมานยังตั้งหน้าตั้งตาสอบประวัติ  ท่านชายทรงกระแอมขึ้นเบาๆ  ราวจะทักท้วงผู้เป็นมารดา  หากก็ถูกดวงตาคมกริบตวัดค้อนให้หนึ่งที  เขาจะทำกระไรได้นอกจากตอบไปตามตรง

                    “๖ คนครับ  ผมเป็นพี่คนโต

                    “ฮะๆ มิน่าล่ะถึงปราบเจ้าเล็กอยู่ หม่อมเจ้าอาทิตย์สรวลขึ้น  เปลี่ยนประเด็นอย่างแนบเนียน ปกติเคยยอมใครเสียที่ไหน  แล้วดูสิมาเจออีกที  เชื่องเป็นแมว

                    อาจารย์หนุ่มก้มหน้าซ่อนยิ้ม  แมวนอนหวดน่ะสิไม่ว่า

                    ผมพนันกับนายแช่มเอาไว้  ว่าคุณชายจะอยู่ได้กี่วัน  นายแช่มว่าอาทิตย์นึง  ผมว่าสามวันเลขาหนุ่มเอ่ยขึ้นบ้าง ฮะๆๆๆ ลงท้ายเลยไม่ได้กินกันทั้งคู่เรียกเสียงหัวเราะได้ครื้นเครง  มีเพียงคนถูกพาดพิงแหละ  หน้างอง้ำเป็นจวักตักข้าว

                    จนกระทั่ง..

                    หม่อมดาราปรายตามองหลานรัก เกินครึ่งปีแล้วยังไม่เห็นร้องอยากกลับ  คงไม่ได้ถูกใจลูกสาวบ้านไหนเข้าหรอกนะ

                    “เปล่านะครับ!” ครูศิษย์ประสานเสียงขึ้นพร้อมเพรียงกัน  ก่อนระลึกได้ว่าทำกริยามิควร  ต่างกระแอมกระไอแก้เก้อ 

                    เอ.. อาหารมื้อนี้ก็ไม่มี ปูนเหตุใด ร้อนท้องกันทั้งสองคน

                    ย่ารู้จ้ะ  ชายเล็กไม่มีทางใฝ่ต่ำอย่างนั้นริมฝีปากเคลือบสีสดกรีดยิ้มอ่อนหวาน 

                    หารู้ไม่.. กรีดลงหัวใจคนฟังในคราเดียวกัน 

                    ใต้ผ้าลูกไม้ขาวคลุมโต๊ะ  มือที่คนึงวางบนตักกำแน่นจนกางเกงยับย่น  หากมีมือขาว นุ่มนวลแตะลงแผ่วเบา  ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ แทรกลงกุมกระชับ  อาการเกร็งสะท้านก็คลี่คลาย  ลมหายใจที่ติดขัดค่อยเป็นปกติ 

                    ไม่มีใครรู้  จ้อยยืนรอบริการอยู่ด้านหลังเห็นภาพนั้นเต็มสองตา  แทบเบือนหน้าหนี  ทุเรศลูกตาสิ้นดี  เบื้องหน้าพ่อทำเป็นยิ้มหัว  แต่ลับหลัง.. ใต้โต๊ะ.. แอบกุมมือกันไม่อายฟ้าดิน  ระวังเถิดกรรมจะตามสนองเข้าสักวัน 

                    เอ้อ พ่อคนึงจ๊ะหม่อมดารามองมาด้วยดวงตาที่เจือรอยยิ้ม  ยิ้มที่มากด้วยความเอ็นดู  หวานปานน้ำผึ้ง หากถ้อยวจีถัดไปไม่ต่างอะไรกับยาพิษ ไม่ทราบว่าได้เงินเดือนกี่มากน้อยรึ

                    คนึงชะงักเหมือนต้องกระสุน  

                    “หม่อมย่าหม่อมเจ้าอาทิตย์ปราม  ไม่นึกว่าผู้เป็นมารดาจะกล้าถามในเรื่องที่เสียมารยาทอย่างร้ายกาจเช่นนี้ 

                    “อะไรกันท่านชายสตรีผู้สูงศักดิ์หายอมไม่ ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ  แค่อยากรู้ว่ารัฐเขาให้ค่าตอบแทนเรือจ้างเท่าไร  อีกอย่างพ่อคนึงก็เป็นคนดูแลชายเล็ก  เผื่อเหลือเผื่อขาดยังไงจะได้ช่วยเหลือเจือจุนกันได้

                    ทั้งที่ไม่มีคำใดรุนแรง ใยสั่นสะเทือนหัวใจคนฟังแทบพังภินท์  ใต้โต๊ะ.. มือนุ่มนวลบีบมือเขาแน่นเข้า ชายหนุ่มเหลือบมองดอกฟ้าข้างกาย  เห็นสายตาห่วงใยมองมา  

