ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #12 : ...๑๑ ลบเลือนความทรงจำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      32
      28 มี.ค. 59




    11

    ลบเลือนความทรงจำ

    เทียนกัลยานั่งเล่นกับหลานอยู่เกือบชั่วโมง การะเกดก็ตามให้เธอไปพักผ่อนในห้อง 

    “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่เกด” หญิงสาวถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่าย จะว่าไปแล้วทุกคนก็ทำท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่เธอมาถึงบ้าน พวกเขาหายหน้าไปราวกับจงใจอย่างไรอย่างนั้น

    “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่กับเดหลีแค่คิดถึงแม่น่ะ ที่หายไปเพราะมัวแต่ไปอ้อนแม่กันมา ขอโทษที่ทิ้งให้เทียนดูหลานนะ”

    เทียนกัลยายิ้มอย่างเบาใจ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เทียนชอบอยู่กับหลานๆ น้ำฟ้านี่เหมือนพี่เกดเปี๊ยบเลยนะคะ ส่วนน้ำฝนพูดน้อยเหมือนพี่หมอเลย”

    “ก็ลูกพ่อลูกแม่นี่จ๊ะ เทียนขึ้นไปพักเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ พี่ว่าคงมีอาการเจ็ตแล็กแน่ๆ”

    “นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ แต่เดี๋ยวเทียนขอตัวไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

    “อือ ไปพักเถอะจ้ะ เรื่องเก็บเสื้อผ้าพวกพี่กับแม่ทำให้เรียบร้อย”

    “ฮื้อ ทำให้เทียนทำไมคะ เทียนทำเองได้”

    “เอาเป็นว่าพวกพี่อยากทำให้น่ะ ไปเถอะ…นอนพักเอาแรงซะนะ” การะเกดรุนหลังน้องสาวให้เดินไปบนห้อง เธอหายไปเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เทียนกัลยาจริงๆ ระหว่างที่รื้อกระเป๋าก็ปรึกษาแม่และพี่สาวไปด้วยว่าจะยังไม่บอกเรื่องเสริมแก่เทียนกัลยา ตามที่อีกฝ่ายขอร้องเอาไว้

    หลังจากเข้ามาอยู่ในห้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของพุทธชาด เทียนกัลยาใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็มานั่งจุมปุ๊กอยู่กลางเตียง โต๊ะด้านข้างหัวเตียงยังมีรูปเจ้าของห้องเดิมตั้งไว้ ตอนแรกที่รู้ว่าต้องนอนห้องเขา เธอปฏิเสธไปแล้ว แต่ลีลาวดีก็ยังยืนกรานจะให้พักห้องนี้อยู่ดี บ้านหลังนี้กว้างใหญ่พอๆ กับบ้านของคาวีซึ่งอยู่ในอาณาเขตของมากบารมีฟาร์มเหมือนกัน ห้องหับมีหลายห้อง แต่ทำไมจงใจให้เธอนอนห้องนี้ก็ไม่รู้

    หญิงสาวหยิบกรอบรูปซึ่งมีรูปถ่ายเต็มตัวขนาดสี่คูณหกนิ้วขึ้นมาดู ชายหนุ่มในรูปสวมสูทสีกรมท่ายืนล้วงกระเป๋าทั้งสองข้าง ริมฝีปากอิ่มโค้งขึ้นก่อนจะทำเสียงจึ๊กจั๊กให้เจ้าของภาพ นึกถึงคำพูดที่เขาพูดก่อนเธอจะไปเรียนที่อังกฤษแล้วยังเคืองไม่หาย คนอะไรพูดให้เธอใจหายใจคว่ำ เขาคงไม่รู้ว่าเธอคิดมากแค่ไหนตอนเขาบอกมาอย่างนั้น เพราะการได้พูดคุยกันทุกสัปดาห์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอไปแล้ว

    NumDokPud: หลับหรือยัง?

    SawDokTian: เพิ่งจะบ่ายสอง เทียนคงหลับลงหรอกค่ะ

    หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบอย่างกวนๆ เมื่อยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมสนทนาหลังจากมีเสียงดังเตือน

    NumDokPud: นึกว่าเพลีย

    SawDokTian: ไม่เพลียมากค่ะ เทียนหลับมาบนเครื่องกับบนรถซะเยอะ ตอนนี้ตาสว่างมาก แต่เดี๋ยวคืนนี้ต้องดูอีกที

    NumDokPud: อืม ถ้าไม่เพลียก็ลงไปข้างล่างเถอะ

    NumDokPud: มีของฝาก

    SawDokTian: คุณพุดมาที่นี่เหรอคะ!

