คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่่ ๔ : ดอกฟ้าร่วง
มองสูงส่งเกินตา เอื้อมมือสูงกว่าใดๆ
ต่อตายแล้วมาเกิดใหม่ร้อยพันชาติใดไฉนได้แต่คอย
หากว่าดอกฟ้าไม่โน้มลงมาจากฟ้าสักหน่อย
หวังดินเหินลอย ดินนั้นจะคอย จะลองเอื้อมสอยดูที*
แม้จะค่ำแล้วแต่ตลาดหัวรอก็ยังคึกคัก อาคารไม้เรียงรายสองฝั่งถนน ร้านขายอาหารตั้งเต็มบริเวณ จุดไฟสว่างไสว มีอาหารสารพัดอย่างทั้งคาวและหวาน ชาวเมืองนั่งกันตามโต๊ะเล็กๆระหว่างร้าน ง่วนอยู่กับการรับประทานและสนทนา พวกนายสิงห์พาหม่อมราชวงศ์เลอมานแวะร้านขนมหวานที่แม่ค้าโฉมงามเป็นที่เลื่องลือ ไอ้ลอยสั่งซ่าหริ่มมาให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ลองชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต
ซ่าหริ่มสีสวยหอมหวานชื่นใจ นั่งดูพวกนายสิงห์เกี้ยวแม่ค้าแล้วก็ดูครึกครื้นดี ไอ้ลอยก้มหน้ากระซิบว่าวันนี้เจ้าหล่อนเล่นหูเล่นตาเป็นพิเศษ สาเหตุก็เพราะมีเขานั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
จากนั้นพวกนักเลงหนุ่มพาเขาไปที่โรงไม้เตี้ยๆใกล้ถนนสายใหญ่ของเมือง ภายในนั้นมีโต๊ะบิลเลียด ๒ โต๊ะ ไม่มีเครื่องตกแต่งอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น แต่ไฟนั้นเปิดสว่างเป็นพิเศษ ชายหนุ่มนับสิบในนั้นต่างทักทายพวกนายสิงห์อย่างคุ้นเคยกันดี
“บิลเลียดเป็นเกมของอังกฤษนี่ คุณชายเล่นเป็นไหม” ใบหน้าคมคร้ามของไอ้ลอยก้มลงถามใกล้ชิดเสียจนหน้าแทบชนกัน เลอมานเข้าใจว่าเพราะเสียงดัง อีกฝ่ายจึงต้องก้มลงมาพูดใกล้ๆ คุณชายสารภาพว่าเล่นไม่เป็นและขอเป็นผู้ดู ก่อนเดินตามนายสิงห์ที่ผายมือเชื้อเชิญนั่งที่โต๊ะ
ไอ้ลอยขยับคอเสื้อกระพือไปมาปากก็บ่นว่าร้อนอบอ้าว มือใหญ่แกะกระดุมสลัดเสื้อเชิ้ตเนื้อบางออก อวดแผ่นอกสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามประดับรอยสักเสือเผ่นผาดโจน หันมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลใสพลางยักคิ้วยั่วล้อ
หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะมองเกมบิลเลียดดำเนินไป นึกทึ่งในเรือนร่างสมชายชาตรีเช่นลอยและสิงห์นัก ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าวันใดที่เขาเป็นหนุ่มฉกรรจ์ก็คงได้เป็นเจ้าของรูปร่างแบบนี้บ้าง แม้ความหวังจะค่อนข้างริบหรี่ เพราะแม้จะมีเชื้อฝรั่งอยู่เศษเสี้ยว แต่ตนก็ได้ทางแม่ที่บอบบางนุ่มนวลมากกว่าทางพ่อที่องอาจสูงใหญ่
ของเหลวสีอำพันในแก้วตรงหน้าพร่องไปเรื่อยๆ บรรยากาศในโรงบิลเลียดก็ครึกครื้น ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ เสียงกริ๊กของไม้กระทบลูกสลับกับเสียงร้องเฮเป็นระยะ ลอยสาวคิวแทงลูกลงหลุมได้แม่นยำเหมือนจับวาง หัวใจมันพองคับอกทุกครั้งที่หันไปทีไรก็เห็นเจ้าของใบหน้างามหวานนั้นกำลังมองตนด้วยสายตาแสนทึ่ง
“คุณชาย ลองหน่อยซี” ร่างใหญ่หนาเดินตรงเข้ามายื่นไม้คิวให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์
“ไม่เอาๆ ฉันเล่นไม่เป็น” มือเล็กโบกวุ่นวาย ยิ้มเก่งและพูดเก่งกว่าปกติด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ออกไปเล่นก็ขายหน้าเขาเปล่าๆ”
“เถอะน่า ลองดู” ลอยคะยั้นคะยอ ยัดไม้คิวใส่มือบางพลางฉุดให้ลุกขึ้น เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว ดวงตาดำสนิทมองมือใหม่เอาชอล์กลูบมือและเช็ดหัวคิวเลียนแบบคนอื่นอย่างนึกเอ็นดู หัวเราะขำเมื่อร่างโปร่งบางทำหน้าเหมือนรู้ว่าการทำเช่นนั้นไม่ได้ช่วยให้แม่นยำขึ้นเลยหลังจากแทงลูกไปสองสามครั้ง..