                    ใบหน้าคมสันพยายามฝืนยิ้ม  จำใจบอกตัวเลขที่แม้แต่เลอมานก็ยังไม่รู้

                    “๔๕๐ บาทครับ

                    “ตายจริง!” หม่อมย่าโอดลั่น  ยกมือประดับแหวนทับทิมล้อมเพชรขึ้นทาบอก “ทำไมมันน้อยอย่างนี้ล่ะพ่อ แล้วพอกินพอใช้รึ

                    ดวงตาสีเข้มหลุบลง  ริมฝีปากยังเจือยิ้มจาง  เงินเดือนเท่านั้น  หากอาศัยอดออมเอา ก็พอมีเหลือเก็บ หากเขาไม่ได้พูดออกไป  ยอมนิ่งเงียบเป็นผู้รับฟัง  

                    “เงิน ๔๕๐ ชายเล็กใช้วันเดียวก็หมดแล้ว

                    “หม่อมย่า..คนถูกพาดพิงท้วงขึ้น 

                    หม่อมย่าใหญ่ก็พูดเกินไปครับเลขาท่านทูตที่อีกฝั่งโต๊ะพยายามแก้สถานการณ์  บุคลิกร่าเริงจริงใจดึงดูดทุกคนให้มองตาม คุณชายใช้ไม่หมดหรอก  เหลือตั้งสองบาท

                    “พี่ชานนท์!”

                    บรรยากาศขมวดตึงค่อยคลี่คลาย  แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ  มีเพียงคนึงเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก

                    เสียดายฉันไม่มีเส้นสายในกระทรวงศึกษาฯ ไม่อย่างนั้นจะจัดการเรื่องเงินเดือนข้าราชการครูให้สุภาพสตรีสูงศักดิ์ยังไม่เลิกครวญ อภิโธ่เอ๋ย.. พ่อพิมพ์ของชาติแท้ๆ  สมัยนี้นายแบงค์เขายังได้กันเป็นพัน

     

                    อาจารย์หนุ่มไม่เอ่ยคำใด  นี่คือสัจธรรม  ข้าราชการครูไม่ว่ายุคสมัยใดก็เงินเดือนน้อยเช่นนี้  ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอ่อนจาง  หากแสงกลเที่เคยฉายฉานในดวงตาเป็นนิจหม่นวูบลง  มือใหญ่รวบช้อนคืนจานและไม่แตะต้องอาหารใดอีกเลย

                    สำรับของคาวถูกทยอยลำเลียงออกไป แทนที่ด้วยสำรับของหวาน น้ำมะตูมร้อนรินมาในถ้วยกาแฟลายน้ำทองรูปนกไม้  ซึ่งแน่นอน.. ยืมมาจากกำนันอีกแหละ

                    “อย่างชายเล็กนี่  เขาสนใจจะเรียนกฎหมาย หม่อมเจ้าอาทิตย์หันพักตร์มาทางบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน  ถ้าไม่พามาดัดนิสัยเสียก่อนป่านนี้คงเดินกร่างอยู่ในเคมบริดจ์

                    ชื่อมหาวิทยาลัยชั้นสูงที่เปล่งจากพระโอษฐ์บั่นทอนหัวใจอาจารย์บ้านนอกจนบิ่นไปหนึ่งเสี้ยว

                    “ท่านพ่อครับราชนิกูลหนุ่มน้อยพูดขึ้น ชายว่าเป็นครูก็สนุกดี

                    หือม์ผู้เป็นบิดาขมวดขนงมุ่น

                    เป็นอาจารย์ที่อังกฤษก็เข้าทีดีนะ เรียนจบปริญญาเอกก็ได้เป็นดอกเตอร์ เป็นหม่อมราชวงศ์ดอกเตอร์ โก้ไม่เบาหม่อมดาราวาดฝันพลางยกถ้วยน้ำมะตูมขึ้นจิบ

                    ชายอยากเป็นครูที่นี่ค่ะหม่อมย่า

                    คนึงหันขวับ  มองคนรักอย่างไม่เชื่อสายตา

                    อะไรนะ!” หม่อมย่าแทบสำลักน้ำมะตูม  ดวงตาคมกริบปราดไปทางอาจารย์หนุ่ม ตัวอย่างก็มีให้เห็น อยากเป็นอย่างนี้รึไง

