ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #27 : ทวงหัวใจ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.14K
      18
      8 พ.ย. 60

    11

    ทวงหัวใจ

    บุษบารับลำไยถุงใหญ่ส่งให้เด็กในบ้านนำไปเก็บ หญิงสาวเจ้าของบ้านพาพลับพลึงไปนั่งที่โต๊ะข้างบ้านที่มองเห็นวิวทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตาโดยมีภูเขาและแผ่นฟ้าเป็นพื้นหลัง สาวดอกไม้ที่อายุอ่อนกว่าทำตาโต เอาแกงมาให้คราวที่แล้วเธอไม่ได้ออกมาชมวิวมุมนี้เพราะมีเพื่อนมาด้วยเลยต้องรีบกลับ แต่ถนนทางขึ้นหน้าบ้านก็พอเห็นวิวสวยๆ ได้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่สู้วิวที่ยืนมองจากตรงนี้

    “สวยจังเลยค่ะ อิจฉาพี่เดหลีจัง มีวิวสวยๆ ให้มองทุกวัน” หญิงสาวออดตามประสาคนชอบอ้อน บุษบาได้ยินถึงกับเอ็นดู

    “ก็มาบ่อยๆ สิ”

    “โอ๊ย มาได้ก็ดีสิคะ อีกเดี๋ยวก็ยุ่ง” สาวที่ตั้งใจเป็นชาวสวนอย่างเต็มตัวบอก ต่อไปเธอจะขยับขยายปลูกผักอีกสองสามอย่าง ถึงตอนนั้นคงยุ่งพอดู

    “เห็นว่าจะทำสวนปลูกพริก”

    “หว่านเมล็ดลงแปลงแล้วค่ะ”

    “นึกว่าคาวีพูดเล่นเสียอีก พี่นึกภาพเราทำสวนไม่ออกจริงๆ ตัวเล็กๆ บางๆ” บุษบากวาดสายตามองร่างเล็กน่าทะนุถนอมสมชื่อ เห็นแล้วนึกถึงดอกพลับพลึงสีขาวน่ารัก

    “เล็กอะไร บางยิ่งห่างไกลจากหุ่นหนูเลยค่ะพี่เดหลี เขาเรียกอวบระยะสุดท้าย” สายหวานตัวแม่บอกกลั้วเสียงหัวเราะ รอยยิ้มสว่างไสวปรากฏขึ้นบนใบหน้า บุษบาเห็นแล้วนึกใคร่อยากรู้ ญาติผู้น้องของเธอเคยเห็นหรือเปล่านะ เห็นแล้วกัลปพฤกษ์รู้สึกอย่างไร ขนาดเธอที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกชอบมากๆ เลย

    “ไม่อวบซะหน่อย เขาเรียกพอดีจ้ะ พี่พูดจริงๆ นะ เรายังจัดว่าตัวเล็กอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ผอมบางไง”

    “ก็เข้าข่ายอวบอยู่ดี”

    “ยังไม่ถึงขั้นอวบ มีเนื้อหนังกำลังดีต่างหาก” บุษบาแก้ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอยังชอบหุ่นของเด็กสาวตรงหน้าเลย หน้ามอต้น นมมหาลัยเป็นแบบนี้เอง เด็กอะไรยี่สิบเอ็ดแล้วแต่หน้ายังใสเหมือนสิบเจ็ดสิบแปด

    “โอ๊ย ตัวหนูจะลอยแล้ว ว่าแต่พี่คาวีไปไหนคะ” คนถูกชมจนเขินตัวแทบแตกเสเปลี่ยนเรื่อง

    “ไปดูงานในฟาร์มจ้ะ ประเดี๋ยวก็มา พี่ให้คนโทร. ไปบอกแล้วว่าเรามา”

    ไม่ถึงสิบห้านาทีดี คาวีก็ขี่รถคันเก่งมาจอดบริเวณถนนหน้าบ้าน บุษบายิ้มให้สามี ในขณะที่พลับพลึงยกมือไหว้ ชายหนุ่มรับไหว้

