ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ริ้วลายสี
“โอ๊ย...อะ...เจ็บ...”
“คุณ...คุณคะ ลูกเราฟื้นแล้วค่ะ” แม่ของอายะ ดีใจเป็นอยากมากที่ลูกสาวสุดที่รักฟื้นขึ้นมา
“หนะ...หนูเป็นอะไรคะ...หนูอยู่ที่ไหน...”
“โรงพยาบาลคิขุโนะจ้ะลูก  ลูก...เอ่อ ลูกโดนระเบิดที่ฮิโรชิม่าไง...จะ...จำไม่ได้เหรอ”ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อน้ำตาเริ่มจะไหลออกมา
“จริงด้วย แล้วเพื่อนหนูล่ะคะ พวกเขาเปะ... โอ๊ย!!!...”เด็กสาวพูดพร้อมยกตัวขึ้น แต่ก็ไม่พ้นเพราะศีรษะชนกับอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก...โธ่ ลูกแม่”ผู้เป็นแม่พูดด้วยความห่วงใย
“อะไรคะแม่...ทำไม...หนู...นี่อะไรเนี่ย”เด็กสาวถามมารดา และเธอก็พบว่า เธอนอนอยู่บนเตียงที่ถูกครอบไว้ด้วยกระจกใสที่ติดเครื่องมืออะไรไม่รู้เอาไว้เต็มไปหมด ดูคล้ายกับโลงศพไม่มีผิด
“แม่คะ...พ่อคะ...เขาเอาไอ้นี้มาครอบหนูไว้ทำไม...”
“แม่...แม่บอกไม่ได้ลูก...”แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตานองหน้า
“นอนเถอะนะลูก...นอนนะ...”พ่ออยากจะให้ลูกพักผ่อน ลืมเรื่องราวทุกอย่างไปซะ อยากจะห่มผ้าให้ลูก แต่ก็ทำไม่ได้ น้ำตาของทั้งสองคน ไหลออกมาจนไม่สามารถจะยับยั้งได้
“แม่...พ่อ บอกหนูนะคะ หนูเป็นอะไร บอกหนูมา บอกหนู...”เด็กสาวเริ่มใจเสีย นี่เธอเป็นอะไรร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
“แม่...บอกหนู..”เธอเริ่มที่จะพูดไม่ออก แต่ละห้อยคำเอ่ยออกมาได้อย่างยากเย็นนัก
“เอ่อ...คือลูกโดนสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง และลูกกำลังจะ ตาย....”
ตาย...                                                ตาย...
ตาย...                                                ตาย...
“ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่มม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
พรึ่บ!! เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“คุณคะ...ลูกเราฟื้นแล้วค่ะ...มาดูเร้ว”ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยอาการที่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“จริงเหรอ...ไหนๆ”ผู้เป็นพ่อรับคำได้อย่างรวดเร็ว รีบวิ่งมาดูหน้าลูกสาว
“เป็นอะไรไปลูก...ฝันร้ายเหรอ”
“อ่ะ...ค่ะแม่ ไม่เป็นไรค่ะ”
“ลูกกับเพื่อนๆที่โชคช่วยจริงๆนะ โดนระเบิดเต็มๆ ไม่มีแผลซักนิด”ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูประหลาดใจอย่างมาก(จนเกินเหตุ)
“ใช่ๆ ใช่เลย”ผู้เป็นพ่อรับคำอย่างรวดเร็ว สีหน้าก็เหมือนกันเปี๊ยบ
เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจ พลางคิดว่า”นี่แหละพ่อกับแม่ผู้อารมณ์ดีของเรา  ฝันบ้าฝันบออะไรของเรานะ ลืมๆๆๆๆๆๆ...”