                    “ตอนนี้การศึกษาไทยยังไม่ทั่วถึง  เด็กๆ ยากจนอีกมากที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ” รอยยิ้มอ่อนหวาน หากน้ำเสียงฉาดฉานและตางามคู่นั้นเป็นประกายแน่วแน่นัก “อยู่ที่นี่ชายเห็นมาหมดค่ะหม่อมย่า  เด็กตัวเล็กๆ ต้องออกไปทำนา เลี้ยงควาย  ทั้งที่วัยเท่านี้พวกเขาควรอยู่ในห้องเรียน”

                    ท่านชายอาทิตย์อดมองบุตรชายอย่างทึ่งมิได้  วงหน้าเอี่ยมสำอาง  หากดวงตาแกร่งกล้าหนักแน่นนัก ไม่เบาๆ

                    “ได้อย่างไรกัน! ฉันไม่ยอมหรอกนะ!” หม่อมดาราแหวลั่น  ทีท่าจะยาวจนท่านทูตต้องตัดบท

                    เรื่องของอนาคต อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย

                    สุภาพสตรีสูงศักดิ์พื้นเสียมิรู้หาย  เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปสิ้น  ไม่เว้นกระทั่งเสียงช้อนกระทบแก้วจากอาจารย์หนุ่มฝั่งตรงข้าม อย่าคนแก้วดังสิพ่อ  ผู้ดีเขาไม่ทำกัน”  

                    เลอมานมองหน้าเก้อกระดากของคนรักอย่างเห็นใจสุดแสน  คนแก่บางครั้งก็พาลพาโลเป็นเด็กๆ

                    “อาจารย์มือหนักน่ะค่ะ ปกติจับแต่ชอล์คกับไม้เรียวคุณชายพยายามแก้เกี้ยว  หากหลุดปากออกไปแล้วจึงได้รู้ว่าพลาดมหันต์

                    ไม้เรียวรึ! ตายจริง!” เสียงโอดแหลมสูง โตเป็นหนุ่มกันแล้วยังต้องลงไม้กันอีกรึนี่!”

                    “ช่างหม้อตีหม้อไม่หวังฉาน ดั่งอาจารย์ตีศิษย์ให้วิทยานะหม่อมย่า” ผู้เป็นบิดาเสียอีกกลับแย้มโอษฐ์สรวลราวทองไม่รู้ร้อน “โบราณยังว่าไม้เรียวสร้างคน”

                    หม่อมย่าค้อนควักไปหนึ่งที  ก่อนหันมาคาดคั้นกับอาจารย์หนุ่ม แล้วเคยตีหลานฉันหรือเปล่า!”

                    เลอมานอึกอักพิพักพิพ่วน  ส่วนคนึงขึงหน้าตึงเรียบราวไร้อารมณ์ใด  และแล้วทั้งคู่ก็เปล่งเสียงพร้อมเพรียงกัน

                    “ไม่เคยครับ/ เคยครับ

                    สุภาพสตรีสูงศักดิ์หรี่ตามอง  การณ์มันพิกลอยู่  หลานรักปฏิเสธว่าไม่  แต่อาจารย์กลับยืดอกรับเสียอย่างนั้น  ไม่โจทย์ก็จำเลย  ต้องมีฝ่ายหนึ่งมุสาแน่ละ  แต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ  โจทย์ให้การปกป้องจำเลยเสียอย่างนั้น

                    ดูท่า.. อาจารย์บ้านนอกลูกชาวนาคนนี้  จะมีอิทธิพลกับเลอมานเอาการ

     

    ******************************

                   

                    หลังมื้ออาหารอันน่าอึดอัด  อาจารย์หนุ่มลอบถอนใจแผ่วเบา  หมายจะบรรเทาความอัดอั้นในอกลงสักนิด  หากไม่ทันไร  ก็มีเหตุให้หนักอกดังยกภูเขาหลวงประดังเข้ามาอีกระลอก

                    จู่ๆ หม่อมดารา ชายากรมหลวงบูรพพิบูลย์ศักดิ์ ก็เอ่ยปากอยากให้เขาพาเที่ยวชมโรงเรียน.. ตามลำพัง!?

                    คนึงจะทำเช่นไรได้  ได้แต่เพียงรับคำอย่างสุภาพ  ผายมือเชื้อเชิญสตรีผู้มากยศย่างเยื้องดำเนินไป  จากปลายหางตา  ยังเห็นคนรักมองมาอย่างห่วงใยสุดแสน  เยื่อใยที่ถ่ายทอดมายังคงเหนียวแน่น  แต่เหตุใด  เหมือนห่างไกลออกไปทุกที 

                    จะขาดรอนลงวันใด.. หัวใจอาจารย์บ้านนอกจนๆ คนหนึ่งไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

     