“มา เดี๋ยวผมสอนให้” ร่างแกร่งอ้อมไปประกบด้านหลัง ออกแรงเล็กน้อยกดร่างบอบบางให้ก้มลงกับโต๊ะ สองร่างแนบชิดสนิทเนื้อ มือสัมผัสมือจัดท่าให้เข้าที่ อกทาบหลัง หน้าขาเบียดสะโพก
“ย่อขาซ้ายลง” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงกระซิบที่ริมหู เด็กหนุ่มในอ้อมอกพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย และเมื่อขาเรียวย่อลง ส่วนที่แนบชิดก็บดเบียดเข้าหายิ่งกว่าเดิม
ไอ้ลอยแว่วเสียงกลองรัวเร็วจากที่ไหนสักแห่ง หรือเสียงหัวใจของมันเองกันแน่
เพราะหัวโจกอย่างนายสิงห์โวยวายขึ้นมาว่าให้รีบกลับ เหตุเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจต้องไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้รายสำคัญที่ชื่อจ้อย พวกสมุนจึงต้องเดินโงนเงนแอ่นหน้าแอ่นหลังออกจากโรงบิลเลียดอย่างเสียไม่ได้
ลอยรับอาสาไปส่งคุณชายที่โรงเรียน มือใหญ่สะกิดร่างที่ฟุบหน้ากับโต๊ะให้ลุกขึ้น ทันทีที่ใบหน้าแดงก่ำเงยขึ้น ดวงตาปรือปรอย ปากบางสดฉ่ำส่งเสียงอ้อแอ้ ทำให้ใจคนเห็นยิ่งเต้นเร็วเป็นรัวกลอง
ดื่มแค่นี้ก็เมาเสียแล้ว น่ารักจริง..
ไทรอัมพ์แล่นเร็วในความมืด เลอมานเอียงหน้าหลบลม แก้มแนบแผ่นหลังชายหนุ่ม แขนเล็กรัดเอวแกร่งไว้แน่น ในความง่วงและความเมายังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ รู้สึกได้ว่ารถผ่อนจังหวะเบรกบ่อยๆ จนทั้งร่างร่นเข้าหาคนขี่ตลอดเวลา
จู่ๆ..
“โอ๊ย!”
รถหยุดกะทันหัน เลอมานคล้ายถูกกระชาก อกเบียดเข้ากับหลังกว้างของนักเลงหนุ่ม
“ขอโทษที” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เอี้ยวตัวมาดู “เจ็บหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าถามยานคาง “มีอะไร..”
“ปวดเบา” มันตอบเรียบๆ หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้าวขาลงจากรถเก้ๆกังๆ ลอยอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่การขยับตัวของฝ่ายนั้นแต่ละครั้งเหมือนร่างกายขยายใหญ่ขึ้น จึงกระทบกระทั่ง สัมผัสเขาตลอดเวลา
ชายหนุ่มเดินไปยังพงหญ้าข้างทาง หันหลังให้ถนน หันหน้าเข้าหาท้องทุ่งตะคุ่มเลือนราง ห่างบ้านเรือนและผู้คน เลอมานยืนพิงเบาะรถ เมินหน้าหนีภาพนั้น
..............................
..................
นานเกินไปหรือเปล่า?
เด็กหนุ่มตระหนักถึงความเงียบที่เงียบเกินไป ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือรูดซิปขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น จึงหันกลับไปดูอย่างสงสัย
สิ่งที่เขาเห็นคือการเคลื่อนไหวในความเลือนราง ชายหนุ่มกำลังตัวสั่นนิดๆ เงยหน้า สองแขนรัวเร็ว
วินาทีที่ยังสับสนกับภาพตรงหน้าว่าความฝันหรือความจริง ใบหน้าคมเข้มหันมาสบตา แล้วสะท้านขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณชาย..”
