ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #6 : ...๕ คืนใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.56K
      33
      21 มี.ค. 59








    5

    คืนใจ

    พุทธชาดถลึงตาใส่ยายตัวแสบของสนฉัตร เขาไม่ได้ปวดฉี่อย่างที่สายน้ำผึ้งตะโกนบอกทุกคนเสียหน่อย เสียงร้องไห้โฮบวกกับเสียงผู้คนคอยพร่ำปลอบเทียนกัลยาทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างอึดอัด แผนเซอร์ไพรส์เทียนกัลยาพังลงอย่างไม่เป็นท่าเพราะยายตัวแสบที่เอาแต่ยิ้มแป้นอยู่ปลายเตียง โดยมีสนฉัตรคำรามขู่อยู่ด้านหลัง

    “คราวหลังถ้าจะหาพวก พี่ต้องจำเอาไว้ว่าอย่าเรียกใช้ยายตัวแสบ” สนฉัตรบอกเสียงลอดไรฟัน บางทีก็อยากจับน้องสาวต่างสายเลือดมาหวดให้ก้นช้ำเหลือเกิน

    “ถ้ารอให้เทียนเปิดเข้ามาเองก็ไม่สนุกสิคะ เทียนร้องไห้ให้พี่พุดเห็นคนเดียวจะไปสนุกอะไร” ตัวแสบของสนฉัตรบอกอย่างแง่งอน แต่พุทธชาดกลับเห็นต่างจากเด็กสาว เขาอยากให้เทียนกัลยาร้องไห้ให้เขาเห็นคนเดียว การไม่ได้พบกันถึงสามปีเต็มทำให้เขาอยากเห็นหน้าน้องน้อยเร็วๆ ได้ยินแต่เสียง เห็นแต่รูปถ่ายอย่างเดียวมันไม่หายคิดถึง

    หลังจากสื่อประโคมข่าวเรื่องการเสียชีวิตของพุทธชาด ตระกูลฟาเบรกลาสก็สั่งให้โรงพยาบาลรวมถึงผู้เกี่ยวข้องปิดปากเงียบ พุทธชาดถูกลอบทำร้ายจริง สาเหตุมาจากการก่อตั้งกาสิโน แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเพิ่งทราบความจริงว่าที่ดินที่ก่อสร้างได้มาอย่างไม่ชอบธรรม หรือเรียกอีกอย่างว่ามหาเสน่ห์โกงเจ้าของเก่ามานั่นเอง ซึ่งเป็นสาเหตุให้พุทธชาดถูกปองร้ายตั้งแต่เริ่มก่อสร้างกาสิโน

    ชายหนุ่มมีคนคุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่ศัตรูซึ่งอยู่ในที่มืดก็หาโอกาสโจมตีจนได้ บอดีการ์ดที่เรียกใช้จากบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับโลกก็ไม่อาจต้านทานได้ เพราะอีกฝ่ายมีฝีมือไม่น้อยไปกว่ากัน พุทธชาดเคยสงสัยมาตลอด เหตุใดเขาจึงถูกปองร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หาคำตอบไม่พบ กระทั่งน้องชายเดินเข้ามาสารภาพด้วยตัวเองตอนที่เขาไม่สามารถถอยหลังกลับได้อีกแล้ว

    ความใฝ่ฝันอยากสร้างกาสิโนทำให้ทั้งมหาโชค มหาลาภ และมหาเสน่ห์ต่างใช้กลโกงทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา พุทธชาดหลับตานึกถึงใบหน้าของน้องชายหลังจากเขาถูกลอบปองร้ายครั้งล่าสุด มหาเสน่ห์ถึงกับร่ำไห้ขอโทษขอโพยอยู่ข้างเตียง โดยมีมหาโชคและมหาลาภซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกันยืนอยู่ด้านหลัง

    พุทธชาดถูกทำร้ายในวันเปิดตัวฟาเบส ฟีน่า โฮเทล แอนด์ กาสิโน เขาเป็นคนตั้งชื่อโรงแรมกึ่งกาสิโนเอง โดยให้ใช้ชื่อโรงแรมในเครือตระกูลนำหน้า เพื่อให้น้องๆ รู้ว่าไม่ว่าทั้งสามจะทำอาชีพอะไร พวกมหาก็ยังเป็นฟาเบรกลาส เป็นน้องชาย เป็นลูกของพ่อกับแม่อยู่เหมือนเดิม ข่าวการถูกทำร้ายดังถึงหูมหาโชคซึ่งอยู่ในงาน แต่ฟาบิโอ้สั่งลูกชายให้แก้ปัญหา ความจริงงานวันนั้นพุทธชาดต้องเป็นคนประกาศแนะนำตัวผู้บริหารโรงแรมกึ่งกาสิโนที่แท้จริง แต่เกิดเหตุขึ้นก่อน มหาโชคจึงต้องเป็นคนขึ้นไปแนะนำตัวเองกับแขกเหรื่อ ซึ่งนั่นเรียกความสนใจจากสื่อได้มากทีเดียว

    หลังจากถูกซุ่มยิง พุทธชาดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ชายหนุ่มรอดมาได้เพราะฟาบิโอ้สั่งเพิ่มทีมบอดีการ์ดสำรองคอยปกป้องลูกชายอีกที ความบาดหมางที่เหล่าหนุ่มมหาก่อไว้ทำให้อีกฝ่ายตั้งใจเอาให้ถึงชีวิต พุทธชาดถูกยิงที่กลางลำตัวสองนัด ต้นแขนซ้ายอีกหนึ่งนัด โชคดีที่ไม่มีกระสุนนัดไหนถูกอวัยวะสำคัญ ชายหนุ่มพักรักษาตัวในโรงพยาบาลห้าวันก็ถูกย้ายกลับมารักษาตัวอยู่ที่คุ้มบุษบา