    เทียนกัลยาส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนทำตาโตไปด้วย ท่าทางมันเหมือนเธอตอนนี้จริงๆ พุทธชาดไม่ตอบกลับ แต่โทรศัพท์เข้ามา

    “คุณพุดมาเมืองไทยเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานยิงคำถามขึ้นทันที

    “เปล่า แค่ส่งของไปให้เทียน”

    “ว้า…นึกว่าคุณพุดมา” คนที่ไม่ได้เจอชายหนุ่มนานกว่าสิบเดือนบ่นพึมพำ อีกเดือนกว่าๆ ก็จะถึงงานวันเกิดช้องนางแล้ว เธอคงได้เจอเขาที่นั่นและได้ทักทายกันไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็ตกอยู่ท่ามกลางพี่ๆ ที่เอาแต่คุยกันโหวกเหวกเสียงดังจนเธอเพลินไปด้วย

    “ถึงฉันไม่ไป เราก็คุยกันทุกวันอยู่แล้ว” คนที่นานๆ จะโทรศัพท์มาทีบอก ถึงไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้โทรศัพท์หา แต่เขาคุยกับหญิงสาวผ่านข้อความทุกวัน

    “เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ แต่คุณพุดรับปากนะคะว่าเจอกันรอบนี้จะไปล่องห่วงยางด้วยกัน”

    “อืม ฉันรับปาก เอาเป็นว่าเทียนลงไปข้างล่างก่อนเถอะ”

    “ทำเป็นมีลับลมคมใน ส่งพี่เหน่มาดักฆ่าเทียนหรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวพูดติดตลก มหาเสน่ห์เป็นอีกคนที่โทรศัพท์หาเธอบ่อยๆ แถมยังชอบขู่จะเอาเรื่อง หลังจากเธอด่าเขาว่าโง่ได้หลายปีแล้ว

    “ฆ่าเทียนน่ะไม่ยากหรอก ถ้าอยากทำจริงฉันจัดการเองได้” ปลายสายบอกเสียงจริงจังจนเทียนกัลยาอดขนลุกไม่ได้ เธอคงไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรอกนะ น้ำเสียงถึงได้ดูเป็นการเป็นงานขนาดนี้ “ลงไปข้างล่างได้แล้ว อ้อ แล้วไม่ต้องโทร. มาอีกนะ ฉันจะอาบน้ำเตรียมออกไปทำงาน เวลคัมทูไทยแลนด์นะเทียน” คนที่อยู่ไกลถึงสเปนพูดตบท้ายได้อย่างน่าขัน

    “ประโยคสุดท้ายเนี่ยเขาไว้สำหรับคนที่อยู่เมืองไทยพูดไม่ใช่เหรอคะ”

    “คิดว่าคงยังไม่มีใครพูด ฉันเลยพูดแทน เอาละ…ลงไปข้างล่างได้แล้ว”

    “ก็ได้ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับของฝากนะคะ”

    “อืม”

    ดวงตาเนื้อทรายจับจ้องโทรศัพท์มือถือในมืออยู่กว่านาทีจึงวางมันลง เห็นได้ชัดว่าการคุยโทรศัพท์กับคุยกันผ่านข้อความนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก เวลาที่พุทธชาดพิมพ์มา เขามักจะกล้าหยอกเย้าหรือใช้คำที่กินความหมายกว้างๆ ให้เธอคิดลึก แต่ยามคุยกันก็จะเป็นประมาณนี้ ดูเกร็งๆ รีบวางสายแปลกๆ

    สาวดอกไม้เดินลงไปด้านล่างหลังจากบอกตัวเองให้เลิกสงสัยเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้สักที เธอพบการะเกดและคนอื่นๆ นั่งอยู่ในห้องรับแขก ทุกคนหันมาส่งยิ้มแบบมีลับลมคมใน หญิงสาวเลิกคิ้วก่อนจะมองหลานๆ ที่ยิ้มอยู่ด้วยเช่นกัน

    ‘อา…หรือเขาจะให้ทั้งหมดนี่สังหารเธอกันนะ’ หญิงสาวคิดอย่างติดตลก

    “มาพอดีเลย พุดส่งของมาให้เทียนน่ะ” การะเกดบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยามเอ่ยชื่อพี่ชาย หลายปีที่ผ่านมาเธอและคนอื่นๆ จับตาดูพุทธชาดแบบไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว ทุกความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มมักตกเป็นขี้ปาก เอ๊ย เป้าสายตาของพี่ๆ น้องๆ

    “อะไรคะ ทำไมทุกคนต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย” คนกำลังถูกเซอร์ไพรส์ออด

    “อยู่หน้าบ้านแน่ะ อย่ากรี๊ดดังนะเดี๋ยววัวพี่คาวีแท้งทั้งคอก”

    “หือ มีอะไรทำให้เทียนกรี๊ดได้ขนาดนั้นกัน” หญิงสาวว่าพลางสาวเท้าไปหน้าบ้าน ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างแล้วตามมาด้วยเสียงกรีดร้องในลำคอเบาๆ

    “รถของเทียน!” ร่างบางผวาเข้าไปหาเจ้ารถคันเขียวที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ เทียนกัลยานับมันเป็นสมบัติชิ้นแรกของเธอ แม้ไม่ได้หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แต่เธอก็รักรถคันนี้มาก “คิดถึงจังเลย คุณพุดรู้ใจเทียน น่ารักมากที่สุดในโลกเลย”

