ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #28 : ทวงหัวใจ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.25K
      19
      9 พ.ย. 60






    ข่าววงอีเล็คโทนชุดใหญ่แถมยังชื่อดังจะมาทำการแสดงกระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านดงมะเฟืองรวมถึงหมู่บ้านข้างเคียง บัตรเชิญมากินโต๊ะจีนถูกพิมพ์ด่วนและแจกว่อนทั่วหัวระแหง ทั้งที่ญาติดีเพราะประจบสอพอ ทั้งไม่กินเส้นก็ยังถูกเจ้าของงานสั่งแจกเพื่อโอ้อวด ส่วนใครจะมาไม่มาไม่ได้สนใจ แต่ส่วนใหญ่ทุกครั้งที่จัดคนจะล้นงานเพราะเป็นของฟรี ได้ดูดนตรีมีกับแกล้มเหล้าเบียร์ฟรีใครจะไม่สน

    ทางบ้านวงเดือนตอนนี้ลูกสาวคนเล็กเดินทางมาถึงแล้ว เหล้ายาปลาปิ้งขี้เหล้าขี้เม้าต่างรวมตัวกันจนครึกครื้น ที่พิเศษคือรอบนี้มีเพื่อนของเปาโลมาด้วย คนที่วรนิตหมายหมั้นปั้นมือจะเปลี่ยนสถานะให้เป็นหลานเขยพร้อมกับปลดหนี้ก้อนโต มาครั้งนี้ล้วนเป็นเงินกู้ยืมจากดาวิดทั้งสิ้น เขาตั้งใจมาสู่ขอพลับพลึงกับแม่ของเธอ ที่ผ่านมาวรนิตโกหกอีกฝ่ายว่าหลานหนีกลับบ้านเพราะทนคิดถึงแม่กับยายไม่ได้

    วงสนทนาครึกครื้นเมื่อฝรั่งตัวโตควักเงินไปให้ซื้อเหล้ามาอีกลัง วงเดือนที่นั่งดูอยู่ห่างๆ ถึงกับตบเข่าด้วยความถูกใจ ด้วยเชื่อลูกสาวคนเล็กหมดใจว่าดาวิดมีใจให้พลับพลึงและต้องการสู่ขออย่างเป็นทางการ วงเดือนถึงกับชี้นิ้วไปทางหนุ่มต่างชาติตัวโต

    “นั่นว่าที่หลานเขยข้าโว้ย” 

    หลายคนปรบมือหัวเราะกันอย่างชอบใจ โดยเฉพาะวรนิตที่เห็นทางปลดหนี้อยู่รำไร ลองแม่อยู่ข้างเธอแล้ว ยังไงเสียสุดท้ายพลับพลึงกับผาณิตก็ต้องยอมจนได้

    “ไหนว่ามันไปมีผัวที่เมืองนอกเมืองนาไงยายเดือน” หญิงวัยกลางคนที่กำลังเมาได้ที่ถามเสียงอ้อแอ้

    “โว้ยยย แค่เรื่องรักหนุ่มๆ สาวๆ มันไม่ถูกใจกันมันก็เลยเลิกราน่ะ หนุ่มสาวสมัยนี้ก็แบบนี้ รักกันประเดี๋ยวประด๋าว แต่พ่อดาวิดเนี่ยเขาเจอพลับพลึงที่โน่น เขาถูกตาตั้งแต่แรกเห็น นี่ก็ร่ำๆ จะให้สินสอดล้านสองล้านโน่นแหละ”

    “โห เป็นล้านเลยเหรอ แบบนี้ยายเดือนก็รวยแย่สิ ลูกสาวก็ได้ผัวรวย หลานก็ได้ผัวรวย”

    วงเดือนได้ยินแล้วยืดอก อมยิ้มอย่างปลาบปลื้ม

    “แหงสิ แค่แม่นิตคนเดียวก็รวยจนล้นฟ้าแล้ว ลงพลับพลึงมันได้ผัวรวยอีกคน แบบนี้ก็สู้พวกมากบารมีได้สบายๆ เลยสิยายเดือน”

