คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ...๒๐ ข่าวลือ
ลงตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ
จากนี้โปรดติดตามในเล่มค่า
พี่ยกน้องยกคนไหนซื้อแล้วก็ขอบพระคุณนะค้าที่รับหนุ่มสาวดอกไม้ไปดูแล
ปล. พี่พุดพิมพ์รอบ 2 แย้วววววว
20
ข่าวลือ
ฟากฝ่ายเทียนกัลยาที่บอกความจริงกับพุทธชาดเป็นบางส่วนตอนนี้แวะเวียนไปที่บ้านนำพรและบ้านของราตรีแทบทุกวัน โดยมีสารถีเป็นหนุ่มตาน้ำข้าวที่หล่อจนสาวๆ ในหมู่บ้านต่างเอาไปร่ำลือพ่วงติดมาด้วยทุกวัน สาวๆ ในหมู่บ้านพากันเสียดายที่ชายหนุ่มมี ‘เมีย’ เข้าแล้ว เรื่องนี้ถูกกระจายข่าวจากปากนำพร แรกที่รู้ข่าวลือเทียนกัลยาแทบอยากขบหัวเพื่อน
“แกให้คนอื่นพูดถึงฉันอย่างนั้นได้ไง” เธอต่อว่าอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมจะไม่ได้ ก็เขาเป็นผัวแกจริงๆ นี่” คนที่ยังเชื่อในความคิดของตัวเองเถียงฉอดๆ
“อ๊าย…บอกว่ายังไม่ใช่ก็คือยังไม่ใช่สิ”
“ไม่ใช่อะไร เขามองแกหวานหยดปานนั้น นี่ถ้ากินได้คงกินไปทั้งตัวแล้วมั้ง” นำพรเป็นคนปากตรงกับใจหรือจะให้พูดอีกอย่างคือบางครั้งก็พูดโดยขาดการไตร่ตรอง
“โอ๊ย…แกตบปากตามอายุแกเดี๋ยวนี้นะยายพร!”
“เรื่องอะไรล่ะ ฉันพูดความจริงทำไมต้องตบปากด้วยเล่า”
“ยังไม่ใช่ เขา…เป็นพี่ชายฉันนะ”
“อย่าว่าแต่อมพระเลย อมโบสถ์มาพูดฉันก็ไม่เชื่อ แววตาแกกับเขาไม่ได้มองกันเป็นพี่น้องหรอกน่า”
“จะมองยังไงก็ช่าง ตอนนี้ยังเป็นพี่น้องกันอยู่ย่ะ แล้วก็ขอย้ำอีกที…เขาฟังเราพูดออกทุกคำ!” เทียนกัลยาหันไปทางคนที่เอาแต่ยิ้มแก้มปริ ไม่ช่วยแก้ ไม่ทำอะไรเลย…นอกจากยิ้มรับ!
“ไม่ต้องย้ำ ฉันรู้แล้ว ถ้าไม่รู้ฉันจะแซวแกทำไม ดูสิ…แล้วบอกไม่คิดอะไร หน้าแดงแก้มแดงเป็นตูดลิง ส่วนอีกคนก็เอาแต่ยิ้มชอบใจ แหม…รักกันเหมือนพี่น้องท้องติดกันจริงจริ๊ง”
“ยายพร! แกมันปากเปราะที่สุด ตอนเด็กๆ เป็นยังไง โตมาก็ยังเป็นคนอย่างนั้น” คนที่ยังจดจำเพื่อนคนนี้ได้เป็นอย่างดีต่อว่า
“ก็เออ…ดีกว่าคนบางคน ตอนเด็กๆ ก็ชอบพูดตรงๆ อยู่หรอก โตมาไหงเก็บความรู้สึกเก่งนักวะเทียน”
เทียนกัลยาหน้าเสีย แม้แต่น้ำพรยังจับผิดเธอได้ นี่ขนาดเจอกันแป๊บเดียวเท่านั้นเอง
เถียงสู้นำพรไม่ได้ เทียนกัลยาจำต้องล่าถอยมาที่บ้านข้างๆ ซึ่งตอนนี้มีราตรีรอท่าอยู่ ตั้งแต่วันที่เธอร้องไห้เป็นเผาเต่าท่ามกลางโต๊ะอาหาร ดูเหมือนท่านทั้งสองจะเอ็นดูเธอมากขึ้นอีกเท่าตัว เทียนกัลยาพบว่าแท้จริงแล้วราตรีและบันทะวงต่างเป็นคนอารมณ์ดีมาก ทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งเจอกันใหม่ๆ ให้เธอและพุทธชาดฟัง
“แม่กับพ่อเป็นศิษย์ร่วมสถาบันเดียวกัน โรแมนติกจังเลยนะคะ”
“ไม่โรแมนติกหรอกจ้ะ พ่อเป้เขาเนื้อหอมจะตาย แม่เกือบถูกแฟนคลับเขาฉีกอกตั้งหลายครั้ง” ราตรีที่ช่วงนี้สดใสขึ้นหันไปค้อนสามี บันทะวงยิ้มตอบอย่างคนที่มีความสุขมากเช่นกัน