    ที่สเปนสื่อยังลงข่าวการเสียชีวิตของพุทธชาดอย่างครึกโครม ไม่มีคนไหนในตระกูลออกมาให้ข่าว แม้แต่มหาโชคที่ตอนนี้เข้าไปบริหารงานในโรงแรมกึ่งกาสิโนอย่างเต็มตัว ส่วนมหาลาภและมหาเสน่ห์กำลังไล่ล่าตัวการที่ลอบทำร้ายพี่ชายอย่างเงียบๆ ฟาบิโอ้เป็นคนต้นคิดเรื่องให้สื่อประโคมข่าวพุทธชาดเสียชีวิต คุณพ่อลูกแปดต้องการให้ศัตรูนอนใจและต้องการให้ลูกชายสองคนทำคุณไถ่โทษด้วยการพาตัวมันมาให้เขาปลิดชีวิตอย่างเงียบๆ

    ประตูห้องนอนเปิดกว้าง ดึงพุทธชาดออกจากภวังค์ ดวงตาคมสีฟ้ามองร่างบางที่ยืนปิดปากตัวสั่นเทาอยู่หน้าห้อง มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อยราวกับพึงพอใจที่สัมผัสได้ถึงความห่วงใยอย่างล้นพ้นจากคนร่างน้อย ชายหนุ่มพยุงกายลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน สายน้ำผึ้งกระวีกระวาดเข้ามาช่วยพยุงเขาให้เอนหลังพิงหัวเตียง ก่อนจะถูกลากออกจากห้องโดยสนฉัตร เทียนกัลยาถูกสายน้ำผึ้งผลักเข้ามาในห้อง เด็กสาวสะอื้นไห้ตัวโยน กวาดตามองเรือนร่างสูงใหญ่ที่ยังคงสง่างามเหมือนครั้งแรกที่พบ

    “คุณพุด…”

    “หืม…ปั้นลูกชุบดอกเทียนเก่งหรือยังเรา”

    แค่ประโยคแรกก็ทำให้เด็กสาวปล่อยโฮอีกครั้ง ก่อนจะโถมตัวเข้ากอดชายหนุ่ม คนเจ็บนิ่วหน้าแต่ไม่ยอมร้องออกมาสักคำ มือหนาลูบบ่าบอบบางอย่างปลอบประโลม

    “ฉันไม่ได้เป็นอะไร เทียนหยุดร้องไห้เถอะ” เขากระซิบกับใบหูแดงของเทียนกัลยา “จำที่ฉันบอกได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เทียนต้องลุกขึ้นสู้ นอกจากฉันแล้วยังมีคนที่ห่วงเทียนอีกมากมาย”

    “แต่เทียนไม่อยากให้คุณพุดตาย” เสียงเล็กๆ นั้นสั่นปนสะอื้น บอกไม่ถูกว่าดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าเขายังไม่ตาย

    “ฉันก็ไม่อยากตาย แต่ถ้าวันหนึ่งเลือกไม่ได้ ฉันก็คงต้อง…” 

    มือเล็กตะปบเข้าที่ปากหยักหนา เทียนกัลยาส่ายหน้าบอกให้เขาหยุดพูด เธอไม่อยากได้ยินประโยคต่อไป

    พุทธชาดยิ้มมุมปาก ใช้นิ้วเกลี่ยไรผมที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาออกจากดวงหน้างาม จริงอย่างที่การะเกดบอก อีกไม่กี่ปีแม่ดอกเทียนบ้านๆ จะสวยผุดผาดหาตัวจับยาก ถึงตอนนั้นหัวกระไดบ้านราชพฤกษ์คงไม่แห้ง

    “เอาเป็นว่าฉันไม่ตายแล้ว เทียนลุกนั่งเสียทีเถอะ ฉันเจ็บแผล”

    ร่างเล็กผละห่างทันที มองช่วงท้องและหัวไหล่ที่มีผ้าสีขาวพันรอบ รอยเลือดที่ซึมออกมายิ่งทำให้เด็กสาวผงะ ทำหน้าตกใจ

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พี่หมอมาดู แผลคงไม่ฉีกหรอก เพราะเทียนตัวเท่ามดตะนอย” 

    คนที่โดนเปรียบว่าตัวเท่ามดเกือบค้อนให้ ก่อนจะนึกได้ว่าต้องไปตามพรรษชล แต่ยังไม่ได้หันกลับ คนที่เธอกำลังจะไปตามก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน พรรษชลยิ้มให้ ‘มดตะนอย’ ของพุทธชาด 

    “ยังดีที่เจอแค่มดตะนอย ขืนเจอช้างเข้าสงสัยได้เย็บใหม่ละพุด” พรรษชลบอกเสียงกลั้วขำหลังจากดูแผลให้ชายหนุ่มเรียบร้อย

    “ถึงจะแค่มด แต่โถมมาทั้งตัวก็เจ็บเหมือนกันครับ” คนป่วยบอก ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่เตรียมปล่อยโฮอีกรอบ

    “เคยมีคนร้องไห้จนช็อกตายไหมคะพี่หมอ เกดละกลัวเทียนจะตายเพราะร่างกายขาดน้ำ” การะเกดยื่นหน้ามาล้อเลียนน้องสาวที่เอาแต่เบะปากเตรียมร้องไห้ หญิงสาวรู้สึกเอ็นดูแม่ดอกเทียนขึ้นอีกเป็นพะเนิน น่ากลัวว่าอีกไม่กี่ปี ไม่เธอก็พุทธชาดต้องเป็นฝ่ายถือไม้ตะพดไล่หนุ่มๆ ที่จะมาวอแวสาวน้อยตรงหน้า การะเกดเคยแปลกใจกับการหวงอย่างออกนอกหน้าของเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่พบคำตอบ รู้อย่างเดียวว่าเธอหวง…

    “ถ้ายังร้องไห้แบบนี้ต่อ น่ากลัวจะเป็นอย่างคุณเกดว่า” พรรษชลเออออไปกับภรรยาจนถูกสาวน้อยที่ยังคงเป่าปี่ค้อนให้ทั้งน้ำตา

    “แน่ะ ดูทำ ค้อนพี่หมอเข้า อีกไม่กี่ปีผมว่าพ่อคงต้องไว้หนวด” กัลปพฤกษ์แซวน้องสาว นับวันเทียนกัลยาและสายน้ำผึ้งยิ่งมีเค้าความงามฉายชัดจนเขาชักหวงน้องขึ้นมา เพราะทุกวันนี้ก็ต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาให้พฤกษ์ลดาจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว น่ากลัวว่าอีกไม่กี่ปีจะยุ่งกว่านี้อีกเท่าตัว