    ความร่ำรวยมั่งมีของตระกูลมากบารมีซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้านถูกยกมาเปรียบ วงเดือนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ ในขณะที่วรนิตยิ้มกว้าง ไม่มีเงินไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครรู้ แค่มีหน้ามีตาเทียมพวกมากบารมีได้ก็นับว่างานนี้คุ้มสุดคุ้ม ทีนี้ล่ะถ้านังพลับพลึงมันเอาเรื่องเธอไปโพนทะนาก็คงไม่มีใครเชื่อ

    “แน่นอนอยู่แล้ว ลองพลับพลึงได้แต่งานกับดาวิดสิ ยกฐานะเทียบพวกมากบารมีได้เลยเพราะเพื่อนสามีฉันคนนี้รวยมาก เผลอๆ อาจรวยกว่าพวกมากบารมีรวมกับวงศ์บุษบาที่อยู่หมู่บ้านข้างๆ อีกนะ” วรนิตลากตระกูลดอกไม้อย่างวงศ์บุษบาซึ่งมีเรือนไทยสร้างอยู่ในหมู่บ้านค้างเคียงมารวมด้วย

    “โว๊ยยย สะออนวาสนานังพลับพลึงมันจริงๆ” ยายเม้าตบอกดังปุๆ นึกอยากให้ลูกสาวคนเดียวได้สามีรวยบ้าง “ข้าฝากนังมายสักคนสิวะ”

    “อุ้ย แล้วผัวคนล่าสุดของมันล่ะยายเม้า” วรนิตจีบปากจีบคอถาม

    “มันเลิกกันแล้ว นี่มันเข้าเมืองไปสมัครงาน ประเดี๋ยวค่ำๆ มันมาแล้วจะให้มาไหว้เอ็งนะ”

    วรนิตเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปคุยกับคนอื่น ท่าทางเย่อหยิ่งทำให้ยายเม้าแอบค้อน พออีกฝ่ายหันมาก็ฉีกยิ้มกว้างให้อย่างประจบประแจง

    “เหนื่อยไหม” วงเดือนถามลูกสาวที่เดินมานั่งด้วย

    “ไม่จ้ะแม่ ว่าแต่พี่อ้อยกับพลับพลึงเป็นไงบ้าง แม่ได้ดุด่าหลานใช่ไหม” สีหน้าเศร้าของวรนิตทำให้วงเดือนโอบกอดลูกสาว มือตบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม

    “ตบนังอ้อยไปสองที นังหลานไม่รักดีนั่นก็โดนด้วย” วรนิตได้ยินดังนั้นจึงกดยิ้มสะใจก่อนจะแสร้งตีหน้าเศร้า

    “โธ่แม่ ไปทำพี่อ้อยกับหลานมันทำไม ฉันไม่ดีเองที่ห้ามหลานไม่ได้”

    “ช่างมันเถอะ ป่านนี้แผลมันคงหายแล้ว ว่าแต่เอ็งเถอะเล่าให้แม่ฟังอีกทีสิ ว่าพลับพลึงมันหนีไปกับผู้ชายที่ไหน”

    “พวกลูกน้องมาเฟียน่ะแม่ กุ๊ยเถื่อน มันบุกมาถึงบ้านเลยนะแม่ หอบข้าวหอบของพลับพลึงไปจนหมด”

    “เฮ้ย แล้วเอ็งกับผัวไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

    “ไม่จ้ะ ผัวฉันเขาก็มีบอดีการ์ดเหมือนกัน เขาให้อยู่เป็นเพื่อนฉันสองคนน่ะ นี่ถ้าตอนนั้นเปาโลอยู่บ้านด้วยนะ ไอ้พวกนั้นกลายเป็นศพไปแล้ว”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” วงเดือนตบอกถามด้วยสีหน้าตกใจ ด้วยว่าไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวมีบอดีการ์ดกับเขาด้วย หัวอกคนเป็นแม่ปลื้มปริ่มตอนนึกถึงความร่ำรวยของลูกเขย

