ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #4 : ...๓ ลูกศิษย์คุณพริก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.18K
      45
      17 มี.ค. 59

    แปลกแต่จริง อัพใน Mac แล้วมันเว้นย่อหน้าให้เหมือนต้นฉบับเปี๊ยบ ฮา... (กับพีซีล่ะรวนจั้ง)

    เล่มนี้แบ่งอายุนางเอก พระเอกเป็น ๓ ช่วงนะคะ

    ๑๒/๒๗

    ๑๕/๓๐

    ๒๐/๓๕

    ปมทั้งหมดในเรื่องเป็นของนางเอกค่ะ เพราะพระเอกของเฮาแสนจะเพอร์เฟ็กต์ อิอิ







    3

    ลูกศิษย์คุณพริก

    หลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักหนุ่มสาวตระกูลดอกไม้จนครบถ้วน เทียนกัลยารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ โดยที่สมองยังมีอดีตซึ่งยังไม่ถูกลบเลือน ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่นจนน่าอิจฉา ลึกๆ แล้วหัวใจของเทียนกัลยายังร่ำหาดาวเรือง โน้ตบุ๊กที่พุทธชาดมอบให้เธอนำมาใช้อย่างเกิดประโยชน์ที่สุด การค้นหาชื่อ ธีรเมธ พิจักษณ์ ไม่ได้อยากเกินความสามารถ ประวัติ ‘เสี่ยเมธ’ ที่ใครๆ เรียกขานปรากฏขึ้นทันทีพร้อมรูปถ่ายคู่กับ…คนที่ครั้งหนึ่งเทียนกัลยาเรียกว่าแม่ และคิดมาตลอดว่าคือแม่แท้ๆ

    ใบหน้าของ ‘ผกามาศ’ ซึ่งก็คือ ‘ยี่โถ’ ลูกสาวของเสริมปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง ‘คุณมาศ’ ที่ใครๆ เรียกขานเป็นที่รู้จักในนามของผู้หญิงคนสนิทของธีรเมธ เสี่ยใหญ่พ่อม่ายเมียตายไม่ยอมตกล่องปล่องชิ้นกับใครหลังจากเสียผู้เป็นภรรยาและลูกพร้อมๆ กัน แต่ผู้หญิงที่ธีรเมธควงบ่อยที่สุดก็คือผกามาศ

    ครั้งแรกที่เทียนกัลยาทราบว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนชื่อ เธอถึงกับยิ้มเยาะ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใจว่าเป็นแม่ เคยคิดถึงทุกลมหายใจ โหยหาที่จะให้อีกฝ่ายกอดเธอสักครั้ง ถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อปกปิดตัวตน ใบหน้างดงามผุดขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวด ที่ผกามาศไม่ใช่แม่แท้ๆ ไม่อาจทำให้เธอเสียใจได้เท่าอีกฝ่ายไม่ไยดีพ่อแม่ที่แท้จริง เธออยากรู้ว่าหัวใจผู้หญิงคนนั้นทำด้วยอะไร ถึงได้ใจร้ายใจดำยอมปล่อยผู้ให้กำเนิดอยู่กันอย่างตามมีตามเกิด มิหนำซ้ำยังทำชั่วด้วยการนำภาระมาให้ท่านทั้งสองเลี้ยงดู

    เทียนกัลยาเข้าใจความรู้สึกของเสริมดี ตาคงเสียใจมากที่ได้รับรู้ว่าทั้งเธอและดาวเรืองต่างไม่ใช่หลาน แต่เป็นเด็กที่ลูกสาวแท้ๆ ลักพาตัวมา ในความรู้สึกของตาคงคิดว่าความรักความเอาใจใส่ที่ทุ่มเทลงไปกลับสูญเปล่า หากเทียนกัลยาย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะตะโกนบอกตา ว่าทั้งหมดที่ตากับยายทำไม่ได้สูญเปล่าเลยสักนิด เธอยังคงรักและเคารพตาตราบทุกวันนี้ ไม่เคยมีสักวันที่เธอจะไม่คิดถึงผู้มีพระคุณ

    ประวัติของธีรเมธที่ค้นหามีไม่มากนัก แต่ก็พอให้ทราบว่าเขามีฐานะดี เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และยังครองตัวเป็นโสด คำบอกเล่าของเสริมทำให้เทียนกัลยานึกย้อนคิด หากผกามาศขโมยเธอมาจากพ่อแม่ที่แท้จริง ดาวเรืองก็คงถูกลักพาตัวมาเหมือนกัน แต่จะด้วยสาเหตุอะไรก็สุดจะคิดหาคำตอบ เพราะหากดาวเรืองเป็นลูกของธีรเมธ แล้วเหตุใดผกามาศจึงทำเช่นนั้น และพอทำไปแล้วทำไมถึงยังวนเวียนอยู่ข้างกายอีกฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ยังมีอีกหลายคำถามที่ต้องค้นหาคำตอบ แต่เด็กอายุสิบสองเช่นเทียนกัลยาก็จนปัญญาจะสืบหา เธอไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้แก่ใครเลย เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องกังวล แม้กับสายน้ำผึ้ง เธอก็บอกเพียงว่าบ้านหลังที่เธอให้พาไปดูคือบ้านของพ่อแม่ ไม่ได้ขยายความไปมากกว่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายก็ใจดีไม่ซักถาม ทั้งๆ ที่มีสีหน้าสงสัยเต็มแก่


    “เทียนๆ ไปซิ่งกัน พี่สิงห์เขายอมให้เราสองคนขี่รถล้อเลื่อนด้วยแหละ” เสียงสายน้ำผึ้งดึงเทียนกัลยาออกจากภวังค์ นิ้วเรียวเล็กรีบพับหน้าจอโน้ตบุ๊กก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึง

    “ขี่รถอะไรนะ” เธอทวนถาม

    “ก็รถล้อเลื่อนไงล่ะ ไปๆ พี่พริกจะซิ่งด้วย” สายน้ำผึ้งฉุดเทียนกัลยาให้เดินตาม ก่อนเอี้ยวหน้ามาเตือน “เอาโน้ตบุ๊กเก็บใส่กระเป๋าก่อนเลยไป๊ เดี๋ยวคุณสนเห็นเข้าจะงับหัวเอา” 