ริมฝีปากหนาขยับเช่นนั้น
**************************
อาจารย์คนึงยืนหน้าเครียดอยู่หน้าโรงเรียนตอนที่ลอยพาคุณชายเล็กไปถึง ร่างเล็กก้าวลงจากรถเดินโซเซ จนคนมาส่งต้องรีบปราดเข้ามาประคอง
“หายไปไหนมา” อาจารย์หนุ่มเอามือไหว้หลังถามเสียงเรียบ แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยโทสะฉายชัด กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งทำหน้าที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
“ม่ายต้องยุ่งง..” ใบหน้าหวานแดงก่ำถึงหู เสียงอ้อแอ้ยานคางบอกปัดอย่างก้าวร้าว
“ขอโทษทีอาจารย์ พวกผมแค่พาคุณชายไปเปิดหูเปิดตานิดหน่อย” ลอยคล้องแขนเล็กเข้ากับไหล่ตน มือหยาบกร้านโอบหมับที่เอวบาง “เดี๋ยวผมประคองคุณชายไปส่งให้เอง”
“ไม่ต้อง” อาจารย์หนุ่มกระชากข้อมือเล็กเข้าหาจนร่างโปร่งปลิวหวือติดอก “ขอบใจมากนายลอย กลับไปได้แล้ว”
นักเลงร่างใหญ่ขับรถเครื่องหายไปในความมืด เลอมานสะบัดข้อมือตนออกจากมือแข็งของอีกฝ่ายเพื่อจะเดินด้วยตนเอง คนึงมองเด็กอวดเก่งที่โซซัดโซเซไปได้ ๒-๓ ก้าวก็ล้มเผละพลางส่ายหน้าหน่าย
ถ้าอาจารย์ใหญ่ไม่ฝากไว้ ถ้านี่ไม่ใช่หน้าที่ เขาจะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่นอนกลางดินตากน้ำค้างเป็นอาหารยุงอยู่เสียตรงนี้ทั้งคืน
ร่างสูงใหญ่ตรงไปคว้าร่างที่นอนมึนงงอยู่บนพื้นขึ้นพาดบ่าแข็งแรง ไม่สนใจหมัดเล็กที่ทุบหลังไหล่อึกอัก ไม่สนใจเสียงอ้อแอ้ที่ก่นด่าประท้วง
“ปล่อยย.. ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ..ไอ้ครูบ้านนอก..บอกให้ปล่อย..ฉันเดินเองได้..ปล่อยซี่..”
คนึงโยนเจ้าเด็กดื้อลงบนเตียงอย่างไม่ถนอมสักนิด ดวงตาคู่สวยจ้องกลับอย่างเอาเรื่อง
“ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต ไปเที่ยวเล่นกับพวกนักเลงหัวไม้จนดึกดื่น แล้วก็เมามายกลับมา รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!” เลอมานตวาดใส่อย่างโอหัง “เป็นแค่ครูบ้านนอกกระจอกๆ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน แกรู้ไหมว่าฉันลูกใคร!”
ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ**
แม้อาจารย์หนุ่มจะรู้ว่าฤทธิ์สุราเสริมให้ความก้าวร้าวทวีคูณขึ้น แต่ถ้อยคำหยาบช้านั้นก็จุดไฟโทสะในหัวใจเขาจนเดือดดาล มือใหญ่กำหมัดแน่นขณะอีกฝ่ายผินหลังให้แล้วหลับไปทั้งกลิ่นเหล้า คราวนี้เขาคงปล่อยผ่านไปไม่ได้
เห็นทีจะต้องกำหราบเจ้าเด็กคนนี้ให้อยู่หมัดเสียแล้ว
**********************
เวลาตีสี่ เวลาที่ใครหลายคนกำลังนิทราอยู่บนที่นอนอย่างผาสุก แต่เวลานี้ตลาดสดกลับกำลังคึกคัก พ่อค้าแม่ขายเริ่มต้นทำมาหากินตั้งแต่แสงตะวันยังไม่อาบฟ้า ต่างคนต่างสาละวนจัดแผงร้านของตน รถเข็นขนผักสวนกันไปมา
จ้อยเองก็เช่นกัน
หนุ่มน้อยตื่นแต่ตีสาม เพื่อไปเก็บผักที่ตนปลูกในแปลงหลังโรงเรียน จากนั้นก็พายเรือที่บรรทุกผักสดมารับยายที่บ้าน แล้วสองยายหลานก็ล่องเรือมาด้วยกันถึงตลาด
แผงผักของยายช้อยไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็มีผักสดนานาชนิดจัดวางเต็มแผง ผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หัวไชเท้านั้นหลานชายเอามาจากโรงเรียน ส่วนฟักทองลูกโต กล้วยน้ำว้าเนียนสวย ยอดตำลึงเขียวสดนั้นเป็นของที่แกปลูกเองทั้งสิ้น
ตลาดจอแจคึกคัก ผู้คนเริ่มทยอยมาจับจ่ายซื้อของ ผักของจ้อยขายดีเพราะมีลูกค้าประจำมาเหมาซื้อไปทุกวัน ลูกค้าขาจรแวะเวียนมาบ้างเพราะได้รอยยิ้มสดใสจากพ่อค้าหน้ามนคอยเรียกลูกค้า
เหงื่อไหลอาบใบหน้าเนียนใสแต่เจ้าตัวเพียงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเพราะสองมือกำลังหยิบมัดตำลึงห่อใบตองให้ลูกค้ามือเป็นระวิง
“ได้แล้วจ้ะ” มือเล็กยังไม่ทันรับเงินมา ทว่า..
“เฮ้ย!”
เสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัว ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าเสียงใคร
“ขายดีไหมจ๊ะพ่อค้า” นายสิงห์และพรรคพวกสี่คนเดินอาดๆมายังแผงของจ้อยอย่างวางท่า ยกเท้าข้างหนึ่งวางบนแคร่วางผักอย่างหยาบคาย จ้อยได้แต่กำหมัดแน่นมองผักคะน้าที่เขาอุตส่าห์รดน้ำพรวนดินแหลกเละอยู่ใต้ตีนสกปรก
“พะ..พ่อสิงห์” หญิงชราละล่ำละลัก “งวดนี้ยายขอผัดไปก่อนนะพ่อนะ พ่อสิงห์ก็รู้ว่าจินดาเพิ่งสิ้นบุญไป จ้อยก็ยังเรียนไม่จบ แล้วเราจะไปเอาเงินมาจากไหน”
“ไม่สน! ถึงเวลาจ่ายดอกก็ต้องจ่าย อย่าเบี้ยว!” ลูกชายกำนันตวาดใส่ลั่นอย่างไม่กลัวเกรง จ้อยได้แต่กำหมัดนิ่ง กัดริมฝีปากแน่นจนแดงช้ำ
“แหม้..เสียดายนะที่เอ็งเป็นผู้ชาย” มือหยาบใหญ่บีบคางเล็กอย่างแรงจนหน้าเบ้ ยิ่งพยายามสะบัดหนียิ่งถูกบีบแน่น แม้กายจะอ่อนด้อยกว่าหลายเท่า แต่ดวงตาแข็งกร้าวชิงชังนั้นบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าหัวใจเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ “สวยๆอย่างนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคงเอาไปขายซ่องอีทองใบได้หลายตังค์ว่ะ”
ถ้อยคำหยาบโลนนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้พวกสมุนได้ฮาครืน ชาวบ้านหลายคนเริ่มมุงมองอยากรู้อยากเห็น จ้อยสุดจะทนได้อีกต่อไป
“ถุย!”
ปากแดงสวยถ่มน้ำลายใส่หน้าคนตัวโตอย่างไม่กลัวเกรง เหล่าคนมุงเฮลั่นด้วยความสะใจ นายสิงห์ตะลึงตาค้าง มือใหญ่ค่อยลูบหน้าขณะดวงตาคมแดงก่ำด้วยโทสะและความอับอาย
“ถุยน้ำลายใส่กูหรือวะไอ้จ้อย!” ตะคอกใส่แล้วกระชากคอเสื้อของนักเรียนร่างเล็กจนกระดุมกระเด็น จ้อยซวนเซตามแรงนั้น
ทว่า.. สายตาคมกร้าวกลับอ่อนลง และนิ่งค้างอยู่ที่แผ่นอกเนียน หน้าท้องขาวเรียบที่เปิดเผยออกมาพ้นเสื้อ
“มะ..มึง..กะ..กล้ามากนะ”
สิงห์แปลกใจนักที่พบว่าเสียงตนสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไอ้จ้อยมันต้องลงคาถาอาคมอะไรไว้ที่อกมันแน่ๆ มันไปสักเสือเผ่นลงน้ำมันกับอาจารย์สำนักไหน ถึงวิชาแก่กล้าข่มสิงห์เช่นเขาได้ง่ายดายเพียงนี้ แถมยังสักได้เรียบเนียนไม่เห็นรอยจนน่าเอามือลูบ
จ้อยดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแกร่ง แต่ยิ่งยื้อยุดเท่าไหร่ก็ยิ่งฉุดกระชากให้เนื้อหนังเปิดเผยต่อสายตาอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อรู้สึกได้ว่ามือใหญ่นั้นแข็งแรงราวคีมเหล็กแต่ดวงตากลับเหม่อมองลงต่ำ หลานยายช้อยจึงรวบรวมพละกำลังถีบโครมเข้าให้ที่กลางอกกำยำดังเปรี้ยง
“โอ๊ย!” นักเลงหนุ่มหงายหลังลงไปนอนจุกแอ้ดคลุกฝุ่น กลุ่มคนมุงส่งเสียงเฮลั่นอย่างสะใจ พวกไอ้ลอยเตรียมถลกแขนเสื้อเข้ามาช่วยลูกพี่ แต่กลับถูกห้ามไว้ “พวกเอ็งไม่ต้อง! ข้าจัดการเอง!”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหอบหนักจนตัวโยน จ้องมองลูกหนี้ร่างเล็กตรงหน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนถลันพรวดพราดเข้าใส่เหมือนเสือตะครุบเหยื่อ หากแต่เหยื่ออย่างจ้อยไม่มีวันเสียล่ะที่จะยอมให้เคี้ยวได้ง่ายๆ
สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางตลาด จ้อยออกมวยแมวใส่อย่างสุดชีวิตจนอีกฝ่ายต้องปัดป้องและออกแรงจนเหนื่อยกว่าจะกดร่างเล็กกว่าลงพื้นได้อย่างราบคาบ ร่างสูงใหญ่ขยับขึ้นคร่อมเอวเล็ก มือหนึ่งกดไหล่บางไว้แน่น ส่วนอีกมือกำหมัดเงื้อง่าขึ้นสูง..
เพื่อที่จะชะงักค้างเติ่งในอากาศ เพียงแค่ได้เห็นดวงตาใสๆจ้องมาอย่างหวั่นกลัวก่อนจะหลับตาปี๋
เอาอีกแล้วเหวย..