    “ใช่สิ เปาโลเขาสั่งฆ่าปิดปากไอ้กุ๊ยนั่นได้สบาย เคราะห์ดีของมันหรอกที่ไม่เจอผัวฉัน” วรนิตจีบปากจีบคอพูด โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหละที่ประสบเคราะห์ดีที่กัลปพฤกษ์ไม่ได้ไปเอาหนังสือเดินทางของพลับพลึงด้วยตัวเอง

    “โถ แม่ยินดีกับวาสนาเอ็งจริงๆ นิตเอ๊ย เหลือพลับพลึงนั่นแหละ เอ็งอย่าทิ้งหลานนะนิตนะ แม่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าพ่อดาวิดเป็นคนดี” ทองเส้นเท่านิ้วโป้งทำให้วงเดือนตาโต 

    “แน่สิแม่ นอกจากดีแล้วยังรวยมากๆ อีกด้วย”

    “อืม ให้ตบแต่งไวๆ ก็ดีเหมือนกันนะ ข้าจะได้เชิดหน้าใส่ไอ้บรรณมันได้สักที ทุกวันนี้คุยเรื่องเอ็งทีไรถูกมันทำหน้าเยาะๆ ใส่ทุกทีเลย” 

    มากบารมีกับวงเดือนแทบจะไม่มีความกินแหนงแคลงใจกัน ถ้าไม่เพราะวงเดือนเขม่นความรวยของบรรณ ครั้งหนึ่งวงเดือนเคยผูกมิตรกับบรรณด้วยการนำบัตรเชิญกินเลี้ยงโต๊ะจีนไปให้ถึงบ้าน บรรณรับมาด้วยสีหน้ายินดี อีกทั้งยังอวยพรให้ลูกๆ ของวงเดือนเจริญ การได้ไปเห็นบ้านหลังน้อยบนเนินที่บรรณอาศัยอยู่ ทกให้วงเดือนซึ่งปากไวอยู่แล้วตำหนิติเตือนคาวี หาว่าอกตัญญูทิ้งให้พ่ออยู่บ้านหลังเล็ก ส่วนตัวเองกับเมียไปเสวยสุขที่บ้านหลังใหญ่สบายใจเฉิบ บรรณได้ยินดังนั้นจึงตำหนิวงเดือนกลับอย่างไม่ไว้หน้าที่กล้าต่อว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

    บ้านหลังใหญ่หลังเล็กไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ว่าเราสั่งสอนลูกมาได้ดีแค่ไหน เป็นคนดี ซื่อสัตย์ก็ดีถมไป ดีกว่าอวดร่ำอวดรวย ระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว

    นั่นเองคือฉนวนที่ก่อให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกัน วงเดือนผูกใจเจ็บถึงขนาดสบโอกาสเมื่อไหร่มักจะว่ากล่าวตระกูลมากบารมีในด้านลบ

    “แม่ก็อย่าไปอะไรกับเขานักเลย พวกนั้นเงินหนา เราไม่ต้องไปยุ่งด้วยหรอก” 

    “ไม่ได้สิ ข้าอยากมั่งอยากมีเทียมพวกมากบารมี อ้อ ว่าแต่เอ็งเถอะ งวดนี้มีเงินมากว้านซื้อที่ไหม แม่รอมาหลายรอบแล้วนะ ยายเม้ากับพวกไอ้ทิดมันก็อยากขายเต็มแก่ นี่ก่อนหน้านังอ้อยก็ร่ำๆ จะซื้อไว้ แต่ข้ากันไว้ให้เอ็ง”

    วรนิตรีบปรับสีหน้ายามได้ยินเรื่องพี่สาวจะซื้อที่ดิน

    “ใครอยากซื้อก็ให้เขาซื้อไป ฉันมีเงิน ฉันไม่เดือดร้อนซื้อที่ซื้อทางไว้หรอกแม่”

    “แต่แม่อยากให้ซื้อไว้ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นทรัพย์สิน ยิ่งเรามีที่ดินเยอะ ชาวบ้านเขาจะได้เชื่อว่าเราไม่ได้รวยแค่เงิน เรารวยที่รวยทางด้วย”