    เป็นที่ทราบกันดีว่าสนฉัตรนั้นขึ้นชื่อเรื่องดุ แต่ชายหนุ่มดุอย่างมีเหตุผล เทียนกัลยารีบเก็บโน้ตบุ๊กใส่กระเป๋าเป้ เธอไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบโดนดุ

    “สองสาวมาแล้ว เข้าคิวเลย” สายน้ำผึ้งพาเธอมาที่เนินแห่งหนึ่งซึ่งมีหนุ่มสาวดอกไม้ยืนรอกันเพียบ แทบจะครบทุกคนหากตัดพุทธชาดและสามหนุ่มมหาออก เทียนกัลยาคิดอย่างเสียดาย หากสามแฝดไม่ก่อเรื่อง ป่านนี้พุทธชาดก็คงยังอยู่กับเธอที่นี่

    “มองพี่ๆ แล้วทำหงอยแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคิดถึงพี่พุด” กัลปพฤกษ์เอ่ยอย่างรู้ใจ เขารู้สึกถูกชะตากับแม่สาวดอกเทียนเป็นอย่างมาก ยิ่งได้รู้ประวัติความเป็นมาก็ยิ่งสงสาร

    “พี่พริกเดาถูกเผง” เป็นเสียงของสายน้ำผึ้ง “รายนี้หายใจเข้าเป็นพี่เกด หายใจออกเป็นพี่พุด” เด็กหญิงทำท่าทางประกอบเสียจนใครหลายคนต่างอดเอ็นดูไม่ได้ หนึ่งในนั้นมีสนฉัตรรวมอยู่ด้วย

    “ก็คงเหมือนกับน้ำผึ้งนั่นแหละค่ะ หายใจเข้าเป็นพี่พริก หายใจออกก็เป็นพี่สน” เทียนกัลยาเอาคืนอีกฝ่าย ยังให้หนุ่มสาวดอกไม้ที่เหลือต่างหัวเราะร่วน โดยเฉพาะสนฉัตรซึ่งหัวเราะมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของยายน้ำผึ้งขมที่ถูกเขาดุบ่อยๆ

    “ตายละ เทียนทำให้สนหัวเราะได้นี่ไม่ธรรมดาแล้ว” การะเกดชมเปาะ ดีใจที่เทียนกัลยาเข้ากับทุกคนได้ อีกทั้งยังเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

    “เทียนก็แค่ปรับตัว น้ำผึ้งชอบทำให้พี่สนทำหน้าดุ เทียนก็อยากทำให้พี่สนยิ้มบ้าง” พอเทียนกัลยาพูดจบ เสียงหัวเราะดังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว กัลปพฤกษ์ประทับใจในตัวเด็กสาวที่กำลังจะมาเป็น ‘ลูกศิษย์คุณพริก’ ไวๆ นี้

    “พี่ดีใจที่เทียนเข้ากับทุกคนได้นะ” การะเกดกระซิบบอก

    “ตอนแรกก็เกร็งๆ ค่ะ อย่างที่เทียนเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ เห็นหน้ากันครั้งแรก น้ำผึ้งงี้เหมือนนางอิจฉาในละครเปี๊ยบ” แม้การะเกดจะกระซิบกับเธอ แต่เทียนกัลยากลับตอบเสียงดังฟังชัดกันทุกคน “ขนาดแม่ช่อยังเปรย คุณยายก็ด้วยค่ะ”

    “โอ๊ย พูดไปเลย กลับถึงคุ้มแยกห้องกันนอนเลยนะ” คนที่มักจะหอบหมอนมานอนกับเทียนกัลยาขู่ฟ่อ

    “เฮ้ ถ้าจำไม่ผิด แม่บอกเราเป็นคนไปนอนห้องเทียนเองไม่ใช่เหรอ” คุณพริกจอมแสบแซวเด็กในสังกัด

    “เชอะ คราวหลังน้ำผึ้งจะไม่ไปนอนแล้ว จะปล่อยให้ยายดอกเทียนนอนตัวสั่นกลัวผีไปคนเดียว”

    “จ้ะ เชื่อแล้วๆ ว่าคราวหลังไม่ไป แต่คราวหน้านี่ไม่แน่ใช่ไหม”

    ทุกคนต่างหัวเราะอย่างขบขัน รวมถึงเทียนกัลยา เด็กหญิงมองหนุ่มสาวดอกไม้แล้วคิดถึงคนที่เพิ่งจากไปพร้อมคำสั่งเสียยืดยาวจนราชพฤกษ์ต้องดักคอ

    “เชื่อหรือยังที่พี่เคยบอกว่าเทียนจะต้องชอบครอบครัวพี่” การะเกดกระซิบกับคนเป็นน้องอีกครั้ง เทียนกัลยาพยักหน้า หนุ่มสาวดอกไม้ต่างให้ความเป็นกันเอง ทุกคนล้วนมีชื่อเป็นดอกไม้ด้วยกันทั้งสิ้น จะเว้นก็แต่สนฉัตรและสามหนุ่มที่มีชื่อเป็นว่านอย่างมหาโชค มหาลาภ และมหาเสน่ห์

    “เทียนโชคดีที่ได้เจออ้ายหมอกับพี่นางเกด แล้วก็ได้เจอคุณพุดรวมถึงคนอื่นๆ ด้วยค่ะ”

    การะเกดพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจรู้ดีว่าเทียนกัลยายังคิดถึงดาวเรือง เธอก็คิดถึงเด็กหญิงเหมือนกัน การะเกดผ่อนลมหายใจด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ดาวเรืองหายตัวไป คาวีส่งคนไปสืบอย่างไรก็ไม่พบ ทางผกามาศก็ไม่มีทีท่าอะไรเลย ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วคนที่ส่งคนมาจับตัวดาวเรืองคือผกามาศ พุทธชาดออกความเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรให้เทียนกัลยารับรู้ ให้เข้าใจว่าคนที่จับตัวดาวเรืองไปคือพ่อที่แท้จริง อีกฝ่ายคงสบายใจกว่า

