ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #16 : ...๑๕ รักที่เปรียบดังเส้นผมบังภูเขา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.58K
      23
      2 เม.ย. 59

    15

    รักที่เปรียบดังเส้นผมบังภูเขา

    เด็กดีของพุทธชาดถึงกับนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เช้านี้เทียนกัลยามีสภาพใต้ตาคล้ายเป็นญาติกับหลินปิง ความอ่อนเพลียทำให้หญิงสาวใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือตั้งใจโทรศัพท์หาลีลาวดีเพื่อขอไม่ลงไปรับประทานอาหารเช้า แต่เมื่อไม่เจอ เธอจึงใช้สมองที่ยังมึนเบลอคิดทบทวนว่าวางโทรศัพท์ไว้ตรงไหน พอถึงบางอ้อก็ตีหน้ายุ่ง ก่อนจะพยุงร่างอ่อนเพลียลุกเข้าห้องน้ำ

    กระจกเงาสะท้อนใบหน้าซีดเซียวเหมือนผีซอมบี้ มือบางยกขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง ปากส่งเสียงกรีดร้องเบาๆ อย่างรับสภาพตัวเองไม่ได้ ตอนเรียนเทียนกัลยาอดนอนบ่อยครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่สภาพหนังหน้าจะโทรมเหมือนวันนี้ พูดชัดๆ คือเรื่องเรียนไม่ยากเท่าแปลคำพูดของพุทธชาด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอ่านสีหน้าและแววตา เพราะแค่หาความหมายของคำพูดเธอก็จอดสนิท

    หญิงสาวหอบสังขารไปอาบน้ำแปรงฟันแล้วแต่งตัวแล้วคลานขึ้นเตียง เพราะจากที่นอนไม่หลับมาทั้งคืนตอนนี้เกิดง่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เทียนกัลยาลืมลงไปบอกคนในบ้าน พลังงานที่ถูกใช้ไปทั้งคืนบัดนี้หมดสิ้น ร่างกายที่อ่อนล้าทำให้เธอหลับทันทีที่หัวถึงหมอน

    เสียงเคาะประตูห้องดังเบาๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนจะเปิดออกเพราะคนด้านนอกไขกุญแจเข้ามา ร่างสูงใหญ่แทรกตัวเข้ามาในห้องนอนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเขามาก่อน ดวงตาคมกวาดมองรอบห้อง ข้าวของทุกอย่างในห้องยังวางที่เดิม ที่เพิ่มเติมคงเป็นพวกกระปุกครีมกระปุกแป้งทั้งหลายบนโต๊ะกระจก

    พุทธชาดนั่งลงข้างเตียงนอนก่อนจะสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยอวลในอากาศ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อพบว่าคนหลับอุตุบนเตียงนั้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อย ดูช่างไม่เข้ากับท่าทางหลับลึกของหญิงสาว แสงสว่างที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องทำให้ชายหนุ่มสังเกตเห็นรอยช้ำใต้ตา

    “อย่าบอกนะว่าไม่ได้นอนทั้งคืน” เขาเปรยเสียงนุ่มทุ้ม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง ยิ้มมุมปากก่อนพรมนิ้วรัวบนหน้าจอ

    SawDokTian: เกดนี่เราเอง ฝากบอกแม่ด้วยนะว่าเรากับเทียนไม่ลงไปกินข้าว

    ข้อความของสาวดอกเทียนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยส่งเด้งขึ้นในกลุ่มสนทนา

    Kavee: มาถึงได้สองวัน เทียนเสร็จนายแล้วเหรอวะพุด

    Mahasane F.: เทียนพี่สะใภ้!

    Fabe F.: ไวไฟขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้เสือ?

    Passachon: พุดล้อเล่นใช่ไหม

    Chilly: เฮ้ยๆๆ

    Mahachoke F.: แล่วๆๆ ไอ้เหน่จะได้กินลาบงานแต่งก็คราวนี้

    Karaked: พี่คาวีปากเปราะ

    Karaked: ว่าแต่พุดเอามือถือเทียนมาเล่นทำไม

    พุทธชาดยิ้มยามอ่านข้อความของพี่ๆ น้องๆ รวมถึงผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มรอให้ทุกคนจินตนาการสักครู่แล้วค่อยพิมพ์ตอบ