    “ไม่ใช่แค่พ่อแกหรอก อาเองก็จะไว้หนวด” ฟาบิโอ้แทรกขึ้นบ้างเพราะเห็นเทียนกัลยาเป็นลูกสาวเหมือนกัน การได้รับความรักจากทุกคนทำให้เทียนกัลยาซาบซึ้งใจ

    “สรุปว่าหวงกันหมดสินะคะ หวงทั้งเทียนทั้งน้ำผึ้ง เห็นแบบนี้แล้วเกดชักกลุ้มแทนสองสาว งานนี้…คานแน่ๆ จ้ะ” คนที่เคยถูกผู้เป็นพ่อหวงจนถึงขนาดยอมยกให้อยู่บนคานบอก

    “คานก็คานทองฝังเพชรจะกลัวอะไร จริงไหมเทียน” กัลปพฤกษ์กระเซ้า เทียนกัลยาได้แต่ยิ้มแหยๆ

    “ถ้าน้ำผึ้งยอมอยู่เป็นเพื่อนกัน เทียนก็โอเคค่ะ”

    “เฮ้ย” คนถูกยกขึ้นบนคานด้วยโวยก่อนจะหุบปากฉับเมื่อเจอสายตาคมดุของสนฉัตร “อยู่บนคานก็ได้ จะอยู่ให้คุณสนถลึงตาใส่จนลูกตาพลัดหลุดจากเบ้าเลย” ลูกศิษย์คุณพริกบอกอย่างแง่งอนก่อนวิ่งปรู๊ดไปหลบด้านหลังท่านอาจารย์ที่เอาแต่หัวร่องอหายอย่างขบขัน

    การะเกดและคนอื่นๆ ต่างส่ายหน้า ยอมใจให้ลูกศิษย์ของคุณพริกจอมแสบ เทียนกัลยาเองก็ร่วมหัวเราะไปกับชายหนุ่ม นับเป็นรอยยิ้มแรกตั้งแต่ทราบข่าวร้ายเลยทีเดียว เธอรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างเหลือล้น เด็กสาวหันไปสานสบตากับคนซึ่งนั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มมุมปาก เป็นยิ้มที่คุณพุดของดอกเทียนชอบทำ พุทธชาดไม่ค่อยได้ฉีกยิ้มกว้างเหมือนกัลปพฤกษ์ ทว่ารอยยิ้มน้อยๆ แต่พองามของเขาก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดผู้พบเห็น

    เทียนกัลยาถอนหายใจหลังจากผ่านพ้นความโศกเศร้า เธอรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง หลังจากตกไปอยู่ในหุบเหวลึกที่มีแต่ความมืดมน เด็กสาวไม่รู้เลยว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่อาจทำให้เธอตกลงไปในหุบเหวแห่งนั้นอีกหลายต่อหลายครั้ง และทุกครั้งก็จะมีมือคู่เดิมยื่นมาฉุดดึงเธอให้พ้นจากความโศกเศร้า…


    หลังจากส่งลูกชายให้มาพักฟื้นที่คุ้มบุษบา ฟาบิโอ้และคนอื่นๆ ก็แยกย้ายเดินทางกลับในสัปดาห์ถัดไป พุทธชาดพยายามเตือนสติผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มรู้ว่าทุกคนแค้นที่เขาเกือบตาย แต่เพราะเป็นคนใจเย็น ชอบหาเหตุหาผล ชายหนุ่มจึงเข้าใจอีกฝ่ายที่ต้องการทำร้ายเขา มหาเสน่ห์ทำไม่ถูกไม่ควร การโกงอย่างแนบเนียนเป็นกลเม็ดเด็ดพรายของน้องชายเขา ความสามารถทางด้านนี้สร้างศัตรูไว้มากมาย และไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่รู้ว่าถูกโกง อย่างเช่นลูคัสลูกชายเจ้าของที่ดินซึ่งใช้สร้างโรงแรมกึ่งกาสิโน ตอนแรกมหาเสน่ห์เข้าไปตะล่อม บอกจะให้อีกฝ่ายเป็นหุ้นส่วน ไปๆ มาๆ บังคับข่มขู่ให้ขายที่ให้เฉยเลย เรียกว่าโกงกันอย่างหน้าด้านๆ ข้อนี้พุทธชาดไม่เข้าข้างน้องชาย แต่หากจะให้ลงโทษก็คงไม่ถึงกับทำร้ายร่างกาย เพราะจากที่เห็นสีหน้าตอนเข้ามาเยี่ยม เขาก็พอรู้ว่ามหาเสน่ห์สำนึกผิดแล้ว

    “เจมี่! พี่เป็นยังไงบ้าง” 

    พุทธชาดถอนหายใจหลังจากกดรับสาย มหาเสน่ห์โทรศัพท์หาเขาสามเวลาเหมือนยาที่ต้องกินหลังอาหารเลยทีเดียว

    “ดีขึ้นแล้ว คุณป๋ากับแม่เดินทางกลับเมื่อเช้า พวกนายเตรียมรับมือเอาไว้ดีๆ แล้วกัน” ชายหนุ่มไม่ได้ขู่ แต่เตือนด้วยความหวังดี ผู้เป็นพ่อยังไม่สำเร็จโทษสามหนุ่มเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของเขา

    “แหงะ ถามดีๆ ทำไมต้องแช่งด้วย” คนทรงเสน่ห์ออดมาตามสาย

    “ไม่ได้แช่ง แต่ที่พูดนี่คือเตือน”

    “เตือนกับแช่งมันมีเส้นบางๆ คั่นไว้ ว่าแต่พี่ไม่ได้บอกคุณป๋าเหรอว่าเหน่ไม่ได้ตั้งใจ” คนที่ตั้งใจโกงคนอื่นอ้อนพี่ชาย เขาสำนึกไม่น้อยที่พุทธชาดถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่เรื่องมันผ่านมาแล้ว เขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ที่ทำได้ก็แค่สำนึกตน ซาบซึ้งในพระคุณของพี่ชาย แล้วก็…หาวิธีหนีจากเงื้อมมือผู้เป็นพ่อให้ได้ ส่วนเรื่องแก้แค้นจัดไว้ลำดับต่อไป เพราะหากชีพไม่วายไปเสียก่อน ก็ยังหาโอกาสทวงแค้นอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ

    “จะให้ย้ำอีกกี่ทีว่านายตั้งใจโกง ความโลภของนายส่งผลเสียหลายอย่าง” พุทธชาดย้ำจนอ่อนใจ

    “ขอโทษษษ…”

    “นายติดต่อลูคัสได้หรือยัง” พุทธชาดเอ่ยถึงคนที่ทำร้ายเขา ถามว่าโกรธไหม เขาคงต้องยอมรับว่าโกรธไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แต่ด้วยเหตุด้วยผล หากลูคัสโกงเขา เขาก็ต้องเอาคืนอีกฝ่ายเหมือนกัน เพราะอย่างนี้ชายหนุ่มจึงต้องให้มหาเสน่ห์พยายามติดต่อกับลูคัสให้ได้ เขายังยืนกรานจะให้น้องชายมอบหุ้นจำนวนสิบเปอร์เซ็นต์พร้อมทั้งเงินก้อนใหญ่อีกก้อนแก่อีกฝ่าย

    “ยังเลย มันหายหัวไปไหนไม่รู้ เหน่ห่วงแต่มันจะรู้ว่าเจมี่ยังไม่ตายแล้วหันไปเล่นงานเจมี่ต่อ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ดูแลตัวเองได้ พวกนายระวังตัวเอาไว้เถอะ ถ้าพี่เป็นลูคัส พี่จะไม่ปล่อยให้นายเสวยสุขบนความทุกข์ของพี่”

    “เฮ้ย บอกว่าอย่าแช่ง”

    “พี่ไม่ได้แช่ง แต่พูดแทนลูคัส”

    “เลิกคิดแทนคนอื่นซะทีสิ หันมาคิดแทนน้องบ้างว่าควรทำยังไง ตอนที่มีเรื่องกับมัน แล้วคิดโกงนิดหน่อย เหน่ไม่ได้คิดเลยนะว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้” มหาเสน่ห์บอก ความจริงลูคัสคิดขายที่ดินให้เขาอยู่แล้ว แต่มันเกิดคิดตุกติกโก่งราคาที่ดินหลังจากทราบว่าเขาต้องการสร้างกาสิโนบนพื้นที่แห่งนั้น มันขึ้นราคาแล้วยังขอหุ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์ เขาที่ยอมให้คนอื่นโกงไม่ได้ เลยโกงแม่งกลับแบบหน้าด้านๆ

    “ติดต่อลูคัสให้ได้ เสนอหุ้นไป หากมันไม่พอใจก็บอกให้มันรอคุยกับพี่ ถ้ามันไม่เลือกทางไหนก็ค่อยจัดการตามที่คุณป๋าสั่ง…เข้าใจใช่ไหม”

    ขนหลังคอของคนปลายสายลุกชัน ภาพพจน์ของพุทธชาดต่อหน้าคนอื่นดูดีเสมอ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ลึกรู้จริงเช่นพวกเขา พุทธชาดโหดเลือดเย็นได้มากกว่าพวกเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า แม้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจกาสิโน แต่พี่ชายก็รู้จักคุ้นเคยกับคนที่ทำธุรกิจนี้เป็นอย่างดี หูตาของชายหนุ่มกว้างไกล ตอนเรียนรู้งานในโรงแรม มหาเสน่ห์ถึงกับเทิดทูนพี่ชาย พุทธชาดเก่งและแกร่งสมกับที่ผู้เป็นพ่อให้ความไว้วางใจ

    “เหน่จะพยายามแล้วกัน ระหว่างนี้เจมี่ดูแลตัวเองด้วย แล้วก็…ฝากความคิดถึงถึงเทียนด้วยนะ” คนที่รักและเอ็นดูดอกเทียนเหมือนน้องฝากความคิดถึง

    “จะคุยเลยไหมล่ะ” ตาคมของคนที่นั่งเอนหลังอยู่บนเตียงมองร่างเล็กซึ่งเปิดประตูเข้ามา ในมือเทียนกัลยามีถาดอาหารเช้า รอยยิ้มสดใสทำให้พุทธชาดอดยิ้มตอบอีกฝ่ายไม่ได้ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือไปข้างหน้า

    “เหน่อยากคุยด้วยน่ะ” 

    ใบหน้าสดใสแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดก่อนจะแดงก่ำขึ้น เทียนกัลยาวางถาดไว้บนโต๊ะข้างเตียง

    “เทียนนน…สบายดีไหมจ๊ะ” มหาเสน่ห์ร้องทักมาตามสาย ตั้งแต่เกิดเรื่องยุ่งๆ เขาก็ไม่ได้ติดต่อเทียนกัลยาเลย ก่อนหน้านั้นเขามักได้คุยกับเทียนกัลยาทุกครั้งที่พี่ชายโทรศัพท์ถามข่าวอีกฝ่าย

    “คนเลือดเย็น ใจร้าย โง่!” 