“ทำไงได้ล่ะจ๊ะแม่ ก็คนมันหล่อเรื่องแบบนี้เลี่ยงได้ที่ไหน จริงไหมพุด” อดีตหนุ่มเนื้อหอมหันไปหาแนวร่วม ซึ่งความหล่อของอีกฝ่ายไปไกลกว่าตนยิ่งนัก หากให้เปรียบเล่นๆ ก็ราวกับเทพบุตรส่วนเขากลายเป็นปีศาจได้เลย แม้จะมีใบหน้ารูปเหลี่ยมผิวขาวจัดดั้งไม่โด่งนัก แต่บันทะวงก็มีดวงตาที่โดดเด่นใครมองเป็นได้หลง เฉกเช่นที่ถ่ายทอดมาสู่ลูกสาว อีกทั้งยังมีอุปนิสัยดีเป็นคนร่าเริงมองโลกในแง่บวกอีกด้วย
“ครับ” พุทธชาดรับพร้อมทั้งเป็นฝ่ายโดนค้อนเข้าอีกคน
“สองหนุ่มนี่ดูถูกคอกันจริง ว่าแต่เทียนเถอะ คงไม่ต้องรับมือกับสาวๆ ของพุดใช่ไหม” แม้จะพูดคุยกันทุกวัน แต่ราตรีและบันทะวงก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของหนุ่มสาว แม้จะสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทั้งสองอาจมีอายุห่างกัน พอได้ยินสาวๆ ในหมู่บ้านเล่าลือก็เลยอยากรู้ขึ้นมา
“ผมไม่เคยทำให้เทียนตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นหรอกครับ” เป็นพุทธชาดที่ชิงตอบก่อนหญิงสาว
“ใช่ค่ะ เทียนไม่เค้ยไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเลย” สาวดอกเทียนที่ชักจะน้อยใจบวกกับหึงหวงโดยไม่รู้ตัวว่าประชดให้
“แต่พ่อว่าเทียนคงได้ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเร็วๆ นี้แหละ สาวๆ ในหมู่บ้านเขาพูดถึงพุดกันให้แซด ความหล่อคงไปกระแทกตาเขาเต็มๆ”
สาวดอกเทียนทำตาขวางใส่คนเนื้อหอม ก่อนจะหันไปออดอ้อนราตรีซึ่งนั่งข้างกัน
“ถ้าคุณพุดทิ้งเทียน ขอเทียนมาอยู่กับแม่ได้ไหมคะ” ไหนๆ ก็ไหนๆ หญิงสาวขี้เกียจปฏิเสธจำต้องเลยตามเลย ดีเสียอีกเธอจะได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างขอมานอนค้างที่นี่บ้าง การได้อยู่กับพ่อแม่ทำให้เทียนกัลยามีความสุข สุขมากๆ ในทุกวันที่เห็นพวกท่านยิ้มหัวเราะ ในฐานะลูกคนหนึ่ง…สถานการณ์ตอนนี้เธอทำได้ดีที่สุดแล้ว
“มาสิจ๊ะ แม่ยินดีมากๆ เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ เทียนกับพุดมาค้างที่นี่บ้างก็ได้นะ แม่กับพ่อจะได้มีเพื่อนคุย”
พุทธชาดขึงตาใส่เด็กในปกครอง เขารู้หรอกที่เธอยอมรับสมอ้างเป็นภรรยาเขาตามที่คนในหมู่บ้านลือเพราะอยากใกล้ชิดผู้ให้กำเนิด
“ให้เทียนมาค้างได้จริงๆ นะคะ เอ่อ แต่คุณพุดคงไม่สะดวกหรอกค่ะ ตอนกลางคืนบางทีคุณพุดทำงาน งั้นเทียนมาค้างคนเดียวได้ไหมคะแม่”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง พ่อยอมให้เรานอนกับแม่สองคนเลย เดี๋ยวพ่อไปนอนห้องรับแขกเอง” บันทะวงรีบออกความเห็น ไม่รู้อย่างไร…เขารู้สึกหวงเทียนกัลยาเหมือนลูกแท้ๆ ครั้งแรกที่รู้ว่าเป็นแฟนกันกับพ่อหนุ่มหน้าหล่อ เขาก็เกิดนึกเป็นห่วงกลัวเทียนกัลยาโดนคนแก่หลอก!
“คุณพุดขา…” เสียงหวานออดอ้อน ดวงตาที่บันทะวงและราตรีเห็นในครั้งแรกก็สะดุดบัดนี้วาวหวามด้วยประกายระยิบระยับสะกดใจคนเผลอมอง
“ตามใจเทียนเถอะ แต่ถ้าแม่โทร. มาถาม พี่จะบอกว่าเทียนดื้อกับพี่”
เย็นวันนั้นพุทธชาดถูกพี่น้องรุมต่อว่ากันยกใหญ่ที่ชายหนุ่มยอมให้น้องไปค้างแรมที่อื่น โดยเฉพาะกัลปพฤกษ์ที่ลงทุนโทร.
