ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #21 : ใจร้าว 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.75K
      17
      2 พ.ย. 60




    9

    ใจร้าว

    พลับพลึงเดินมารอรับกระเป๋าท่ามกลางผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกัน หญิงสาวรับกระเป๋าแล้วเดินไปที่ผ่านตรวจคนเข้าเมือง นำหนังสือเดินทางสแกนผ่านเครื่องแล้วมองหาคนที่แจ้งไว้ว่าจะมารอรับ ไม่นานหญิงสาวก็เห็นพวกเขา กระบอกตาหญิงสาวร้อนผ่าว ยกมือไหว้บุคคลทั้งสาม

    “เดี๋ยวผมเอากระเป๋าไปรอที่รถนะครับ” ชายร่างท้วมกุลีกุจอเข้ามาดึงกระเป๋า

    “ขอบคุณค่ะพี่มะยม”

    “ไม่เป็นไร อยู่คุยกับนายก่อนแล้วกันนะพลับพลึง”

    พลับพลึงหันไปทางคนที่เธอโทรศัพท์ทางไกลมาขอความช่วยเหลือ คาวีกับบุษบายิ้มให้สาวดอกไม้ ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ลึกในใจรู้สึกอัศจรรย์กับเรื่องบังเอิญของพลับพลึงและญาติผู้น้อง พลับพลึงกับกัลปพฤกษ์ต่างโทรศัพท์หาคาวีในเวลาไล่เลี่ยกัน

    สาวดอกไม้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเรื่องหนังสือเดินทาง พลับพลึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเธอฟังอย่างไม่ปิดบัง พร้อมกับย้ำว่าตัวเองสบายดี คราแรกที่รับรู้เรื่องที่วรนิตก่อ บุษบาแทบรุดไปบอกวงเดือนกับผาณิตถึงที่บ้าน ถ้าไม่ถูกสามีห้ามเอาไว้ สุดท้ายจึงได้รอให้พลับพลึงกลับมาถึงบ้านแล้วค่อยบอกทีเดียว

    ส่วนกัลปพฤกษ์โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องวงเดือนยายของพลับพลึง ตอนแรกคาวีกับเธองงว่าทำไมกัลปพฤกษ์รู้จัก กระทั่งชายหนุ่มเล่าเรื่องไปเก็บสาวมาเลี้ยงแถมยังก่อเรื่องยุ่งโกหกสาวไปซะใหญ่โต สุดท้ายต้องมานั่งปวดใจเองให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง

    คาวีให้คำแนะนำพร้อมกับบอกเรื่องพลับพลึงกำลังไปแจ้งเอกสารหายอย่างไม่ปิดบัง คราแรกบุษบาคิดว่าญาติผู้น้องจะโวยวาย ที่ไหนได้... กัลปพฤกษ์บอกจะนำหนังสือเดินทางกับกระเป๋าของพลับพลึงไปรอที่สนามบิน หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างไร

    “ขอบคุณพี่คาวีกับพี่เดหลีมากนะคะ” พลับพลึงยกมือไหว้คนที่เป็นธุระมารับและให้ความช่วยเหลือหลายอย่างอีกครั้ง

    “ไม่เป็นไร หิวไหม...” คาวีถาม เมื่อเห็นสาวดอกไม้ส่ายหน้าด้วยท่าทางหงอยๆ จึงไม่เซ้าซี้ “งั้นก็กลับบ้านกัน ค่อยไปหาอะไรกินระหว่างทางแล้วกัน”

    “ปะ ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง เดี๋ยวขึ้นรถแล้วเล่าให้พี่ฟังด้วย” บุษบาเดินมาโอบบ่าพลับพลึงพาออกเดินไปด้วยกัน โดยมีคาวีเดินตามด้วยสีหน้าหนักใจ

     

    ระหว่างทางพลับพลึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คาวีกับบุษบาฟังอีกครั้ง หญิงสาวเล่าทั้งน้ำตาถึงการกระทำของผู้เป็นน้า แต่เล่าข้ามเรื่องของกัลปพฤกษ์ เธอบอกแค่ว่าผู้มีพระคุณเป็นคนมีฐานะดี เขาช่วยเหลือทุกอย่างและใจดีให้งานเธอทำที่ร้านอาหาร