    เสียงแว้ดกลับทำให้ทั้งพุทธชาดและมหาเสน่ห์อึ้งกิมกี่ พุทธชาดรีบกุมมือน้อยที่กำแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปน เขาดึงร่างน้อยให้นั่งข้างกัน ก่อนจะกอดปลอบ…มุมปากยกยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากต้องแปลกใจกับปฏิกิริยารุนแรงของอีกฝ่าย

    “งะ ท่าจะคิดถึงกันแรงมาก” ปลายสายบอกเสียงอ่อย ก็เคยคิดอยู่ว่าแม่ดอกเทียนจะต้องโดนกัลปพฤกษ์สปอยล์จนเสียคนสักวัน

    “คุณเหน่ทำร้ายคุณพุด” คำพูดของเด็กสาววัยสิบห้าปีเหมือนมีดนับพันเล่มปักแทงใจมหาเสน่ห์

    “ขอโทษษษ พี่ผิดไปแล้ว พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่เสียใจกับเรื่องทั้งหมดจริงๆ นะ เทียนได้โปรด...อย่ามาซ้ำเติมพี่อีกเลย”

    “เทียนไม่ได้ซ้ำเติม แต่เทียนด่าเพราะคุณเหน่โง่” สาวน้อยยังแว้ดๆ อยู่กับอกพุทธชาด น้ำหูน้ำตาที่เลอะแผงอกทำให้เจ้าของอกยิ้มอย่างอ่อนใจ

    “อุวะ! ยายเทียน เธอเป็นเมียเจมี่หรือไง ถึงได้มีสิทธิ์เป็นเดือดเป็นร้อน แล้วเมื่อไหร่จะเรียกพี่ว่าพี่วะ” คนมีความผิดแถกลบเกลื่อน ถ้าอายุมากกว่านี้สักสามปีเขาก็จะคิดอยู่หรอกว่าสาวดอกเทียนเป็นแม่คนที่สองของพุทธชาด ด่าเขาแต่ละคำเหมือนลอกคำพูดแม่เขามาเปี๊ยบ

    “ถึงไม่ได้เป็นเมียก็มีสิทธิ์ด่าคุณเหน่ทั้งนั้นแหละ คุณเหน่โง่มากที่ทำให้คุณพุดเกือบตาย แล้วที่ไม่เรียกพี่ก็เพราะ…เทียนไม่อยากนับถือแล้ว” ลูกศิษย์คุณพริกแหวกลับอย่างไม่ยอม

    “เอาน่า เลิกทะเลาะกันทีเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ตายแล้ว เทียนเลิกร้องไห้เหมือนนั่งกอดศพเสียที ส่วนเหน่…ไปทำตามที่พูดกันไว้ซะ” พุทธชาดปรามทั้งสองคนอย่างอ่อนใจปนเอ็นดู

    “คุณพุดอย่าพูดแบบนี้อีกสิคะ คนที่สมควรเป็นศพคือคุณเหน่ต่างหาก” เทียนกัลยาแหงนหน้าพูดกับชายหนุ่ม นิ้วเรียวแกร่งเกลี่ยน้ำตาบนพวงแก้มสีชมพู

    “ยายเทียนนน…ยายตัวแสบ พี่พริกสอนอะไรเท้อ!”

    ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตายิ้มแป้น ค้อนให้โทรศัพท์มือถือก่อนกดตัดสาย

    “สมน้ำหน้าคุณเหน่ อยากปากเปราะหาว่าเทียนเป็นเมียคุณพุด เดี๋ยวเทียนจะฟ้องพี่เกด คอยดูเถอะ…ทีนี้แหละคุณเหน่ได้หูชาแน่”

    พุทธชาดหัวเราะก่อนจะยีหัวสวยเล่นอย่างมันเขี้ยว ลูกศิษย์คุณพริกคนนี้ดูเบาไม่ได้จริงๆ เห็นเงียบๆ แต่แอบร้าย แถมยังฉลาดเป็นกรด

    “เหน่มันก็ปากเปราะอย่างนี้แหละ เทียนอย่าโกรธเหน่เลย” คนเป็นพี่ชายยังเข้าข้างน้องชาย แม้ว่ามหาเสน่ห์สมควรโดนด่าเพราะความคิดน้อยก็ตามที

    “เทียนไม่ได้โกรธคุณเหน่ค่ะ เทียนแค่อยากสั่งสอน” คนตัวเล็กที่ริอ่านสอนคนตัวใหญ่ทำให้พุทธชาดยิ้มได้อีกครั้ง ตั้งแต่เมื่อวานเขาก็ได้ยิ้มบ่อยๆ “คุณพุดไม่โกรธคุณเหน่เหรอคะ”

    “โกรธ แต่ยังไงเหน่ก็เป็นน้อง”

    “คุณเหน่งี่เง่า ไม่รู้จักคิด” เทียนกัลยาค้อนใส่โทรศัพท์มือถือ อากัปกิริยานั้นยังให้นิ้วเรียวแกร่งบีบหมับที่แก้มอมชมพู

    “เทียนเองก็กำลังเอาแต่ใจ” เขาปรามเพราะไม่อยากให้เทียนกัลยาต่อว่ามหาเสน่ห์อีก อย่างไรเสียฝ่ายนั้นก็มีอายุมากกว่า แม้อายุสมองอาจเท่ากันก็ตามที

    “ก็เทียนโกรธแทนคุณพุด คุณพุดไม่รู้หรอกว่าเทียนกับคนอื่นเสียใจกันมากแค่ไหน ทั้งหมดนี้เพราะคุณเหน่คนเดียว เชอะ…เทียนละอยากให้คุณเหน่มาอยู่ตรงหน้าจริงๆ” สาวน้อยผู้โมโหจนลืมตัวหลุดบ่นเสียยาว

    “ทำไม ถ้าเหน่อยู่ตรงหน้าแล้วเราจะทำอะไรเขาได้”

    “เทียนก็จะใช้เล็บตะกุยหน้าคุณเหน่ให้ลายสิคะ” ไม่พูดเปล่า เทียนกัลยายังทำท่าทางประกอบเสียจนพุทธชาดอดผงะไม่ได้ จะอะไรเสียอีก แม่ดอกเทียนกางเล็บ ทำเสียงขู่ฟ่อใส่เขาอยู่นี่ไง

    นิ้วเรียวแกร่งบีบหมับเข้าที่แก้มนิ่มอีกครั้ง “เด็กแสบ นายพริกสอนอะไรเธอบ้างเนี่ย” พุทธชาดทั้งเอ็นดูระคนมันเขี้ยวสาวน้อย เธอเปลี่ยนไปเสียจนเขาตั้งรับไม่ทัน ตอนคุยโทรศัพท์กันบ่อยๆ ก็คิดอยู่ว่าเริ่มสนิทกัน เริ่มผูกพันกัน ไม่คิดเลยว่าการได้พบกันอีกครั้ง ความสัมพันธ์จะก้าวหน้าเสียจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