ทางไกลมาบ่นอยู่นานสองนาน หลังจากนั้นจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่มไลน์ที่ต่างพิมพ์ข้อความมาต่อว่า ลีลาวดีโทร. หาชายหนุ่มตอนหนึ่งทุ่มหลังจากทราบเรื่อง ถามไถ่อยู่นานจึงวางสายไปด้วยความไม่สบายใจนัก พุทธชาดพบว่าเทียนกัลยามีความหมายต่อทุกคนมาก ชายหนุ่มดีใจแทนหญิงสาวซึ่งกลายเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว
พรรษชลถึงกับพาการะเกดและลูกๆ มาค้างที่บ้านหลังจากทราบเรื่องเทียนกัลยาไม่อยู่ ส่วนหนึ่งชายหนุ่มห่วงน้องสาว อีกส่วนก็เพราะกำลังหาโอกาสคุยกับทุกคน โดยที่ไม่ให้เทียนกัลยารู้
“พี่ไปพบเสี่ยเมธมาแล้วนะ” คุณหมอหม่อมหลวงเปิดฉากหลังจากให้คนพาลูกๆ ขึ้นนอนเรียบร้อย ในห้องนั่งเล่นมีคาวี บุษบา การะเกด พุทธชาดรวมถึงตัวเขา
“ได้เรื่องไหมวะน้ำ” คาวีโพล่งถามขึ้น เป็นเพราะติดธุระด่วนจึงไม่สามารถไปพร้อมเพื่อนได้
“อืม…ฉันได้เจอดาวด้วย”
“เจอดาว? นี่อย่าบอกนะเว้ย ที่ทำหน้าหงอยๆ อยู่เนี่ย เพราะน้องจำนายไม่ได้”
“ใช่ ดาวจำฉันไม่ได้”
“แล้วยายแม่เลี้ยงล่ะคะ มาด้วยไหม” การะเกดถามถึงผกามาศที่ครั้งหนึ่งเกือบได้เม้งแตกกับเธอ หลังจากที่ดาวเรืองหายตัวไป ตำรวจสืบพบว่าคนที่จับตัวไปเป็นลูกน้องของธีรเมธ ตอนนั้นผกามาศลงทุนมาไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แถมยังพูดจาน่าตบว่าดาวเรืองอาจจะหนีไปเองก็ได้ การะเกดได้ยินเข้าถึงกับปรี๊ดแตก
“ไม่ได้มา แต่พี่ว่าคงมาเร็วๆ นี้แหละ ลูกสาวเสี่ยเขาดูจะติดฝ่ายนั้นแจ” ท่าทางกระเง้ากระงอดขอให้ผู้เป็นพ่อสั่งให้อีกคนมาทำให้พรรษชลมั่นใจว่าอีกไม่นานจะได้พบกับผกามาศ
“มาก็ดีสิ เจอกันคราวนี้เกดจะได้เคลียร์ให้หายคาใจ ผู้หญิงอาไร๊…หน้าเชิด ตาจิก ปากร้าย มีคุณสมบัตินางร้ายในละครอย่างครบถ้วน”
“ถ้าเป็นอย่างที่เกดว่า ก็น่าห่วงเด็กเหมือนกันนะคะ” บุษบาออกความเห็น
“ไม่น่าห่วงหรอกเดหลี เด็กสดใสร่าเริงดี ดูไม่เหมือนคนมีแฟนอายุสามสิบด้วยซ้ำ นี่พี่ยังกังขาอยู่ว่าสนอาจได้ข่าวมาผิดๆ”
“แต่สนก็มีรูปยืนยันไม่ใช่เหรอคะ” สนฉัตรเคยโพสต์รูปถ่ายลงในไลน์กลุ่ม ทุกคนเห็นกันหมดว่าหนุ่มสาวต่างกำลังยืนโอบกอดกัน
“อืม ห่างกันสิบกว่าปีเหมือนพุดกับเทียนใช่ไหม แต่ดูยังไงเคมีก็ไม่เข้ากันเหมือนคู่พุดหรอก” คาวีให้ความเห็นแบบโผงผางอันเป็นสไตล์
“ว่าแต่พุดเถอะ พี่ถามจริงๆ ทำไมนายถึงยอมให้เทียนค้างบ้านคนแปลกหน้า” จบจากเรื่องดาวประดับที่ไม่ค่อยอยากพูดถึงในแง่นั้นนัก พรรษชลก็หันมาถามพุทธชาดอีกครั้งหลังจากทราบเรื่องทางโทรศัพท์
“จะว่าไป…เขาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรอกครับ” คนที่รับปากสาวน้อยว่าจะไม่บอกใครเปรยด้วยสีหน้าชั่งใจ
“มีอะไรนอกจากขอค้างบ้านคนแปลกหน้าหรือเปล่า” คุณหมอหม่อมหลวงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาตงิดๆ ถัดจากเขาคนที่ห่วงเทียนกัลยามากที่สุดก็คงเป็นพุทธชาด เผลอๆ ชายหนุ่มอาจหวงห่วงมากกว่าเขาด้วยซ้ำ การยอมให้ค้างคืนที่อื่นกับคนแปลกหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“ไม่รู้จะเริ่มยังไง เอาเป็นว่าป้าตรีกับลุงเป้เขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลกับเทียนหรอกครับ”
“ขอตรงๆ เลยดีกว่า เป็นอะไรกันระบุความสัมพันธ์มาเลย พูดแบบนี้คิดเป็นอื่นได้อีกร้อยแปด” คาวีแทรกขึ้น
“พ่อแม่ลูกครับ”
“อ้อ ก็แค่นั้น…หา!!!” เจ้าของมากบารมีอุทานเสียงลั่นห้อง คนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงอุทานเช่นกัน
“หมายความว่าไงพุด” การะเกดปรี่เข้ามาเขย่าแขนพี่ชาย
พุทธชาดทอดถอนหายใจก่อนจะเล่าให้ทุกคนฟังอย่างที่เทียนกัลยาเล่า พร้อมทั้งตบท้ายด้วยการบอกว่าเขาเชื่อใจเทียนกัลยา เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูดทุกคำ
“หมายความว่าเทียนไม่ใช่หลานตาเสริมอย่างที่เกดเคยสงสัย และเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมาอย่างนั้นเหรอ แล้วนี่…ใช่สาเหตุที่ตาเสริมแกไม่อยากให้เทียนรู้ว่าแกยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” การะเกดสรุปด้วยสีหน้าตกใจ