เธอมองดูรอบๆ เธออยู่ในห้องผู้ป่วยรวม 20 เตียง เพื่อนๆของเธอนอนอยู่คนละเตียงรอบๆตัวเธอ ทุกคนกำลังหลับ เธอจึงถามแม่ว่า “แม่คะ
นอกจากหนูมีใครฟื้นแล้วบ้างคะ”
“ไม่มีเลยจ้ะ ลูกฟื้นคนแรก ลูกรู้ไหมจ๊ะว่าแม่ดีใจแค่ไหนที่ลูกฟื้น จริงมั้ยจ๊ะพ่อจ๋า”
“ใช่ๆ ใช่เลย ฮิฮิ” พ่อตอบแบบทันทีทันควัน
“งั้นเหรอคะ...”อายะดีใจเล็กน้อยที่เธอฟื้นเป็นคนแรกก่อนใคร(เพราะธรรมดาเธอมักจะอืดอาดช้ากว่าชาวบ้านไปซะทุกอย่าง) แต่เธอก็รู้ดี เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่น
“ลูก หมอบอกไว้ว่าถ้าใครฟื้นให้กินยานี้จ้ะ อ่ะ”แม่พูดพลางหันหลังไปหยิบถาดยาอันจิ๋วจากบนโต๊ะด้านหลัง
“ค่ะแม่...”
แล้วอายะก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“อึ..อือ...อือ”
“ตื่นแล้วเหรออายะ”
“ซายากะ!!! เธอฟื้นแล้วเหรอ คนอื่นๆล่ะ”
“เขาฟื้นกันหมดแล้วย่ะ มีแต่เธอคนเดียวที่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ ฉันรู้ว่าเธอฟื้นคนแรก แต่หลังจากวันนั้นเธอหลับไปอีกตั้งสามวัน”คนอื่นๆแย่งกันพูด
“หา!!!!!!!!!!!!! สามวัน เป็นไปได้ไงอ่ะ???????”
“ไม่รู้ ก็เป็นไปแล้วนี่ หมอบอกว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หมอบอกว่ากับคนปกติมันทำให้หลับแค่ครึ่งชั่วโมง แต่เธอ...คิกๆ... ”
“แต่ฉันอะไร?”
“คงจะไม่ปกติอ่ะสิ ฮ่ะๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หนอยมาว่าฉันนะ มานี่...”แล้วอายะก็กระโดดจากเตียงวิ่งไล่ซายากะ ในขณะที่ทุกคนหัวเราะชอบใจอยู่นั้น (ด๊อกเตอร์)มินามิได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของห้องนี้
??? ทำไม ห้องนี้ถึงไม่มีหน้าต่าง แถมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก็แรงกว่าห้องทั่วไป และดูเหมือนห้องนี้จะไม่อยู่ติดหน้าต่างเหมือนห้องคนไข้ “ที่ปกติแล้ว”ทั่วไป  แม้ว่าพยาบาลจะบอกว่าห้องนี้เป็นห้องธรรมดาก็เถอะ แต่มันเหมือนกันห้องไอซียูยังไงยังงั้น อีกอย่าง แล้วทำไม
“เราทุกคนโดนระเบิดแรงขนาดนั้น ทำไมไม่มีแผลเลย” เธอรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ไม่น่าเชื่อว่า สังหรณ์ของมินามิจะเป็นจริงขึ้นมา
สามวันต่อมา วันที่ทุกคนออกจากโรงพยาบาล พ่อแม่ของทุกคนมารับลูกของตัวเองกันพร้อมหน้า
“ดีใจจังเลย จะได้กลับบ้านแล้ว” ซึงูรุเอ่ยขณะกำลังเก็บของใส่กระเป๋า “แล้วพวกแม่เค้าไปไหนกันอ่ะ”
“พวกแม่เค้าไปจ่ายค่ารักษาน่ะสิ คงแพงน่าดูชม”
“นี่พวกเราก็เก็บของกันเสร็จแล้ว เราออกไปกันก่อนดีมั้ย ห้องบ้านี่ก็ไม่มีหน้าต่าง ฉันอยากรับแสงแดดจะแย่แล้ว” เคนสุเกะออกความเห็น
“พระจันทร์อย่างแกอ่ะนะอยากรับแสง เดี๋ยวก็ไหม้หรอก เออๆ ไปก็ไป”แล้วทุกคนก็เดินออกจากห้อง ลงลิฟท์ไปชั้นหนึ่ง
แม่บ้านได้เข้ามาเก็บและเคลียร์ห้อง พวกแม่ๆได้เดินกลับมาพร้อมหมอ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่าในห้อง
“พวกเด็กๆไปไหนกันหมดแล้วแม่บ้าน”หมอถามแม่บ้านอย่างร้อนรน