    “เอาไว้หลังงานแต่งพลับพลึงก่อน ฉันจะกว้านซื้อให้หมดหมู่บ้านเลย ใครอยากขายก็ให้มาบอก”

    หลายคนในที่นั้นลอบฟังสองแม่ลูกคุยกันและจดจำประโยคสุดท้ายได้แม่นมั่น ขนาดคนเมาหนักๆ เสียงอ้อแอ้ตื่นมาก็ยังจำเรื่องงานมงคล เหล้าฟรี ดนตรีดังอย่างขึ้นใจ

     

    ผาณิตนั่งลอกสายบัวอยู่โต๊ะหินอ่อน พลับพลึงยืนให้ข้าวไก่อยู่ลานหน้าบ้าน บ้านหลังนี้สร้างจากไม้ทั้งหลัง ด้านบนมีสามห้อง ห้องนอนสอง ห้องพระอีกหนึ่งที่เหลือปล่อยให้โล่ง ด้านหลังมีพื้นที่สำหรับทำครัวแต่ไม่ได้กั้นห้องเป็นสัดส่วนห่างจากห้องน้ำ หน้าบ้านมีไม้ต้นใหญ่อย่างมะม่วงมะขามอยู่หน้าบ้าน ด้านข้างมีต้นปีบ บุหงาส่าหรี ด้านหลังมีต้นขนุน ต้นไผ่และสระขุดขนาดไม่ใหญ่มากไว้สำหรับเลี้ยงปลา เหนือสระมีเหล้าไก่ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีไก่ไข่อีกต่อไป ผาณิตตั้งใจไปหาซื้อมาเลี้ยงเร็วๆ นี้

    มอเตอร์ไซค์สีแดงแล่นเข้ามาจอดห่างจากโต๊ะหินอ่อน พลับพลึงขมวดคิ้วยามเห็นสีหน้าไม่สบายใจของผู้มาใหม่ กมลาก้าวอาดๆ ไปนั่งตรงข้ามผาณิต

    “ทำไมหน้าบึ้งมาแต่เช้าเชียวกั้ง” ผาณิตถามเพื่อนสนิทลูกอย่างเอ็นดู เด็กพวกนี้คบหากันตั้งแต่ประถม โตขึ้นก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก

    “น้านิตมาถึงบ้านแล้วนะแม่” 

    “อือ แม่ได้ข่าวเหมือนกัน”

    “มีอะไรมากกว่าน้าฉันมาใช่ป่ะกั้ง” พลับพลึงลองเดาเล่นๆ

    “เออสิ น้าแกโพนทะนาเรื่องงานแต่งแกเป็นตุเป็นตะ”

    “หา งานแต่งใครนะ” คนที่เพิ่งปฏิเสธผู้เป็นยายไปทวนถาม

    “งานแต่งแก ว่าที่เจ้าบ่าวสายเปย์ของแกก็มาถึงแล้วด้วย เมื่อวานมาเหมาเหล้าร้านฉันไปห้าลัง เอาไปอาบหรือเอาไปกินก็ไม่ได้รู้”

    “ว่าที่เจ้าบ่าว ใครเหรอยายหนู” ผาณิตหันไปทางลูกที่บัดนี้มีสีหน้าซีดเซียว

    “ดาวิดน่ะแม่ น้านิดเขาบอกเป็นเพื่อนเปาโล แต่ที่จริงคือเจ้าหนี้”

    “ตายล่ะ ไม่ไหวนะแบบนี้” ผาณิตอุทานด้วยความตกใจ

    “ฉันว่าแกไม่ปลอดภัยแล้ววะพลับพลึง ถ้าเขาขนกันมาแบบนี้ แสดงว่าหมายหมั้นปั้นมือจะจับแกแต่งงานจริงๆ”

    “ไม่แต่ง!” พลับพลึงโต้เสียงสูง

    “มันไม่ได้อยู่ที่ว่าแกอยากแต่งหรือไม่อยากแต่ง สติค่ะสติ ตอนนี้แกกำลังเผชิญหน้ากับผู้หญิงหิวเงินที่มีสปอนเซอร์เป็นเจ้าหนี้ ดังนั้นฉันว่าน้าแกจะทำทุกหนทางเพื่อเอาตัวแกไปสังเวยเขา”