    SawDokTian: ยึดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

    Mahasane F.: แป่ว

    Chilly: ไอ้เหน่รับยาสลายมโนที่ช่อง 2

    Karaked: แล้วไป ว่าแต่ทำไมต้องยึดโทรศัพท์

    Kavee: ทำไมถึงรู้ว่าเทียนจะไม่ลงมากินข้าว

    คำถามคาวีน่าสนใจ การะเกดไม่ส่งข้อความต่อเพื่อรอพี่ชายมาตอบ

    SawDokTian: เทียนบอกเมื่อกี้ครับ บอกว่านอนดึกเลยขอผ่านข้าวเช้า

    Karaked: แล้วไปเถอะ เดี๋ยวบอกแม่ให้นะ

    คนที่ช่วงหลังๆ พาลูกๆ มาพักที่บ้านพ่อแม่บอก การะเกดหัวเราะเมื่อสามีส่งสติกเกอร์การ์ตูนนอนหลับน้ำลายไหลยืด หญิงสาวรีบเข้าห้องสนทนาส่วนตัวแล้วพิมพ์บอกให้เขารีบกลับบ้าน เพราะเธอวานให้คนงานที่ไร่ไปรับเขาที่โรงพยาบาลแล้ว

    Mahasane F.: เจมี่ๆ ลาบงานแต่งน่ะอีกนานไหม

    SawDokTian: ไม่นาน แต่อยากกินตอนนี้เลยไหม

    Mahasane F.: หมายถึงจะเข้าไปปล้ำเทียนตอนนี้ใช่ปะ

    SawDokTian: เปล่า แต่มีลาบเลือด (ปาก) ถ้านายอยากมากจะวานโชคจัดให้

    Mahasane F.: ฮุ้ย คนเขาซีเรียสยังมาพูดเล่นอยู่ได้

    Fabe F.: อยากบอกว่าเซ็งแต่เช้า แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว ส่วนพวกทางโน้นเข้านอนว้อย!

    Kavee: คุณป๋าฮาร์ดคอร์มาก สงสัยจะผิดหวังแร้งงง!

    Fabe F.: เสือก!

    พุทธชาดอ่านข้อความที่ผู้เป็นพ่อและพี่เขยโต้ตอบกันแล้วหัวเราะอย่างขบขัน เห็นไม่ถูกกันอย่างนี้เถอะ แต่เขารู้ว่าพ่อเอ็นดูคาวีมากทีเดียว ชายหนุ่มอ่านข้อความอีกครั้งก่อนจะออกจากโปรแกรมสนทนา ปกติเขาไม่ค่อยได้ใช้โซเชียลมีเดียพวกนี้มากนัก แต่หลายปีให้หลังด้วยความที่อยู่ห่างไกลกันคนละประเทศ การคุยผ่านข้อความก็พอบรรเทาความคิดถึงได้บ้าง ทุกคนมักเข้ามาคุยกัน แซวกันจนเป็นปกติ นานวันเข้าก็ชักจะติด ต้องคลิกเข้าไปดูว่าวันนี้มหาเสน่ห์จะทะเลาะกับใคร

    ดวงตาคมมองใบหน้าเรียวงามที่ผ้าห่มคลุมปิดไว้ถึงปลายคาง ท่าทางหลับสนิททำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวต้องก้มหอมแก้มสาวเบาๆ ถึงสามครั้งติดกัน

    “ฝันดีนะครับ สาวดอกเทียน”


    สมทรงยิ้มให้เสริมที่มาด้อมๆ มองๆ อยู่หลังบ้าน แม่บ้านสูงวัยเดินเข้าไปทักทันที ในมือเสริมมีตะกร้าผลไม้และดาวเรืองอีกกำใหญ่ ปกติเสริมไปที่บ้านสวนซึ่งเป็นบ้านเก่าก็มักจะมีผลไม้และดอกไม้ติดมือมาด้วย แต่วันนี้มาแปลกๆ ด้วยสีหน้าสดใสชอบกล แถมคอยังชะเง้อชะแง้สอดส่ายสายตาแลเข้าไปในบ้านอีกด้วย

    “เอามาฝากคุณเทียนเหรอพี่”

    “อืม ฝากแม่สมด้วยนะ”

    “เดี๋ยวฉันจัดการให้ อ้าว นี่มีตำลึงมาด้วย”

    “เทียนชอบน่ะ” คนที่ยังจำได้ว่าหลานชอบต้มจืดตำลึงมากแค่ไหนระบายยิ้ม ก่อนชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน สมทรงเห็นเข้าจึงถอนหายใจ

    “คุณเทียนแกไม่ลงมาหรอก เห็นคุณเกดบอกนอนดึกเลยไม่ลงมากินข้าวเช้า”

    “ไม่สบายหรือเปล่า” ผู้เป็นตาถามเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่รู้สิ แต่ปกติคุณเทียนแกลงมาแต่เช้านะ แกชอบมาช่วยคุณแม่ทำอาหาร สงสัยจะไม่สบายจริงๆ กระมัง”

    “งั้นวานแม่สมไปดูหน่อยเถอะ สงสารหลานมัน”

    “ฮุ้ย ฉันไม่กล้าคิดว่าคุณเทียนเป็นหลานหรอก แกเหมือนเจ้านายของฉันคนหนึ่งน่ะพี่เสริม พี่ไม่ต้องห่วงหรอก เห็นคุณๆ คุยกันที่โต๊ะอาหารว่ากินข้าวเสร็จจะขึ้นไปดู”