                    ดีที่ต้นมะม่วงใหญ่ใบดกหนาให้ร่มเงาปกคลุมเป็นแนว  หาไม่อาจารย์หนุ่มคงต้องหาร่มมากางให้หม่อมดาราเป็นแม่นมั่น  เขาชี้มือให้ดูแนวร่องผักเขียวขจี  ผลิตผลของชมรมกสิกรรมที่แสนภาคภูมิใจ  ผู้เป็นแขกกลับปรายตามองเพียงนิด  และแล้ว.. คนที่เอ่ยปากว่าอยากให้พาชมโรงเรียน  กลับเป็นฝ่ายเดินนำมาหยุดที่ศาลาท่าน้ำ  

                    ลมเย็นเหนือผิวคลองพัดพากลิ่นชื่นมากระทบหน้า  หากหม่อมดาราคงมีอะไรบางอย่างระอุอยู่ในอก  มือเหี่ยวย่นจึงคว้าพัดไม้จันทน์จากกระเป๋าถือมาโบกพรึ่บพรั่บ  ท้าวเธอปรายตามองม้านั่งไม้อย่างแคลงใจในความสะอาด  ก่อนหันมาทางอาจารย์หนุ่ม  ในดวงตามีคำสั่ง  วินาทีนี้.. เขาพึงรู้หน้าที่ของตน  

                    มือใหญ่ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีเข้มจากกระเป๋ากางเกง  ใช้เช็ดที่นั่งหรือแค่เช็ดคงไม่สะอาดพอ  อย่ากระไรเลย  คนึงค่อยๆ คลี่ผ้าผืนบางลงบนผืนไม้  ก่อนผายมือเชื้อเชิญ 

                    อนงค์ผู้ทรงศักดิ์หย่อนตัวนั่งทันทีไม่รีรอ 

                    แล้วเขาเล่า.. จะยืนหัวโด่ค้ำหัวผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาทยิ่ง  เขาเม้มริมฝีปากแน่น  ค่อยๆ ทรุดกายลงพับเพียบกับพื้นไม้กระดาน  จะมีที่ใดเหมาะกับผู้ต่ำต้อยมากไปกว่านี้เล่า

                    แม้ชราภาพหากหม่อมดารายังงามสง่าทุกท่วงท่า  ลำตัวตั้งตรง  หน้าเชิด  ดวงตาคมกริบทอดมองน้ำคลองไหลเอื่อย ฉันอยากถามอะไรสักหน่อย  รบกวนครูตอบฉันมาตามตรง

                    ขอรับคนึงทำได้เพียงรับคำอย่างอ่อนน้อม

                    “ชายเล็กเธอเป็นลูกชายคนเดียวของท่านชายอาทิตย์อารัมบทเริ่มขึ้น  ผู้ฟังไหวยอกในอกขึ้นมาอย่างประหลาด พอจะจับทิศทางการสนทนาครั้งนี้ได้เลาๆ คงจะทราบดี

                    “ขอรับ

                    “อยู่ที่นี่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหลานฉันบ้างหรือเปล่าผู้มากวัยยิงคำถามเข้าเป้า  นั่นปะไร  เขาเดาไว้ไม่มีผิด 

                    ไม่มีขอรับ

                    เขามิได้มุสา  ที่นี่.. ไม่มีผู้หญิงมาเกาะแกะหม่อมราชวงศ์เลอมานจริงๆ  จะมีก็เพียง.. เขา.. อาจารย์บ้านนอก  ลูกชายชาวนา  หมาวัดที่ชื่อคนึง วนาสัยคนนี้

                    “แน่ใจนะดวงตาคมกริบหรี่มอง  หากเห็นใบหน้าแน่วแน่แล้วก็ถอนใจพรู เฮ้อ ได้ยินครูพูดแบบนี้ฉันค่อยเบาใจชายเล็กเธอเป็นผู้สืบสกุลบูรพวงศ์ ท่านชายตั้งความหวังไว้สูง คู่ครองก็ต้องเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกัน

                    อาจารย์หนุ่มอับจนถ้อยคำ  สายตาหลุบต่ำจับจ้องแต่รองเท้าส้นสูงหนังมันปลาบประดับอัญมณีของสตรีผู้สูงศักดิ์  เทียบกับเสื้อสีกากีที่เริ่มซีดจางของตน

    ต่ำชาติและปราศนรุปถัม     ภกช้ำอุรายาว

    แร้นทรัพยะยับยศ ณ คราว ทุกขกว้างบ่บางเบา

    ความจริงท่านชายอาทิตย์หาคู่หมายไว้ให้แล้ว  เป็นหม่อมราชวงศ์เหมือนกัน  เป็นกุลสตรีเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและชาติตระกูล  กลับไปอีหรอบเมื่อไรเห็นทีต้องหมั้นหมายกันให้เป็นเรื่องเป็นราว ถ้อยคำหลากมาดั่งน้ำไหล กัดเซาะตลิ่งหัวใจคนฟังทีละนิด ฉันก็กลัวแต่ช่วง ๑ ปีที่อยู่ที่นี่ คุณชายจะไปคว้าพวกไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเสียก่อน