    ‘เทียนยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ เราไม่อยากให้เทียนกังวลอะไรอีก’ พุทธชาดบอกไว้อย่างนั้น

    ‘พี่เห็นด้วยนะ เทียนยังมีอนาคต ยังต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่สมควรต้องมีเรื่องทุกข์ใจ’ พรรษชลเห็นดีเห็นงามด้วย

    ‘แล้วเรื่องชาติกำเนิดของเทียนล่ะ’ ครานั้นเธอแย้งไปเพราะยังสงสัยเรื่องชาติกำเนิดของอีกฝ่าย หลังจากทราบว่าดาวเรืองเป็นลูกแท้ๆ ของธีรเมธ ก็เกิดสงสัยว่าเทียนกัลยาเล่าเป็นลูกของใคร

    ‘เราจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น จนกว่าเทียนจะยอมบอก’ พุทธชาดยืนกราน หากเทียนกัลยาไม่พูด เขาก็สั่งห้ามทุกคนสืบหาความจริง!


    ราชพฤกษ์พาครอบครัวกลับวังเวียงตามกำหนด โดยมีกัลปพฤกษ์ตามมาด้วย ชายหนุ่มหัดเทียนกัลยาให้ขี่รถมอเตอร์ไซค์อย่างที่รับปากพุทธชาดเอาไว้ เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เด็กหญิงก็ขี่คล่องปร๋อ ชายหนุ่มพาสองสาวไปเที่ยว คอยพูดคุยดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนน้องแท้ๆ เทียนกัลยาเริ่มชอบกัลปพฤกษ์เพราะความเป็นกันเองของเขาทำให้เธอสบายใจ เธอพบว่าเขาคุยสนุกแถมยังชอบตามใจเธอและสายน้ำผึ้ง จนถูกช้องนางดุแบบไม่จริงจังอยู่หลายครั้ง

    หลังจากขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็นแล้ว ไม่ถึงหนึ่งเดือน เวสป้าสีเขียวอ่อนรุ่นเดียวกับสายน้ำผึ้งก็ถูกส่งมาที่คุ้มบุษบา การะเกดแนบการ์ดมาพร้อม

    ‘คันนี้พุดเป็นคนซื้อให้’

    “อื้อหือ พี่พุดป๋ามากๆ” กัลปพฤกษ์บอกขณะใช้ผ้าเช็ดรถให้เทียนกัลยา ชายหนุ่มใจดีลงแวกซ์ขัดเงาให้พร้อม

    “คุณพุดไม่น่าสิ้นเปลืองกับเทียนเลย คันละหลายบาท เทียนเกรงใจจังเลยค่ะ” คนที่ดีใจอย่างออกนอกหน้าในทีแรกบอกด้วยสีหน้าหงอยๆ

    “เอาน่า รถราคาแค่นี้ไม่ระคายขนหน้าแข้งผู้ปกครองเราหรอก”

    “เอ…ทำไมพี่พริกเรียกพี่พุดแบบนั้น”

    “เอ้า มันเรื่องจริงนี่ ถึงขนาดสั่งให้เทียนเรียกย่าว่ายาย แถมยังกล้าพูดว่าเทียนเป็นคนของฟาเบรกลาส ไม่เรียกผู้ปกครองจะให้เรียกว่าอะไรเล่า” คุณพริกจอมแสบทำหน้ารื่น

    “มันก็จริงนะ” สายน้ำผึ้งเห็นด้วยกับท่านอาจารย์

    “ถึงไม่ระคายขนหน้าแข้งคุณพุด แต่เทียนก็เกรงใจอยู่ดี” เทียนกัลยาแย้ง

    “ไม่ต้องเกรงใจ จำเอาไว้…อยู่ที่นี่ให้ลืมคำว่าเกรงใจไปซะ!” กัลปพฤกษ์บอกเสียงดุ “แล้วก็ได้โปรดเรียกว่าพี่พริกให้ชินปาก ได้ยินเทียนเรียกว่าคุณแล้วมันคัน”

    “คันอะไรคะพี่พริก”

    “คันหัวใจไงยายตัวแสบ ถามจั๊ง!” ชายหนุ่มแสร้งดุลูกศิษย์หมายเลขหนึ่งให้ว่าที่ลูกศิษย์ดู สายน้ำผึ้งหัวเราะคิกอย่างชอบใจ

    “เรียกให้ชินปากเหอะเทียน เดี๋ยวพี่พริกไม่มีสมาธิกลับไปเรียนต่อ” สายน้ำผึ้งหันมาบอกเพื่อนที่บางครั้งก็หลุดปากเรียกอีกฝ่ายว่าคุณพริก

    “ก็ได้ค่ะพี่พริก ว่าแต่รับคาลาไมน์สักขวดไหมคะ” เทียนกัลยากระเซ้า บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีแค่ไหน กับกัลปพฤกษ์เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ดี นั่นเพราะชายหนุ่มไม่มีสีหน้าแววตาคาดคั้นอยากให้เธอพูดอะไร เหมือนกับที่การะเกดหรือไม่เว้นแม้แต่พุทธชาดอยากให้เธอบอก ที่ผ่านมาเทียนกัลยารับรู้ถึงความห่วงใยของทุกคนดี แต่เธอไม่พร้อมจะเล่าเรื่องใดๆ เกี่ยวกับตัวเองทั้งสิ้น แค่ที่ทุกคนดีต่อเธอ รับเลี้ยงดูเธอก็มีบุญคุณอย่างล้นเหลือแล้ว จะให้เธอนำภาระปัญหามาให้พวกเขาได้อย่างไร

    “โหย…ยายแสบเบอร์สอง ศอกกลับเจ็บเหมือนกันนะเรา”

    “โอย…ดีใจจัง น้ำผึ้งมีเพื่อนแล้วนะพี่พริก กะแล้วเชียวว่าเทียนไม่ได้หงิมๆ ติ๋มๆ อย่างที่เห็น” คนที่มองเทียนกัลยาอย่างขุ่นขวางในทีแรกบอก