    “ค่อยโล่งอก เวลาเทียนไม่สบายมักจะเป็นนาน ตอนเด็กน่ะป่วยทีขาดเรียนเป็นอาทิตย์” คนที่คิดถึงและอยากเห็นหน้าหลานบอก ที่เสริมมาที่นี่เพราะอยากเห็นหน้าเทียนกัลยาสักแวบก็ยังดี

    “พี่ไม่ต้องห่วงหรอก แต่ถ้าห่วงมากๆ ก็บอกความจริงกับหลานไปสิ ฉันละสงสารคุณเทียนแก คุณพุดเล่าให้คุณจำปาฟังว่าตอนไปวัด คุณเทียนนั่งน้ำตาคลอ คงคิดถึงพี่นั่นแหละ”

    “มันผ่านมาแล้วสมเอ๊ย ปล่อยให้เทียนเข้าใจอย่างนั้นดีแล้ว เพราะฉันคงไม่กล้าสู้หน้าหลานหรอก ครอบครัวฉันทำผิดต่อแกมามากเหลือเกินแม่สม” คนพูดน้ำตาคลอ

    “พี่ก็เป็นเสียอย่างนี้ คุณๆ ในบ้านบ่นกันขรม คุณเกดถึงกับออกปากว่าพี่ใจดำ”

    “ฉันมันใจดำจริงๆ นั่นแหละ” เสริมบอก

    “ถ้าใจดำจริงคงไม่หอบผลไม้ดอกไม้มาให้หลานหรอกมั้ง อย่างนี้แถวบ้านฉันเรียกว่าตัดกันไม่ขาดนะ” สมทรงพูดอย่างหมั่นไส้ เสริมเป็นคนแก่ที่หัวรั้นจริงๆ

    “ฉันเลิกรักหลานไม่ได้ แต่ทำได้มากที่สุดก็แค่นี้เอง แม่สมช่วยฉันหน่อยเถอะ”

    “ช่วยน่ะช่วยได้ แต่พี่คิดเหรอว่าจะปิดได้ตลอด”

    “ได้สิ ข่าวว่าคุณนายแกจะไปวังเวียงสิ้นเดือนไม่ใช่หรือไง งานวันเกิดคุณนายใหญ่คงขนกันไปทั้งบ้าน เทียนเองก็คงไปด้วย”

    “ไปแน่ แต่พี่รู้ไหมว่าหลังจากนั้นคุณๆ เขาจะพาคุณเทียนไปอยู่สเปน พี่จะไม่เห็นหลานอีกนานเลยนะ”

    เสริมใจกระตุกเมื่อได้ยิน จริงอยู่เขาพยายามตัดใจจากหลาน แต่พอได้ยินว่าหลานจะไปอยู่ที่อื่นและไม่กลับมาที่นี่อีกนานก็อดเศร้าใจไม่ได้

    “คิดดีๆ นะพี่ โอกาสมีไม่มากหรอก พี่อย่าเอาแต่คิดว่าจะฉุดหลานให้ต่ำ ฉันอยากให้พี่คิดถึงจิตใจคุณเทียนแกให้มากๆ อย่างไรเสียแกก็เกิดมาไม่มีพ่อมีแม่ มีแต่พี่กับเมียเลี้ยงดู แกย่อมรักพี่มากกว่าคนอื่นๆ แล้วถ้าได้รู้ว่าตายังไม่ตาย แกจะดีใจขนาดไหน” สมทรงที่ได้ฟังหนุ่มสาวดอกไม้คุยกันบ่อยๆ บอกไปตามที่หลายคนบ่น ทุกคนอยากให้เสริมบอกความจริงแก่เทียนกัลยา


    เทียนกัลยารู้สึกตัวตื่นตอนบ่ายโมง ร่างกายที่อ่อนเพลียประกอบกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในห้องทำให้เธอหลับนาน หญิงสาวตื่นมาพบกับความสงสัยว่าใครกันที่เปิดเครื่องปรับอากาศในห้อง ทั้งที่ก่อนนอนเธอไม่ได้เปิดมันไว้ นั่งครุ่นคิดคำตอบอยู่นาน หญิงสาวก็เบิกตากว้างเมื่อนึกได้ว่าลืมลงไปบอกคนอื่นๆ ว่าเธอจะไม่ไปร่วมกินอาหารเช้า เจ้าของร่างบางรีบลุกไปอาบน้ำอีกรอบพร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

    หญิงสาวเดินผ่านห้องรับประทานอาหาร เธอพบลีลาวดีกำลังใช้ทัพพีตักแกงใส่ถ้วย สมทรงที่ถูกส่งมาช่วยงานครัวบ้านนี้ชั่วคราวเห็นหญิงสาวก่อนจึงยิ้มให้

    “คุณเทียนมาแล้วค่ะคุณ”