    “อัดวิดีโอไว้ไหมพี่คาวี” การะเกดหันไปกระซิบถามพี่เขย

    “ไม่พลาด งานนี้โปรดติดตามต่อในไลน์กลุ่ม” กลุ่มที่ว่าคือกลุ่มชื่อ ‘Family’ ซึ่งไม่มีตัว M ในกลุ่มมีสมาชิกทั้งหญิงทั้งชาย

    “อัปให้ไวเลยนะคะ อย่าลืมเน้นประโยคสุดท้ายด้วยล่ะ”

    “ของมันแน่อยู่แล้ว งานนี้ได้เห็นหนุ่มดอกพุดกรี๊ดสลบศพสีชมพูแน่นอน”

    “แม่ขา…เทียนขอไปขี่รถเล่นได้ไหมคะ” คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกเอาไปขายหันไปอ้อนลีลาวดี

    “ไปเถอะ แล้วอย่าขี่ไปไหนไกลนะลูก”

    “ให้ขี่เล่นในฟาร์มก็พอนะเทียน” คาวีกำชับหลังจากหย่อนโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าเสื้อ

    คล้อยหลังคนร่างบาง ทุกคน…ย้ำว่าทุกคนต่างหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองราวกับพวกเขาหยิบอาวุธก่อนลงสนามอย่างไรอย่างนั้น

    Kavee: กระจองงองๆ เจ้าข้าเอ๊ยคุณพุดน่ารักที่สุดในโลกเลย!!!

    คาวีพิมพ์ข้อความหลังจากส่งวิดีโอที่อัดไว้ลงในกลุ่มสนทนา

    Mahasane F.: กรีดร้องงงเทียนทำไมไม่พูดถึงเหน่แบบนี้บ้างวะ

    Mahachoke F.: กรีดร้องพร่อง!

    Fabe F.: พ่อพวกมึงอยู่นี่ ไอ้ลูกเวร นิดหน่อยเล่นพ่อ!

    ถัดจากข้อความของผู้เป็นพ่อ มหาโชคส่งสติกเกอร์รูปการ์ตูนหัวเราะ

    Mahalap F.: เทียนน่ารัก

    Mahasane F.: ห้วนมาเชียว เล่นแข็งแม้กระทั่งพิมพ์ข้อความ

    Chilly: นุ้งเทียนของพี่พริกน่ารักมาก กอไก่สองล้านตัวถ้วน

    Mahasane F: ต้องอย่างนี้

    Karaked: โปรแกรมแจ้งเตือนว่าสมาชิกเห็นกันเกือบครบ ขาดไปหนึ่งก็คือเทียนซึ่งตอนนี้ขับรถเล่นอยู่

    Kavee: แสดงว่าพุดดูวิดีโอแล้ว

    Mahasane F.: เจมี่ๆ นุ้งเทียนน่ารัก ขอๆๆๆ

    NumDokPud:?

    Mahachoke F.: ไม่รับมุกแฮะ ลาภจัดหน่อย

    Mahalap F.: ขอพร่อง!!!

    Fabe F.: ไม่ให้เว้ย!

    ขอพ่อ พ่อก็มา ฟาบิโอ้พิมพ์ข้อความตอบรับมุก ราวกับรอจังหวะนี้อยู่แล้ว

    Mahasane F.: เก็บไว้ให้ใครล่ะคุณป๋า

    Fabe F.: เก็บไว้ให้ลูกชายคนโตเว้ย ฮ่าๆ

    มีตัวการ์ตูนหัวเราะอย่างสะใจตามมาอีกหลายอันจากหลายคน ยกเว้นพุทธชาดและเทียนกัลยาซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ตัว และคงจะไม่รู้อีกนาน เพราะหญิงสาวไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านข้อความในกลุ่มสนทนานี้

    Passachon: น่ารักไม่ได้แปลว่ารักนะครับ

    Mahasane F.: พี่หมอมาแนวหวงน้องอีกแล้ว

    มหาเสน่ห์ดักทางหลังจากอ่านข้อความของพรรษชล

    Mahachoke F.: พี่หมอดับฝันโคแก่ เอ๊ย คนแก่

    NumDokPud: โชค เดี๋ยวเย็นนี้แวะไปหา

    Mahasane F.: เอายำตีนพุดมาฝากแน่เลย โชกเลือดนะพี่ชาย เค้าอาบน้ำไปทำงานก่อนล่ะ

    คนที่ชิ่งหนีคนแรกคือมหาเสน่ห์ ยิ่งไปมาหาสู่ง่ายกว่าคนที่อยู่เมืองไทยเขายิ่งต้องระวังตัว คนอื่นๆ ในกลุ่มเองก็ล่าถอยไป เรียกว่าเงียบกริบเป็นกลุ่มร้างไปเลยทีเดียว หลายคนกำลังจินตนาการว่าคนถูกแซวป่านนี้นั่งย้อนดูคลิปวิดีโอรอบที่เท่าไร แล้วกำลังยิ้มอยู่ใช่ไหม ดวงตาสีฟ้าคมกริบอ่อนแสงไปมากน้อยแค่ไหน

    หลากหลายความคิด หลากหลายจินตนาการ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์...

