ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #19 : หน้าใส ใจร้าย 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.54K
      20
      31 ต.ค. 60

    เช้าของวันรุ่งขึ้นหญิงสาวที่ถูกกัลปพฤกษ์ตัดพ้อว่าใจร้ายก็โทรศัพท์หาผู้เป็นน้า หลังจากตัดสินใจเจรจาขอหนังสือเดินทางคืน พลับพลึงตั้งใจอ้างเรื่องกำหนดการเดินทางกลับที่แจ้งทางบ้านไว้ และอ้างว่าไม่อยากให้ยายกับแม่รู้เรื่องหนี้สินของผู้เป็นน้า ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตอกกลับจนเธออึ้งจนน้ำในตาทะลักออกมา

    “นังโง่ ผัวแกมันมาเอาไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่แกย้ายไปอยู่กับมันแล้ว นี่มันไม่ได้บอกแกสินะ มันคงคิดจะเอาแกไปขายสิท่า โอ๊ย...นังพลับพลึงเวรกรรมสนองแกแล้ว เห็นไหมแกไม่ยอมช่วยน้า ดาวิดน่ะรวยจะตาย ถึงจะไม่ได้หล่อเท่าไอ้ลูกน้องมาเฟียป่าเถื่อนนั่น แต่เขารวย... เขาให้แกมีกินมีใช้ได้ตลอดชาติ”

    ทำนบน้ำตาที่ทะลายลงยังให้ร่างบางสะอื้นหนัก หนังสือเดินทางของเธออยู่กับเขาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เธอย้ายมาอยู่ด้วย นั่นมัน...ตั้งแต่อยู่ห้องซอมซ่อแห่งนั้นด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะพาย้ายออกไปอยู่ห้องใหม่ที่ดีกว่านานแรมเดือน

    “ถ้าแกยังฉลาดพอ ตอนนี้แกบอกที่อยู่มา เดี๋ยวน้าไปรับ แล้วเรามาเริ่มต้นใหม่กัน” คนที่ยังคิดขายหลานสาวใช้หนี้ตะล่อม

    “แม้แต่น้าก็ยังไม่จริงใจกับหนู” หญิงสาวว่าแต่นั้นจึงกดตัดสายปิดเครื่อง เธอปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติทบทวนเรื่องราวพร้อมกับหาเหตุหาผลที่ชายหนุ่มต้องโกหก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่พบ... คราวนี้เธอหาเหตุผลในแง่บวกให้ชายหนุ่มไม่ได้จริงๆ

    หลังจากที่ลุกจากโต๊ะอาหารเมื่อวาน เธอก็ฝากบอกรุจีว่าไม่ให้เขากลับมานอนที่บ้าน เธออยากอยู่คนเดียวซึ่งเป็นโชคดีที่เขายอมทำตาม หญิงสาวมีเวลาขบคิดทั้งคืน จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาวรนิตในเช้าวันนี้ และได้ล่วงรู้ความจริงที่ไม่อาจรับได้ เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อ...

    เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเธอเจออะไรมาบ้าง 

    เขาเป็นคนเดียวรู้ว่าเธอทุกข์ใจมากแค่ไหน

    เขาทนมองเธอร้องไห้เพราะคิดถึงบ้านได้อย่างไร

    เขาทนมองเธอทุกข์ใจกับปัญหาของผู้เป็นน้าได้อย่างไร

    ...ถ้าไม่เพราะเขาไม่ได้แคร์เธอสักนิดเดียว

    หญิงสาวตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ที่ชายหนุ่มนำมาให้ใช้เช็กเที่ยวบิน ชั่งใจอยู่นานจึงเปิดโทรศัพท์เครื่องเดิมขึ้นอีกครั้งเพื่อจดเบอร์โทรศัพท์และปิดมันอย่างรวดเร็วเพราะวรนิตยังไม่เลิกโทร.เข้า พลับพลึงก้มมองหมายเลขปลายทางที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจกดโทร. ออก

    “สวัสดีค่ะ... นี่พลับพลึงเองนะคะ”

     

    ฝ่ายคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนหลังจากต่อว่าไพลินเรื่องที่ทำตัวไม่ควร ยุ่งไม่เข้าเรื่อง สร้างปัญหาให้กับเขา กัลปพฤกษ์จับอารมณ์ตัวเองในตอนนั้นได้ เขาโกรธมากที่สุดในชีวิต โกรธกว่าตอนรู้ว่าน้องสาวท้องกับเพื่อนพี่ชายด้วยซ้ำ ทางเดียวที่จะทำให้อารมณ์เย็นลงคือการตวาดออกไปอย่างสุดเสียง ขนาดหญิงสาวร่ำไห้น้ำตาแตกต่อหน้าต่อตา กัลปพฤกษ์ก็ไม่ได้ลดเสียงอ่อนลงสักนิด