    “อ้าว พอดีเลย แม่เพิ่งทำแกงจืดตำลึงเสร็จ กะว่าจะให้ป้าสมไปตามอยู่พอดี”

    “หืม…หอมจังเลยค่ะ เทียนชอบแกงจืดตำลึงที่สุดเลย” หญิงสาวร่างบางสวมกอดคนสูงวัยจากด้านหลัง ท่าทางออดอ้อนทำให้สมทรงที่มองอยู่นึกเอ็นดู ส่วนคนถูกกอดนั้นทั้งรักทั้งหลงสาวดอกเทียน

    “อ้อนอย่างนี้ เดี๋ยวแม่ก็จับไปเชียงรายด้วยกันซะหรอก” ลีลาวดีกำลังจะเดินทางไปเยี่ยมอัญชันและครอบครัวในอีกสามวันข้างหน้า ซึ่งพุทธชาดยังไม่รับปากว่าจะไปด้วย

    “ไปสิคะ เทียนอยากไปเชียงรายอีก”

    “ไม่ได้สิ พุดยังอยู่ที่นี่ เราอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก่อนเถอะ” คนที่อยากเปิดโอกาสให้ลูกชายบอก

    “หือ เทียนต้องอยู่ที่นี่กับคุณพุดเหรอคะ” เด็กดีของพุทธชาดถามอย่างระแวง อยู่กันหลายคนเขายังขนาดนี้ เกิดอยู่สองต่อสองจะ…ขนาดไหน

    “จ้ะ เทียนเป็นเจ้าถิ่นพาพี่เขาเที่ยวทางนี้ก่อนเถอะ แล้วเราค่อยไปเจอกันที่วังเวียง”

    “แม่ขา เทียนไม่ได้อยู่ที่นี่หลายปีแล้วนะคะ จะพาคุณพุดไปเที่ยวไหนได้ อีกอย่างตอนเทียนอยู่ก็เด็กเล็กเหลือเกิน ไม่เคยไปเที่ยวไหนกับเขาหรอกค่ะ”

    “งั้นก็ถือโอกาสเที่ยวเสียสิจ๊ะ แม่อยากให้เทียนเที่ยวให้สนุกนะลูก เรื่องในอดีตก็ลืมๆ มันไปบ้างเถอะ” คนที่มักย้ำประโยคสุดท้ายลูบแขนบอบบาง ลีลาวดีอยากลบภาพไฟมอดไหม้บ้านในความทรงจำเทียนกัลยาด้วยการบอกความจริงว่าเสริมยังมีชีวิตอยู่เหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจพูดออกไปได้ เพราะฝ่ายนั้นยืนกรานจะให้ตัวเองตายไปจากความทรงจำของหญิงสาว ลีลาวดีทอดถอนหายใจ เสริมจะรู้ไหมหนอ ว่าการทำเช่นนั้นไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

    “เทียนกำลังพยายามค่ะแม่ แต่การกลับมาที่นี่เทียนก็อดคิดถึงไม่ได้ คิดถึงตา แล้วก็คิดถึงดาวด้วยค่ะ ไม่รู้ป่านนี้ดาวจะเป็นยังไงบ้าง”

    ลีลาวดีหน้าถอดสี “โถแม่คุณ…แม่ไม่รู้จะช่วยหนูยังไง” 

    สีหน้าเห็นอกเห็นใจของอีกฝ่ายทำให้เทียนกัลยารู้สึกผิด เธอไม่สมควรเอาเรื่องไม่สบายใจมาให้ผู้มีพระคุณ หญิงสาวฝืนยิ้ม “แค่แม่รักเทียนมากๆ ก็พอแล้วค่ะ”

    “รักสิ แม่รักและหวังดีกับเทียนมากที่สุด ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เทียนจดจำเอาไว้ว่าทั้งหมด…เพราะทุกคนหวังดีต่อเทียนนะจ๊ะ”

    “ค่ะแม่ เทียนจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะ”

    สมทรงยกมือป้ายน้ำตาออกทางหัวตา เธออยากให้เสริมมาเห็นเหลือเกิน หลานสาวที่แกภูมิใจน่ารักจนใครที่พบเห็นต่างหลงรัก

    “กินข้าวเถอะลูก ประเดี๋ยวแกงจืดจะเย็นเสียก่อน”

    เทียนกัลยายกถ้วยไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารหลังจากสมทรงบอกจะตักข้าวให้ หญิงสาวกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมือของลีลาวดีขึ้นชื่อ ลูกคนไหนต่างก็เรียกร้องอาหารฝีมือผู้เป็นแม่ เธอเองก็เช่นกัน ทุกครั้งที่พบลีลาวดี เธอก็มักจะขอให้อีกฝ่ายทำอาหารไทยให้กิน อีกทั้งยังขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์อีกด้วย