    เป็นไปอย่างที่ทุกคนคิด


    เวสป้าสีเขียวอ่อนหยุดตรงหน้าประตูที่ถูกใส่กุญแจไว้อย่างแน่นหนา รั้วกั้นอาณาเขตของสวนแปลกตาไปจากเมื่อก่อนซึ่งเป็นไม้ ตอนนี้กลายเป็นเสาปูนล้อมด้วยลวดหนามอย่างดี ป้ายชื่อสวนถูกปลดลงคงเหลือแต่เสาคู่ตั้งโด่เด่อยู่ด้านข้างทางเข้าสวน ร่างบางลงจากรถ เดินตรงไปยังประตูทางเข้า มือบางจับซี่กรงเหล็กเอาไว้พร้อมกับน้ำตาที่ทะลักราวทำนบกั้นเขื่อนพัง สวนดาวเรืองไม่ได้รกครึ้มอย่างที่เคยคาดเดาเอาไว้สักนิด

    “ตาจ๋า…เทียนกลับมาบ้านเราแล้วนะจ๊ะ” เจ้าของเสียงหวานรำพึงอยู่หน้าประตูเหล็ก ประตูถูกล็อกแน่นหนาเช่นนี้แสดงว่ามีคนมาดูแลที่นี่ มองจากตรงนี้จะเห็นสวนดาวเรืองกว้างใหญ่ซึ่งดอกสีเหลืองกำลังบานสะพรั่ง สองด้านของทางเข้าสวนมีต้นดอกเทียนขึ้นซ้อนกันหลากหลายสีสัน

    เทียนกัลยามองเข้าไปด้านในซึ่งแมกไม้กำลังผลิดอกออกผลสวยงาม หญิงสาวหันซ้ายแลขวาก่อนจะเดินไปปลดกุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกง เดินเลาะไปด้านข้างของสวนไม่ไกลก็ยอบตัว ใช้มือจับลวดหนามแล้วสอดตัวเข้าไปตามช่องว่าง หญิงสาวพ่นลมหายใจออกจากปากเมื่อผ่านเข้ามาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่โดนลวดหนามเกี่ยวให้ได้เลือดได้รอยเลยสักริ้ว

    ร่างบางเดินไปตามถนนทางเข้าซึ่งบัดนี้ถูกลาดด้วยซีเมนต์ อยากรู้นักว่าใครกันหนอที่มาดูแลสวนให้สวยงามเช่นนี้ ดวงตางามมองไปรอบๆ ก็พบว่าคนดูแลนั้นคงใส่ใจไม่น้อยทีเดียว ต้นไม้ทุกต้นถึงผลิดอกออกผลสวยงาม ไม่นานเทียนกัลยาก็พาตัวเองมาจนถึงบริเวณที่ครั้งหนึ่งเคยมีบ้านไม้ตั้งอยู่

    “อะไรกันเนี่ย!”

    บ้านเดี่ยวชั้นเดียวสไตล์อิงลิชคันทรีเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า ตัวบ้านแต่งด้วยไม้ทาสีเหลืองเปลือกไข่ตัดแซมด้วยสีฟ้าอ่อนมองดูอบอุ่น หลังคาทรงจั่วด้านบนมีหน้าต่างเล็กๆ ไว้เปิดรับแสง ลักษณะตัวบ้านและการตกแต่งเหมือนบ้านที่เธอและสายน้ำผึ้งเคยชักชวนไปดูเมื่อครั้งอยู่อังกฤษ รอบบ้านปลูกแซมด้วยไม้ดอกไม้ประดับซึ่งส่วนใหญ่เป็นดอกเทียนหลากสีสัน

    “ไม่จริงน่า” หญิงสาวพูดกับตัวเองหลังจากที่มีความคิดเพี้ยนๆ ว่าบ้านหลังนี้เป็นของเธอ

    แทนที่จะได้จมอยู่กับความโศกเศร้าในอดีต เทียนกัลยาเดินสำรวจรอบๆ บ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ตรงหน้าบันไดปูด้วยหินเป็นแผ่นกว้างจนถึงสวนที่ปลูกหญ้าและตกแต่งด้วยต้นไม้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นเทียน หญิงสาวเดินขึ้นไปเมียงๆ มองๆ สอดส่ายสายตาผ่านกระจกเข้าไปในบ้านก็ต้องอุทานอย่างตื่นเต้น ด้านในมีเฟอร์นิเจอร์วางอยู่ครบครัน เสียอยู่อย่างเดียวคือประตูล็อกไว้

    ความสงสัยประดังเข้ามาจนหญิงสาวอดทนรอไม่ไหว มือบางล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากดโทรศัพท์หาคนที่คิดว่าจะให้คำตอบเธอได้