    พอลต้องเข้ามาขอร้องและพาพี่สาวกลับที่พัก โดยที่ตัวเขาต้องอึ้งไปอีกคำรบเมื่อรุจีเดินเข้ามาบอกว่าพลับพลึงไม่ต้องการเห็นหน้าเขา

    ชายหนุ่มขบคิดหาทางปรับความเข้าใจกับยายตัวแสบอยู่ทั้งคืน แต่สีหน้าแววตาและคำพูดของเธอก็ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเสียแล้ว ประสาอะไรกับการที่เธอจะกลับบ้าน เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง หากเขาไม่ได้เห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ บวกกับรอยยิ้มหวานของยายเอ๋อแล้วเขาจะเป็นอย่างไร ที่เธอพูดออกมาว่าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาเหมือนที่เขาคิดกับเธอใช่ไหม

    ไม่ได้มีแค่คำถามเหล่านั้น หากแต่มีปัญหาพ่วงให้คิดเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องหนังสือเดินทาง เรื่องฐานะที่ปกปิดตั้งแต่ทีแรก สุดท้ายจบด้วยความกังวลว่าเธอจะเสียใจไหม จะโกรธไหม ร้องไห้หรือเปล่า

    คนที่ถูกความรู้สึกหลากหลายจู่โจมถอนหายใจ หยิบหนังสือเดินทางขึ้นมาเปิดดูอีกรอบ ก่อนจะตัดสินใจกดหมายเลขโทร. ออกซึ่งพิกัดปลายสายคือเมืองไทย

    “ไฮ้พี่... ผมพริกเองนะ”

     

    หลังจากวานรุจีไปขออนุญาตให้สกลขับรถพาไปยังสถานที่เที่ยว หญิงสาวก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้สองชุด เธอตัดสินใจไม่เอาอะไรกลับมาเพราะที่นำมาล้วนแต่เป็นพวกเสื้อผ้า ไม่ใช่ไม่เสียดายหากแต่จำเป็นต้องทิ้ง พลับพลึงนำกระดาษโน๊ตใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง มีข้อความขอโทษและขอยกเสื้อผ้าเหล่านี้ให้รุจี ย้ำว่าหากอีกฝ่ายไม่ต้องการก็ขอไหว้วานนำไปบริจาคต่อ

    รุจีกลับมาพร้อมสกลที่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน พลับพลึงยิ้มเยื้อนให้ทั้งสองคนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอทราบว่าวันนี้คุณพริกไม่ได้ไปทำงานจากปากแป้นที่อุตส่าห์นำอาหารเช้ามาเสิร์ฟ พร้อมย้ำว่าคุณพริกสั่ง

    “คุณพริกบอกว่าจะเป็นคนไปรับคุณพลับพลึงค่ะ แล้วก็ฝากมาบอกว่าหากคุณพลับพลึงอยากซื้ออะไรให้ซื้อ บัตรที่ให้ไว้ไม่จำกัดวงเงิน” ประโยคฝากฝังบอกความนัยไม่ได้ทำให้คนฟังอารมณ์ดีขึ้น แลกได้เธอจะแลกการ์ดใบเล็กนั่นกับหนังสือเดินทาง

    “ฝากขอบคุณคุณพริกด้วยนะคะ ป้าแป้น พี่จี ลุงกลด้วย ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” หญิงสาวว่าแค่นั้นก็เดินนำไปที่รถ ระหว่างทางที่เดินผ่านตัวบ้านไม่วายมองสำรวจ เธอเคยรู้สึกชอบบ้านหลังนี้และยังชอบมันอยู่ทุกขณะจิต พลับพลึงเชื่อว่า บ้านดอกไม้ จะติดตรึงในใจเธออย่างแน่นอน สวนหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน บ้านหลังน้อยสีขาวและ...เจ้าของบ้าน

    สกลส่งหญิงสาวตามสถานที่ที่เธอบอกไว้ พลับพลึงศึกษาเส้นทางมาอย่างดีพร้อม บวกกับได้ข้อมูลจากคนที่เธอโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ การแจ้งความหนังสือเดินทางหายและไปยังสถานกงสุลจึงไม่ยาก 