    การะเกดเดินเข้ามาในห้องอาหารตอนที่เทียนกัลยากำลังช่วยลีลาวดีเตรียมของทำขนม คนเป็นพี่ขอร้องแกมข่มขู่ให้เทียนกัลยาไปเป็นนางแบบ วันนี้เธอกับพี่ชายตั้งใจจะถ่ายรูป สองพี่น้องมีงานอดิเรกเหมือนกันคือถ่ายรูป มีเพื่อนสนิทร่วมกลุ่มอีกหนึ่งคนคือหย่งหมิน ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับโลก หลังจากแต่งงานการะเกดผันตัวมาถ่ายรูปลูกๆ เสียส่วนใหญ่ เธอไม่ค่อยได้ถ่ายรูปวิวหรือคนอื่นมากนัก จึงชักชวนพี่ชายซึ่งน่าจะอยากถ่ายรูปสาวเก็บไว้เหมือนกัน

    ประกาศศิตของพี่สาวทำให้เทียนกัลยาจำต้องขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง การะเกดขอให้เธอสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดพร้อมรองเท้าผ้าใบสีชมพูซึ่งมีพร้อมอยู่แล้ว ตากล้องมือสมัครเล่นกำชับให้รวบผมขึ้นเป็นหางม้าอีกด้วย การทำผมเช่นนั้นทำให้ใบหน้าเรียวโดดเด่นขึ้น ดวงตางามซึ่งเป็นจุดเด่นก็งามล้ำอีกเท่าตัว

    เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเทียนกัลยาออกมารอการะเกดที่หน้าบ้าน หลังจากอีกฝ่ายขอขึ้นไปหยิบของบนห้อง หญิงสาวพบตากล้องอีกคนที่รออยู่ก่อน เธอกวาดตามองการแต่งตัวของชายหนุ่ม เขาสวมเสื้อยืดสีขาวตัวบาง กางเกงยีนสีซีด เอ่อ…ที่ขัดตาเห็นจะเป็น ‘ช้างดาว’ ที่เขาสวมอยู่

    “รองเท้าไปไหนคะ” หญิงสาวถามอย่างใคร่รู้

    พุทธชาดก้มมองเท้าตัวเอง “กวยจั๊บมันคาบไปกัดเสียกระจุย คู่นี้พี่เพิ่งขอพี่คาวีมา” ชายหนุ่มหมายถึงสุนัขพันธุ์ไทยที่คาวีเลี้ยงไว้เมื่อห้าปีก่อน

    “ดูแปลกๆ นะคะ” หญิงสาวบอกไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงพุทธชาดยังดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ดวงตางามปรายมองเท้าที่เรียวและมีนิ้วเท้าที่ยาว ผู้ชายอะไรแม้แต่นิ้วเท้าก็ยังสวย แบบเขานี่คงเรียกดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า

    “แปลกยังไง”

    “ก็เทียนไม่เคยเห็นคุณพุดใส่รองเท้าแบบนี้ อืม…แต่ยังไงก็ยังดูดีค่ะ” คนเป็นน้องบอกอย่างจริงใจ

    “ขอบใจ ถ้าดูดี เดี๋ยวพี่จะซื้อให้เทียนใส่ ‘คู่กัน’ สักคู่” ชายหนุ่มบอกด้วยท่าทางอารมณ์ดีจัด ได้ยินคำชมจากสาวน้อยประหนึ่งได้กินเอ็มร้อยห้าสิบสามขวดรวดก็ไม่ปาน

    เทียนกัลยาค้อนให้คนอารมณ์ดี หลังจากยึดโทรศัพท์มือถือเธอไปตั้งแต่เมื่อคืน ก็เห็นเอาแต่ยิ้มแบบนี้ตลอด

    “มือถือเทียน จะคืนได้เมื่อไหร่คะ” เธอทวงถามทันที

    “อีกสองวัน”

    “เทียนคิดถึงน้ำผึ้งแย่เลย” หญิงสาวออดเสียงอ่อน หวังว่าเขาจะใจอ่อน

    “เราไม่มีเวลาคิดถึงน้ำผึ้งหรอกน่า มีพี่อยู่ข้างกายทั้งคน” คนตัวโตหยอด

    “เฮอะ พูดเหมือนคุณพุดจะทำตัวติดเทียนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

    “ได้อย่างนั้นก็ดีสิ รอให้แม่กับพ่อไปเชียงรายก่อนเถอะ”

    หญิงสาวทำตาโต กำลังจะทักท้วง การะเกดที่เดินลิ่วออกจากบ้านพอดีเรียกไปขึ้นรถเสียก่อน

    “มากันครบแล้ว ไปกันเถอะ”