“พี่ว่ามีส่วนว่ะ” คาวีสำทับ “นี่มันดรามากว่าละครพีเรียดหลังข่าวอีกนะเนี่ย เทียนเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวมา แล้ววันหนึ่งก็ได้เจอกับพ่อแม่ที่แท้จริง”
“ไม่ใช่อย่างละครทั้งหมดหรอกครับพี่คาวี ผมเพิ่งทราบว่าที่ผ่านมาเทียนไม่ได้นิ่งเฉย การขอไปอยู่วังเวียงส่วนหนึ่งเพราะรู้มาว่าพ่อเป็นคนที่นั่น ตาเสริมแกบอกเทียนไว้ก่อนที่แกจะตัดสินใจเผาตัวเองให้ตาย ต่อหน้าหลาน…” ประโยคสุดท้ายลอดไรฟันออกมาอย่างสุดกลั้น แม้จะรู้ว่าเสริมรักเทียนกัลยาอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยให้อภัยคนสูงวัยที่ทำให้สาวน้อยของเขามีภาพความทรงจำที่ไม่สวยงาม
“เฮ้ย แล้วไปรู้ได้ไงว่าบ้านอยู่ไหน ทำอาชีพอะไร”
“พ่อแม่เทียนเขาเคยเป็นเพื่อนกับยี่โถลูกสาวตาเสริมมาก่อนน่ะครับ นัยว่าตอนเรียนสนิทกันมาก แต่หลังๆ มาแตกคอกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ พอเรียนจบก็แยกย้ายไปทำงาน เจอกันอีกครั้งตอนฝ่ายนั้นมีครอบครัว แล้วไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรถึงได้ขโมยตัวเทียนมาก็ไม่รู้” พุทธชาดเล่าตามที่ได้ยินจากปากเทียนกัลยา
“เรื่องลักพาตัว มันมีเหตุจูงใจไม่มากนักหรอก” คุณหมอหม่อมหลวงที่โปรดปรานนวนิยายสืบสวนให้ความเห็น “ไม่แค้นส่วนตัวก็เรื่องชู้สาว”
“เป็นไปได้เหมือนกันนะคะ” การะเกดเห็นด้วย คนอื่นๆ ก็พลอยพยักหน้า
“แต่จากที่พี่เคยพบมา ลุงเป้คนนี้แกรักใคร่เมียดี ส่วนป้าตรีแกก็น่ารัก ทั้งสองคนเป็นคนดีไม่น่าจะใช่เรื่องชู้สาวนะ”
“ดูซับซ้อนจังเลยนะคะ คนที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดก็ได้คงเป็นคนที่ลักพาตัวเทียน เดหลีไม่เข้าใจเลย เพราะอะไรคนคนนั้นถึงกล้าลักพาตัวเด็กตาดำๆ มาจากพ่อแม่ได้ แถมยังเอามาให้พ่อแม่เลี้ยงแล้วยังให้ใช้ชื่อเดิมอีกด้วย”
“เขาคงมั่นใจมั้ง ว่าไม่มีใครจับได้”
“เกดเห็นด้วยกับพี่คาวีนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าให้เทียนใช้ชื่อเดิม”
หนุ่มสาวดอกไม้ต่างแลกความคิดเห็นกันจนดึก พุทธชาดขอตัวกลับไปนอนที่บ้านพร้อมกับพรรษชลและการะเกด ถึงบ้านสองหนุ่มหนึ่งสาวพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน โดยที่หนุ่มดอกพุดย้ายตัวเองมานอนห้องเดิม กลิ่นแป้งหอมเคล้ากลิ่นกายสาวที่ติดผ้าห่มทำให้ชายหนุ่มนอนไม่หลับ เขาได้แต่หวังว่าเทียนกัลยาจะกักตุนความสุขเอาไว้ได้มากพอ หากวันใดวันหนึ่งพายุโหมซัดกระหน่ำหญิงสาวจะได้นำสิ่งนี้มาเป็นกำลังใจเพื่อต่อสู้
แน่นอนว่า…ในวันที่ฟ้าเปลี่ยนสีเธอจะยังมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง
รถเบนซ์คันงามจอดบริเวณหน้าบ้านปูนสองชั้นซึ่งเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้านด้วย ผกามาศในชุดสีน้ำเงินเข้มตัดเย็บอย่างเรียบหรูก้าวลงมาจากรถ แววตาที่มักจะมองจิกในวันนี้กลับฉายแววหวาดหวั่นเป็นบางขณะ มองตัวบ้านหลังงามด้วยสีหน้ายิ้มเยาะก่อนจะย่างเท้าเข้าไป ทิวถึงกับตะลึงเมื่อพบกับคู่ควงเสี่ยเมธเป็นครั้งแรก หญิงสาวคลับคล้ายคลับคลาแฟนเก่า แต่มองอีกทีก็ไม่น่าใช่ เพราะคุณมาศคนนี้สวยยิ่งนัก สวยกว่ายี่โถอดีตแฟนสาวของเขาเสียอีก
ทิวเคยคบกับยี่โถอยู่หลายปี ก่อนจะถูกฝ่ายหญิงสะบั้นความสัมพันธ์เพียงเพราะเธอไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ครานั้นทิวถึงกับไม่เป็นผู้เป็นคน เมาหัวราน้ำให้ผู้เป็นพ่อแม่กลัดกลุ้มใจ น้ำตาของแม่ฉุดรั้งให้ลูกอกตัญญูกลับตัวกลับใจได้ทัน ก่อนจะได้มาพบกับคู่ชีวิตคนปัจจุบันซึ่งทิวนึกขอบใจยี่โถที่ทิ้งตนไปด้วยซ้ำ หากเธอไม่เดินจากเขาไปในวันนั้น ก็คงไม่ได้พบคนที่ใช่ คนที่รักเขาอย่างจริงใจ
“เสี่ยไปไหน” น้ำเสียงเย่อหยิ่งบวกกับใบหน้าเชิดๆ ของอีกฝ่ายทำให้ทิวมั่นใจว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่ยี่โถอย่างแน่นอน ยิ่งสีผิวยิ่งแล้วใหญ่ ยี่โถนั้นเป็นหญิงผิวคล้ำเพราะเป็นลูกชาวสวน แม้จะค่อนข้างหน้าตาดีแต่ก็ไม่ได้ขาวจัดอย่างผกามาศ