    “รู้สึกเหมือนกับว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะถูกลูกศิษย์ล้างครูว่ะ” กัลปพฤกษ์บอกกลั้วขำ ดีใจที่ทั้งสองสาวเข้ากันได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มไม่อยากรู้ว่าเทียนกัลยาเป็นใคร มาจากไหน ตอนนี้เขารู้อย่างเดียวว่าเธอคือน้องสาว คนที่เขาต้องปกป้อง

    ตกเย็นเทียนกัลยาตั้งใจโทร. ไปขอบคุณพุทธชาด แต่ชายหนุ่มโทร. เข้ามาก่อน เด็กหญิงรับสายจากพุทธชาดแล้วถึงกับงง ไม่รู้จะเชื่อใครดี ระหว่างการะเกดกับเขา

    “ได้ข่าวว่าเกดซื้อรถให้ ยังไงก็ขับขี่ดีๆ นะเทียน ห้ามไปไหนไกล ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด” คนที่ยังไม่รู้ว่าโดนน้องสาวหักหลังพร่ำยาว ชายหนุ่มใช้เวลาเลือกรุ่นและสีพอสมควร เขาพบว่ารุ่นที่สนฉัตรซื้อให้สายน้ำผึ้งค่อนข้างดี และมีสองสี แถมยังบังเอิญว่าสีที่เขาคิดว่าเหมาะกับเทียนกัลยาไม่ใช่สีเดียวกับคันที่สายน้ำผึ้งมีด้วย

    “เอ่อ…”

    “ว่าแต่ชอบไหม สีเขียวฉันว่าเหมาะกับเทียนดี”

    “อ่า ชอบค่ะ เทียนชอบสีเขียว”

    “แล้วลองขี่หรือยัง”

    “ลองแล้วค่ะ แต่…”

    “หือ…ทำไมมีแต่ แสดงว่าไม่ชอบรุ่นนี้อย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวฉันบอกให้เกดเปลี่ยนรุ่นให้เอาไหม” คนที่อะไรๆ ก็ยกการะเกดมาอ้างถามอย่างร้อนใจ ไหนราชพฤกษ์เคยบอกว่าเทียนกัลยาชอบรถของสายน้ำผึ้ง

    “ชอบมากค่ะ แต่เทียนว่ามันแพงไป” คนที่กำลังจะได้รถคันใหม่อีกคันรีบบอก ด้วยว่าไม่อยากให้ชายหนุ่มกังวลใจ

    “อ้อ ไม่ระคายสิว” คนซื้อให้บอกติดตลก “เอาเป็นว่าขับขี่ให้ระวัง ไปไหนมาไหนก็อย่าประมาท เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

    คนปลายสายฟังแล้วได้แต่ยิ้ม ระหว่างพุทธชาดกับการะเกด ไม่ว่าใครซื้อรถคันนี้ให้ ทั้งสองต่างก็มีความห่วงใยให้เธอไม่ต่างกัน

    “ค่ะ ขอบคุณคุณพุดนะคะ”

    “อืม” พุทธชาดรับโดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเด็กหญิงขอบคุณด้วยเรื่องอะไร “ขาดเหลืออะไรก็โทร. หาฉัน ไม่ก็โทร. หาเกด ไม่ต้องเกรงใจ เข้าใจไหม”

    เทียนกัลยายิ้มอีกครั้ง “เข้าใจค่ะ เอ่อ…เรื่องของคุณเหน่กับพี่ๆ เป็นไงบ้างคะคุณพุด” ถามด้วยความเกรงใจ ถึงอย่างนั้นก็อดอยากรู้ไม่ได้ ก่อนกลับฟาบิโอ้มีสีหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อีกทั้งลีลาวดียังมีสีหน้าไม่สู้ดีอีกด้วย

    “ก็กำลังคุยๆ อยู่ แต่คุณป๋าบอกไม่ยอมท่าเดียว ธุรกิจนั้นมันอันตรายเกินไป เทียนคิดเหมือนฉันไหม” ถามออกไปแล้วชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะตัวเอง นี่เขากำลังทำอะไร ถามความเห็นของเด็กสิบสองปีอย่างนั้นหรือ

    “เทียนคิดเหมือนคุณพุดค่ะ” 

    ประโยคสั้นๆ มีผลต่อจิตใจคนฟังยิ่งนัก พุทธชาดยิ้มกับโทรศัพท์ และคุยต่ออีกสักพักจึงวางสาย


    หลังจากที่ได้รับรถประจำตำแหน่งมาคนละคัน สองสาวต่างชักชวนกันไปขี่รถเล่นทุกวันหยุดหลังจากช่วยช้องนางทำขนมหรือไม่ก็ช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เรียบร้อยแล้ว เวสป้าสีเขียวอ่อนและสีครีมเป็นที่คุ้นตาของชาวบ้านในละแวกนั้น แม้ถนนหนทางจะยังไม่ดีนัก แต่เทียนกัลยาชอบบรรยากาศร่มรื่นของวังเวียง ถึงจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ก็สงบ ยิ่งตอนเช้าๆ เทียนกัลยาชอบตื่นขึ้นมามองหมอกขาวที่ลอยเอื่อยแตะยอดเขา

    “น้ำผึ้งจะไปไหน” เทียนกัลยาถามหลังจากเห็นเพื่อนเลี้ยวรถออกนอกเส้นทาง

    “ไปบลูลากูนกัน” ลูกศิษย์เบอร์หนึ่งของคุณพริกเอี้ยวหน้ามาบอก ก่อนจะบิดคันเร่งนำไปก่อน โดยไม่รีรอให้อีกคนทักท้วง 

    เทียนกัลยาเห็นดังนั้นจึงต้องรีบขับตาม ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นับเป็นครั้งที่สามที่เธอจะได้ไปบลูลากูน โดยครั้งแรกราชพฤกษ์เป็นคนพาไป ส่วนครั้งที่สองก็มีกัลปพฤกษ์เป็นไกด์นำทาง ถึงอย่างนั้นทั้งสองครั้งก็เดินทางโดยรถยนต์ หาใช่มอเตอร์ไซค์เหมือนครั้งนี้