    วิวที่สองพี่น้องเลือกคือทุ่งหญ้าหลังฟาร์มมากบารมี ซึ่งกำลังจะมีโครงการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพื้นที่ทางการเกษตร โดยมี ไร่ทานตะวัน ไร่ข้าวโพด และทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ยาวจดตีนเขานับเป็นไฮไลต์ของที่นี่ เทียนกัลยาจอดรถเวสป้าคู่ใจต่อจากรถพ่วงของคาวีซึ่งมีสองพี่น้องนั่งซ้อนกันมา พุทธชาดเดินมาจูงรถไปจอดอีกด้านซึ่งมีวิวด้านหลังเป็นทุ่งหญ้าและขุนเขาที่ขึ้นซ้อนทับกันจนเห็นแต่ไหล่เขา

    “เทียนไปยืนรอตรงนั้นเลยจ้ะ” การะเกดที่ตั้งอุปกรณ์เรียบร้อยบอกพร้อมทั้งจูงมือนางแบบกิตติมศักดิ์ไปจัดแจงท่าทางให้ด้วยตัวเอง โดยมีพุทธชาดคอยจับภาพไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มยิ้มเมื่อแวบหนึ่งนางแบบมองตรงมายังเขา ก่อนที่เธอจะรีบเบือนหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว

    สาวดอกเทียนอดหันไปส่งค้อนให้ตากล้องไม่ได้ ดูเถอะ ถ่ายไปยิ้มไปก็มีด้วย พักนี้เป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ทำไมเธอต้องคิดมากเรื่องคำพูดเขาด้วย

    ‘รอให้พ่อกับแม่ไปเชียงรายก่อนเถอะ’

    นั่นน่ะ…ทำให้เธออดหลับอดนอนทั้งคืนได้เชียวนะ!

    “ดูสิ ยังไม่ได้ถ่ายดีๆ เลย เล่นอายเสียหน้าแดง” คนที่กำลังจัดท่าให้กระเซ้าเสียงหวาน

    “โธ่…ก็เทียนไม่ใช่มืออาชีพนี่คะ ถึงเห็นกล้องแล้วต้องจิกตา เผยอปากใส่”

    “ต๊าย ไม่ต้องถึงกับเผยอปากจิกตาหรอกนะ เดี๋ยวตากล้องตบะหลุดแล้วจะแย่เอา แค่ยิ้มน่ารักๆ ธรรมชาติเขาก็ใจละลายแล้ว” การะเกดมองไปทางคนที่กำลังจะตบะหลุดอยู่รอมร่อ สังเกตจากแววตาพุทธชาดแล้วคงอดได้ไม่ถึงเดือน นี่แหละหนา…ไม่ยอมไปเจอบ่อยๆ ไม่ยอมโทรศัพท์หาดีนัก พอได้มาเจอตัวจริงเข้าถึงกับอดใจไม่ไหว หญิงสาวเคยเชียร์ให้พี่ชายแวะไปหาเทียนกัลยาที่อังกฤษอยู่หลายครั้ง แต่พุทธชาดปฏิเสธท่าเดียว บอกกลัวน้องไม่มีสมาธิในการเรียน แต่เธอรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลของพุทธชาดมีมากกว่านั้น ซึ่งคงหนีไม่พ้นกลัวอดใจไม่ไหว

    “พี่เกดน่ะ เทียนไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ แค่เปรียบเทียบเฉยๆ” คนที่กำลังสะกดกลั้นความอายอย่างสุดกำลังบอก ขืนเธอทำอย่างนั้นสิ เขาได้หัวเราะตายเลย

    “ถ้ากล้าก็ทำเถอะ ดีเสียอีกเห็นเทียนในลุคใหม่ พี่ทนได้ แต่คนแถวนี้ไม่รู้ด้วยนะ”

    ‘คนแถวนี้’ ลดกล้องลง หรี่ตาคาดโทษน้องสาว ไม่รู้อย่างไรพักนี้การะเกดขยันแซวเขาเสียจริง ยิ่งพวกอยู่ทางไกลยิ่งแล้วใหญ่ เป็นต้องส่งข้อความถามความคืบหน้ากันวันต่อวัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับเทียนกัลยาสองต่อสองกี่นาที ต้องเอามาเป็นหัวข้อในการสนทนา

    พุทธชาดหันไปสนใจเก็บภาพน่ารักๆ ของนางแบบมือสมัครเล่น เธอไม่ทำให้เขาผิดหวัง ความสดใสของเทียนกัลยาเฉิดฉายท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น สาวสวยกับรถคันโปรด ยอดหญ้าและทิวเขา ช่างเป็นภาพที่ตราตรึงใจพุทธชาดยิ่งนัก

    นางแบบสาววัยใสขยับร่างกายตามคำสั่งของตากล้องหน้าหวาน กระทั่งการะเกดหันไปสั่งให้พี่ชายเดินเข้ากล้องเพื่อเป็นนายแบบ เทียนกัลยาถึงกับตาโต พุทธชาดไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มวางกล้องลงในกระเป๋าทันที ท่าทางเดินมาอย่างมุ่งมั่นทำให้คนยืนรออยู่ก่อนอดคิดไม่ได้ เปรียบเขาเป็นเสือ เธอคงเป็นสมันตัวน้อย