    “เทียนขอโทษค่ะ” มือบางกระพุ่มเข้าหากันก่อนไหว้ที่แผงอกเปลือยซึ่งเพิ่งใช้ซับน้ำตาเธอไปหมาดๆ “พี่พริกคอยย้ำเรื่องห้ามเกรงใจ เพราะนั่นเป็นการแสดงออกว่าเทียนรังเกียจที่จะมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” 

    กัลปพฤกษ์คอยพูดกรอกหูเทียนกัลยาอยู่ตลอดเรื่องความเกรงใจ พูดหลายปีดีดักจนทำให้เด็กขี้เกรงใจอย่างเทียนกัลยาเริ่มกล้าแสดงออก กระทั่งสนิทสนมกับทุกคนในครอบครัว

    “พริกทำถูกแล้ว แต่เทียนก็ไม่สมควรไปว่าเหน่ ยังไงเหน่ก็เป็นพี่ เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

    ใบหน้าเล็กพยักหน้า “เทียนเข้าใจค่ะ เทียนก็รักคุณเหน่เหมือนพี่ชาย แต่บางครั้ง…ก็รู้สึกว่าคุณเหน่มีความคิดเด็กกว่าเทียน” เพราะเจอเหตุการณ์ร้ายๆ เทียนกัลยาจึงมีความคิดโตกว่าเด็กวัยเดียวกัน

    พุทธชาดต้องกลั้นยิ้มเพราะเห็นดีเห็นงามกับความคิดของเด็กสาว บางครั้งมหาเสน่ห์ก็คิดน้อยจริงๆ นั่นแหละ ชายหนุ่มไม่ยิ้มให้อีกฝ่ายได้ใจ ดวงตางามเหมือนตาเนื้อทรายที่เหลือบมองมาเหมือนรอคอยรอยยิ้มทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากทำให้เธอได้ใจไปมากกว่านี้ แค่ที่ได้ยินกัลปพฤกษ์คอยเอาอกเอาใจเธอก็ต้องปรามกันอยู่บ่อยๆ แล้ว


    ลูกชุบรูปดอกไม้สีชมพูอ่อนวางเรียงบนจานที่มีใบตองสีเขียวแก่รอง พุทธชาดใช้ส้อมเล็กๆ จิ้มเข้าปากก่อนต้องอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางลุ้นๆ ของคนตรงหน้า เทียนกัลยาที่หายไปครึ่งวันกลับมาพร้อมลูกชุบรูปดอกไม้ซึ่งเจ้าตัวนำเสนอว่าเป็นดอกเทียน รสชาติหวานมันหอมนิดหน่อยทำให้ชายหนุ่มกินติดกันถึงห้าอัน รอยยิ้มแป้นแล้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักทันที พุทธชาดนึกอยากให้การะเกดได้เห็นรอยยิ้มนี้พร้อมกัน

    ‘อีกไม่กี่ปีดอกเทียนบ้านๆ ของพุดกับเกดคงสวยผุดผาดบาดตาบาดใจหนุ่มๆ ที่อังกฤษแน่ๆ’

    การะเกดเคยพูดคุยกับเขาทางโทรศัพท์ ตอนนั้นพุทธชาดไม่คล้อยตาม ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเทียนกัลยาไม่สวย แต่ค้านเรื่องผุดผาดบาดตา 

    ในวันนี้พุทธชาดเห็นกับตาตัวเอง คงจริงอย่างที่การะเกดพูดไว้ อีกสักสองสามปีเถอะ ดอกเทียนบ้านๆ จะเบ่งบานที่อังกฤษ ถึงตอนนั้นกัลปพฤกษ์คงปวดหัวไม่น้อยทีเดียว

    “กินไปตั้งห้าอัน แต่ไม่ยักชมสักคำ” อดีตเด็กพูดน้อยขี้อายเปรยขึ้น

    “ก็ถ้าไม่อร่อยจะกินติดกันหลายอันรึ” หนุ่มดอกไม้ย้อน

    “ตกลงคุณพุดจะไม่ชมเทียนจริงๆ เหรอคะ” คราวนี้เด็กในสังกัดคุณพริกเปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อน ซึ่งนั่นทำให้อีกคนใจอ่อน

    “อร่อยมาก พอใจหรือยัง”

    “พูดเหมือนถูกบังคับเลย รู้งี้เทียนไม่ทำให้กินก็ดีหรอก” 

    นอกจากกล้าพูดมากขึ้น ให้ความสนิทสนมมากขึ้น พุทธชาดยังพบว่าเทียนกัลยา ‘งอน’ เก่งขึ้นอีกด้วย

    “อร่อยมาก เกิดมาฉันไม่เคยกินลูกชุบที่อร่อยแบบนี้มาก่อน…มันอร่อยจนต้องร้องขอชีวิต”

    ดวงตาเนื้อทรายค้อนขวับ ถึงอย่างนั้นแก้มอมชมพูก็ป่องเสียจนคนมองอดหยิกหมับที่แก้มไม่ได้ งอนเก่งแล้วยังค้อนเก่งอีกแน่ะยายตัวแสบ!

    “เชื่อแล้วว่านายพริกเลี้ยงเราจนเสียคนจริงๆ ด้วย” 

    เทียนกัลยาหัวเราะคิก ใครๆ ต่างก็พูดแบบนี้เสมอ

    “พี่พริกแค่ตามใจเทียนเพราะพี่พริกอยากให้เทียนรักพี่พริกมากกว่าพี่ๆ คนอื่นค่ะ”

    พุทธชาดฟังแล้วทำหน้าครุ่นคิด “แล้วเทียนรักนายพริกมากกว่าคนอื่นไหมล่ะ” ไม่รู้อย่างไร ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา

    “รักมากกว่าสิคะ” 

    คำตอบที่ได้รับทำให้กรามหนาขบเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว 

    “แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มากกว่าที่รักคุณพุด พี่เกด แล้วก็อ้ายหมอน้ำ” 