    “เทียนขับรถเล่นถึงไหน” เสียงทุ้มของพรรษชลดังมาตามสาย

    “พี่หมอ บ้านของเทียน!” หญิงสาวพูดแค่นั้นก็มองไปรอบๆ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนฝันไป

    “บ้าน? นี่อย่าบอกนะว่าเราขี่รถเล่นไปถึงสวน แล้วเข้าไปได้ยังไง พี่สั่งให้คนงานล็อกประตูแล้วนะ”

    “ยะ...อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ ตอบคำถามเทียนมาก่อนว่านี่มันเรื่องอะไร บ้านหลังนี้ของใครคะ”

    “คิดว่าบ้านใครล่ะ ดอกเทียนถูกปลูกเต็มบ้านเสียขนาดนั้น” พรรษชลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง บ่งบอกว่าไม่พอใจที่หญิงสาวขี่รถไปไกลถึงที่นั่น

    “บ้านเทียน! จะเป็นบ้านเทียนได้ไงคะ ในเมื่อเทียนไม่มีเงินมาสร้างบ้านแบบนี้หรอก” คนที่ยังไม่อยากเชื่อออด ตามองไปรอบๆ

    “คุณป๋ากับแม่เรารวยนี่ ไหนจะพี่ชายพี่สาวอีกเล่า บ้านหลังใหญ่กว่านั้นเขาก็สร้างให้ได้” 

    เทียนกัลยาอยากทักท้วงเรื่องเธอไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ของลีลาวดีและฟาบิโอ้ หากไม่สะดุดกับน้ำเสียงแข็งๆ ของอีกฝ่ายเข้าเสียก่อน

    “พี่หมอโกรธเทียนเหรอคะ เทียนขอโทษ เทียนขี่รถเล่นเพลินๆ ไม่รู้มาถึงที่นี่ได้ยังไง” คนมีความผิดออดอ้อน ทั้งที่จริงแล้วเธอตั้งใจขี่มาที่นี่เลยต่างหากล่ะ เทียนกัลยาคิดถึงบ้าน คิดถึงตา คิดถึงดาวเรือง เลยอยากมาที่นี่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งดีทั้งร้าย

    “เอาเป็นว่ารออยู่ที่นั่น เดี๋ยวพี่ไปรับ”

    เทียนกัลยารับปากก่อนจะวางสาย หญิงสาวนั่งบริเวณบันไดบ้าน ความตื่นเต้นค่อยๆ คลายลงยามนึกถึงความทรงจำขณะอยู่ที่นี่ เธอมีความสุขมากจนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ตาเปลี่ยนเป็นคนเจ้าอารมณ์ สีหน้าเอาแต่หมกมุ่นอย่างคนคิดไม่ตก กระทั่งพลั้งมือทำร้ายเธอและน้อง หญิงสาวยังจำตอนที่เธอตะโกนเรียกผู้เป็นตาได้ขึ้นใจ คำขอโทษไม่อาจลบล้างข้อกังขาในใจเธอออกไปได้

    เหตุใดผกามาศถึงจับตัวเธอมา

    เหตุใดผกามาศถึงจับตัวดาวเรืองมา

    แล้วเหตุใดผกามาศถึงไม่ดูดำดูดีพ่อแม่!

    คำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ติดค้างอยู่ในใจเธอนับแต่นั้น การได้จมอยู่กับอดีตทำให้สีหน้าของหญิงสาวหมองเศร้า หากไม่มีครอบครัวฟาเบรกลาสและวงศ์บุษบาคอยอุ้มชู ป่านนี้ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไรหนอ ไม่มีพรรษชลแล้วเธอจะได้พบกับการะเกดไหม เทียนกัลยารู้สึกติดค้างผู้คนที่คอยช่วยเหลือและไม่รู้จะตอบแทนคุณพวกเขาอย่างไร


    ไม่ถึงยี่สิบนาทีพรรษชลขับรถมาจอดบริเวณหน้าบ้าน การะเกดลงจากรถเป็นคนแรกตามด้วยพรรษชล ทั้งสองตกลงกันว่าจะมากันแค่สองคน โดยที่คนอื่นๆ รออยู่ที่บ้าน สีหน้าหมองเศร้าแต่ไม่มีน้ำตาของเทียนกัลยาทำให้พรรษชลโล่งใจ ชายหนุ่มมองบ้านที่ครั้งหนึ่งสายน้ำผึ้งเคยส่งรูปมาทางโปรแกรมสนทนาและเล่าให้ทุกคนฟังว่าตัวเองกับเทียนกัลยาไปเห็นบ้านน่ารักๆ มา เลยถ่ายรูปมาให้ดู สมาชิกในกลุ่มซึ่งมีแต่คนในครอบครัวต่างเห็นด้วยว่าบ้านสไตล์อิงลิชน่ารักมากจริงๆ สองสาวผลัดกันเล่าว่ารอบบ้านปลูกอะไร ตัวบ้านด้านข้างติดหน้าต่างกระจกแบบไหน ตอนนั้นมหาเสน่ห์ถึงกับเอ่ยปากจะสร้างให้สองสาวคนละหลัง แต่ถูกผู้เป็นพ่อและลุงขัดไว้เสียก่อน