“ไม่ทราบสิคะ ดิฉันเข้ามาก็ไม่เจอใครแล้ว”
“ตายล่ะ...”นายแพทย์หนุ่มได้ยินดังนั้นก็รีบรุดวิ่งออกจากห้องทันที พวกแม่ๆแปลกใจมากวิ่งตามหมอไปอย่างรวดเร็วแม้จะไม่ค่อยทันนัก
“แฮ่ก...แฮ่ก...หมอคะ พวกเขาเป็นอะไรหรือคะ หน้าตาตื่นเชียว” แม่ของเคนสุเกะถามหมอขณะที่วิ่งตามทันและไปหยุดยืนรอลิฟท์
“พวกเขา...แฮ่ก...ยังมีอาการ...ที่ร้ายแรงอยู่...ถ้าพวกเขา...ออกนอกรพ.ไป...เกิดเรื่อง...ใหญ่แน่...”เมื่อหมอพูดจบ ลิฟท์ก็มาพอดี ทุกคนรีบเบียดกันเข้าลิฟท์
“หมอ...แล้ว...จะตามพวกเขาทันไหมคะ...อ่ะ...อ้าว...แล้วนั่น...”แม่ของเรนะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และแปลกใจเมื่อหมอกดลิฟท์ที่ชั้นเจ็ด แทนที่จะไปชั้นหนึ่ง
“หมอคะ ทำไมไปชั้นเจ็ด ป่านนี้พวกเขาออกกันไปหมดแล้วกระมังคะ...”
“อ๋อ ที่ชั้นเจ็ด มีทางลัดอยู่หลังตู้ดับเพลิงครับ จะเร็วกว่า เพราะรพ.นี้ชั้นแรกๆจะมีคนใช้ลิฟท์ทั้งวันแหละครับ...” เมื่อหมอพูดจบ ประตูลิฟท์ก็เปิดออก ทุกคนรีบวิ่งตามหมอไปที่ตู้ดับเพลิง หมอทาบมือบนฝาผนังเหนือตู้ ทันใดนั้นตู้ก็ดีดผึงออกมา เผยให้เห็นทางลับที่อยู่ด้านหลัง
“รีบไปกันเถอะครับ...เขาไปเร็วครับ...”หมอได้ต้อนให้พวกแม่ๆเข้าไปก่อนและตัวเองเข้าเป็นคนสุดท้ายและดึงประตูปิด ทางในทางลับเป็นขั้นบันได แต่เมื่อหมอกดปุ่มสีแดงตรงริมประตู ขั้นบันไดทั้งหมดก็พับตัวลงจนพื้นกลายเป็นทางสไลเดอร์ พวกแม่ๆลื่นลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรเนี่ย...หมอ...”แต่กว่าที่จะรู้ตัว ก็ไหลมาจนสุดทางแล้ว กระแทกประตูกันอย่างจัง
“โอ๊ยๆๆ...”พวกแม่ๆร้องเจ็บกันโอดโอย
“รีบไปกันเถอะครับ...”หมอรีบถีบประตูออกไป พวกเขาไปโผล่ที่หลังตู้ดับเพลิงที่ชั้นหนึ่ง หมอถีบตู้ปิดลงและรีบวิ่งตรงไปยังประตูใหญ่รพ.
“อ๊ะนั่นไง พวกเขา”แม่ของมินามิเห็นพวกลูกๆของพวกหล่อนกำลังเปิดประตูออกช้าๆ ทุกๆคนค่อยวิ่งออกไปอย่างร่าเริงเพื่อรับแสงแดด เว้นแต่ซายากะซึ่งยังมีอาการสังหรณ์ใจแปลกๆอยู่
“อย่าออกไป...อย่า”เสียงหมอดังไล่หลังมา แต่มีเพียงซายากะคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน
“อะไรคะ...หมอ”ซายากะและพวกแม่ๆถามด้วยความสงสัย
“มะ...ไม่ทันแล้ว...ไม่”หมอพูดพลางทรุดตัวลงกองกับพื้นเลยทีเดียว ชี้นิ้วผ่านกระจกใสไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่นสิบสองคนที่อยู่ด้านนอก
พวกแม่ๆและซายากะจ้องมองพวกเขา พวกเธอค่อยเห็นบางอย่าง...ที่เปลี่ยนแปลงไป
“แม่คะ...นั่น...”ซายากะชี้ไปยังเพื่อนๆของเธอ
ร่างกายของคนสิบสองคนที่เริงร่าอยู่กลางแสงแดดจัด บนผิวสีขาวอมชมพูของชาวญี่ปุ่น ได้เกิดริ้วลายสีสันสดใสปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด และค่อยๆแทรกซึม และลุกลามไปทั่วพื้นที่ทั้งหมดของผิวหนัง บดบังสีผิวเดิมไปจนหมดสิ้น
ซายากะอยากจะวิ่งไปหาเพื่อนของเธอใจแทบขาด แต่หมอรั้งตัวไว้
“ถ้า...เธอก้าวออกนอกประตูไปแม้แต่ก้าวเดียว...เธอ...จะเป็นอย่างพวกเขา...”