    ระยะทางเกือบสิบกิโลเมตรเกือบทำให้เทียนกัลยาถอดใจ ถนนหนทางยังไม่ลาดยาง และเนื่องจากเป็นวันหยุด รถรับจ้างเลยวิ่งกันไม่ขาดสาย ทำให้มีฝุ่นคลุ้งตลบตลอดเส้นทาง สองข้างทางเป็นป่าสลับกับทุ่งนา นานๆ จะผ่านหมู่บ้านซึ่งรั้วหน้าบ้านทุกหลังและต้นไม้ทุกต้นจะมีฝุ่นจับหนา กว่าจะถึงจุดหมายเด็กสาวที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกมาก็หัวแดงหน้าหมองคล้ำไปหมด ดีที่สายน้ำผึ้งพกผ้าปิดจมูกมาด้วย ไม่งั้นเทียนกัลยาคงถอดใจกลับตั้งแต่ครึ่งทาง

    “สนุกดีเนอะ เสียอย่างเดียวฝุ่นเยอะไปหน่อย” สายน้ำผึ้งใช้มือปัดฝุ่นออกจากเส้นผม หัวเราะคิกเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนร่วมทาง “ไม่เอาน่า ลงเล่นน้ำก็ออกหมดแล้ว”

    เทียนกัลยาไม่โต้ตอบ ได้แต่ค้อนให้ สองสาวล็อกรถแล้วเดินเข้าไปด้านในซึ่งมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่น เพิงไม้ไผ่สำหรับนอนพักผ่อนเต็มทุกหลัง สายน้ำผึ้งบอกให้เทียนกัลยายืนรอแถวสะพาน เจ้าตัวหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมเสื่อและมะพร้าวสดสองลูก สองสาวปูเสื่อใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสระ ไม่ห่างจากจุดกระโดดนัก

    “ถ้าพ่อคูนรู้ เราต้องถูกดุแน่ๆ” เทียนกัลยาเอ่ยขึ้นด้วยความกลัว ราชพฤกษ์เคยย้ำว่าไม่ให้เธอและสายน้ำผึ้งแอบมาเที่ยวที่นี่

    “เถอะน่า เทียนไม่พูด เราไม่พูด ก็ไม่มีคนรู้หรอก”

    สีหน้ามั่นอกมั่นใจของอีกฝ่ายไม่ทำให้เทียนกัลยาหายใจได้ทั่วท้องนัก ยิ่งหันไปเจอะกับ ‘เป้าหมาย’ ของสายน้ำผึ้งเข้า ลมหายใจเธอยิ่งติดขัดขึ้นอีกเท่าตัว

    “อื้อหือ…ไม่มีใครหุ่นดีเท่าพี่พริกสักคน” คนบอกอื้อหือพูดติจนน่าขำ 

    เทียนกัลยาฟังแล้วทำหน้าแหย บอกหุ่นไม่ดีเท่ากัลปพฤกษ์แต่ร้องอื้อหือเนี่ยนะ “แสดงว่าตัวเคยแอบดูหุ่นพี่พริกงั้นสิ”

    “ไม่เคยแอบดู แต่พี่พริกถอดเสื้อให้ดูเลย ตอนพามาที่นี่สักตอนอายุได้แปดเก้าขวบได้มั้ง”

    “หา? ถอดเสื้อให้ตัวดูเลยเหรอ”

    “อื้อ ก็ตอนนั้นเห็นฝรั่งหล่อล่ำแล้วเราทำตาโตมาก” คนพูดทำท่าทางประกอบ “ผู้ชายคนนั้นนุ่งกางเกงว่ายน้ำสีฟ้า เทียนเอ๊ย…เห็นแล้วน้ำลายไหลย้อย”

    “เฮ้ย แก่แดดมากไปแล้วยายน้ำผึ้ง”

    “ฮ่าๆ เลียนแบบพี่พริกมาน่ะ แต่พี่พริกไม่ได้เหล่สาวที่นี่หรอกนะ ดูพวกนิตยสารน่ะ”

    “ถึงงั้นก็เถอะ ไม่เห็นต้องสอนกันพิลึกอย่างนี้นี่นา” เทียนกัลยาชักสงสัยว่าแท้จริงแล้วกัลปพฤกษ์เป็นคนอย่างไร ถึงได้สอนน้องสอนนุ่งเสียอย่างนี้

    “ไม่พิลึกซะหน่อย เราว่าดีออก พี่พริกบอกเห็นซะให้เต็มตา จะได้ไม่ใจแตก”

    “เราว่าจะใจแตกเพราะเห็นนี่แหละ”

    “ไม่แตก พี่พริกถอดเสื้อให้ดูว่าไอ้กล้ามตรงท้องเขาเรียกซิกซ์แพ็ก ผู้ชายที่ออกกำลังกายเท่านั้นถึงจะมีมัน”

    เทียนกัลยาฟังแล้วได้แต่กลอกตา เธอชักอยากรู้ว่าหากสนฉัตรรู้เข้า เขาจะทำอย่างไร

    “แล้วพี่สนรู้ไหม” เร็วเท่าใจคิด เด็กหญิงถามขึ้นทันใด

    “รู้ ด่าพี่พริกซะเปิงเลย” 

    สีหน้าเหยเกของเพื่อนทำให้เทียนกัลยามั่นใจว่าไม่ใช่แค่กัลปพฤกษ์ที่โดน หากกัลปพฤกษ์โดนด่า สายน้ำผึ้งคงโดนดุไม่น้อย

    สองสาวต่างลงเล่นน้ำอยู่เกือบชั่วโมง ความหนาวเย็นของน้ำทำให้เทียนกัลยาสะท้าน สระน้ำที่นี่เป็นสีฟ้าสวยแปลกตา แถมมีระดับความเย็นที่ไม่ธรรมดา เทียนกัลยามีโอกาสได้พูดกับคนต่างชาติซึ่งเป็นเพศเดียวกันแต่คนละวัย เด็กหญิงรู้สึกเขินอายและประหม่าที่พูดได้นิดหน่อย ผิดกับสายน้ำผึ้งที่พูดคล่องปร๋อแถมสำเนียงยังดีเหมือนเจ้าของภาษาอีกด้วย