    ในขณะที่ความจริง เธอทำงานที่ร้านอาหารได้ไม่กี่วันก็ถูกไล่ให้มานอนเล่นที่ห้อง ได้ไปเที่ยว ได้กินอาหารอร่อย ได้ซื้อหาของถูกใจหลายอย่าง

    “แล้วคนที่ช่วยเขาว่าไงบ้างล่ะ”

    “คะ อะไรนะคะพี่เดหลี” สาวที่เหม่อถึงความทรงจำครั้งเก่าทำหน้าเหลอเหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ บุษบายิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

    “พี่ถามว่าตอนที่บอกจะกลับบ้าน คนที่ช่วยเขาว่ายังไงบ้าง”

    “อ้อ เขาโอเคค่ะ”

    บุษบาลอบสบตากับคาวีที่นั่งตอนหน้าคู่คนขับ มองแวบเดียวก็รู้ว่าทั้งสองหนุ่มสาวต้องไม่โอเคอย่างแน่นอน ยิ่งญาติผู้น้องที่ก่อเรื่องก่อราวยิ่งแล้วใหญ่ ป่านนี้คงเดือดดิ้นอยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน บุษบาเห็นสามีก้มมองหน้าจอมือถือแล้วอดยิ้มไม่ได้ คุณพริกสิบเม็ดของคนในคุ้มบุษบาส่งข้อความมาถามสามีเธอเกือบทุกชั่วโมง

    “ดีแล้วล่ะที่ไม่มีปัญหาอะไร แล้วจะบอกเรื่องนี้กับยายเขาไหม” บุษบาพาวกเข้าปัญหาหลักในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่กัลปพฤกษ์หลอกลวงพลับพลึงหรอกที่เป็นเรื่องใหญ่

    พลับพลึงส่ายหน้าช้าๆ เธอไม่อยากให้ยายกับแม่เสียใจ

    “ได้ยังไง น้าเราเขาทำแสบขนาดนั้น” บุษบาท้วง

    “หนูไม่อยากให้ยายเสียใจ”

    “เสียใจแล้วไง ให้ยายเดือนเขาหูตาสว่างขึ้นหน่อยเถอะ” บุษบาทักท้วงอีกครั้ง รู้เลยว่าหญิงสาวที่นั่งข้างกันเป็นคนมองโลกในแง่ดี ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ใสซื่อเหมือนหน้าตา พลับพลึงฉลาดเป็นกรดเหมือนพิธานผู้เป็นพ่อ เรียกว่าได้เลือดพ่อมาเต็มตัวเลยทีเดียว คาวีถึงกับเคยออกปากบอกด้วยตัวเองหลายครั้ง

    แม้พลับพลึงจะไม่ได้ค่อยได้มาคลุกคลีในฟาร์มเท่าไหร่ แต่เมื่อก่อนตอนพิธานอยู่ก็ติดสอยห้อยตามผู้เป็นพ่อมาหลายครั้ง บุษบามีโอกาสได้พูดคุยบ้างแต่ก็ไม่มาก เคยได้ยินหนาหูเรื่องวงเดือนจับหลานแยกห่างผู้เป็นพ่อจนเป็นเรื่องอยู่หลายครั้ง เด็กร้องไห้โฮหาผู้เป็นพ่อจนถูกไล่ออกจากบ้านหลังใหญ่ที่ลูกสาวคนเล็กมาสร้างไว้ให้ไปอยู่บ้านหลังเดิมของพิธานในสวน

    พิธานมีบ้านซึ่งปลูกสร้างอยู่ในสวน เมื่อก่อนวงเดือนอาศัยอยู่กับลูกเขยกับลูกสาวคนโต วรนิตอยู่บ้านอีกหลังในหมู่บ้าน ต่อมาลูกสาวคนเล็กได้ดีจับผลัดจับผลูได้สามีต่างชาติ จึงมาซื้อที่รอบบ้านเพิ่มและสร้างบ้านหลังใหญ่โตให้ผู้เป็นแม่ วงเดือนจึงชวนผาณิตย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตอนแรกพิธานขออยู่ที่บ้านสวนต่อ หลังๆ แม่ยายเริ่มบ่นหนักจึงต้องหอบลูกย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน กลางวันค่อยไปดูงานในสวน