    พรรษชลไม่คิดเลยว่าหลังจากที่สาวๆ คุยกันเรื่องบ้าน หลายปีผ่านมาพุทธชาดก็มาขออนุญาตเสริมเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ทดแทนบ้านหลังเดิมที่มอดไหม้ไปแล้ว

    ‘เผื่อว่าเทียนกลับมาที่นี่ เห็นบ้านหลังนี้แล้วเทียนจะเศร้าน้อยลง’

    พุทธชาดให้เหตุผลอย่างนั้น คนอื่นๆ รวมถึงตัวเขาต่างเห็นดีด้วย และมันก็ได้ผลจริงๆ ความโศกเศร้าถูกความแปลกใจเข้ามาแทนที่ มันคงดีกว่าการได้เห็นลานโล่งๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีบ้าน...บ้านที่มอดไหม้ไปพร้อมกับผู้มีพระคุณอย่างที่เทียนกัลยาเข้าใจ

    “ไหนว่าพี่คาวีสั่งให้อยู่แค่ในฟาร์มไงล่ะเทียน” การะเกดเล่นงานน้องสาวทันที บ้านหลังนี้ตั้งอยู่กลางสวนดอกดาวเรือง ด้านหลังเป็นสวนมะม่วงอีกหลายไร่ ไม่เรียกว่าเปลี่ยวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

    “ขอโทษค่ะ” คนมีความผิดบอกเสียงอ่อย

    “อย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกนะ เกิดเจอขโมยขโจรเข้าจะทำยังไง”

    “เทียนไม่ทันคิดค่ะ ขอโทษนะคะพี่เกด” เทียนกัลยาลุกไปกอดเอวพี่สาว ท่าทางออดอ้อนทำให้การะเกดใจอ่อน

    “โอ๊ย ไม่ต้องมาอ้อนเลย พี่ไม่ใช่แม่นะถึงจะได้ใจอ่อนกับเราง่ายๆ” คนใจอ่อนไปแล้วแกล้งโวยวาย

    “ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอคะ เทียนขอโทษแล้วไง แน่ะ…ทำไมต้องอมยิ้มด้วย” นิ้วเรียวงามเขี่ยแก้มพี่สาว เล่นเอาการะเกดหลุดขำ

    “วิชาขี้อ้อนหน้ามึนตีความเอาเองแบบนี้ไปเรียนมาจากเหน่ใช่ไหม”

    “หือ ไม่ใช่หรอกค่ะ เทียนศิษย์พี่พริกต่างหากล่ะ”

    พรรษชลที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ หลุดหัวเราะพร้อมผู้เป็นภรรยา

    “จะว่าไปพริกกับเหน่ก็คล้ายๆ กัน เพียงแต่พริกฉลาด เต็มบาทกว่าเยอะ” ชายหนุ่มวิจารณ์น้องภรรยาเสียยับ ถึงอย่างนั้นการะเกดก็ไม่โกรธเพราะแอบเห็นด้วย

    “ว่าแต่เทียนเถอะ ชอบบ้านหลังนี้ไหม”

    “ชอบมากค่ะ เหมือนบ้านที่เทียนเคยเห็นที่อังกฤษเลย ถ้าจำไม่ผิดน้ำผึ้งโพสต์รูปลงในกลุ่มให้ดูด้วยนะคะพี่เกด”

    “ก็สร้างแบบหลังนั้นนั่นแหละ เพียงแต่ดอกไม้รอบๆ บ้านไม่เหมือนเพราะบ้านเราเมืองร้อน”

    “แล้วใครเป็นคนสร้างให้คะ” เทียนกัลยาถามอย่างอยากรู้

    “ทายดูสิ”

    “พี่หมอเหรอคะ” เธอมองพรรษชลด้วยแววตาปลาบปลื้ม ทว่าชายหนุ่มกลับส่ายหน้าเบาๆ

    “ก็อยากสร้างให้อยู่หรอก แต่มีคนชิงตัดหน้าไปเสียก่อน”

    “หือ ถ้าไม่ใช่พี่หมอก็คุณป๋าแน่เลยค่ะ”

    “ไม่ใช่อีกนั่นแหละ” การะเกดตอบด้วยสีหน้ามีเลศนัย

    “พี่หมอก็ไม่ใช่ คุณป๋าก็ไม่ใช่ แบบนี้คงเป็น…”

    “บอกใบ้ให้อีกนิด” การะเกดแทรกขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมองมาทางเธอ “ไม่ใช่พี่แล้วก็แม่ด้วย” 

    เทียนกัลยาฟังแล้วเบิกตากว้าง หากไม่ใช่ทั้งสี่คนก็คงเหลือแค่…

    “อ่า พ่อคูนกับแม่ช่อเหรอคะ”