    “ไม่ต้องไหว้บ่อยๆ อีกเดี๋ยวก็เป็นคนกันเอง” คนที่รวบรัดสาวดอกไม้เป็นคนกันเองถูกภรรยาถลึงตาใส่ ไม่ใช่เพราะหึงแต่กลัวเขาทำให้ความแตก

    “หมายความว่าตอนนี้ยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่เหรอคะ” พลับพลึงกระเซ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอคิดไม่ผิดที่ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา เป็นเพราะพ่อเคยเล่าเรื่องที่บุษบามีญาติอยู่ต่างประเทศหลายคน ซึ่งหมายรวมถึงประเทศอิตาลี ตอนนั้นเธอซักพ่อยกใหญ่เพราะฝันอยากไปเที่ยว ตั้งเป้าหมายทำงานเก็บเงินแล้วจะไปให้ได้ในสักวัน อีกอย่างตระกูลมากบารมีเป็นครอบครัวเดียวที่ยายกับน้านิตของเธอไม่กล้าแตะ นอกนั้นมีเรื่องเพราะการอวดร่ำอวดรวยกันหลายราย คนที่ผูกมิตรเยินยอวรนิตส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกินทั้งนั้น

    “คนกันเองนี่แหละ แต่อีกเดี๋ยวจะสนิทกว่านี้ไง” คาวีอดเอื้อมมือขยี้เรือนผมสลวยอย่างเอ็นดูไม่ได้ เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ได้สนิทสนมหรือได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนพิธานแต่เขาก็เอ็นดูลูกสาวเพื่อนรุ่นพี่ไม่น้อย

    “แม่บอกพี่เดหลีทำขนมอร่อย เดี๋ยวหนูหาเรื่องมาขอกินบ่อยๆ ดีกว่า”

    “จ้ะ สายหวานตัวแม่”

    ตากลมเบิกกว้าง “พี่เดหลีรู้ฉายาหนูได้ไง”

    “อ้าว ไม่ใช่สาวพริกสิบสวนเรอะ” คาวีหลุดปากแซ็ว

    “นั่น พี่คาวีรู้เรื่องนี้ได้ไง”

    “ก็เราปลูกพริกไม่ใช่เรอะ” คนไหวพริบดีแก้ตัวทัน

    “อ้อ หนูตกใจหมดเลย” สาวดอกไม้ทำหน้าโล่งใจโดยไม่เห็นสองสามีภรรยาต่างลอบถอนหายใจ

    “คุยเรื่องน้าเราอีกทีเถอะ จะเอาไง เห็นคนงานในไร่คุยกันแซ่วว่ากำลังจะกลับมา”

    “คงถึงมะรืนนี้แหละค่ะ เห็นแม่ว่าจ้างอิเล็คโทนเสียใหญ่ตัวเชียว” หญิงสาวบอกเสียงหงอย

    “โต๊ะจีนอีกสองร้อยด้วย” คาวีเสริมด้วยสีหน้าขบขัน

    “เฮอะ คงกลัวหนูจะพูดเรื่องเป็นหนี้ เลยเล่นใหญ่ให้เป็นหนี้เพิ่ม หนูล่ะสงสัยจริง น้านิตจะหาเงินมาคืนเขาได้ยังไง”

    “ก็มีอยู่ทางเดียวนั่นแหละ” คาวีโคลงศีรษะ รู้สึกสงสารพลับพลึงกับผาณิต สองแม่ลูกไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาเลย แต่ดันมาถูกคนโลภเบียดเบียนให้เป็นทุกข์ไปด้วย

    “พี่คาวีหมายถึง เอ่อ น้านิตยังไม่ถอดใจเรื่องหนูเหรอคะ”

    “แหงสิ ไม่งั้นเขาจะลงทุนให้คนปล่อยข่าวเรื่องเราใจแตกเรอะ” คนที่ลงทุนส่งคนไปสืบบอกด้วยสีหน้าขึงโกรธ

    “เรื่องข่าวลือ ไม่ใช่เพราะกลัวหนูประจานเรื่องหนี้เหรอคะ”