คราวนี้อะไรอีกวะ.. ใช่.. ไอ้จ้อยมันต้องลงนะหน้าทองมาแน่ๆ แค่จ้องหน้ามัน มือไม้คนไม่กลัวใครเช่นไอ้สิงห์ถึงได้อ่อนเปลี้ยเหมือนโดนของแบบนี้
“พี่สิงห์! ชักช้าทำไม ต่อยมันเลยพี่!” เสียงไอ้หมานเร่งเร้าอยู่นั่น สติลูกพี่ถึงได้กลับคืนมาแต่ก็ยังช้าไปกว่าจ้อย เมื่อเท้าเล็กยกขึ้นถีบยันเข้าซ้ำแผลเก่าจนคนตัวโตหงายหลังซ้ำอีกรอบ
เห็นลูกพี่นอนตัวงอโอดโอยอยู่กับพื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของชาวบ้านทั้งตลาด พวกลูกสมุนก็อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป ไอ้หมานและไอ้เลิศตรงไปคว้าร่างเบาหวิวขึ้นมายึดแขนไว้คนละข้าง ไม่ว่าลูกหนี้ตัวแสบจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด ไม่ว่ายายช้อยจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่ฟัง ไอ้ลอยต่อยกำปั้นใส่ฝ่ามือ ดวงตาคมวาวราวหมาป่าจ้องเหยื่อติดแร้ว
ไม่รั้งรอให้เสียเวลา มันเงื้อหมัดขึ้นสูงหวังกระแทกปากเด็กอวดดีให้หลาบจำ
“ไอ้ลอย..อย่า!!”
เปรี้ยง!!
ไอ้ลอยตาเหลือกเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นว่าคนที่มันวาดหมัดใส่จนลงไปนอนกองตรงหน้าคือลูกพี่สิงห์ ที่เอาตัวเข้ามาขวางทางกำปั้นเมื่อไรก็ไม่รู้
สิงห์ถ่มน้ำลายปนเลือดเค็มปร่าลงพื้น จุกที่ไอ้จ้อยถีบยังไม่ทันซาก็มาเจ็บเพราะไอ้ลอยชก ยังงงไม่หายว่าอะไรดลใจให้เขาพุ่งเข้ามาขวางทางหมัด หรือว่าไอ้จ้อยมันเลี้ยงกุมารทองแล้วปล่อยมาสิงใจเขา ร่างกายมันถึงปราดไปเองแบบนั้น มือใหญ่ปาดเลือดที่ไหลย้อยมุมปาก เห็นจ้อยมองมาหน้าตื่นเลิ่กลั่ก ยายช้อยก็มาเกาะแขนแกร่งเขย่าไปมา
“พ่อสิงห์เอ๊ย.. ยายขอละนะ อย่าทำจ้อยมันเลย จ้อยมันยังเด็ก” น้ำตาหญิงชราไหลพรากปานจะขาดใจ หารู้ไม่ว่าน้ำตาในหัวใจมันไหลโกรกเป็นน้ำตก เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แถมต้องมาถูกชาวบ้านรุมหัวเราะเยาะ
แก่เฒ่าแล้วหูตาฝ้าฟางหรือไงยายช้อย ไม่เห็นหรือว่าหลานยายไม่มีรอยขีดข่วนแม้กระผีกริ้น ในขณะที่คนได้แผลอยู่คนเดียวก็คือไอ้สิงห์ลูกกำนันเสริมคนนี้ต่างหากเล่า
*********************
คุณนายพูนทรัพย์นั่งมองใบหน้ายับเยินของลูกชายสุดที่รักแล้วส่ายหน้าหน่าย มืออวบขาวทาเล็บแดงสดประคองไข่ต้มปอกค่อยๆคลึงบนใบหน้าหล่อคมเบาๆ
“โอ๊ย! เบาหน่อยสิแม่” สิงห์โอดลั่นด้วยความเจ็บ น่าหมั่นไส้จนมารดาตีป้าบเข้าให้ที่ไหล่
“ลูกอีกำไลมันตัวเท่าลูกหมา ทำอีท่าไหนถึงได้หน้าช้ำขนาดนี้ยะพ่อสิงห์” ปากถามลูกชายแต่สายตามองปราดไปยังพวกสมุนที่นั่งตัวลีบอยู่ริมเสา
“ก็ไอ้พวกนี้สิ แส่ไม่เข้าเรื่อง” หัวโจกโบ้ยความผิดให้ลูกน้องเสียอย่างนั้น “บอกพวกมันแล้วว่าอย่ายุ่งๆ เสือกแห่กันเข้าไป หมาจนตรอกมันก็กัดไม่เลือกแบบนี้ละ”
ไอ้เลิศไอ้หมานหงอหัวหด มีแต่ไอ้ลอยที่ซ่อนรอยยิ้มหยันไว้ในดวงตา
คุณนายกำนันถอนใจเฮือก ยายช้อยค้างค่าดอกมาสองเดือนแล้ว ตอนที่ครูจินดายังอยู่ บ้านนั้นยังพอมีเงินส่งดอกได้บ้าง แต่สิ้นเสาหลักไปแบบนี้ เห็นทีรีดเลือดจากปูยังง่ายกว่าเก็บดอกจากยายช้อยเสียอีก โฉนดที่ดินของฝ่ายนั้นก็ยึดมาแล้ว ถ้ายังพิรี้พิไรท่ามากไม่ยอมจ่ายหนี้ อย่าหาว่าคุณนายพูนทรัพย์รังแกเด็กกับคนแก่ก็แล้วกัน
*********************
เช้านี้เลอมานตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวหนึบ หนักหัวเหมือนมีใครเอาค้อน ๑๐๐ ปอนด์ไปวางไว้ กว่าจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก็ลำบากแล้ว มือเล็กกุมหัว นิ่วหน้าครวญ หากแต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบอาจารย์ร่วมห้องนั่งไขว่ห้างจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“รีบไปอาบน้ำซะ เช้านี้ผมมีเรื่องต้องอบรมคุณ” ใบหน้าหล่อคมสั่งด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“ไม่” เด็กหนุ่มสะบัดเสียงใส่ ก่อนผินหลังให้เพื่อจะล้มตัวลงนอนต่อ ทว่าไม่อาจทำได้ดั่งใจเพราะมือแกร่งราวคีมเหล็กตรงเข้ามาคว้าแขนเขาไว้แน่น ออกแรงฉุดกระชากอย่างไม่ปรานีจนร่างโปร่งบางแทบตกเตียง