    ราชาวดีเคยเกริ่นเรื่องเรียนพิเศษไว้เหมือนกัน เพราะฝ่ายนั้นย้ำว่าอย่างไรเธอก็ต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษเหมือนลูกหลานคนอื่น เธอปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ถูกปรามแถมยังย้ำเตือนเรื่องความเกรงใจอีกด้วย กลายเป็นว่าทุกวันนี้หากคราไหนที่เธอทำเหมือนเกรงใจ ก็จะถูกดุที่ทำเหมือนเห็นทุกคนเป็นคนอื่น



    กว่าสองสาวจะกลับมาถึงคุ้มก็เย็นย่ำ เพราะต้องแวะล้างฝุ่นซึ่งจับตามตัวแถวริมแม่น้ำตรงทางเข้าคุ้ม น้ำเย็นๆ ที่อุณหภูมิพอดีกว่าน้ำที่บลูลากูนทำให้เทียนกัลยาเอ่ยปากขอแช่นานหน่อย ราชาวดีที่ชะเง้อคอมองออกไปทางหน้าคุ้มอยู่เกือบชั่วโมงถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อสักสามชั่วโมงที่แล้วเธอส่งคนออกไปตามหาทั้งสอง เพราะปกติสองสาวไม่เคยหายไปทั้งวัน เนื้อตัวที่เปียกชุ่มทำให้คนเป็นแม่ไล่สองสาวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    สีหน้าดุๆ ของราชาวดีทำให้สองสาวแอบกลัว ยิ่งตอนเข้าห้องมาอาบน้ำแล้วรู้จากปากเด็กในบ้านที่นำผ้ามาเก็บใส่ตู้ให้ ใจก็ยิ่งร่วงไปอยู่ตาตุ่ม

    “คุณช่อให้คนออกตามหาคุณตั้งแต่บ่ายสามแล้วค่ะ”

    “ซวยแล้วไหมล่ะเทียน เอาไงดี” คนไม่ยอมกลับไปนอนห้องถาม

    “ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าตอนนี้ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอกให้ไวที่สุด” เทียนกัลยาคิดว่าการออกไปหาเร็วขึ้น อาจทำให้ราชาวดีหายโมโหลงบ้าง

    “นั่นสิ งั้นเราไปอาบน้ำที่ห้องเราดีกว่า” ว่าแล้วสายน้ำผึ้งก็คว้าเสื้อผ้าวิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปทันที 

    เทียนกัลยาได้ยินเสียงช้องนางเอ็ดสายน้ำผึ้งเรื่องวิ่งตึงตังเสียงดังไม่สมกับเป็นผู้หญิง เธอได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้คนที่กำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้

    “คุณเทียนรีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ ตั้งแต่อยู่มาเพิ่งเคยเห็นคุณช่อทำหน้าดุก็วันนี้”

    ‘โหย…ช่างให้กำลังใจกันดีเหลือเกิน’ เด็กหญิงคิดอย่างห่อเหี่ยวแล้วเดินคอตกเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เทียนกัลยาออกมานั่งรอด้านนอก บนหอนั่งกลางบ้านมีช้องนาง ราชพฤกษ์ และราชาวดีนั่งรออยู่พร้อม กว่าสายน้ำผึ้งจะออกมาจากห้องตัวเองได้ ก็ต้องให้ราชาวดีลุกขึ้นไปตาม

    ครั้นเด็กทั้งสองมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตา ช้องนางที่นั่งเหมือนประธานก็เริ่มสอบถาม

    “หายไปไหนกันมา รู้ไหมคนทางนี้เขาห่วง”

    “ไปเล่นน้ำมาค่ะยาย” เทียนกัลยาเป็นคนตอบ เพราะสายน้ำผึ้งเอาแต่ก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จา แถมยังตาแดงๆ อีกด้วยสิ

    “ไปเล่นถึงไหน”

    “…”

    “ว่ายังไง ยายถามว่าไปเล่นถึงไหน” ช้องนางถามย้ำอีกครั้ง

    “ไปบลูลากูนมาค่ะยาย” เทียนกัลยาเลือกที่จะพูดความจริงโดยยังก้มหน้า จึงไม่เห็นสีหน้าผ่อนคลายของคนสูงวัย

    “ที่พ่อเคยพูด จำไม่ได้หรือไงเทียน” คราวนี้เป็นเสียงของราชพฤกษ์

    “จะ…จำได้ค่ะ เทียนขอโทษค่ะ” เด็กหญิงยกมือไหว้ขอโทษ เธอสำนึกผิดแล้ว เธอไม่ควรทำให้ทุกคนเป็นห่วงเลยจริงๆ

    “สำนึกผิดก็ดีแล้ว จำไว้ว่าทีหลังอย่าทำอีก ทุกคนที่นี่เป็นห่วงเราสองคนมาก”

    “ค่ะ เทียนจะจำไว้”

    “แล้วเราล่ะน้ำผึ้ง จะจำไหม” ราชพฤกษ์หันไปถามลูกสาวอีกคน

    “จำขึ้นใจเลยค่ะ” คนที่เพิ่งเปิดปากพูดครั้งแรกบอกเสียงสั่น ซึ่งเทียนกัลยาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงได้มีท่าทางแบบนั้น

    “คงโดนสนดุมาสิท่า แม่ละอยากสมน้ำหน้า” ราชาวดีบอกอย่างโมโห

    “แม่ช่อน่ะ” เด็กโดนดุตัดพ้อก่อนคลานเข้าไปกอด เสียงร้องไห้โฮบวกกับแรงสะอื้นจนเนื้อตัวสั่นเทาทำให้เทียนกัลยาทำหน้าเหยเก ดูท่าจะโดนดุแรงมากถึงได้เป็นอย่างนั้น

    “เราก็เถอะ อย่าคิดว่าจะรอดนะแม่เทียน คืนนี้ยังไงก็เตรียมรับมือดีๆ ล่ะ” ราชาวดีเตือนด้วยสีหน้าที่ดูอย่างไรก็ไม่ได้เจือความเห็นใจสักนิด