    “ยายเทียน! แกล้งโง่อยู่ใช่ไหมเรา” คนเป็นพี่โวยเมื่ออีกฝ่ายยังเดาผิด

    “คงแกล้งจริงๆ นั่นแหละ ดูสิแก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุก” พรรษชลแซวด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายปีที่เขาต้องทำใจกับเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำใจไม่ได้สักที

    “เป็น…คุณพุดจริงๆ เหรอคะ ที่สร้างบ้านหลังนี้ให้เทียน” สาวดอกไม้ถามอย่างไม่แน่ใจและไม่กล้าคิด

    “ถูกต้องจ้ะ พุดถึงกับลงมาดูแลการก่อสร้างด้วยตัวเองเลยนะ แถมเฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็เป็นคนเลือกซื้อเองด้วย” พุทธชาดใส่ใจทุกขั้นตอน เหมือนคราวที่แอบมาต่อเติมบ้านให้เธอและพรรษชล

    “อ่า…ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลยนี่คะ”

    “เจ้าตัวเขาบอกทำแล้วสบายใจน่ะ”

    แก้มใสของสาวดอกเทียนแดงก่ำ ไม่ใช่แค่ข้อความกินความหมายกว้างใหญ่ที่ทำให้เธอหวั่นไหว คำพูดของผู้คนรอบกายเองก็เช่นกัน สองปีให้หลังหากมีโอกาสได้ล่วงรู้ว่าพุทธชาดซื้ออะไรส่งให้เธอบ้าง ทุกคนมักจะแซวเสมอ และทุกครั้งฟาบิโอ้ก็เป็นคนออกหน้าแก้ตัวแทนลูกชายที่เอาแต่ปิดปากเงียบ โดยบอกว่าพี่ซื้อให้น้องไม่เห็นแปลกตรงไหน ตอนนั้นเธอแอบเห็นด้วย

    แต่ตอนนี้เธอว่ามันแปลกๆ จู่ๆ เขาจะมาสร้างบ้านให้เธอทำไม

    “แต่เทียนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คุณพุดไม่มีเหตุผลอะไรต้องมาสร้างบ้านให้เทียน”

    “บางอย่างเขาไม่ใช้เหตุผลกันหรอกจ้ะ เขาใช้ ‘หัวใจ’ เอ๊ย ความสบายใจน่ะ”

    “แต่เทียนไม่สบายใจนี่คะ”

    “ฮุ้ย เลิกแต่ได้แล้ว เข้าไปดูในบ้านกันเถอะ” การะเกดตัดบทเมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนไม่เข้าใจ แล้วก็ยกหาเหตุผลมาค้านอยู่นั่นแหละ

    หลังจากพรรษชลไขประตูบ้านแล้ว สาวๆ ก็เข้าไปดูการตกแต่งภายใน การะเกดแอบเก็บภาพเสี้ยวหน้าหวานซึ้งของเทียนกัลยาด้วยกล้องโทรศัพท์ กะถ่ายเอาไว้ส่งให้คนสร้างบ้านหลังนี้ดู

    “ชอบไหม”

    “ชอบมากค่ะ”

    เทียนกัลยากรีดร้องในคอเบาๆ เมื่อเห็นห้องนอนสีหวานที่ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกไม้ “ดอกเทียนเหรอคะ!” หญิงสาวหันมาถามการะเกด ลายดอกไม้ที่ติดอยู่บนผนังมองอย่างไรก็คือดอกเทียนซ้อนสีชมพูอ่อน กลีบดอกบางดูอ่อนช้อยยิ่งนัก

    “พุดสั่งให้ออกแบบเป็นพิเศษเลยละ” คนเป็นพี่บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “นั่นใช่ ‘ดอกพุทธชาด’ หรือเปล่าคะ” นิ้วเรียวงามชี้ดอกไม้สีขาวที่ชูช่อท่ามกลางใบสีเขียวอ่อนบนผนังเดียวกัน แม้ลายจะจางกว่าดอกเทียนที่โดดเด่น แต่ก็ยังมองออกว่าเป็น ‘ดอกพุทธชาดคลอเคลียกับดอกเทียน’

    ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมาค้านกับความคิดที่ผุดวาบขึ้น

    “ต้องไม่ใช่แน่ๆ ไม่ใช่อย่างที่เทียนคิด!”