    “แม่คิดเหมือนกั้งนะยายหนู แม่รู้จักนิตดี”

    “แล้วเราจะทำยังไงล่ะแม่ กล้าประกาศให้คนรู้แบบนี้ หนูว่าน้านิตไม่ได้มาดีแน่ๆ”

    “อิเลววว อิโคตรเลว อุ๊ย ขอโทษค่ะแม่ หนูอินไปหน่อย” กมลายกมือไหว้ผาณิต อีกฝ่ายส่ายหน้าไม่ถือสา ใจอยากตะโกนออกไปแบบนั้นเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าคนที่โตมาด้วยกันจะเลวได้ถึงเพียงนี้

    “ขอบใจที่ด่าแทนนะกั้ง” พลับพลึงขอบใจเพื่อน

    “ยายหนู” ผาณิตปรามลูก

    “ถ้าเขายังคิดจะขายหนูใช้หนี้อยู่ หนูขอไม่นับถือเขานะแม่” สาวดอกไม้บอกเสียงเรียบทั้งที่ในใจกำลังลุกร้อนเป็นไฟ หญิงสาวไม่คาดคิดเรื่องนี้เลยสักนิด ใช่ว่าเธอจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสียเมื่อไหร่ แค่นึกไม่ถึงว่าจิตใจผู้เป็นน้าจะต่ำตมถึงเพียงนั้น

    “เอาเถอะ เรามาหาทางรับมือก่อนดีกว่า” คนเป็นแม่เห็นสีหน้าลูกสาวจึงว่าอย่างอ่อนใจพร้อมกับกลัวใจน้องสาวด้วยเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย วรนิตไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้ง่ายๆ แน่

    “เราจะทำอะไรได้ล่ะแม่ นอกเสียจากว่า...” พลับพลึงทำท่าถอนหายใจ ก่อนจะปิ๊งไอเดีย “ทางนั้นมีเจ้าหนี้มาเป็นแบล็กด้วย เราก็ควรหาแบล็กดีๆ ไว้ปกป้องเหมือนกัน”

    “ใครล่ะแก ใครจะช่วยปกป้องแกได้ตอนนี้ ผู้ชายคนที่เคยช่วยแกตอนอยู่อิตาลีงั้นเหรอ”

    “หยุดพูดถึงเขาเลย! ฉันกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วแบล็กที่ฉันหมายถึงคือพี่คาวีกับพี่เดหลีต่างหาก”

    “พูดเหมือนคนรักตัดสินใจแยกทางกันงั้นแหละ แม่คิดเหมือนหนูไหม” กมลาหันไปหาแนวร่วม ผาณิตพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอสังเกตท่าทางของลูกสาวเหมือนกัน เผลอหน่อยก็มักจะเหม่อ ตกกลางคืนก็ชอบออกมานั่งหงอยๆ มองดาวคนเดียว

    “แม่ก็เป็นไปกับยายกั้ง” สาวที่พยายามปกปิดทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกัลปพฤกษ์ออด

    “แม่คิดเหมือนกั้งนะ หนูยังมีอะไรที่ไม่ได้บอกแม่ใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้แค่ช่วยเหลือเราใช่หรือเปล่า”

    “เขาแค่ช่วยค่ะ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้สึกอะไรกับหนูหรอก”

    “แล้วหนูล่ะ ...รู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหม”

    “แม่...” หญิงสาวจ้องผู้เป็นแม่ไม่วางตา สีหน้ารู้ทันยังให้แก้มสาวขึ้นสีเรื่อ

    “รู้สึกแหงแซะ”

    “ยายกั้ง!