“ทำอะไร! ปล่อย!” เลอมานทั้งร้องทั้งดิ้น แต่รูปร่างที่ต่างกันเกินไปทำให้ต่อต้านอีกฝ่ายได้ยากเหลือเกิน ร่างสูงกว่าฉุดเขามาถึงบานกระจกที่ติดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เงาที่สะท้อนกลับมาทำให้เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ชะงักนิ่ง
เสื้อผ้ายับย่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
มือบางยกขึ้นลูบหน้าตน.. นี่ใคร.. ใช่เขาแน่หรือ
“ดูสารรูปตัวเองเสียบ้าง นี่น่ะหรือหม่อมราชวงศ์ นี่น่ะหรือลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูต จะทำอะไรหัดนึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณบ้าง” อาจารย์หนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้างามที่หันมาจ้องด้วยดวงตาเคืองขุ่น จนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนสั่ง.. “จะลงไปอาบเองดีๆหรือจะให้ผมลากลงไป”
มือหนาบีบข้อมือเล็กไว้แน่น เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะทำตามที่พูดได้ทุกเมื่อ
ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเด็กถูกขัดใจ ก่อนสะบัดมือเพื่อฉวยเสื้อคลุมแล้วไปอาบน้ำตามที่อีกฝ่ายต้องการ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เด็กหนุ่มใช้เวลาสำอางค์อยู่หน้ากระจกเช่นทุกที จนกระทั่งมีเสียงเข้มเรียกจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือ
“เป็นผู้ชายจะแต่งตัวอะไรนานนัก มานี่เดี๋ยวนี้”
มือที่กำลังจัดทรงผมอยู่ชะงัก กลอกตาขึ้นบน ทั้งถอนใจทั้งจึ๊ปากอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็เดินไปอย่างเสียไม่ได้ พบอาจารย์คนึงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ดวงตาสองคู่สบกันท่ามกลางความเงียบงัน
คู่หนึ่งจองหองท้าทาย
คู่หนึ่งเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำนิ่งสงบ หากแต่มีคลื่นรุนแรงปานใดอยู่ข้างใต้ไม่อาจรู้
“เมื่อคืนไปไหนมา” คนึงถามทำลายความเงียบ ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองไม่ลดละ
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ยักไหล่ เอียงคอยิ้มเยาะ “เรื่องของผม”
“ตอบ!!”
เสียงดังจนเขาเผลอสะดุ้ง นึกเคืองตัวเองนักที่ขวัญอ่อนง่ายดายเพียงนี้ ร่างโปร่งบางยืนเอามือไพล่หลัง พักขาไปมาด้วยความเมื่อยขบ เจ้าอาจารย์บ้านี่.. ใจคอจะให้เขายืนไปอีกนานแค่ไหนกัน
“ลูกชายกำนันกับพวกพาผมไปเที่ยวตลาด แล้วก็พาไปเล่นบิลเลียด จากนั้นก็พาผมมาส่ง” ตอบส่งๆไปซะมันจะได้จบๆเสียที
แต่เห็นทีเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้ว เมื่ออีกฝ่ายเทศนาสั่งสอนเขาเสียยืดยาวเรื่องที่ไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาตแถมยังเมากลับมา เรื่องที่คบหาสมาคมกับพวกนักเลงหัวไม้ และย้ำหัวตะปูแน่นหนาว่าต่อไปนี้ห้ามเขาออกไปนอกโรงเรียนตอนกลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตลอดการอบรม เลอมานเพียงกลอกตาเบื่อหน่าย ถอนใจเป็นระยะ เชิดหน้ามองไปทางอื่นอย่างยียวน
“รู้ตัวใช่ไหมว่าทำผิด” คนึงถามราวกับเข้าสู่บทสรุป เด็กหนุ่มจึงค่อยพาใจที่เลื่อนลอยไปไกลกลับมา ใกล้จบแล้วสินะ เขาทั้งเบื่อทั้งเมื่อยจะตายอยู่แล้ว
“อืม” เขาพยักหน้าส่งๆ ก่อนถามกลับ “ผมไปได้หรือยัง”
“ยัง” อาจารย์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางเดินเข้าหา แต่ไม้เรียวยาวเฟื้อยที่อีกฝ่ายถือติดมือมาด้วยนั่นมันอะไรกัน
“ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ จะได้หลาบจำไม่ทำอีก”
เด็กหนุ่มถอยกรูด มองไม้ยาวในมืออีกฝ่ายราวกับมันเป็นอาวุธประหัตประหาร นี่อย่าบอกนะว่า..