ภายนอกประตู หลังจากที่ทุกคนดื่มด่ำกับแสงแดดกันครบทุกคนแล้ว ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขาทุกคน
“นี่...มัน...อ๊ายย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”อายะสังเกตเห็นเป็นคนแรก ร่างกายของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง เธอมองไปรอบๆ เพื่อนของเธออีกสิบเอ็ดคนก็ค่อยๆเปลี่ยนสีเช่นกัน ชิอินะเป็นสีน้ำตาล เรนะสีฟ้า ซาโอโตเมะกับซึโอโตเมะสีเขียวเย็น ไคโตะสีแดงเพลิง คาชิกิสีเทา มินามิสีฟ้าอ่อน ซึงูรุสีเหลือง โนริโกะสีเหลืองสว่าง เคนสุเกะสีเทาเข้มและมัตซึบะสีเขียวแก่  เหลือเพียงซายากะเท่านั้นที่ยังไม่เปลี่ยนสีเพราะเธอยังไม่ได้ออกมานอกรพ.
ไม่นานทุกคนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกคนตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก พวกผู้หญิงได้แต่กรีดร้อง ไม่นานทุกคนก็หมดสติ ล้มตัวลงไปกองกับพื้น
แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำทุกอย่าง
“คุณ...คุณคะ ลูกเราฟื้นแล้วค่ะ” แม่ของอายะ ดีใจเป็นอยากมากที่ลูกสาวสุดที่รักฟื้นขึ้นมา
“หนะ...หนูเป็นอะไรคะ...หนูอยู่ที่ไหน...”
“โรงพยาบาลคิขุโนะจ้ะลูก  ลูก...เอ่อ ลูกโดนระเบิดที่ฮิโรชิม่าไง...จะ...จำไม่ได้เหรอ”ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อน้ำตาเริ่มจะไหลออกมา
“จริงด้วย แล้วเพื่อนหนูล่ะคะ พวกเขาเปะ... โอ๊ย!!!...”เด็กสาวพูดพร้อมยกตัวขึ้น แต่ก็ไม่พ้นเพราะศีรษะชนกับอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก...โธ่ ลูกแม่”ผู้เป็นแม่พูดด้วยความห่วงใย
“อะไรคะแม่...ทำไม...หนู...นี่อะไรเนี่ย”เด็กสาวถามมารดา และเธอก็พบว่า เธอนอนอยู่บนเตียงที่ถูกครอบไว้ด้วยกระจกใสที่ติดเครื่องมืออะไรไม่รู้เอาไว้เต็มไปหมด ดูคล้ายกับโลงศพไม่มีผิด
“แม่คะ...พ่อคะ...เขาเอาไอ้นี้มาครอบหนูไว้ทำไม...”
“แม่...แม่บอกไม่ได้ลูก...”แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตานองหน้า
“นอนเถอะนะลูก...นอนนะ...”พ่ออยากจะให้ลูกพักผ่อน ลืมเรื่องราวทุกอย่างไปซะ อยากจะห่มผ้าให้ลูก แต่ก็ทำไม่ได้ น้ำตาของทั้งสองคน ไหลออกมาจนไม่สามารถจะยับยั้งได้
“แม่...พ่อ บอกหนูนะคะ หนูเป็นอะไร บอกหนูมา บอกหนู...”เด็กสาวเริ่มใจเสีย นี่เธอเป็นอะไรร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
“แม่...บอกหนู..”เธอเริ่มที่จะพูดไม่ออก แต่ละห้อยคำเอ่ยออกมาได้อย่างยากเย็นนัก
“เอ่อ...คือลูกโดนสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง และลูกกำลังจะ ตาย....”