    ราชพฤกษ์ว่ากล่าวตักเตือนอีกครู่ใหญ่จึงชักชวนให้ทุกคนไปรับประทานอาหารเย็น นับเป็นมื้อเย็นที่ฝืดเฝื่อนคอยิ่งนักสำหรับเทียนกัลยา เธอกลืนอาหารอร่อยรสมือราชาวดีลงคออย่างยากเย็นตอนนึกถึงสีหน้าของการะเกดหรือไม่ก็จินตนาการน้ำเสียงของอีกฝ่าย


    จินตนาการในทางร้ายๆ เกี่ยวกับการะเกดของเทียนกัลยาถูกลบเลือนด้วยเสียงดุของพุทธชาด เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงพบพาน ชายหนุ่มไม่ได้โทร. มาอย่างเดียว แต่เขาบังคับให้เธอเปิดวิดีโอคอลให้ทั้งสองฝ่ายได้เห็นหน้ากันและกัน ดวงตาดุไม่ได้ทำให้เด็กหญิงตกใจเท่าการพบว่าผู้ปกครองไม่ได้สวมเสื้อ ผมที่ชื้นหมาดทำให้เธอเดาได้ว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จและรีบร้อนต่อสายหาเธอ

    พุทธชาดว่ากล่าวเสียงดุโดยไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายโต้แย้ง เทียนกัลยาได้แต่นิ่งอึ้ง ด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มโกรธเลยสักครั้ง เธอจำไม่ได้ว่าโดนต่อว่าด้วยเรื่องอะไรบ้าง แต่ประโยคสุดท้ายก่อนเขาจะตัดสายไปแบบไม่บอกกล่าวเธอกลับจำขึ้นใจ

    ‘ถ้าอยู่ใกล้ๆ รับรองเลยว่าฉันจะจับเทียนมาหวดก้นสักสิบที’

    นั่นเลวร้ายกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก ไม่รู้ว่าการะเกดจะหวดก้นเธออีกด้วย เทียนกัลยาทำหน้าหงอยคิดทบทวนสิ่งที่ชายหนุ่มพูดอีกครั้ง เขาเตือนเรื่องความปลอดภัย ดุเรื่องไปส่องหนุ่ม หาว่าเธอทำตัวเกเรแอบหนีเที่ยวผู้ชาย

    “เอ…คุณพุดพูดว่าหนีเที่ยวผู้ชายจริงหรือเปล่า” คนถูกดุชุดใหญ่ทวน เขาพูดเสียงดังและเร็วมากอย่างคนหัวเสียสุดๆ เลยอาจทำให้เธอได้ยินเพี้ยนไป

    เทียนกัลยาไม่มีเวลาทบทวนคำพูดของพุทธชาดมากนัก เพราะหลังจากนั้นการะเกดโทร. เข้ามา คนร่างน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงตกก่อนกดรับสาย

    “ยายเทียนนน!” 

    นั่นอย่างไร เสียงสูงปรี๊ดเหมือนที่คิดเอาไว้จริงๆ ด้วย

    “พี่เกด เทียนผิดไปแล้ว เทียนขอโทษค่ะ” คนที่ตั้งหลักได้ทันรีบขอโทษ คราวพุทธชาดเธอพลาดไปแล้ว คราวนี้เธอไม่พลาดแน่

    “ใครใช้ให้หนีไปเที่ยวผู้ชายยะ”

    “หา”

    “ไม่หงไม่หาละ เมื่อกี้พุดโทร. มาโวยใหญ่ว่าเราหนีเที่ยวผู้ชาย” คราวนี้เสียงปลายสายไม่ได้สูงปรี๊ดอย่างคนโมโห แต่ขลุกขลักเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ

    “ง่า เทียนไม่ได้หูเพี้ยนจริงๆ ด้วย” คนถูกดุบอกเสียงอ่อย

    “ตัวแค่นี้หัด ‘เที่ยวผู้ชาย’ แรงงง!” อีกฝ่ายยังไม่เลิกล้อ

    “คุณพุดชอบพูดภาษาไทยผิดๆ แบบนี้บ่อยไหมคะพี่เกด เทียนเปล่าไปเที่ยวผู้ชาย เทียนแค่ไปเล่นน้ำ” หรือพูดว่าไปส่องหนุ่มหล่อยังยอมรับได้ง่ายกว่าเที่ยวผู้ชาย

    “เหรอยะ ต้องไปเล่นไกลถึงบลูลากูนนู่นเลยเนาะ ได้ข่าวว่าฝรั่งเกาหลีมีแต่หล่อๆ”

    “โอ๊ย หล่อเหล่อที่ไหนกันคะ สู้อ้ายหมอน้ำไม่ได้สักคน” เทียนกัลยาบอกอย่างที่ใจคิด พูดเรื่องความหล่อแบบเกาหลี เธอไม่เห็นมีคนไหนสู้นายแพทย์หม่อมหลวงพรรษชลได้สักคน

    “เชอะ พูดแบบนี้สงสัยเหล่แต่หนุ่มฝรั่งมังค่าเหมือนยายน้ำผึ้ง นี่ได้ยินว่าโดนสนดุเสียจนร้องไห้สะอึกสะอื้นเลยไม่ใช่หรือไง” 

    พอวกเข้าเรื่องสายน้ำผึ้งแล้วเทียนกัลยาได้แต่ทำหน้าเบ้ จะว่าไปแล้วเธอก็สมควรถูกดุให้ร้องไห้อย่างนั้นเหมือนกัน

    “ใช่ค่ะ น้ำผึ้งหวานกลายเป็นน้ำผึ้งขมเลย” เสียงหงอยๆ ทำให้การะเกดที่อยู่ปลายสายยิ้มได้ “ถ้าพี่เกดจะดุเทียนแรงๆ บ้างก็ได้นะคะ เทียนไม่ว่าอะไรหรอก เทียนทำผิดจริงๆ ค่ะ” เหตุการณ์วันนี้จะไม่มีคนจับได้ หากเธอไม่บอกให้สายน้ำผึ้งหยุดแวะเล่นน้ำหน้าคุ้ม เพราะถ้าไม่แวะก็ไม่มีคนจับได้ แถมยังอ้างได้อีกด้วยว่าแวะไปกินเฝอซึ่งก็คือก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งแถวๆ ธนาคาร