    “หือ เทียนคิดว่าอะไรเหรอ” คนที่เฝ้ารอให้หญิงสาวรู้ตัวสักทีถาม

    “เปล่าค่ะ เทียนไม่ได้คิด!” คนเผลอคิดไปหลายครั้งแล้วปฏิเสธ

    “คิดสิ หน้าเราแดงแจ๋เลย บอกหน่อยคิดอะไร”

    “ไม่ได้คิดค่ะพี่เกด เอ่อ เราออกจากห้องนี้ดีกว่าค่ะ”

    บ้านหลังเล็กๆ น่ารักกำลังสั่นคลอนจิตใจเทียนกัลยา ความรู้สึกที่ไม่ได้แปลกใหม่ แต่ยังไม่อยากยอมรับกดทับความโศกเศร้าเสียใจไปชั่วขณะ เทียนกัลยาลืมภาพผู้เป็นตามอดไหม้พร้อมกับบ้านเพราะได้เห็นดอกพุทธชาดที่แซมดอกเทียนบนผนังห้องนอน

    พรรษชลยืนอยู่ที่เดิมหลังจากสองสาวออกไปจากห้องนอน ชายหนุ่มยังคงจับจ้องวอลเปเปอร์ติดผนังนิ่ง ลมหายใจอ่อนๆ ถูกพรั่งพรูออกมาก่อนเขาจะเดินออกไปด้านนอก


    เรื่องบ้านยังกวนใจเทียนกัลยา หญิงสาวหลบมานั่งเล่นแถวธารน้ำหลังฟาร์มโดยมีหญิงสาวคนงานในฟาร์มมาเป็นเพื่อน คาวีกำชับไม่ให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียว แม้ในฟาร์มจะปลอดภัย แต่ไม่ควรประมาท เธอไม่ได้ทักท้วง แต่พอมาถึงก็บอกให้สองสาวที่มาเป็นเพื่อนเล่นน้ำกันตามสบาย ส่วนเธอเลี่ยงมานั่งคิดอะไรคนเดียว

    มือบางวางทับเหนืออกด้านซ้าย บ้านหลังนั้นเหมือนสิ่งลบเลือนความทรงจำอันเลวร้าย เทียนกัลยาจำภาพเสริมอยู่ในกองไฟได้ติดตา เคยคิดว่าหากได้กลับไปยังสถานที่แห่งนั้น เธอคงร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เธอคิดว่าจะได้เห็นลานโล่งๆ หรือไม่ก็เถ้าถ่าน ร่องรอยโศกนาฏกรรม แต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่เคยจินตนาการในทางร้าย

    หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำยามนึกถึงคนสร้าง หลายปีมาแล้วที่เทียนกัลยาค้นพบว่าตัวเองแอบมอบหัวใจไว้ที่ใคร แต่เขาคงไม่รู้และเธอก็ไม่อาจเอื้อมบอกความในใจ เขาอยู่สูงกว่าที่เธอจะเอื้อม การได้พูดคุยกันบ่อยๆ เหมือนน้ำที่ค่อยๆ กัดกร่อนหัวใจ คราแรกที่ค้นพบความรู้สึกเทียนกัลยาให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กนัก คง ปลื้มเขาเหมือนกับที่เคยปลื้มดารา ต่อมาความรู้สึกนั้นยังคงอยู่และหนักแน่นขึ้นทุกวัน เธอก็ให้เหตุผลตัวเองอีกครั้งว่ารักเขาอย่าง ‘พี่ชาย’

    นานวันเข้า…ความรู้สึกหนักแน่นกลับถลำลึกจวบจนไม่สามารถบอกตัวเองว่ารักเขาอย่างพี่ชายได้อีกต่อไป

    ดอกเทียนบ้านๆ ต้อยต่ำหรือจะอาจหาญเอื้อมคว้าดอกพุดมาแนบเนากลางใจ

    ‘ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเทียนเสมอ จะเป็นพี่ เป็นเพื่อนหรือเป็นใครก็ได้ที่เทียนอยากให้เป็น ขอแค่เทียนลุกขึ้นก้าวออกไปข้างหน้า’

    “คุณพุดจะอยู่เคียงข้างเทียนจริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวพึมพำแผ่วๆ ฝากไปกับสายลม หัวใจอุ่นซ่านขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของเขา

    ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขาเข้ามานั่งอยู่กลางใจ โดยที่เจ้าของหัวใจยินยอมแต่โดยดี หลายปีที่ผ่านมาเทียนกัลยาพบว่าตัวเองมีกำลังใจยืนหยัดต่อสู้เพราะเขา การคงอยู่ของเขามีผลต่อหัวใจและการใช้ชีวิตของเธอ คงตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บและครอบครัวให้ข่าวลวงว่าเขาเสียชีวิต เธอก็ค้นพบว่าหัวใจวางไว้ในมือใคร แอบซุกซ่อนแนบสนิทโดยที่เจ้าของมือไม่รู้

    บุญคุณที่มีมากล้นทำให้เทียนกัลยาไม่อาจแสดงความรู้สึกออกไปได้ ด้วยฐานะ วัย และวุฒิ เธอไม่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง

    ดังนั้น…ดอกเทียนน้อยๆ จึงแน่วแน่ว่าจะซุกซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบหัวใจของดอกพุด แม้ไม่ได้ครอบครอง แต่การยืนอยู่ห่างๆ ในระยะสายตามองเห็น…แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว




    ปมเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนนะคะ เดี๋ยวจะค่อยๆ คลี่คลายไปทีละปม

    เรื่องต่างคนต่างแอบรักกันของหนุ่มดอกพุดกับสาวดอกเทียนก็เช่นกัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×