ตาย...                                                ตาย...
ตาย...                                                ตาย...
“ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่มม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
พรึ่บ!! เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“คุณคะ...ลูกเราฟื้นแล้วค่ะ...มาดูเร้ว”ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยอาการที่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“จริงเหรอ...ไหนๆ”ผู้เป็นพ่อรับคำได้อย่างรวดเร็ว รีบวิ่งมาดูหน้าลูกสาว
“เป็นอะไรไปลูก...ฝันร้ายเหรอ”
“อ่ะ...ค่ะแม่ ไม่เป็นไรค่ะ”
“ลูกกับเพื่อนๆที่โชคช่วยจริงๆนะ โดนระเบิดเต็มๆ ไม่มีแผลซักนิด”ผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูประหลาดใจอย่างมาก(จนเกินเหตุ)
“ใช่ๆ ใช่เลย”ผู้เป็นพ่อรับคำอย่างรวดเร็ว สีหน้าก็เหมือนกันเปี๊ยบ
เด็กสาวยิ้มอย่างดีใจ พลางคิดว่า”นี่แหละพ่อกับแม่ผู้อารมณ์ดีของเรา  ฝันบ้าฝันบออะไรของเรานะ ลืมๆๆๆๆๆๆ...”
เธอมองดูรอบๆ เธออยู่ในห้องผู้ป่วยรวม 20 เตียง เพื่อนๆของเธอนอนอยู่คนละเตียงรอบๆตัวเธอ ทุกคนกำลังหลับ เธอจึงถามแม่ว่า “แม่คะ
นอกจากหนูมีใครฟื้นแล้วบ้างคะ”
“ไม่มีเลยจ้ะ ลูกฟื้นคนแรก ลูกรู้ไหมจ๊ะว่าแม่ดีใจแค่ไหนที่ลูกฟื้น จริงมั้ยจ๊ะพ่อจ๋า”
“ใช่ๆ ใช่เลย ฮิฮิ” พ่อตอบแบบทันทีทันควัน
“งั้นเหรอคะ...”อายะดีใจเล็กน้อยที่เธอฟื้นเป็นคนแรกก่อนใคร(เพราะธรรมดาเธอมักจะอืดอาดช้ากว่าชาวบ้านไปซะทุกอย่าง) แต่เธอก็รู้ดี เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อเล่น
“ลูก หมอบอกไว้ว่าถ้าใครฟื้นให้กินยานี้จ้ะ อ่ะ”แม่พูดพลางหันหลังไปหยิบถาดยาอันจิ๋วจากบนโต๊ะด้านหลัง
“ค่ะแม่...”
แล้วอายะก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“อึ..อือ...อือ”
“ตื่นแล้วเหรออายะ”
“ซายากะ!!! เธอฟื้นแล้วเหรอ คนอื่นๆล่ะ”
“เขาฟื้นกันหมดแล้วย่ะ มีแต่เธอคนเดียวที่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ ฉันรู้ว่าเธอฟื้นคนแรก แต่หลังจากวันนั้นเธอหลับไปอีกตั้งสามวัน”คนอื่นๆแย่งกันพูด
“หา!!!!!!!!!!!!! สามวัน เป็นไปได้ไงอ่ะ???????”
“ไม่รู้ ก็เป็นไปแล้วนี่ หมอบอกว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยา หมอบอกว่ากับคนปกติมันทำให้หลับแค่ครึ่งชั่วโมง แต่เธอ...คิกๆ... ”
“แต่ฉันอะไร?”