    “ก็อยากดุเหมือนกัน แต่ถูกพุดห้ามเอาไว้แน่ะ” การะเกดบอกเสียงกลั้วขำ นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นพุทธชาดหัวเสียเอามากๆ เขาบ่นและว่ากล่าวเทียนกัลยาให้ฟังเสร็จแล้วกำชับไม่ให้เธอดุอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด

    “งั้นเทียนคงต้องขอบคุณคุณพุด”

    “อื้อ ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

    “เทียนยังรู้สึกผิดอยู่เลยค่ะพี่เกด เทียน…จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

    “รู้ตัวก็ดีแล้วละ อย่าคิดมากเลย ถือเสียว่าเป็นบทเรียน แล้วก็จำเอาไว้ว่าอย่าทำอีก”

    “เทียนจะจำไว้ค่ะ”

    การะเกดพูดคุยเรื่องเรียนพิเศษกับเทียนกัลยาอีกหลายคำก่อนจะวางสาย เทียนกัลยามองโทรศัพท์อยู่นานก่อนจะถอนหายใจ มือน้อยลูบสีข้างเบาๆ ไม่อยากคิดว่าหากโดนหวดสิบทีรวดเธอจะเจ็บมากแค่ไหน แต่เที่ยวพูดว่าเธอ ‘เที่ยวผู้ชาย’ มันก็เกินไปจริงๆ

    “คุณพุดนะคุณพุด พูดซะเสียเลย”

    แม้ปากจะบ่น แต่ในใจเด็กหญิงสำนึกผิด เทียนกัลยาโทรศัพท์หาพุทธชาด รอจนสายสัญญาณตัดไปถึงสี่ครั้ง ปลายสายจึงกดรับด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่ใคร่อยากพูดกับเธอนัก กระบอกตาคนตั้งใจโทรศัพท์ไปขอโทษร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าเขาไม่อยากรับสาย

    “คุณพุด”

    “…”

    “เทียนขอโทษค่ะ”

    “…”

    “คุณพุดจะไม่ยกโทษให้เทียนก็ได้ แต่เทียนอยากขอโทษ เทียนยอมให้คุณพุดจับเทียนหวดก้นยี่สิบครั้งก็ได้ค่ะ” 

    คนปลายสายสูดลมหายใจเข้าปอดลึก หลังจากทำใจแข็งไม่รับสายเพราะกลัวตัวเองใจอ่อน พุทธชาดมั่นใจว่าถึงตอนนี้ตัวเองก็ไม่ใกล้เคียงคำว่าใจอ่อนสักนิด แต่หัวใจเขามัน ‘ละลาย’ ไปเลยต่างหาก

    ‘เทียนยอมให้คุณพุดจับหวดก้นยี่สิบครั้งก็ได้ค่ะ’ นี่เธอพูดอะไรออกมา แล้วเขาเป็นบ้าอะไรถึงได้ไปขู่เด็กแบบนั้น พุทธชาดคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

    เสียงสะอื้นบวกกับเสียงสูดน้ำมูกทำให้ใจที่ละลายแทบระเหยไปในอากาศ!

    “หยุดร้องเถอะ ฉันยอมแล้ว…ฉันไม่โกรธเทียนแล้วก็ได้” คนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทีแรกบอกอย่างอ่อนใจ

    “ฮึก ขอบคุณค่ะ เจอกันคราวหน้าเทียนยอมให้คุณพุดหวดก้นจริงๆ นะคะ”

    พุทธชาดอ้าปากหวอ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง แววตาคมอ่อนแสงลงยามนึกถึงใบหน้าน่ารักของอีกฝ่าย

    “ฉันไม่ตีเทียนหรอก สบายใจได้ แต่เทียนเข้าใจฉันใช่ไหม ฉันดุเทียนเพราะฉันเป็นห่วงเทียน”

    “เทียนเข้าใจค่ะ เทียนไม่โกรธคุณพุดด้วย ถ้าคุณพุดจะหวดก้นเทียน”

    ยังอีก! เด็กคนนี้นี่อย่างไร ทำไมถึงชอบย้ำจัง พุทธชาดโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ

    “บอกไม่ตีก็คือไม่ตี ไปนอนได้แล้ว”

    “เอ่อ…” ปลายสายอึกอักเหมือนยังไม่อยากวาง เพราะถ้าวางสายก็จะได้คุยกับเขาอีกครั้งสัปดาห์หน้าหรืออาจช้ากว่านิดหน่อย

    “มีอะไรอีกหรือเปล่า”

    “คุณพุดสบายดีนะคะ”

    “หือ…” คิ้วหนาเลิกขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มได้อีกครา “สบายดีตอนไม่มีพวกว่านอยู่ใกล้ตัวน่ะ” เขาบอกไปตามตรง หากตัดเรื่องน้องๆ กำลังก่อเรื่องออก ชีวิตเขาสุขสบายมากทีเดียว แม้การงานจะยุ่งยากไปบ้างก็ตาม

    “พวกคุณเหน่ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเปิดกาสิโนเหรอคะ”

    “ยัง และคงไม่เลิกคิดง่ายๆ ด้วย” พุทธชาดบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าใจกำลัง ‘กลัว’ สามมหาทั้งขู่ทั้งขอร้องให้เขาช่วย นึกถึงสีหน้ามุ่งมั่นบวกกับความตั้งใจของทั้งสาม คนเป็นพี่ชายอดขนลุกไม่ได้

    ชายหนุ่มพูดคุยกับเทียนกัลยาต่ออีกหลายนาที ก่อนจะไล่ให้อีกฝ่ายเข้านอนพร้อมทั้งย้ำไม่ให้ทำผิดเหมือนในวันนี้อีก




    พี่พุดหัวเสียมาเลออออออ ฮ่าๆๆๆ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×