    มือใหญ่ที่วางบนตักกำแน่น  ทอดมองท้องน้ำสีน้ำตาลไหลเอื่อยนิ่งงัน

    แค้นใจบ่ใส่ชลกะโหลก       บ่ชะโงกจะดูเงา

    น้ำหน้ากะลาศิรษเรา         ฤจะหมายตะกายสูง

                    “คุณชายเลอมานเธอเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นสุภาพบุรุษอ่อนหวานให้เกียรติผู้หญิง แม่พวกสาวๆ เลยตามฝากรักกันตั้งแต่อีหรอบยันพระนคร สาวๆ น่ะไม่เท่าไร แต่พวกหนุ่มๆ นี่สิ หึ พูดแล้วขนลุกมือเหี่ยวย่นลูบแขนตน ตีสีหน้าขยะแขยงเต็มประดา อยู่อีหรอบ ชายเล็กพักโรงเรียนประจำ วันดีคืนดีเกิดมีเรื่องชกต่อยกัน มีรุ่นพี่ผู้ชายมาเกี้ยว คนของเราไม่เล่นด้วยเลยฟาดปากเข้าให้ เป็นเรื่องเป็นราวถึงห้องผู้อำนวยการ ท่านชายปิดโอษฐ์เงียบ ดีนะที่ฉันไปรีดจากนายชานนท์มาได้ ถึงได้รู้เรื่อง”

                    อาจารย์หนุ่มได้แต่ก้มหน้า  ดั่งพร้างัดปากไม่ออก

    “นี่ก็โรงเรียนชายล้วนเหมือนกันนี่ หวังว่าคงไม่มีพวกวิปริตผิดเพศแบบนั้นนะ ท้าวเธอหันมาจ้องหน้า ชนักที่กลางหลังฝังลึกลงยังตำแหน่งหัวใจ

                    จะว่าไปครูก็เก่งนะ ปกติคุณชายเธอไม่เคยยอมใครจริงๆ แต่ดูจากวันนี้ ท่าทีเธอก็เชื่อฟังครูอยู่เอาการ  ฉันอยากจะฝากครูช่วยดูแลหลานฉันด้วย คอยระแวดระวังให้ที อย่าให้พวกไม่มีสกุลรุนชาติที่ไหนมาเกาะแกะเธอได้ ถ้อยวจีชื่นชมอย่างจริงใจ หากประโยคถัดไป  ยังให้คนฟังแทบกระอัก

                    ฉันจะให้ค่าจ้างครูเป็นพิเศษ

                    ฟ่อนธนบัตรสีแดงใหม่เอี่ยมในมือเหี่ยวย่นนั้น  เพียงคะเนด้วยสายตาคร่าวๆ  คนึงก็รู้ว่ามันมากกว่าเงินเดือนทั้งปีของเขาเสียอีก 

                    เงินจำนวนนี้.. คือค่าจ้าง.. ให้เขาทุ่มเทปกป้องหม่อมราชวงศ์เลอมานด้วยใจจงภักดิ์

                    ปกป้องจากพวก ไม่มีสกุลรุนชาติเช่นเขา..

                    ชายหนุ่มรู้สึกราวหัวใจรักแห่งตนถูกตีราคา  เทียบเท่าเพียงเศษเงินของศักดินา

    เจ็บปานปืนนายต้อง  ตำพักตร์

                   

                    “ผม.. ผมรับไม่ได้ขอรับ” เสียงห้าวสั่นพร่าดั่งมีก้อนแข็งแล่นลามขึ้นจุกอก  มือกำแน่นจนสั่นสะท้าน

                    “อย่าเล่นตัวนักเลยพ่อ” สุ้มเสียงท้าวเธอหงุดหงิด “รับไว้  พ่อจะได้มีเงินส่งไปให้พ่อแม่ที่บ้านนอก  ลำพังเงินเดือนครูจะมีเหลือเก็บสักกี่มากน้อย” มืออันประดับเครื่องเพชรพราววางฟ่อนเงินนั้นไว้กับม้านั่ง  ก่อนลุกขึ้นกรีดกรายจรลีกลับไปยังเรือนอาจารย์ใหญ่  ทิ้งอาจารย์หนุ่มนิ่งงันเบื้อใบ้ไว้ลำพัง