“ไปดูการก่อสร้างที่รีสอร์ตครับ เชิญคุณเข้าไปนั่งด้านในก่อน” ทิวผายมือเชื้อเชิญแขกให้เข้าบ้าน ผกามาศเชิดหน้าเดินนำก่อนจะพบกับภรรยาของทิวที่ยกน้ำออกมาเสิร์ฟ หญิงสาวยิ้มเยาะมองคนร่างอวบที่สวมเสื้อยืดนุ่งซิ่นไหมอย่างดูแคลน
…ก็แค่เมียผู้ใหญ่บ้านจนๆ ถึงกับต้องสวมซิ่นไหมอยู่บ้าน
“นี่ภรรยาผมครับ อรนี่คุณมาศว่าที่ภรรยาเสี่ย” ทิวรีบแนะนำภรรยาให้รู้จัก อรยกมือไหว้ ผกามาศก้มหน้ารับเล็กน้อยก่อนมองไปทางอื่น
“เอ่อ ดิฉันขอตัวไปวัดก่อนนะคะ” คนที่ตั้งใจไปถวายเพลล่าถอยกลับไปในครัวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ที่รู้ๆ คือไม่ถูกชะตากับยายคุณนายนั่นเลย ยังไม่ทันได้เป็นเมียเสี่ยก็เผยอชูคอเสียแล้ว อรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนละความสนใจ
“น้ามาศ!” ดาวประดับวิ่งออกจากห้องมาหาคนที่มาใหม่ เด็กสาวสวมกอดคนที่จิกตาให้ “ในที่สุดน้ามาศก็มาหาดาว รู้ไหมดาวกลัวจะแย่อยู่แล้ว เมื่อวานคุณพ่อบังคับให้ดาวไปที่นั่นด้วยแหละ”
“แล้วยังไง ก็ไม่มีผีไม่ใช่หรือไง” ลับหลังธีรเมธ ผกามาศไม่ค่อยสงวนท่าทีเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ถึงกับตวาดขึ้นเสียง
“ไม่มี้ แต่ดาวก็กลัวไง เรื่องที่น้ามาศเคยเล่าให้ฟังเมื่อ…”
“ดาว!” ผกามาศปรามเด็กสาว หันไปทางทิวเพื่อเป็นการบอกใบ้
“อ่า ขอโทษค่ะ ดาวไม่เห็นว่าลุงผู้ใหญ่ยืนอยู่ในห้อง”
ทิวส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้คู่แม่เลี้ยงลูกเลี้ยง ก่อนขอตัวไปทำธุระ คล้อยหลังทิวผกามาศหยิกแขนเรียวเล็กทันที
“จะบ้าหรือไง ไปพูดอย่างนี้ต่อหน้าคนอื่น เดี๋ยวเขาก็รู้หมดหรอก”
“ดาวขอโทษค่ะ ดาวไม่ได้ตั้งใจ ก็ดาวกลัวจริงๆ นี่คะ ที่นั่นแม้จะสวยแต่มีเรื่องเล่าแบบนั้นดาวก็ไม่เอาด้วยหรอก คุณพ่อจะสร้างรีสอร์ตทำไมต้องให้ดาวมาด้วยก็ไม่รู้”
“ก็เพราะเขาจะยกมันให้ดาวยังไงล่ะ พ่อเขารักเรามาก”
“ดาวรู้ แต่ดาวไม่อยากได้นี่คะ น้ามาศบอกพ่อให้หยุดสร้างรีสอร์ตนั่นเถอะนะคะ” เด็กสาวออดอ้อน
“บอกให้พ่อเธอด่าน้าสิ รายนั้นยิ่งไม่เห็นหัวกันอยู่ด้วย” นับวันธีรเมธยิ่งเหินห่างกับเธอ หากไม่มีดาวประดับเธอเชื่อว่าเขาพร้อมที่จะสลัดเธอทิ้งทันที
“คุณพ่อก็เป็นคนแข็งอย่างนั้นเองค่ะน้ามาศ อย่าถือสาเลยนะคะ ใจจริงดาวว่าพ่อก็รักน้ามาศอยู่เหมือนกัน”
“เชอะ ดาวเป็นเด็กจะไปรู้อะไร เรื่องของผู้ใหญ่บางทีมันก็ซับซ้อนเกินกว่าเด็กอายุสิบหกจะเข้าใจ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ สิ่งเดียวที่เราต้องรู้ตอนนี้ก็คือ ทำให้คุณพ่อรักและเอ็นดูเรามากๆ เขาจะได้ไม่ทำเหมือนที่ทำกับน้า เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ ดาวขอบคุณน้ามาศนะคะที่ยอมมา”
“ก็ไม่อยากมาหรอก ถ้าพ่อเราเขาไม่ขู่ว่าจะเลิก” ธีรเมธขู่ว่าจะเลิกกับเธอจริงๆ เลิกทั้งๆ ที่ไม่หลับนอนกับเธอมาหลายปีแล้ว ผู้ชายคนนั้นมันบ้าดีเดือด คิดแต่ว่าถือไพ่เหนือกว่าเธอ ดวงตาสีนิลเรืองรองขึ้นยามนึกถึงคนที่เธอพยายามเอาชนะมาหลายปี
เธอพบกับธีรเมธหลังจากที่เขาแต่งงานแล้ว ด้วยความที่ผูกใจรักใคร่เขาผกามาศจึงพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดอีกฝ่าย รวมถึงภรรยาเขาด้วย เธอเข้าหาอย่างมิตรสหาย ก่อนจะค่อยๆ หยอดยาพิษให้กับภรรยาสาวที่มีสุขภาพอ่อนแอของธีรเมธ
‘พักนี้เสี่ยไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะคะ วันก่อนมาศเห็นควงกันไปทานข้าวกับนางแบบที่ชื่อแซมมี่ อุ๊ย ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพี่’
‘เดี๋ยวมาศมาอยู่เป็นเพื่อนคุณพี่เองนะคะ เสี่ยไปต่างประเทศหลายวันแบบนี้ คุณพี่คงจะเหงาน่าดู’
‘มาศซื้อของบำรุงร่างกายมาให้คุณพี่ค่ะ ช่วงนี้คุณพี่ซูบไปนะคะ เสี่ยนี่ยังไงนะ มีเวลาไปกินข้าวกับคนอื่น แต่ไม่มีเวลาดูแลคุณพี่เลย’
พอสองสามีภรรยามีปากเสียงกัน เธอก็เข้าไปปลอบใจฝ่ายหญิงจนอีกฝ่ายไว้วางใจ ยอมให้เธออุ้มลูกน้อยวัยไม่กี่วัน กรวิภาไว้เนื้อเชื่อใจเธอถึงขนาดฝากฝังลูกน้อย
‘ถ้าพี่เป็นอะไรไป ฝากให้มาศดูแลยายหนูแทนพี่ด้วยนะ’
‘แหมพี่ภา พูดจาอะไรอย่างนั้นคะ’
‘พี่พูดจริงๆ ถ้าพี่เป็นอะไรไป มาศช่วยพาลูกพี่ไปอยู่ที่อื่น ได้ไหม…พี่ขอให้มาศทำให้พี่ได้ไหม’
‘คุณพี่!’