“ผมจะตีคุณ ๓ ทีให้สมกับความผิด” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งแววตาเอาจริงจนน่าขนลุก เลอมานตะลึง ตาค้าง อ้าปากหวอ
หูเขาไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม เจ้าอาจารย์บ้านนอกคนนี้จะตีบุตรชายคนเดียวของหม่อมเจ้าอาทิตย์ธวัชอย่างนั้นหรือ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเกินไปแล้ว
“คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์” เขาเถียงเสียงสั่นด้วยความโกรธ
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อท่านชายมอบหมายให้ผมเป็นครูของคุณ คุณอาจจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผม คุณนับเป็นศิษย์ และเมื่อศิษย์ทำผิด ครูก็ต้องลงโทษ” ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ในประกายตาคู่นั้นไม่มีความเมตตาสักนิด “ท่านชายส่งคุณมาดัดสันดาน ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ กอดอกเดี๋ยวนี้!”
ลูกชายท่านทูตหอบหนักจนสั่นไปหมดทั้งตัว มือเล็กกำหมัดแน่น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกใครหยามเกียรติถึงขนาดนี้
“หรือไม่ก็เลือกเอา ระหว่างให้ผมตีตรงนี้ หรือจะให้ผมรายงานความประพฤติคุณให้ท่านชายรู้”
“ท่านพ่อกับหม่อมแม่ยังไม่เคยตีผมเลยนะ คุณเป็นแค่ครูกระจอกๆคนหนึ่ง กล้าดียังไง ผมจะฟ้องท่านพ่อเรื่องคุณ”
หลุดปากออกไปแล้วเลอมานถึงได้รู้ตัวว่าเขาพลาดตกลงไปในหลุมที่ตนขุดอย่างโง่เขลาที่สุด
ถ้าเขาฟ้องท่านพ่อตามที่ขู่ คนึงก็ต้องฟ้องท่านพ่อเรื่องเขาเช่นกัน ไม่ต้องคิดให้เปลืองหัวก็รู้ได้ทันทีว่าท่านพ่อจะเชื่อใคร
“ก็ดี ผมจะใช้โทรศัพท์ที่ห้องธุรการโทรไปที่กระทรวงศึกษาก่อน แล้วค่อยทำหนังสือส่งไปสถานทูต” แววเหยียดหยันระยับในดวงตาคมคู่นั้น แถมเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปทำอย่างที่พูดจริงๆ
“เดี๋ยว!” เลอมานเรียกไว้ทันควัน กัดปากแน่นก่อนกลั้นใจเอ่ย.. “ก็ได้”
และเมื่ออาจารย์หนุ่มหันกลับมา ภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มร่างระหงส์ ยืนกอดอกเตรียมพร้อมรับโทษทัณฑ์ ใบหน้างามเชิดมองไปนอกหน้าต่างอย่างทระนงในศักดิ์ศรี แดดยามสายอาบไล้เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนจนเป็นประกายทอง
งามผิวประไพผ่อง กลทาบศุภาสุพรรณ,
งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน***
“อยากทำอะไรก็เชิญ” ตวัดเสียงขึ้นจมูกอย่างเย่อหยิ่ง แม้ในยามกิ่งฟ้าถูกเหนี่ยวโน้มลง
ผัวะ!!
ไม้เรียวฟาดลงบนสะโพกอย่างแรงจนร่างโปร่งสะดุ้งทั้งตัว ดวงตาเอาเรื่องหันขวับมาจ้องอาจารย์หนุ่มที่เอ่ยไม่ยี่หระ “ไม้ที่หนึ่ง โทษฐานที่ออกไปข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต”
ผัวะ!!
“ไม้ที่สอง โทษฐานที่สุมหัวเมามายกับพวกนักเลง” ไม้ที่สองตามติดลงมาทั้งที่ดวงตาคู่สวยวาววับยังจับจ้องด้วยความเคียดแค้น แม้จะเจ็บเพียงไรเขาก็ได้แก่กัดปากกลั้นไว้ จนกระทั่ง..
ผัวะ!!!