    เรื่องราวของครอบครัวพลับพลึงดังเข้าหูบุษบาไม่ขาด เพราะคาวีผู้เป็นสามีชอบบ่นให้ฟัง บอกสงสารที่อีกฝ่ายได้แม่ยายอย่างวงเดือน ในส่วนของผาณิตก็เหมือนคนหัวอ่อน เชื่อแม่มากกว่าสามี โชคยังดีที่พลับพลึงได้พ่อมาเต็มๆ และวรนิตไม่มีลูกกับสามี ด้วยความเป็นหลานคนเดียวทำให้วงเดือนยังเมตตาอยู่มาก

    “พี่เดหลีคิดว่ายายจะเชื่อคำพูดหนูเหรอคะ” พลับพลึงช้อนสายตาที่มีน้ำจับคลอขึ้น บุษบากุมมือหญิงสาวเอาไว้ หันไปมองสามีที่เอี้ยวตัวมองอยู่ก่อนด้วยสีหน้าหนักใจ นับว่าพลับพลึงฉลาดนัก รู้ล่วงหน้าว่ายายจะไม่เชื่อคำพูดตัวเอง

    “พลับพลึงพูดถูก เดี๋ยวไปถึงบ้านค่อยหาทางแก้แล้วกัน”

     

    คำพูดของคาวีสร้างความสงสัยแก่พลับพลึง ไปถึงบ้านยังมีปัญหาใดให้เธอต้องแก้อีก ในเมื่อเธอตั้งใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่วรนิตก่อเอาไว้ หญิงสาวค้นพบคำตอบเมื่อมาถึงบ้าน หลังจากที่หอบกระเป๋าเข้าไปในบ้านปูนสองชั้นรูปทรงทันสมัยหลังใหญ่โต ฝ่ามือของผู้เป็นยายก็กระทบเข้าที่ซีกแก้มด้านซ้าย เล่นเอาหญิงสาวถึงกับมึนงงจับทางไม่ถูกทีเดียว

    “แม่พอเถอะ” ผาณิตวิ่งเข้ามาประคองลูกสาวจากด้านหลัง หล่อนทันได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจและความคิดถึงของพลับพลึงในขณะที่วิ่งเข้ามาหวังจะกอดผู้เป็นยาย

    “นังหลานไม่รักดี!” เจอประโยคแรกเข้าเล่นเอาพลับพลึงงงหนักขึ้นไปอีก “ให้ไปเที่ยวดันแรดไปหาผัว แกทำบ้าอะไรพลับพลึง ทำให้น้าเขาขายได้อย่างนั้นได้ยังไง ไม่นึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน ค่าตั๋วเครื่องบินของเขาบ้างหรือไง”

    คำพูดของผู้เป็นยายทำให้สมองที่มึนงงกระจ่างในทันที น้านิตเล่นเธอแล้ว พลับพลึงสะอื้น ตามองผู้เป็นยายที่ด่าทอเธอไม่หยุด เธอลืมไปได้อย่างไร ลืมนิสัยแบบนี้ของวรนิตไปได้อย่างไร คนอย่างน้านิตไม่ยอมให้เธอได้บอกความจริงแก่ยายแน่ๆ นอกจากไม่ยอมแล้วอีกฝ่ายยังพร้อมทำลายเธออีกด้วย

    “หนูขอโทษค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว พูดเหมือนที่พ่อพูดกับยายทุกครั้งที่ถูกยายด่าทอ เรื่องหลักๆ หนีไม่พ้นการเงินหาทอง หาอาชีพที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำกว่าการทำสวน หญิงสาวไม่เข้าใจว่าต้องดิ้นรนไปเพื่ออะไร พ่อไม่เคยขาดเขินเรื่องเงินทอง การศึกษาของเธอก็ไม่ได้ต่ำต้อยหรือกู้ทุนด้วยซ้ำ ขนาดพ่อตายไปเงินทองยังเหลือให้ลูกให้เมียใช้สบายไปอีกหลายปี ไม่นับที่สวนอีกหลายสิบไร่