    ลมหายใจอึดอัดถูกผ่อนลง พุทธชาดถลึงตาดุใส่เด็กเจ้าเล่ห์

    “กลายเป็นลูกศิษย์นายพริกไปจริงๆ แล้ว ดอกเทียนคนเดิมหายไปไหนกันนะ” เจ้าของเสียงทุ้มเปรยเนิบๆ ยังให้คนฟังฉีกยิ้มกว้าง

    “ดอกเทียนคนไหนอีกล่ะคะ ที่เห็นๆ ก็มีแค่คนเดียว”

    “คนที่ร้องไห้โฮ ต้องให้ฉันคอยปลอบ อ้อ…คนที่จับมือพาฉันหนีออกจากบ้านด้วย” คนกระเซ้ามีใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้ม

    “ฮื้อ…คุณพุดชอบใช้ภาษาไทยผิดๆ คราวก่อนโน้นก็หาว่าเทียนไปเที่ยวผู้ชาย ทั้งๆ ที่เทียนแค่แอบหนีไปเล่นน้ำ มาคราวนี้ก็ยังหาว่าเทียนพาคุณพุดหนีออกจากบ้านด้วยแน่ะ หน้าตาหล่อขนาดนี้จะใจง่ายหนีตามเทียนจริงๆ เหรอคะ” เด็กสาวโต้กลับอย่างนึกสนุก นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับพุทธชาดแบบนี้ เธอคิดว่าบางทีการคุยโทรศัพท์ทุกสัปดาห์ก็ไม่รู้สึกดีเท่าคุยกันต่อหน้าสักหนึ่งครั้ง

    “เทียนพูดว่าฉันหล่ออย่างนั้นเหรอ”

    สาวนัยน์ตาทรายพยักหน้า “หล่อสิคะ หล่อที่สุดในตระกูลเลยด้วย”

    “หล่อกว่านายพริกด้วยไหม”

    “แน่อยู่แล้วละค่ะ”

    “อ้อ…แล้วฝรั่งที่ไปส่อง มีหล่อกว่าฉันไหม”

    “ฮื้อ ส่องเสิ่งที่ไหนกันคะ เทียนบอกว่าไปเล่นน้ำไง ไม่ได้ส่องหนุ่มส่องฝรั่งอะไรทั้งนั้น” คนโดนกล่าวหาบอกหน้างอ พอเห็นสีหน้าไม่เชื่อของเขา ใบหน้างอๆ เลยกลายเป็นงอนไปเสีย เด็กสาวนึกโทษผู้คนที่ชอบพูดย้ำเรื่องห้ามเกรงใจ ห้ามๆๆ จนเธอเหลิงได้ใจ กล้าทำหน้างอใส่พุทธชาด

    “ไม่ได้ส่องแล้วรูปในโทรศัพท์เยอะแยะนี่อะไร” ชายหนุ่มชูโทรศัพท์มือถือที่เป็นคนซื้อให้ ในไฟล์เก็บภาพส่วนใหญ่เป็นรูปดอกไม้รูปวิว แต่ก็มีรูปนักท่องเที่ยวโผล่มาบ้าง ซึ่งคนเหล่านั้นถ่ายกับเทียนกัลยา

    “หา นี่คุณพุดแอบเปิดดูเหรอคะ แล้วใส่รหัสเข้าได้ยังไง เทียนไม่เคยบอกใครเลยนะ” เจ้าของโทรศัพท์มือถือโวยวายหน้าแดงก่ำ

    พุทธชาดยิ้มกว้างผิดกับทุกครั้งที่มักจะยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ฉันเก่งไง ว่าแต่อธิบายเรื่องรูปพวกนี้มาดีกว่า เราไม่ต้องแถเรื่องฉันใส่รหัสถูกหรอก”

    “ก็เพื่อนกันค่ะ” คนถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวบอกเสียงอ่อย คนที่ถ่ายรูปกับเธอเป็นชาวต่างชาติที่คุยกันผ่านโปรแกรมแชตซึ่งสายน้ำผึ้งแนะนำให้เธอใช้เพื่อฝึกภาษา แรกๆ ก็โดนจีบโดนคุกคามด้วยข้อความน่าเกลียดจนเกือบท้อใจไปเหมือนกัน แต่หลังๆ ครูสอนพิเศษช่วยแนะนำลูกหลานหรือเพื่อนของตัวเองให้เธอ จากนั้นพอทุกคนมาเที่ยววังเวียง เธอและสายน้ำผึ้งจึงต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีพาพวกเขาเที่ยว

    “เพื่อน?”

    “โธ่คุณพุดก็ เพื่อนของทอม ครูสอนพิเศษของเทียนไงคะ”

    “ทอม?”

    “อา…” เทียนกัลยาหน้าเสีย ลืมที่กัลปพฤกษ์สั่งเอาไว้เสียสนิท

    “ฉันสั่งนายพริกให้หาครูผู้หญิง” พุทธชาดกดเสียงบอก

    “…”

    “เทียนเคยบอกฉันว่าครูสอนภาษาชื่อพิชซี่” 

    เทียนกัลยาพยักหน้า

    “แล้วไอ้ทอมนี่มันเป็นใคร”

    “ก็คนเดียวกับพิชซี่นั่นแหละค่ะ พิชซี่เป็นเกย์ไงคะ เป็นเพื่อนพี่พริกด้วยค่ะ”

    คำตอบที่ได้รับทำให้คนตั้งท่าจะเอาผิดเด็กในปกครองอ้าปากหวอ พุทธชาดขมวดคิ้วก่อนจะทบทวนประโยคที่เด็กสาวบอก ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชอบใจที่เทียนกัลยาไม่บอกตั้งแต่ที่คุยโทรศัพท์กัน

    “เทียนทำตัวไม่น่ารักเลยนะ” เขาต่อว่าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะคืนโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่าย

    “เทียนขอโทษค่ะ”

    “มีความลับกับฉัน แล้วขอโทษง่ายๆ อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน” พุทธชาดไม่ได้โกรธเทียนกัลยา แต่โกรธกัลปพฤกษ์ที่อาจหาญขัดคำสั่ง เขาย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเป็นครูผู้หญิงเท่านั้น ไอ้เจ้านั่นก็ดันทำตามแบบครึ่งๆ กลางๆ เหมือนอยากจะลองดี