“ไม้ที่สาม โทษฐานที่หยาบคายกับอาจารย์อย่างผม” เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่าไม้นี้แรงและหนักกว่าสองไม้ที่ผ่านมา ความอดทนสิ้นสุด พังทลายลงไปพร้อมกับเกียรติที่ตนถือไว้
“ป่าเถื่อน!” ร่างเล็กกว่าตะคอกใส่ มือลูบเนินสะโพกตนป้อยๆด้วยความเจ็บ ดวงตาคู่สวยนั้นแดงก่ำ ไม่สนใจอาจารย์หลายคนที่มาออกันอยู่หน้าห้องเพราะเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งเรือน “รู้เอาไว้ซะด้วย ถ้าไม่เพราะท่านพ่อบังคับ ผมจะไม่มาเหยียบที่นี่เด็ดขาด ประเทศไร้พัฒนา ล้าหลัง หาความเจริญไม่ได้ ผู้คนก็หยาบคายป่าเถื่อนแถมยังโง่!”
อาจารย์หนุ่มถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำดูถูกที่ลามปามถึงแผ่นดินเกิด ทั้งที่คนพูดก็มีเชื้อสายไทยอยู่กว่าครึ่ง แบบนี้ไม่เท่ากับดูถูกทั้งคนอื่นและดูถูกบรรพบุรุษของตนเองด้วยหรือ
มือใหญ่กำไม้เรียวในมือแน่นจนสั่นสะท้าน ดวงตาเข้มงวดแต่เอื้ออารีที่ใช้มองนักเรียนทุกคน บัดนี้กำลังมองนักเรียนแสนพิเศษของตนด้วยความขยะแขยงเหมือนเศษสวะชิ้นหนึ่ง
“ดูถูกรากเหง้าของตัวเอง อย่าว่าแต่จะเป็นครูหรือนักเรียนที่ดีเลย เป็นคนดีก็ยังไม่ได้ กลับไปซะ คุณมันไร้ค่าทั้งต่อโรงเรียนนี้และประเทศนี้ ผมไม่ขอมีศิษย์อย่างคุณ และนักเรียนที่นี่ก็ไม่ขอมีครูอย่างคุณเหมือนกัน!”
“ผมไปแน่!”
โปรดติดตามตอนต่อไป
*ดอกฟ้าร่วง, สุรัฐ พุกกะเวส คำร้อง, วินัย จุลละบุษปะ - มัณฑนา โมรากุล ขับร้อง
** ขุนช้างขุนแผน, สุนทรภู่
*** มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตอบเม้นท์ค่ะ
ก้อยจ้า
เป็นคอมเม้นท์แรกของนิยายเรื่องนี้เลย และคุณก้อยก็ติดตามอ่านทุกครั้งที่ลงตอนใหม่ ขอบคุณมากเลยนะคะ
Sbbig
ขอบคุณมากค่ะ J
Killer มายา
เรื่องราวจะค่อยๆคลี่คลายปมทีละน้อยค่ะ และขอบคุณมากที่แอดเป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้ค่ะ
Chubby Cha
คนเขียนชอบเสพดราม่าค่ะ 55+ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
Aerins
ขอบคุณที่แอดเป็นแฟนพันธุ์แท้นะคะ ดีใจมากค่ะ เวลาผ่านไปคุณชายจะน่ารักขึ้นนะคะ รอดูๆ (เชียร์ลูกชายสุดฤทธิ์^^)
Munichblack
เด็กดื้อๆอย่างนี้ต้องโดนอาจารย์ดุๆปราบให้เข็ดค่ะ คอยติดตามนะคะว่าจะปราบยังไง ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่วิเคราะห์ได้โดนใจมากๆเลยค่ะ
ปล. นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองค่ะ ที่ไม่มีเรื่องอื่นในลิสต์เพราะเราเปลี่ยนนามปากกาให้เหมาะกับแนวเรื่อง นิยายเรื่องแรกของเราคือเรื่องนี้ค่ะ http://writer.dek-d.com/rain_or_shine/story/view.php?id=238654
•.★*[[ToNNaM]]*★.•
ขอบคุณที่สงสารคุณชายค่ะ จากฟีดแบ็คที่ลงไว้สองบอร์ด ส่วนใหญ่จะเกลียดคุณชาย ฮือๆ
Dekkoh
ขอบคุณที่ชอบ และขอบคุณที่แอดเป็นแฟนพันธุ์แท้ค่ะ
Xue Ye Lan
ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์นะคะ และขอบคุณมากที่แอดเรื่องนี้ ต่อไปคุณชายจะค่อยๆลดความหยิ่งลงมาแล้วค่ะ ของแบบนี้มันต้องค่อยๆปรับตัว เอาใจช่วยคุณชายนะคะ
Fruttare
แหะๆ เขินเลย ขอบคุณมากค่ะ >///<
Noody
ขิงก็ราข่าก็แรงค่ะ คนนึงก็จองหอง คนนึงก็อคติ มันต้องมีฝ่ายนึงยอมอ่อนให้ก่อน แต่จะเป็นใครละน้อ
Rimnatang
สงสารคุณชายดีกว่าค่ะ (แน้..คนเขียนลำเอียงซะงั้น ^^)
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลยค่ะ
ความคิดเห็น