‘ส่วนเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู มาศไม่ต้องห่วง พี่จะให้คนเอาเงินเข้าบัญชีมาศ เงินนั้นมันมากพอที่จะส่งเสียให้แกเรียนจบและมีเงินทำทุน มาศรับปากพี่สิ ว่ามาศจะดูแลยายหนูแทนพี่ จะไม่ปล่อยให้ไอ้ผัวชั่วมันได้เลี้ยงยายหนู มันจะไปเสวยสุขที่ไหนก็ให้มันไป แต่ลูกคนนี้พี่ไม่ให้!’ ความแค้นเคืองใจอย่างสุดแสนทำให้กรวิภาอาฆาตธีรเมธ ความไม่ลงรอยบาดหมางหนักขึ้นเมื่อข้างกายมีบ่างช่างยุซึ่งแฝงตัวมาในคราบของมิตร
‘มาศรับปากค่ะ มาศจะพาแกไปอยู่ในที่ปลอดภัย’
ผกามาศอยากฆ่าเด็กน้อยนั่นให้ตายตกตามแม่มันไปนัก แต่ก็ยังพอมีคุณธรรมคิดถึงคำขอก่อนตายของแม่เด็ก เธอจึงนำลูกมาทิ้งให้พ่อกับแม่เลี้ยงดู จากนั้นก็พาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดฝ่ายชายซึ่งกำลังตรอมใจที่จู่ๆ ก็สูญเสียภรรยาและลูกน้อยไปอย่างกะทันหัน
ธีรเมธเข้าใจว่าภรรยาเป็นคนส่งลูกไปอยู่ที่อื่น เหตุเพราะเข้าใจผิดเรื่องเขามีคนอื่นและกำลังจะมีลูกใหม่ ความกินแหนงแคลงใจนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเธอตั้งท้องกระทั่งคลอดลูกและเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุที่คนเป็นสามีสะเทือนใจจนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ภรรยาตายด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด ธีรเมธก็ส่งคนออกตามหาลูกสาว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่พบ
กระทั่งได้มากว้านซื้อที่ดินในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาได้พบกับเด็กน้อยที่มีใบหน้าคล้ายผู้เป็นภรรยาที่โรงเรียนหลังจากเข้าพบครูใหญ่เพื่อหารือเรื่องก่อสร้างโรงอาหารหลังใหม่ให้เด็กๆ นัยน์ตากลมโตที่จ้องมองเขาจากที่ไกลๆ และแม้จะเห็นเพียงแวบเดียวทำให้ธีรเมธออกปากจะส่งคนไปสืบประวัติแม่หนูน้อย พอดีกับที่ผกามาศเสนอตัวสืบหาให้ และหญิงสาวก็นำลูกมาให้เขา แม้จะหลังจากนั้นเกือบสองปี เหตุเพราะบ้านของเด็กไฟไหม้ ผู้เป็นตาเสียชีวิตในกองเพลิงและเด็กถูกใครช่วยเหลือไปก็ไม่ทราบ การทุ่มเทติดตามหาข่าวอย่างมุ่งมั่นประสบความสำเร็จในที่สุด ผกามาศบอกว่าเด็กตกไปอยู่ในความดูแลของญาติห่างๆ ซึ่งอยู่คนละจังหวัด
หญิงสาวแนะให้ชายหนุ่มตรวจดีเอ็นเอ แต่ธีรเมธปฏิเสธเพราะเชื่อว่าเด็กน้อยเป็นลูกของเขาจริงๆ แม้จะคลับคล้ายคลับคลาว่าตอนที่เห็นครั้งแรกจะน่ารักกว่านี้ แต่อาจเป็นเพราะเห็นจากที่ไกลๆ หรือเวลาผ่านไปตั้งสองปีก็ได้เขาจึงไม่ค่อยคุ้นหน้าลูกสาวที่มีส่วนคล้ายภรรยาอยู่หลายส่วนผู้นี้ ความดีเหล่านั้นเองที่ทำให้ธีรเมธยังไม่สะบั้นความสัมพันธ์กับผกามาศ ชายหนุ่มให้เงินเดือนเปิดธุรกิจให้อีกฝ่าย ดูแลเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ให้ไม่ได้ก็คือทะเบียนสมรส!
สิ่งเหล่านั้นเองที่ผลักดันให้ผกามาศจมจ่อมอยู่กับความชิงชัง ความอยากเอาชนะ อยากครอบครองในสิ่งที่ไม่ได้เป็นของตน และอยากกำจัด…ทุกคนที่เข้ามาขวางทาง!