    “เด็กโง่คิดอะไรตื้นๆ” คาวีต่อว่าอย่างเอ็นดู

    “ก็หนูยังไม่แก่เหมือนพี่คาวีนี่” ว่าแล้วหญิงสาวก็วิ่งไปหลบหลังบุษบา

    “ยายเด็กแสบมาว่าพี่แก่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย”

    “ขอโทษค่า” คนขอโทษยิ้มเต็มใบหน้าเล่นเอาสองสามีภรรยาต่างทวีความเอ็นดู

    “เอาเป็นว่าน้าเราเขาร้ายลึกกว่านั้น พี่ว่ามันไม่จบแค่ปล่อยข่าวเราใจแตกหรอก”

    “หมายความว่าไงคะ”

    คาวียิ้มก่อนตอบ “อีกเดี๋ยวเขาก็จะยุยายเราให้จับเราใส่ตะกร้าล้างน้ำแต่งกับฝรั่งแก่นั่นไง ทีนี้ล่ะได้ทั้งหลานเขยรวย ได้ทั้งเงิน มีเหรอยายเดือนแกจะปฏิเสธ”

     

    คำบอกเล่าของคาวียังให้พลับพลึงอยู่ไม่เป็นสุข หญิงสาวรีบขับรถกลับบ้านทันที เธอได้พบกับวงเดือนและเพื่อน บ้านที่วรนิตจ้างวานให้ดูแลผู้เป็นแม่แทนพี่สาว ยายนั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้หน้าบ้าน ตรงข้ามเป็นแม่ที่เอาแต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตา

    “มาแล้วเรอะนังตัวดี”

    “แม่เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมจ๊ะ” หญิงสาวโผเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ ไม่ใส่คำพูดสีหน้าของยาย

    “เห็นไหมนังอ้อย ลูกมึงมันใจแตก ไปเมืองนอกเมืองนามาแค่เดือนกว่า ดูมันทำเมินยายของมันสิ ไม่รู้ล่ะ...ยังไงแกกับฉันก็ต้องช่วยกันจับนังหลานไม่รักดีนี่ใส่ตะกร้าล้างน้ำ!

    เหมือนถูกค้อนทุบกลางกะหม่อม พลับพลึงเบิกตากว้างอย่างตกใจ ผิดจากที่คาวีพูดซะที่ไหน น้านิตยังไม่เลิกล้มเรื่องนี้ แล้วยายก็เชื่อลูกสาวเสียด้วย

    “หลานไม่ได้เป็นอย่างที่นิตว่านะแม่ ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย” ผาณิตบอกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทั้งเสียใจทั้งจุกจนพูดแทบไม่ออก จู่ๆ ผู้เป็นแม่ก็บุกมาถึงนี่ มาพูดเรื่องจะจับลูกสาวเธอแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติ พูดเพ้อไปถึงเรื่องสินสอดทองหมั้นมูลค่าหลักล้าน

    “หนูไม่ใช่หมาใช่แมวซะหน่อย ยายจะจับหนูใส่ตะกร้าล้างน้ำทำไม” สาวดอกไม้แทรกขึ้น สงสารผู้เป็นแม่จับหัวใจ เคยหงอเคยตามอยู่เป็นสิบๆ ปี มีหรือจะฮึดขึ้นมาเถียงสู้ภายในวันสองวันได้ เห็นท่าทางกริ่งเกรงของแม่แล้วหญิงสาวได้แต่ปวดแปลบอยู่ในอก ยกคำพูดของพ่อขึ้นมาปลอบใจ

    ...อย่างไรเสียเธอก็คือคนมาทีหลัง ยายคือผู้มีพระคุณของแม่

    “ยังจะมาปากดีอีก ไม่รู้หรือไงเขาลือเรื่องแกไปเท่าไหร่แล้ว”