    เย็นวันนั้นพุทธชาดออกมารับประทานอาหารร่วมกับคนในบ้าน บาดแผลของชายหนุ่มไม่ได้สาหัสนัก แถมเจ้าตัวยังแข็งแรงจึงฟื้นตัวได้เร็ว ราชาวดีทำของโปรดหลานชาย พุทธชาดชอบแกงสายบัวใส่กะทิและปลาทู รสมือที่อร่อยเหมือนแม่ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงไม่ได้ ของหวานมื้อนั้นเป็นบัวลอยไข่หวานและลูกชุบซึ่งปั้นเป็นดอกไม้ สีหน้าลุ้นๆ ของเทียนกัลยาทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เขายังอ้อยอิ่งกับบัวลอยซึ่งหวานมันกำลังดี

    “เทียนเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมเอาแต่จ้องพุดแบบนั้น” ราชาวดีซึ่งอดไม่ได้จึงถามขึ้น ตั้งแต่นำของหวานขึ้นโต๊ะ เทียนกัลยาก็เอาแต่จ้องพุทธชาดตาไม่กะพริบ

    “เทียนไม่ได้เป็นอะไรค่ะแม่ช่อ”

    “แล้วจ้องหน้าพี่เขาทำไม”

    “ก็จ้องว่าเมื่อไหร่คุณพุดจะกินขนมที่เทียนทำมาง้อ” เสียงตอบอ่อยๆ ยังให้หลายคนที่ได้ยินหลุดยิ้ม ยกเว้นคนโดนง้อที่เพียงเลิกคิ้วจ้องมองใบหน้าหงอยๆ

    “นี่เรางอนลูกสาวลุงเหรอไอ้เสือ” ราชพฤกษ์หันไปกระเซ้าหลานชาย

    “ผมเปล่า”

    “คุณพุดงอน” เทียนกัลยายืนยัน

    “ไม่ได้งอน”

    “แล้วทำไมไม่กินลูกชุบล่ะคะ”

    “กินบัวลอยยังไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ แล้วก้มลงตักบัวลอยเข้าปาก

    “นั่นแหละงอน แทนที่จะกินลูกชุบของเทียนก่อน” คนที่ตั้งใจจะง้อเริ่มอยากงอนเสียแล้ว มองลูกชุบที่ตั้งใจทำตาปรอย

    “นับวันยิ่งเหมือนเกดนะคะ ชอบเรียกร้องความสนใจจากพุด” ราชาวดีหันไปพูดกับสามี

    “ก็แล้วทำไมจะไม่เหมือนล่ะ พุดเล่นส่งของให้บ่อยๆ แถมยังโทร. เช็กทุกอาทิตย์ ทำเหมือนกับเอายายเกดมาฝากเราเลี้ยง” ราชพฤกษ์เออออไปกับภรรยา

    “เทียนไม่เหมือนพี่เกดหรอกค่ะ”

    “ทำไมถึงบอกว่าเราไม่เหมือนเกด” ราชาวดีถามอย่างสนใจ

    “ก็คุณพุดไม่เคยงอนพี่เกดนี่คะ ไม่เคยขัดใจด้วยซ้ำ ขนาดพี่เกดอยากมีแฟน คุณพุดยังช่วย แต่กับเทียน…แค่ไม่บอกว่าครูพิชซี่เป็นเกย์แค่นี้ ทำงอนไม่ยอมกินลูกชุบที่เทียนทำมาง้อ” คนที่คิดว่าตัวเองมีความผิดเล็กน้อยบอกด้วยสีหน้างอง้ำ ก่อนจะก้มหน้าเมื่อนึกได้ว่าแสดงกิริยาไม่สุภาพต่อหน้าผู้ใหญ่

    ราชพฤกษ์เห็นท่าทางของเทียนกัลยาแล้วหัวเราะชอบใจ เขาชอบที่เด็กสาวทำตัวตามสบาย ดีกว่าเอาแต่เก็บงำความรู้สึก “เอาแล้วไหมล่ะ ดูท่าต่อไปพุดจะรับมือยาก นี่ศิษย์นายพริกเชียวนะ”

    พุทธชาดโคลงศีรษะโดยที่สีหน้ายังเรียบนิ่ง ชายหนุ่มวางช้อนก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบส้อมจิ้มลูกชุบดอกเทียนขึ้นมากิน ผ่านไปสองชิ้นสีหน้าคนทำก็ยังงอเป็นจวัก กระทั่งกินไปถึงอันที่เจ็ด ชายหนุ่มก็วางส้อมลง

    “อร่อยจนต้องร้องขอชีวิต” เจ้าของเสียงทุ้มเปรยออกมา ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อสายน้ำผึ้งหัวเราะคิกคักกับประโยคเสี่ยวๆ ของเขา

    “อร่อยขนาดนั้นเชียว ไหนๆ ให้พ่อชิมดูหน่อยนะ ว่ามันจะอร่อยจนต้องร้องขอชีวิตจริงไหม” ราชพฤกษ์ชิมบ้างก่อนจะร้องอื้อหือด้วยสีหน้าตะลึง ซึ่งดูอย่างไรก็คือการแสดงที่แสนจะโอเวอร์ ไม่ใช่แค่ราชพฤกษ์ แต่รายต่อไปเป็นราชาวดี สายน้ำผึ้ง รวมถึงช้องนางที่ชิมแล้วบอกว่าลูกชุบดอกเทียนอร่อยจนต้องร้องขอชีวิต

    เทียนกัลยาสบตาคู่คมแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าซ่อนยิ้ม เธอไม่อยากได้คำชมหรือคำเยินยอนักหรอก สิ่งที่ต้องการที่สุดคือ…ขอให้เขาปลอดภัย การได้พบว่าข่าวร้ายทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลวง เสมือนว่าเทียนกัลยานั้นได้หัวใจคืนมา

    ก้อนเนื้อในอกที่เต้นคร่อมจังหวะยามสานสบดวงตาคู่คมสีฟ้าตอกย้ำให้เด็กสาวรับรู้ว่า…การยังคงอยู่ของเขามีผลกับชีวิตเธอยิ่งนัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×