    ลมชายคลองพัดมาวูบหนึ่ง  ผ้าเช็ดหน้าไพร่ที่ปูรองให้ประทับขยับพะเวิบก่อนปลิดปลิวลอยคว้าง  ร่อนลงแตะผิวน้ำไหลเอื่อย  หากเงินฟ่อนที่ราชนิกูลวางให้กลับยังอยู่ที่เดิม  คนึงมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันหลังเดินจากไป  ไม่แตะต้องเงินนั้นแม้ปลายนิ้ว 

     

    คางคกผงกมุขเผยอ           จิตเห่อจะปีนยูง

    เป็นหมูจะคู่อศวจูง             จรได้ไฉนนา**

     

                    ขายาวๆ พาร่างเลื่อนลอยมาหยุดอยู่แถวเรือนอาจารย์ใหญ่  ที่แคร่ไม้รวกตีนบันได  หม่อมราชวงศ์เลอมานหัวร่อต่อกระซิกกับเลขาท่านทูต  ท่าทีสนิทสนมกันยิ่งนัก 

                    รัศมี ผู้ดีเรืองรองหัวจรดเท้า  อ่าอำไพจนคนึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้  เกรงกลิ่นโคลนสาบควายในสายเลือดจะทำให้มันหม่นลง 

                    “โอ้โห กล้องถ่ายรูป!” ดวงตาสุกใสเบิกกว้าง  ก่อนโผเข้ากอดคอคนตัวสูงกว่า พี่ชานนท์ซื้อให้ชายหรือ

                    “พี่แค่เป็นคนไปซื้อ สายตาละมุนละไม  มือใหญ่ขยี้เรือนผมเด็กขี้อ้อนอย่างมันเขี้ยว ส่วนคนออกเงินน่ะ  ท่านพ่อของชายเล็กนู่น

                    ของเยอรมันเสียด้วย  แบบที่ชายอยากได้เลยแล้วทั้งคู่ก็ศึกษาวิธีใช้กันกระหนุงกระหนิง  แก้มแทบจะชิดแก้มอยู่รอมร่อ 

                    ผู้ลอบมองจากมุมห่างไกลเม้มริมฝีปากแน่น  ต้องผู้ชายอย่างนี้สินะ  จึงจะ มีสกุลรุนชาติคู่ควรกับคุณชายเล็ก 

                    หากทันใดฟันเฟืองความคิดหยุดกึง!

                    ผู้ชายคู่ควร 

                    มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!  เขาคิดบ้าอะไรออกไป?

                    กับผู้ชายที่ศักดิ์ทัดเทียมกันยังเป็นไปไม่ได้  แล้วผู้ชายที่ค่าด้อยเพียงดินเช่นเขาเล่า

                   

                    “อาจารย์!” เลอมานหันมาเห็นเขาเข้า  เสียงใสร้องเรียกพร้อมวิ่งตื๋อเข้ามาหาทันใด  วงหน้าอ่อนเยาว์เริงร่าเหมือนเด็ก  ชูกล้องถ่ายรูปราคาแพงในมือขึ้นอวดอย่างภาคภูมิใจ อาจารย์ดูสิ  ท่านพ่อซื้อให้เล็กเป็นรางวัล

                    อาจารย์ยิ้มฝืดฝืน สวยดี

                    เดี๋ยวเล็กจะเอาไปอวดพวกเพื่อนๆ  พวกนั้นต้องชอบแน่เพื่อนๆ? คงหมายถึงจ้อย สง่าและสันติ แล้วจะถ่ายรูปให้หมดทุกคนเลย  ถ่ายรูปอาจารย์ด้วย

                    ดวงตาอ่อนระโหยมองกล้องถ่ายรูปใหม่แกะกล่องในมือขาว  รอยปั๊มนูนเป็นตัวอักษร Leica บนฝาปิดเลนส์  โวคาไนท์สีดำเป็นมันตัดกับโลหะสีเงินวาว  สายคล้องหนังถัก  ราคามันจะสักปานใด  เงินเดือนเขาทั้งปียังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำกระมัง 

     

    ******************************

                   

                    ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งในอากาศ  ท่านชายอาทิตย์คลึงบุหรี่กลีบบัวในมือไปมา  รสชาตินุ่มละมุนยังตรึงปลายลิ้น  หอมกลิ่นดอกปีบอ่อนๆ  บุหรี่ฝรั่งยี่ห้อไหนก็สู้ไม่ได้ 

                    เมียลื้อยำบุหรี่อร่อยว่ะสุรเสียงชื่นชมจากใจ  ก่อนจรดมวนสูดควันเข้าโอษฐ์อีกรอบ  ณ ระเบียงไม้เรือนอาจารย์ใหญ่  เหลือเพียงเจ้าของบ้านกับแขกกิตติมศักดิ์ตามลำพัง