“คงจะไม่ปกติอ่ะสิ ฮ่ะๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หนอยมาว่าฉันนะ มานี่...”แล้วอายะก็กระโดดจากเตียงวิ่งไล่ซายากะ ในขณะที่ทุกคนหัวเราะชอบใจอยู่นั้น (ด๊อกเตอร์)มินามิได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของห้องนี้
??? ทำไม ห้องนี้ถึงไม่มีหน้าต่าง แถมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก็แรงกว่าห้องทั่วไป และดูเหมือนห้องนี้จะไม่อยู่ติดหน้าต่างเหมือนห้องคนไข้ “ที่ปกติแล้ว”ทั่วไป  แม้ว่าพยาบาลจะบอกว่าห้องนี้เป็นห้องธรรมดาก็เถอะ แต่มันเหมือนกันห้องไอซียูยังไงยังงั้น อีกอย่าง แล้วทำไม
“เราทุกคนโดนระเบิดแรงขนาดนั้น ทำไมไม่มีแผลเลย” เธอรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ไม่น่าเชื่อว่า สังหรณ์ของมินามิจะเป็นจริงขึ้นมา
สามวันต่อมา วันที่ทุกคนออกจากโรงพยาบาล พ่อแม่ของทุกคนมารับลูกของตัวเองกันพร้อมหน้า
“ดีใจจังเลย จะได้กลับบ้านแล้ว” ซึงูรุเอ่ยขณะกำลังเก็บของใส่กระเป๋า “แล้วพวกแม่เค้าไปไหนกันอ่ะ”
“พวกแม่เค้าไปจ่ายค่ารักษาน่ะสิ คงแพงน่าดูชม”
“นี่พวกเราก็เก็บของกันเสร็จแล้ว เราออกไปกันก่อนดีมั้ย ห้องบ้านี่ก็ไม่มีหน้าต่าง ฉันอยากรับแสงแดดจะแย่แล้ว” เคนสุเกะออกความเห็น
“พระจันทร์อย่างแกอ่ะนะอยากรับแสง เดี๋ยวก็ไหม้หรอก เออๆ ไปก็ไป”แล้วทุกคนก็เดินออกจากห้อง ลงลิฟท์ไปชั้นหนึ่ง
แม่บ้านได้เข้ามาเก็บและเคลียร์ห้อง พวกแม่ๆได้เดินกลับมาพร้อมหมอ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่าในห้อง
“พวกเด็กๆไปไหนกันหมดแล้วแม่บ้าน”หมอถามแม่บ้านอย่างร้อนรน
“ไม่ทราบสิคะ ดิฉันเข้ามาก็ไม่เจอใครแล้ว”
“ตายล่ะ...”นายแพทย์หนุ่มได้ยินดังนั้นก็รีบรุดวิ่งออกจากห้องทันที พวกแม่ๆแปลกใจมากวิ่งตามหมอไปอย่างรวดเร็วแม้จะไม่ค่อยทันนัก
“แฮ่ก...แฮ่ก...หมอคะ พวกเขาเป็นอะไรหรือคะ หน้าตาตื่นเชียว” แม่ของเคนสุเกะถามหมอขณะที่วิ่งตามทันและไปหยุดยืนรอลิฟท์
“พวกเขา...แฮ่ก...ยังมีอาการ...ที่ร้ายแรงอยู่...ถ้าพวกเขา...ออกนอกรพ.ไป...เกิดเรื่อง...ใหญ่แน่...”เมื่อหมอพูดจบ ลิฟท์ก็มาพอดี ทุกคนรีบเบียดกันเข้าลิฟท์
“หมอ...แล้ว...จะตามพวกเขาทันไหมคะ...อ่ะ...อ้าว...แล้วนั่น...”แม่ของเรนะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และแปลกใจเมื่อหมอกดลิฟท์ที่ชั้นเจ็ด แทนที่จะไปชั้นหนึ่ง
“หมอคะ ทำไมไปชั้นเจ็ด ป่านนี้พวกเขาออกกันไปหมดแล้วกระมังคะ...”