    “แม่พอเถอะ... หลานเพิ่งมาถึง ให้พลับพลึงไปพักก่อน”

    “มึงก็เข้าข้างแต่ลูกนั่นแหละ พักที่ไหน กูไม่ให้มันอยู่บ้านนี้แล้ว มันทำนิตขายหน้า มันยังมีหน้าจะมาอยู่บ้านเขาอีกเหรอ” วงเดือนตวาดปัดไม้ปัดมือไล่หลาน

    “แม่!” ผาณิตอุทาน ไม่ได้คิดว่าแม่จะทำรุนแรงด้วยการไล่หลานออกจากบ้าน

    “บ้านนี้มันบ้านนังนิตมัน ลูกเอ็งทำงามหน้า จะมีหน้าอยู่ได้เหรอนังอ้อย”

    น้ำตานองใบหน้ากับรอยช้ำที่แก้มทำให้ต้องสะบัดหน้าหนี ในอกยังร้อนเป็นไฟ มันร้อนตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่าหลานสาวไปก่อวีรกรรมอะไรบ้าง คราแรกนางไม่อยากเชื่อ หากแต่วรนิตส่งรูปถ่ายเข้ามาในช่องทางสื่อสาร ภาพเหล่านั้นเป็นภาพของพลับพลึงกับชายหนุ่มอีกคนที่ดูจะสนิทสนมกันมาก นั่นเป็นหลักฐานมัดตัวเรื่องหลานนางทำตัวเหลวแหลก

    ผาณิตจนต่อคำพูด สมองพร่าเบลอจนไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งน้อยใจ เสียใจกับสิ่งที่แม่พูดแม่ทำ

    “ถ้ายายไม่ฟังคำอธิบายของหนู เราก็ไปกันเถอะจ้ะแม่” พลับพลึงที่อ่านเกมของผู้เป็นน้าได้ทะลุเอ่ยขึ้น

    “อวดดี! มีผัวแล้วปีกกล้าขาแข็งสินะ เอาตัวให้รอด ไม่ต้องซมซานมาเหยียบที่นี่อีกนะ”

    “แม่...ทำไมพูดกับหลานแบบนี้”

    “กูไม่ได้ขอข้าวมันกิน กูจะพูดมีอะไรไหม พวกมึงสองแม่ลูกไปให้พ้นหน้าเลยนะ เดี๋ยวนังนิตกับผัวก็จะมาแล้ว ข้าไม่อยากให้ลูกสาวข้าอารมณ์ไม่ดี” หลังจากร้องห่มร้องไห้ใส่ไฟหลานแล้ว วรนิตก็แจ้งผู้เป็นแม่ว่าจะเดินทางกลับบ้าน ด้วยกลัวว่านังหลานตัวแสบจะก่อเรื่องใส่ไฟเธอกับสามี

    “แล้วฉันไม่ใช่ลูกแม่หรือไง”

    “มึงเป็น แต่นังพลับพลึงกับกูขาดกันแล้ว”

    “ยายจ๋า...” พลับพลึงถลาเข้าไปกอดขาผู้เป็นยาย เธอไม่รู้ว่าวรนิตเล่าอะไรไปบ้างยายถึงได้โกรธขาดนี้

    “ไม่ต้องมาเรียก ถ้ายังอยากเป็นหลานยายกัน ก็กลับไปคิดทบทวนความผิดให้ดี น้าเอ็งเขาจะมาพร้อมเพื่อนผัว เขาว่ารายนั้นชอบพอเอ็ง...”

    “ไม่!” สาวดอกไม้แทรกกลางป้อง เป็นเหตุให้ถูกวงเดือนฟาดมือเข้าที่หน้าอีกครั้ง

    “หยุดเถียง!

    “แม่พอเถอะ!” ผาณิตเป็นท่าไม่ดีจึงรั้งตัวลูกสา ลากกระเป๋าเดินทางของพลับพลึงออกมาด้วย

     


    ผู้โชคดีประกาศตอนหน้านะค้า


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×