พุทธชาดขี่เวสป้ามารับเทียนกัลยาบ่ายวันถัดไป ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปทำบุญที่วัดก่อนพาไปปล่อยปลาซึ่งฝากให้สมทรงซื้อมาจากตลาด สระน้ำภายในวัดมีขนาดกว้าง บริเวณขอบสระปลูกต้นไผ่ทำให้ยามลมพัดใบไผ่มักจะปลิวมาตามลม พื้นบริเวณศาลาท่าน้ำก็ยังเต็มด้วยใบไผ่ ดวงตาคมกริบหยิบใบไผ่ขึ้นมองก่อนจะปล่อยมันลงน้ำ ลมทำให้ผืนน้ำกระเพื่อม ไผ่ใบน้อยหมุนวนก่อนจะหยุดนิ่งบนผืนน้ำ
“คุณพุดจ้องใบไผ่ทำไมคะ” เสียงหวานถามขึ้นหลังจากเห็นเขาทิ้งสายตาที่ไผ่ใบน้อยนิ่งนาน
“พี่คิดว่ามันสวยดีจ้ะ”
ขอบตาคนพูดแดงขึ้นเล็กน้อย ปกติพุทธชาดไม่ค่อยหวั่นไหวกับเรื่องอะไรมากนัก ยกเว้นเรื่องของคนในครอบครัวและคนที่อยู่ตรงหน้า
“แปลกจัง เทียนเพิ่งเคยเห็นคนชมว่าใบไผ่สวย เคยเห็นแต่เขาชมดอกไม้”
“แล้วรู้ไหม พี่ชอบดอกอะไรมากที่สุด”
“หือ อืม…ก็ต้องดอกพุทธชาดสิคะ ขาวๆ ดอกเล็กๆ น่ารัก แถมยังหอมชื่นใจอีกด้วย”
คนชื่อเดียวกับดอกไม้นึกอยากให้หญิงสาวหอมตนบ้าง ครั้งหนึ่งการะเกดเคยถ่ายรูปหญิงสาวตอนก้มลงหอมดอกพุทธชาดสีชาวดอกเล็กที่บานช่วงงานวันเกิดผู้เป็นยายพอดี ปัจจุบันเขาจับรูปนั้นใส่กรอบตั้งไว้บนหัวเตียงในห้องนอน ใบหน้าสวยหวานที่หลับตาพริ้มทำเอาเขานอนไม่หลับไปหลายวันทีเดียว มันนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากแปลงร่างเป็นดอกไม้ชื่อเหมือนตนใจแทบขาด
“ผิด”
“ไม่ใช่เหรอคะ” เทียนกัลยาเลิกคิ้ว ก่อนทำหน้าครุ่นคิด พุทธชาดส่ายหน้ายามสาวเจ้าเงยหน้าขึ้นขอคำตอบ “ขอเดาอีกทีนะคะ ถ้าไม่ใช่ดอกพุทธชาดก็ต้องเป็นดอกการะเกดแน่ๆ เลย” เพราะทราบว่าชายหนุ่มรักน้องสาวฝาแฝดมาก หญิงสาวจึงคิดว่าเขาอาจจะชอบดอกการะเกดมากที่สุด
“ผิด”
“ฮื้อ เทียนคิดไม่ออกแล้วละค่ะ นี่ถ้าดอกไผ่สวยจะทายว่าเป็นดอกไผ่เลยนะคะ เห็นคุณพุดจ้องเสียนานเลย”
“ให้เฉลยไหม” คนตัวโตถามสีหน้าอ่อนโยน
“ค่ะ”
“พี่ชอบดอกเทียน”
เทียนกัลยาได้ยินเสียงลมพัดเศษใบไผ่เคล้าด้วยเสียงเต้นแรงของหัวใจเธอ หญิงสาวรีบปรับสีหน้าให้นิ่งแต่ก็ไม่อาจปกปิดรอยแดงบนพวงแก้มได้
“เอ่อ เทียนเพิ่งรู้ว่าคุณพุดชอบดอกเทียน”
“พี่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบดอกเทียนได้สักสามสี่ปีนี่เอง”
ยิ่งเขาพูดใจสาวยิ่งเต้นแรง เทียนกัลยาคิดว่าเธอกำลังกลายร่างเป็นเทียนไข ส่วนเขาคงเป็นเปลวไฟ ตัวเธอใจเธอมันถึงได้แทบละลายอยู่ตรงนี้
“ดอกเทียนไม่เห็นสวยเลยค่ะ บอบบางจะตาย” สมองมึนเบลอสั่งการให้ปากเธอพูดไปอย่างนั้น เทียนกัลยาหลับตาปี๋ก่นด่าตัวเองในใจ…ในวัดในวาพูดจาเหมือนกำลังอ่อยหนุ่ม!
“ไม่สวยแต่น่ารัก อ่อนแอบอบบางยังไง ถ้าได้ปลูกคู่กับต้นพุทธชาด เดี๋ยวพี่ เอ่อ กิ่งต้นพุทธชาดก็จะเลื้อยพันประคับประคองปกป้องดอกเทียนเองนั่นแหละ ที่สำคัญ…เทียนน่ะ ‘เลี้ยงง่าย’ พี่ชอบ”
คนฟังเบือนหน้าหนีสายตาวิบวับของคนพูด แปลไทยเป็นไทยอย่างไรก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลัง ‘จีบ’ ตกลงเธอกับเขากำลังคุยเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย…ชอบเธอที่เธอเลี้ยงง่ายอย่างนั้นเหรอ?