    “ก็แล้วใครเป็นคนปล่อยข่าวล่ะจ๊ะ” พลับพลึงปรายหางตาไปทางคนที่มาเป็นเพื่อนยาย มองแวบเดียวก็รู้ว่ายายป้านี่แหละ หมดหมู่บ้านไม่มีใครพูดเรื่องคนอื่นได้เก่งเท่าแกสักคน

    “ฉันไม่ได้ทำนะพี่เดือน โอ๊ย...ยายพลับพลึงเปลี่ยนไป มันโดนของไหมเนี่ยพี่เดือน”

    แน่ะ...หาว่าเธอถูกของไปอี๊ก! สาวดอกไม้คิดในใจอย่างเดือดดาล เกลียดยายป้าเม้ากินปูนร้อนท้องชะมัด

    “ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อป้าเม้าเลยนะ”

    “ก็เอ็งปรายตามองข้า”

    “หนูตากระตุก ไม่ได้ตั้งใจมอง ทำไมป้าต้องร้อนตัวด้วยเล่า”

    “อีพลับพลึง!

    “เอ๊ะนังเม้า มาเรียกหลานฉันว่าอีได้ยังไง” วงเดือนหันไปตวาดคนที่มาด้วยกัน พลับพลึงเกือบจะยิ้มดีใจที่ยายปกป้อง หากแต่หญิงสาวต้องยิ้มค้าง “อีกหน่อยมันแต่งงานแต่งการไปกับเศรษฐีแกอย่ามาขอยืมเงินมันแล้วกัน”

    หากหัวใจคนเราหลั่งน้ำตาได้ หญิงสาวเชื่อว่าใจดวงน้อยๆ ของเธอตอนนี้คงกำลังหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ ยายหนอยาย...เพียงแค่คำว่าเงินก็ทำให้ยายเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งคนที่ปกป้องเธอ ทำร้ายเธอ ด่าว่าดุกล่าวเธอ ล้วนมีสาเหตุมาจากเงินทั้งสิ้น

    “หนูไม่แต่ง!

    “ไม่แต่งไม่ได้ อย่าบอกนะว่าแกยังอาลัยอาวรณ์ไอ้ผัวกุ๊ยของแกอยู่”

    สาวดอกไม้เบือนหน้าหนี ไม่อยากตอบโต้ผู้เป็นยาย ถ้ายายรู้ว่านอกจากคุณพริกไม่ใช่กุ๊ยแล้วยังมีเปอร์เซ็นจะรวยกว่าดาวิดเป็นสิบเท่า ยายจะว่าอย่างไรนะ

    “พอเถอะแม่ ยังไงฉันก็ไม่ให้ยายหนูแต่งงานหรอก ฉันจะอยู่กับลูกที่นี่ ใครเขาจะว่าอะไรก็ช่างเขา แม่กลับไปเถอะนะ”

    “อีอ้อย! นี่มึงไม่เห็นกูเป็นแม่แล้วเรอะ อ้อ ใช่สิ พวกมึงมันใฝ่ต่ำทั้งแม่ทั้งลูก อีแม่ก็ได้ผัวเป็นคนสวน ส่วนอีตัวลูกนี่ได้ผัวเป็นกุ๊ย แล้วยังไงล่ะ ถูกทิ้งกันทั้งแม่ทั้งลูก”

    “พี่ธานไม่ได้ทิ้งฉันกับลูก” ผาณิตโต้ทั้งน้ำตา

    “มันตัดช่องน้อยแต่พอตัวชิงตายไปก่อน ไม่เรียกทิ้งเรียกอะไร ส่วนนังพลับพลึง...ไหนล่ะไอ้กุ๊ยผัวเอ็ง หนีไปอยู่กับมันเป็นเดือนๆ ไม่เห็นมันมาส่ง เงินทองได้กลับบ้านบ้างไหม”

    พลับพลึงกอดผู้เป็นแม่แน่นขึ้น สะอื้นตัวโยน เสียใจกับคำพูดของยาย

    “ยายจ๋า...ทำไมยายเป็นแบบนี้ ยายไม่ถามหนูสักคำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยายเอาแต่ดุด่าหนูกับแม่ทำไม”