                    ขอบพระทัยกระหม่อมร่างอ้วนท้วนค้อมศีรษะรับ   

                    ลื้ออย่าดัดจริตกลักไม้ขีดในหัตถ์บินหวือ  อาจารย์คว้าหมับรับไว้ทันก่อนมันจะกระทบหัว  หัวเราะจนพุงกระเพื่อม อยู่กันสองคน เรียกกันเหมือนก่อนเถอะว่ะเช้า

                    น้ำเสียงที่ใช้  นามกรที่ไม่มีใครเรียกบ่อยนัก  บ่งบอกถึงความสนิทชิดเชื้อ

                    เมียลื้อสวยนะท่านทูตปรายตามองหญิงวัยกลางคนที่ก้มๆ เงยๆ เก็บดอกบานชื่นให้หม่อมย่าเบื้องล่าง  ริมฝีปากพ่นควันเป็นสายยาว 

                    “สวยสู้เมียเจ้าไม่ได้หรอก อาจารย์ปรีชามีรอยยิ้มเปื้อนหน้าตลอดเวลา  ดูลูกชายสิยังงามขนาดนี้  แม่เล่าจะงามขนาดไหน

                    หม่อมเจ้าอาทิตย์แย้มสรวล ลื้อนี่ยิ่งแก่ยิ่งอ้วนกำปั้นแข็งตุ๊ยพุงหยุ่นๆ ไปที ตอนหนุ่มๆ พระเอกยี่เกยังอาย

                    สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงอาจารย์สอนเจ้าเข้าให้ ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง.. เจ้าเอ๋ย  ทุกอย่างนั่นแหละ

                    บุรุษสูงศักดิ์มองสหายเก่าเต็มตา  จากหนุ่มน้อยนักเรียนครูสะโอดสะอง  วันเวลาผันผ่านกลายเป็นผู้อำนวยการตัวอ้วน  หากแววตายังแจ่มใสและยังชอบพร่ำสอนเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนไม่มีผิดสิน่า

                    ท่านชายกระแอมไอ  ปล่อยให้อดีตลอยผ่านไปกับสายลมโชยพัด 

                    จริงสิทรงเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ยุ่งยาก.. เรื่องชายเล็ก

                    “หือ?” ใบหน้าอ้วนอูมย่นคิ้วผูกเป็นโบ 

                    “ตอนแรกบอกว่าชายเล็กจะเดินทางมาวันนั้น  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา  เลื่อนกำหนดการออกไปสามวัน  แถมทางอั้วะยังไม่ได้แจ้งล่วงหน้าด้วยท่านชายเท้าความไปถึงเมื่อราวครึ่งปีก่อน ทางนี้เลยส่งคนไปรับเก้อเลยสินะ  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ  คนที่ไปรับชายเล็กใช่อาจารย์คนึงหรือเปล่า

                    “อืม..

                    “เดี๋ยวอั้วะต้องขอโทษเขาสักหน่อย  ฐานที่เจ้าเล็กทำเสียเรื่อง  ทำป่วยการเมืองไม่ยอมมา  เสียเวลาคนอื่นเขาแท้ๆ

                    “อาจารย์คนึงไปรับเที่ยวหลัง  เที่ยวแรกน่ะ.. อีกคนนึงอาจารย์ปรีชาดันแว่นขึ้นสันจมูก  แววตาแจ่มใสหายไป  คงไว้แต่ความจริงจัง ชื่อจินดา  เป็นอาจารย์ฝึกสอน

                    “งั้นหรอกรึท่านทูตครางในคอ เขาอยู่ไหมเล่า  อยากจะขอโทษจริงๆ  เรียกมาพบหน่อยเป็นไร

                    ร่างอ้วนท้วมขยับตัวอึดอัด คือ.. จินดาเขา..

                    “ท่านพ่อ!!” คำตอบถูกขัดด้วยเสียงสดใสเจื้อยแจ้วมาก่อนตัว  ตามด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังจนเรือนไหว  ผู้เป็นบิดาส่ายพักตร์หน่าย  เลอมานฝืนสำรวมได้ไม่เท่าไร  กริยาแบบฝรั่งที่ติดตัวมาก็เปิดเผยเสียแล้ว 

                    วงหน้าอ่อนใสยิ้มร่า  ถลาเข้ามากอดชนิดทรงตั้งตัวไม่ทัน  ขอบคุณครับสำหรับของขวัญ  ชายอยากได้มานานแล้ว