    “แกเล่ามาเลย ไม่ต้องแกล้งดุฉัน”

    “มันไม่มีอะไร ...ไม่มีเลยจริงๆ”

    “เขาไม่มี แล้วแกมีไหมล่ะ” กมลาเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเพื่อนแล้วอดสงสารไม่ได้ ว่าแล้วเชียว...ตั้งแต่กลับมาเพื่อนเธอเปลี่ยนไป ตอนแรกคิดว่าเรื่องปัญหาของวรนิต ตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่าปัญหาไหนน่ากลุ้มกว่ากันระหว่างปัญหาของน้ากับปัญหาหัวใจ

    “ไม่ ฉันไม่มีอะไร”

    “พลับพลึง...รักเขาแล้วใช่ไหมลูก” ผาณิตเรียกลูกสาวเสียงอ่อนโยน ยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้า คำพูดของผู้เป็นแม่เหมือนสายฟ้าฟาดเข้ากลางใจจังๆ ดวงตากลมแดงเรื่อมีม่านน้ำสั่นระริกเป็นประกายจับคลอ “แม่ทายว่าเขาต้องเป็นคนดีมากแน่ๆ ลูกของแม่ถึงได้หลงรักรวดเร็วขนาดนั้น”

    ตะกอนคำถามที่ผุดขึ้นในหัวมาตลอดถูกผู้เป็นแม่กวนให้ขุ่นข้น หญิงสาวหาคำตอบเรื่องนี้อยู่เงียบๆ ว่าแท้จริงแล้วเธอรู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่ หากไม่รู้สึกอะไรเลย... เหตุใดลาจากแล้วยังคิดถึง จะว่าเพราะผูกพันล้วนไม่ใช่ เธอรู้สึกกับเขามากกว่านั้น

    “ไม่จ้ะแม่ เขาไม่ใช่คนดี” แต่เขาเป็นคนขี้โกหก หญิงสาวว่าต่อในใจ ไม่กล้ายอมรับคำตอบที่ผู้เป็นแม่ได้ให้แก่เธอสดๆ ร้อนๆ

    “หมายถึงเป็นกุ๊ยเหมือนที่น้าแกว่าเหรอ” กมลาแทรกขึ้น

    “ไม่ใช่ เขาเป็นคนมีฐานะหรือเรียกว่ารวย”

    “แล้วไม่ดีตรงไหน อ๊ายยย...หรือเขาปลุกปล้ำขืนใจแกฮ่ะ”

    “หยุดมโน! เขาไม่ได้ทำอะไรฉันทั้งนั้นแหละ แค่โกหกเรื่องหนังสือเดินทาง เขาได้มันมาตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ฉันไปอยู่ด้วย แต่ไม่ยอมคืนให้ฉันเท่านั้นเอง”

    “อ้อ ไม่ใช่แค่แกที่รักฝ่ายเดียว” กมลาสรุปอย่างรวดเร็ว

    “ยายกั้ง! หยุดเพ้อเจ้อ ฉันกับเขาเราไม่ได้รักกันยะ”

    “แม่เชื่อไหมคะ หนูไม่เชื่อ”

    “แม่ก็ไม่เชื่อ” ผาณิตตอบ เรื่องความรักหนุ่มสาวเธอจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเด็ดขาด หากแต่เรื่องที่วรนิตจะจับลูกเธอแต่งงานข้ามหน้าข้ามคนเป็นแม่ เธอไม่ยอม!

    “ฮุ้ย ไปกันใหญ่แล้ว ขึ้นด้วยเรื่องน้านิตไหงลงท้ายด้วยเรื่องนี้”

    “เขาเรียกจัดลำดับความสำคัญให้ถูกย่ะ แหม...อมพะนำมาได้ตั้งหลายวัน แกไม่หลุดออกมาเลยนะ”

    “มันก็แค่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แกจะให้ฉันใส่ใจทำไม”

    “เร้อออ”

    “พอเถอะกั้ง แค่เรื่องน้านิตฉันก็กลุ้มจะตายอยู่แล้ว อย่าเอาเรื่องนี้มาให้รกสมองฉันอีกเลย” สาวดอกไม้วางพรางขบคิดหาทางหนีทีไล่ ลงดาวิดมาด้วยแบบนี้ วรนิตต้องไปพูดให้ความหวังฝ่ายโน่นอย่างแน่นอน

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×