    “พุดกอดน้องจากด้านหลังอย่างนั้นแหละ อื้อหือ…งามเจิดยิ่งกว่าถ่ายภาพพรีเวดดิงเสียอีก” ตากล้องคนงามมองผ่านเลนส์แล้วอดชื่นชมไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอเข้าข้างพี่ชาย แต่หนุ่มสาวตรงหน้าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก 

    ภาพหนุ่มตัวโตกอดร่างเล็กโดยมีมอเตอร์ไซค์เวสป้าจอดอยู่ข้างๆ วิวด้านหลังเป็นทุ่งหญ้ากว้างและขุนเขาน้อยใหญ่ช่างงดงามนัก

    “คุณพุดกอดเทียนทำไม” นางแบบสาวที่ไม่ได้ตกอยู่ในอารมณ์ซาบซึ้งกับวิวและบรรยากาศแหวเสียงเบา

    “ก็เกดบอก” หนุ่มดอกพุดกระซิบข้างหู

    “เทียนไม่ถ่ายแบบนี้ค่ะ” สาวดอกเทียนปฏิเสธพร้อมทั้งทำหน้างอง้ำ

    “แบบพรีเวดดิงน่ะเหรอ พี่ก็ไม่ได้ถ่ายแบบนั้นหรอก ถ้าจะถ่ายจริง...เทียนต้องสวมชุดแต่งงาน ส่วนพี่สวมสูท” เขาบอกพร้อมกระชับอ้อมกอด เงยหน้ามองกล้องพร้อมยิ้ม ในขณะที่นางแบบขึงตาใส่ไม่เลิก

    “แบบนี้ก็โอเคนะพุด เหมือนพ่อแง่แม่งอน รูปออกมาสวย เป็นธรรมชาติมากเลย” ตากล้องสาวพูดไปชมไปกับท่าทางสุดแสนจะธรรมชาติของหนุ่มสาว

    “โอ๊ย…เทียนไม่เล่นนะคะ” นางแบบสาวที่โดนกอดแน่นร้องโวยวาย ใบหน้าเธอร้อนผ่าวแดงเหมือนลูกตำลึกสุกเต็มที่ หัวใจดวงน้อยแทบกระเด็นกระดอนออกมาด้านนอกยามเขาก้มหน้าและลมหายใจอุ่นเป่ารดหน้าผากเนียน

    “พี่จริงจัง…”


    กว่าจะรอดจากบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วน เทียนกัลยาก็แทบละลายตายไปในอ้อมกอดอบอุ่นของพุทธชาด ตกค่ำเทียนกัลยาขอตัวขึ้นห้องทันทีที่กินอาหารเย็นเสร็จ หญิงสาวยังคงหลบหน้าการะเกดและพุทธชาด สองพี่น้องเองก็ไม่เซ้าซี้ให้เธออาย เทียนกัลยาพลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่จนดึกจึงตัดสินใจย่องลงมาตากอากาศเย็นๆ นอกบ้าน บ้านทั้งหลังปิดไฟจนเกือบหมด มีเพียงแสงไฟแรงเทียนต่ำที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเท่านั้น เทียนกัลยาเลือกนั่งบนเก้าอี้ตัวที่เคยนั่งเมื่อตอนเย็น ที่นี่อุณหภูมิกลางคืนมักต่ำลง ช่วงเช้าก็มีน้ำค้างจับตามยอดใบไม้ดอกไม้ประดับ เธอชอบบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ที่มากบารมีฟาร์มเป็นอย่างมาก

    ‘พี่จริงจัง’

    คนนอนไม่หลับถอนหายใจดังเฮือก ประโยคเหล่านี้แหละที่ทำให้เธอแทบเป็นบ้าเป็นหลัง ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาคงไม่ได้ล้อเธอเล่น ไม่อย่างนั้นงานนี้มีดรามาแน่ๆ เธอจะขบหัวมหาเสน่ห์ก่อนใครเพื่อน ค่าที่เขาเป็นคนเริ่มทำให้เธอคิด หลังจากนั้นก็เริ่มรู้ใจตัวเองเรื่อยมาว่าไม่ได้คิดกับพุทธชาดอย่างพี่ชาย

    ‘คุณพุดของเทียน’ ไม่ได้แทนความหมายคำว่าพี่ชาย แต่หมายถึงคุณพุดที่เป็นเจ้าของหัวใจเทียนต่างหาก

    ตลอดเวลาที่เขาเว้นช่องว่างให้ความสัมพันธ์ เธอคิดมาตลอดว่าเพราะเขาเห็นเธอเป็นน้อง แม้ได้พูดคุยผ่านข้อความกันวันเว้นวัน ก็ใช่ว่าจะรู้ใจกัน การพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันก็เพียงแต่ถามไถ่ทุกข์สุขกันธรรมดา หาได้เหมือนการเผชิญหน้ากันตรงๆ เหมือนไม่กี่วันก่อน

    ความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ต้องถ่อมเนื้อถ่อมตน เตือนตัวเองว่าเธอคือใคร ทำให้ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองสักครั้ง และเพราะเธอรักเขามากกว่า มากเกินกว่าจะดึงรั้งกิ่งดอกพุดให้โน้มลงมาแนบเนากับกิ่งเทียนอันเปราะบาง สิ่งเหล่านี้เองที่ปิดกั้นไม่ให้เทียนกัลยารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

    “เฮ้อ…” คนที่เจอเหตุการณ์ทั้งหมดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีคนหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้าง

    “ยังไม่แก่เลย นั่งถอนหายใจทิ้งเป็นว่าเล่น” ตัวต้นเหตุที่ทำให้สาวน้อยทำตัวเหมือนคนแก่ยื่นหน้ามากระเซ้า

    “คุณพุด!”

    “หือ เทียนทำไมชอบเรียกชื่อพี่จัง”

    “ก็คุณพุดมาเงียบๆ นี่คะ เทียนเลยตกใจ” แม้จะอายจนแทบอยากวิ่งหนี แต่เห็นสีหน้าเรียบนิ่งของเขาแล้วเธอก็ต้องนิ่งสู้ แม้จะทำได้ไม่ดีนัก เทียนกัลยาก็ยังภูมิใจที่ไม่วิ่งแจ้นหนีเขาให้ขายหน้า

    “พี่ไม่ได้มาเงียบๆ เป็นเราต่างหากที่มัวแต่นั่งเหม่อใจลอยไปถึงไหนก็ไม่รู้”

    “…” คนเอาแต่เหม่อลอยปิดปากเงียบ จะบอกเขาได้อย่างไรว่าเธอหวั่นไหวกับคำว่า ‘จริงจัง’ ของเขาแค่ไหน

    “เด็กดื้อ อย่าลืมว่าเรามีความผิดหลายกระทงนะ พี่ชวนดูรูปด้วยกันก็หนีขึ้นห้องเสียอย่างนั้น” พุทธชาดว่าอย่างอ่อนใจที่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง นิ้วเรียวแกร่งเกลี่ยไล้พวงแก้มสีชมพูเบาๆ

    “เทียนขอโทษค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้กราบที่อกเขาเหมือนที่เคยทำ ก่อนจะถูกเจ้าของอกรวบตัวเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมแขนราวปลอกเหล็กพันธนาการทั้งตัวและหัวใจหญิงสาวเอาไว้ เทียนกัลยาไม่ขัดขืนแถมยังซุกซบใบหน้ากับอกอุ่นอีกด้วย

    เพราะชายหนุ่มเคยบอกว่าจะปกป้อง เธอจึงเชื่อใจเขา แอบวางหัวใจไว้ในมือเขามาเนิ่นนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการครอบครองหัวใจเขา เธอจะไม่มีวันดึงเขาให้ต่ำลงเด็ดขาด

    “เทียนไม่กล้าดูรูปพร้อมคนอื่นหรอกค่ะ กลัวพี่คาวีแซว ก็ตอนถ่ายรูปคุณพุดเล่นกอดเทียนซะแน่น” เจ้าของเสียงหวานกระซิบกับอกเขา

    พุทธชาดคลายมือที่พันธนาการเธอเอาไว้ “ถ้าอายที่ถูกพี่กอด งั้นต่อไปนี้พี่ให้เทียนกอดฝ่ายเดียวดีไหม” เสียงเขาอบอุ่นจนเทียนกัลยาเผลอยิ้ม หญิงสาวพยักหน้ากับอกชายหนุ่ม สอดแขนสวมกอดเขาทันที

    “อกคุณพุดอุ๊นอุ่น” ถึงไม่ได้ครอบครองอย่างคนรัก แต่เธอขอใช้สิทธิ์น้องสาวตักตวงความรู้สึกนี้จนกว่าเขาจะพบคนที่ใช่

    “อืม…ถ้าชอบ งั้นต่อไปพี่จะยอมให้เทียนกอดบ่อยๆ”

    โคหนุ่ม ‘อ่อย’ หญ้าอ่อน ปล่อยให้เธอกอดอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง เพราะเขาก็อยากอยู่กับเธอ

    ความสัมพันธ์ที่เหมือนเส้นผมบังภูเขาทำให้พุทธชาดหนักใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าการสร้างระยะห่างของความสัมพันธ์เพื่อให้เธอเรียนและใช้ชีวิตวัยรุ่นจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เขาต้องตามแก้



    สกิลความอ่อยของพี่พุดขั้นเทพจ้ะ


    ประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 8 นะคะ ตอนนี้ยังอยู่ กทม. อยู่เลย 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×