                    อาจารย์หนุ่มเดินติดตามเข้ามาทรุดนั่งลงข้างอาจารย์ใหญ่  ภาพที่เห็นตรงหน้า  หม่อมเจ้าอาทิตย์ดุบุตรชายคนเดียวโทษฐานวิ่งบนเรือน  หากพอเจอรอยยิ้มออดอ้อนเข้าไป  มือใหญ่นั่นก็ยีเรือนผมสีอ่อนด้วยความเอ็นดู  เป็นนายแบบจำเป็นให้หม่อมราชวงศ์เลอมานถ่ายรูปด้วยกล้องใหม่ไปโดยปริยาย 

                    คนึงมองเลอมานเต็มตา จะมีใครรู้ไหม  ในความจองหองไว้ตัวและเอาแต่ใจ  สิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวและเปราะบางว่ายวนอยู่ในดวงตาเย่อหยิ่งคู่นั้น 

                    อีกครั้งแล้วในชีวิต  ที่อาจารย์หนุ่มสับสนวุ่นวายใจอย่างหนัก  เหมือนเจอคลื่นซัดซ้ำซ้อน  ลูกแล้วลูกเล่า  แช่มึนอยู่ในน้ำ  ไม่ใช่ทะเลที่เอาแน่เอานอนไม่ได้  หัวใจตนเองต่างหาก 

                    จะถอยหลัง  หรือจะเดินหน้าต่อ  ในอกยังวกวนว้าวุ่น  เวิ้งฟ้าฟากสมุทรว่ากว้างใหญ่ยังพอหยั่งถึง  แต่ที่ไม่อาจคาดคะเนคือใจตนเองนี่แหละ

                    จะทำฉันใดดีนะอกเอ๋ย 

     

                    สองพ่อลูกผู้สูงศักดิ์ถ่ายรูปกันสำราญใจ  เลอมานจูงแขนท่านชายพาไปหามุมสวยๆ  ฉากหลังเป็นคลองใสไหลเย็น  อาจารย์ปรีชาทอดถอนใจ  คำตอบที่ไม่ทันได้ตอบยังติดตรึงอยู่ในหัว

                    อาจารย์คนึงเสียงเรียกแผ่วเบา คือ.. เรื่องจินดาน่ะ

                    ชื่อนั้นสั่นสะเทือนหัวอกคนได้ยินนัก 

                    “นี่มันก็นานมากแล้วนะ  ไม่เห็นทำบุญร้อยวันเสียที  ครอบครัวเขาขาดเหลืออะไรหรือเปล่าอาจารย์ปรีชาว่าจริงจัง  สีหน้าปนเปกันอยู่ระหว่างเคร่งเครียดและอาลัย  ในขณะที่คนึงตัวชาวาบ

                    เขา.. เขาลืมไปด้วยซ้ำว่าจินดาจากไปเกินร้อยวันแล้ว!

                    ไม่สิ.. นี่มันจะล่วงเข้าสองร้อยวันแล้วกระมัง    

                    ทำบุญให้เขาหน่อย  วิญญาณเขาจะได้ไปสู่สุคติ  เดี๋ยวจะน้อยใจ  ว่าเรามีคนใหม่แล้วลืมคนเก่า

                    แน่ละ.. คนใหม่คนเก่าของอาจารย์ปรีชาหมายถึง ครูฝึกสอนทว่าในความรู้สึกของคนึง  คำนั้นกินความหมายลึกล้ำนัก 

                    ‘คนรักเก่ากับ คนรักใหม่

                    ใช่.. เขารู้ตัว  เขาเป็นผู้ชายสารเลวที่คนรักเก่าตายจากไปไม่ทันไร  ก็เปิดใจรับคนรักใหม่เข้ามาแทนที่  คนรักใหม่ที่ว่า.. เป็นคนที่ผู้ใหญ่ฝากฝังให้เขาดูแลเป็นศิษย์  ซ้ำยังเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ 

                    ระหว่างเขากับเลอมาน  ไม่ว่าจะมองทางใดก็เห็นแต่ความไม่ถูกไม่ควร  ผิดทำนองคลองธรรม ผิดประเพณี ผิดจารีตสังคมไปเสียสิ้น  ซ้ำยัง.. ผิดวาจาที่เคยให้ไว้กับใครคนหนึ่ง 

                    มือใหญ่บนตักกำแน่นจนกางเกงสีกากียับย่น  เมฆหมอกคละคลุ้มในอกเริ่มคลี่คลาย  เปิดเผยให้เห็นทางออกที่เขาควรเลือก  ชัดเจนขึ้นทุกที..

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

    *ศักดินากับยาจก, จงรัก จันทร์คณา คำร้อง, ธานินทร์ อินทรเทพ ขับร้อง

     

    **นิทานเวตาล     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×