    วงเดือนมองหน้าลูกกับหลานแล้วสะบัดหน้าหนี ในอกร้อนรนปานมีไฟสุม นางร้อนใจแบบนี้ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์มาเล่าเรื่องความเหลวแหลกของหลานสาว ครั้นจะไม่เชื่อก็กระไร ในเมื่อวรนิตส่งเสียเลี้ยงดูนางมาตลอด ซ้ำยังเป็นลูกที่แม่เอาไปโอ้อวดชาวบ้านได้อย่างภูมิใจอีกด้วย ที่สำคัญไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกนางจะใส่ร้ายหลาน

    “นิตมันว่าแกใจแตก กำลังสร้างเรื่องใส่ร้ายน้า”

    “แล้วยายได้ยินหนูพูดถึงน้านิตไม่ดีสักคำไหม”

    วงเดือนหน้าตึง คลี่พัดในมือโบกลมใส่หน้าจนลูกผมกระจาย

    “แม่...ปล่อยฉันกับลูกไว้ที่นี่เถอะจ้ะ” ผาณิตขอร้องอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้ลูกตกเป็นเครื่องมือหากินของน้องสาวเด็ดขาด

    “แต่สินสอดเป็นล้านเลยนะอ้อย เอ็งจะทิ้งเงินล้านงั้นเหรอ” วงเดือนพูดเสียงอ่อนลง หวังเกลี้ยกล่อมให้ลูกนึกถึงเงินก้อนโตที่จะมาเชิดหน้าชูตา

    “ยายหนูเป็นแก้วตาดวงใจของฉัน ไม่ใช่สินค้าที่ตีราคาค่างวดได้ แม่จ๋า...เงินที่พี่ธานทิ้งไว้ให้มากโข เป็นล้านเหมือนสินสอดที่แม่พูดถึง แม่ปล่อยฉันกับลูกให้อยู่ที่นี่เถอะนะ”

    “เหอะ แค่เงินล้าน นิตมันมีมากกว่าเอ็งอีก แล้วไม่ใช่แค่สินสอดที่พลับพลึงมันจะได้นะ มันจะได้ผัวรวยด้วย มีกินมีใช้ไปตลอดชาติเหมือนนิต แกทำไมโง่อย่างนี้อ้อย แกไม่อยากให้ลูกสบายหรือไง”

    พลับพลึงถอนสะอื้น ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนพายเรือในอ่าง บทสนทนาไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย นอกเสียจากเธอต้องแต่งงาน สินสอดหลักล้านและมีสามีรวย

    “ถ้าแม่ว่าฉันโง่ ก็ปล่อยให้ฉันอยู่แบบโง่ๆ อย่างนี้เถอะจ้ะ”

    “ยังไงหนูก็ไม่แต่ง ยายกลับไปเถอะ บอกน้านิตด้วย ให้คิดหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับเจ้าหนี้เขาเด็ดขาด!

    “พลับพลึง! นังหลานไม่รักดี หนี้เน้ออะไรของเอ็ง” วงเดือนตวาด หางตาเหลือบไปเห็นเม้ากำลังตาลุกวาบกับสิ่งที่ยิน “พวกมึงมันขี้อิจฉาทั้งแม่ทั้งลูก กูไม่ยุ่งด้วยแล้ว ไปๆ นังเม้าจะนั่งทำสากกะเบืออะไรอยู่”

    สาวดอกไม้ใช้หลังมือเช็ดน้ำตา มองผู้เป็นยายนั่งรถเก๋งคันงามกลับบ้าน เป็นใครเห็นก็คงคิดว่าร่ำรวยหนักหนา จะไปไหนมีคนขับรถให้ มีคนดูแล หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อคิดว่าสิ่งเหล่านี้เองที่สร้างหนี้สร้างสินให้แก่วรนิต



    รายชื่อผู้โชคดีค่า


    uma18 


    ติดต่อทาง inbox ตามลิงก์หน้านิยายนะค้าาาา



    คุณยายกับคุณน้าก็นะ... 555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×