“อ๋อ ที่ชั้นเจ็ด มีทางลัดอยู่หลังตู้ดับเพลิงครับ จะเร็วกว่า เพราะรพ.นี้ชั้นแรกๆจะมีคนใช้ลิฟท์ทั้งวันแหละครับ...” เมื่อหมอพูดจบ ประตูลิฟท์ก็เปิดออก ทุกคนรีบวิ่งตามหมอไปที่ตู้ดับเพลิง หมอทาบมือบนฝาผนังเหนือตู้ ทันใดนั้นตู้ก็ดีดผึงออกมา เผยให้เห็นทางลับที่อยู่ด้านหลัง
“รีบไปกันเถอะครับ...เขาไปเร็วครับ...”หมอได้ต้อนให้พวกแม่ๆเข้าไปก่อนและตัวเองเข้าเป็นคนสุดท้ายและดึงประตูปิด ทางในทางลับเป็นขั้นบันได แต่เมื่อหมอกดปุ่มสีแดงตรงริมประตู ขั้นบันไดทั้งหมดก็พับตัวลงจนพื้นกลายเป็นทางสไลเดอร์ พวกแม่ๆลื่นลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรเนี่ย...หมอ...”แต่กว่าที่จะรู้ตัว ก็ไหลมาจนสุดทางแล้ว กระแทกประตูกันอย่างจัง
“โอ๊ยๆๆ...”พวกแม่ๆร้องเจ็บกันโอดโอย
“รีบไปกันเถอะครับ...”หมอรีบถีบประตูออกไป พวกเขาไปโผล่ที่หลังตู้ดับเพลิงที่ชั้นหนึ่ง หมอถีบตู้ปิดลงและรีบวิ่งตรงไปยังประตูใหญ่รพ.
“อ๊ะนั่นไง พวกเขา”แม่ของมินามิเห็นพวกลูกๆของพวกหล่อนกำลังเปิดประตูออกช้าๆ ทุกๆคนค่อยวิ่งออกไปอย่างร่าเริงเพื่อรับแสงแดด เว้นแต่ซายากะซึ่งยังมีอาการสังหรณ์ใจแปลกๆอยู่
“อย่าออกไป...อย่า”เสียงหมอดังไล่หลังมา แต่มีเพียงซายากะคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน
“อะไรคะ...หมอ”ซายากะและพวกแม่ๆถามด้วยความสงสัย
“มะ...ไม่ทันแล้ว...ไม่”หมอพูดพลางทรุดตัวลงกองกับพื้นเลยทีเดียว ชี้นิ้วผ่านกระจกใสไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่นสิบสองคนที่อยู่ด้านนอก
พวกแม่ๆและซายากะจ้องมองพวกเขา พวกเธอค่อยเห็นบางอย่าง...ที่เปลี่ยนแปลงไป
“แม่คะ...นั่น...”ซายากะชี้ไปยังเพื่อนๆของเธอ
ร่างกายของคนสิบสองคนที่เริงร่าอยู่กลางแสงแดดจัด บนผิวสีขาวอมชมพูของชาวญี่ปุ่น ได้เกิดริ้วลายสีสันสดใสปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด และค่อยๆแทรกซึม และลุกลามไปทั่วพื้นที่ทั้งหมดของผิวหนัง บดบังสีผิวเดิมไปจนหมดสิ้น
ซายากะอยากจะวิ่งไปหาเพื่อนของเธอใจแทบขาด แต่หมอรั้งตัวไว้
“ถ้า...เธอก้าวออกนอกประตูไปแม้แต่ก้าวเดียว...เธอ...จะเป็นอย่างพวกเขา...”
ภายนอกประตู หลังจากที่ทุกคนดื่มด่ำกับแสงแดดกันครบทุกคนแล้ว ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขาทุกคน
“นี่...มัน...อ๊ายย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”อายะสังเกตเห็นเป็นคนแรก ร่างกายของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง เธอมองไปรอบๆ เพื่อนของเธออีกสิบเอ็ดคนก็ค่อยๆเปลี่ยนสีเช่นกัน ชิอินะเป็นสีน้ำตาล เรนะสีฟ้า ซาโอโตเมะกับซึโอโตเมะสีเขียวเย็น ไคโตะสีแดงเพลิง คาชิกิสีเทา มินามิสีฟ้าอ่อน ซึงูรุสีเหลือง โนริโกะสีเหลืองสว่าง เคนสุเกะสีเทาเข้มและมัตซึบะสีเขียวแก่  เหลือเพียงซายากะเท่านั้นที่ยังไม่เปลี่ยนสีเพราะเธอยังไม่ได้ออกมานอกรพ.
ไม่นานทุกคนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกคนตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก พวกผู้หญิงได้แต่กรีดร้อง ไม่นานทุกคนก็หมดสติ ล้มตัวลงไปกองกับพื้น
แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำทุกอย่าง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น