“เทียนล่ะ ชอบดอกอะไร”
“พุทธชาดค่ะ อ่า…” สมองที่ยังเบลอๆ ลืมสั่งการให้หญิงสาวปิดซ่อนความในใจ “เทียนหมายถึงชอบดอกไม้ตระกูลเดียวกับพวกมะลิค่ะ อย่างดอกพุทธชาดนี่ก็หอมดีนะคะ” หญิงสาวรีบแก้ตัวทันที แต่คงช้าไปเพราะอีกฝ่ายยิ้มแต้
“แสดงว่าเราใจตรงกันใช่ไหม” แม้ปากจะยิ้มแย้มหากแต่คำพูดกลับแฝงความจริงจังเสียจนสาวดอกเทียนรู้สึกเกร็ง และไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร
“เอ่อ ตรงนี้ลมแร้งแรง…เทียนว่าเรากลับกันดีกว่าไหมคะ” สาวดอกเทียนเสเปลี่ยนเรื่อง ส่วนหนุ่มดอกพุดที่รู้ทันไม่ได้ว่าอะไร ยอมเดินตามไปแต่โดยดี ดูจากสีหน้าสาวเจ้าแล้วเขากลัวเธอละลายไปตรงนี้ พวงแก้มที่แดงก่ำ บวกกับแววตาตื่นตระหนกนิดๆ นั่นพอทำให้ชายหนุ่มเดาได้ และที่สำคัญมันทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้น เลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น หวังว่าเขาคงไม่เดาผิดไปที่คิดว่า…
…ดอกพุทธชาดกำลังเติบโตในใจดอกเทียน
Kavee: กระจองงองๆ เจ้าข้าเอ๊ย…เขาลือกันว่าหนุ่มดอกพุดเป็นสามีสาวดอกเทียน
Mahasane F.: ลือได้แร้งงง…แต่โดนใจมาก
Chilly: ล้อเล่นใช่ไหมครับพี่คาวี
Kavee: ไม่ได้ล้อเล่นเว้ย คนงานในฟาร์มพูดกันให้แซด นายพุดเทียวรับเทียวส่งสาวดอกเทียนไปบ้านเพื่อนทุกวี่วัน สาวๆ ที่แอบชอบ เขาเลยเมาท์กันว่าคุณพุดไม่น่ามีเมียเลย
Passachon: แล้วทำไมนายไม่แก้ข่าว
Passachon: คุยได้แป๊บเดียว รีบบอกมา
Kavee: แก้ทำไม มันกำลังจะเป็นเรื่องจริงเว้ยไอ้หมอ
Passachon: ไอ้เพื่อนเลว
Passachon: เย็นนี้เจอกัน ขอทำงานก่อน
คุณหมอหม่อมหลวงที่กำลังอยู่ในระหว่างตรวจคนไข้วางโทรศัพท์ลงหลังจากพยาบาลหน้าห้องเรียกคนไข้รายต่อไป ทั้งที่ในใจมันร้อนจนเดือดปุดๆ แต่ชายหนุ่มก็จำใจละความรู้สึกเหล่านั้นออกไปก่อน หันมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลคนไข้อย่างเต็มร้อย ปล่อยให้พวกหนุ่มๆ ขาเมาท์คุยกันอย่างดุเดือดต่อไป
Mahasane F.: ลือว่าเป็นผัวนี่แรงเหมือนกันนะพี่คาวี
Kavee: กูอุตส่าห์ใช้คำสุภาพ แต่เมิงทำพังไอ้น้องเหน่
Mahasane F.: อย่ามาแอ๊บสุขภาพเลย มันไม่ใช่แนวพี่หรอก
Chilly: หยุดนอกเรื่องเถอะ พี่คาวีรู้ไหมทำไมเขาลือกันอย่างนั้น
Kavee: เพราะเขาเห็นเทียนกับพุดตัวติดกันมั้ง
Mahasane F.: หา!
หมายถึงเห็นเทียนกับเจมี่ได้เสียกันเหรอพี่คาวี
Chilly: ไอ้เหน่! ถ้าไม่อยากโดนกระทืบหุบปากมึงไปเลย
Chilly: พี่คาวีเล่าต่อ
Mahasane F.: ก็ไม่เห็นได้พูด เค้าพิมพ์อย่างเดียว
กัลปพฤกษ์ส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนพ่นไฟให้ญาติผู้น้อง
Kavee: พี่หมายถึงเทียนกับพุดไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ คนเลยเข้าใจผิด
Chilly: แล้วพี่ก็ไม่คิดแก้?
Kavee: เออสิ อีกหน่อยก็เป็นอย่างที่เขาลือ เกิดพี่แก้บอกเป็นพี่น้องกัน ตอนแต่งงานคนเขาก็จะมาถามพี่อีกสิวะ ไหนว่าพี่น้อง แล้วแต่งงานกันได้ยังไง
Chilly: วันนี้ผมโคตรเกลียดพี่เลยว่ะ
คาวีหัวเราะกร๊ากขึ้นเมื่อเห็นข้อความของกัลปพฤกษ์ ชายหนุ่มคาดว่าเย็นนี้ในกลุ่มไลน์คงเดือดจัดกว่าตอนนี้ ส่วนใหญ่เขาจะพูดคุยกันช่วงเย็น แต่วันนี้มันอดไม่ได้ โพสต์แม่งตั้งแต่ยังไม่เที่ยง หลังจากได้ยินคนงานในฟาร์มเขาลือกันเรื่องน้องเมีย ก็หวังว่าข่าวลือคงกลายเป็นจริงในเร็ววันนี้ แม้ปากจะแซว แต่คาวีก็แอบเชียร์พุทธชาด ตอบแทนที่ชายหนุ่มเคยช่วยเหลือเขา
หนุ่มชาวไร่เจ้าของมากบารมีฟาร์มคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจที่ได้ตอบแทนน้องภรรยา ทว่าชายหนุ่มไม่รู้เลยว่า…เขายังต้องตอบแทนพุทธชาดมากกว่านั้น มากกว่าที่อีกคนเคยทำคุณให้ มากกว่าอีกไม่รู้กี่เท่าตัว เพราะอีกคนเป็นนักธุรกิจ ลงทุนลงแรงอะไรไว้ย่อมต้องเก็งกำไรไว้หลายเท่าตัว!
ความคิดเห็น