    หญิงสาวได้หนังสือเดินทางชั่วคราวภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง โดยระหว่างนั้นคนที่เธอขอความช่วยเหลือโทรศัพท์มาถามทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาแจ้งว่าจะให้คนคอยดูแลและไปรับที่สนามบิน ส่วนเรื่องไฟต์บินก็ไม่ต้องห่วง ทางนั้นจัดการจองตั๋วให้เรียบร้อย

    ไฟต์บินค่อนข้างดึก พลับพลึงตัดสินใจแวะที่แห่งหนึ่งก่อนเดินทางไปสนามบิน ไม่นานหญิงสาวก็มาหยุดตรงหน้าร้านอาหารซือเป่า สถานที่แรกที่เธอได้เจอกับคุณพริก ได้พบกับเพื่อนคนไทย

    “พลับพลึง!” เด็กเสิร์ฟสาวไทยอุทานด้วยสีหน้าดีใจ หลังจากที่หญิงสาวเดินเข้ามาในร้าน สาวดอกไม้คิดว่าตัวเองไม่ได้อุปทานไปเอง การมาของเธอทำให้ทุกคนในร้านยกเว้นลูกค้าหยุดชะงัก 

    “พี่จุ๊บ หนูมาลากลับบ้านค่ะ” พูดพร้อมให้ไปยิ้มให้ลุงหม่าที่ชะโงกหน้าออกมาดู

    “จะกลับบ้านแล้วเหรอ ทำไมล่ะ”

    “ก็ตามกำหนดเดิม” หางตาหญิงสาวเห็นชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สองคน ชะรอยคงเป็นบอดีการ์ด

    “เอ่อ...” จุ๊บทำเสียงอ้ำอึ้งเมื่อเห็นว่าใครที่เดินมาหยุดตรงหน้าเธอกับสาวน้อยชาวไทย

    “หน้าตาน่ารักดีนี่” จู่ๆ ถูกชายแปลกหน้าที่มีผมสีดอกเลา ดวงตาเล็ก ผิวขาวชมเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ เข้าให้ สาวดอกไม้ก็อดเขินไม่ได้

    “ขอบคุณค่ะ เอ่อ...”

    “ฉันเป็นลูกค้าประจำที่นี่ ได้ข่าวว่าผู้จัดการร้านเก็บสาวไปเลี้ยง เลยอยากเห็นหน้าน่ะ” ชายสูงวัยว่าพรางกวาดตามองสำรวจสาวน้อยตรงหน้า นับว่าหลานชายเขาตาถึงทีเดียว ติดแต่แม่หนูนี่ดูอายุน้อยเกินไป

    “อ้อ แต่คุณพริกไม่ได้เก็บหนูไปเลี้ยงนะคะ แค่ให้ความช่วยเหลือ” 

    “อืม ฉันขอเลี้ยงข้าวหนูสักมื้อได้ไหม นั่งคุยเป็นเพื่อนคนแก่หน่อยเถอะ”

    ไม่รู้อย่างไร พลับพลึงตกปากรับคำไปแบบงงๆ ทั้งที่เธอควรระวังตัวมากกว่านี้ ทว่าแววตาและท่าทางของชายลักษณะภูมิฐานตรงหน้าทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง อีกอย่างชายชรารู้จักกับกัลปพฤกษ์ด้วย สุดท้ายหญิงสาวได้กินข้าวเย็นกับคุณตาเฉิง 

    “คุณตามาเยี่ยมหลานชายเหรอคะ” เสียงหวานถามหลังจากชายสูงวัยเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง น้ำเสียงของเธอไร้ซึ่งความเก้อเขินเหมือนตอนแรก เจ้าพ่อเฉิงหรือคุณตาเฉิงยิ้มอย่างพึงพอใจ

    “อืม”

    “คงเป็นห่วงหลานมากสินะคะ” ดูจากรูปร่างใบหน้าคะเนว่าอีกฝ่ายคงอายุมากแล้ว ทำไมหนอหลานชายผู้นั้นถึงได้ปล่อยให้ตาที่อยู่ถึงฮ่องกงนั่งเครื่องมาไกลถึงอิตาลี

    “ห่วงด้วย หวงด้วย กลัวคว้าหลานสะใภ้ไม่ดีมาให้” ชายสูงวัยบอกไปตามตรง

    “แหม ของแบบนี้ต้องตามใจคนเลือกสิคะ เหมือนสำนวนไทยที่ว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอนไงคะ ว่าแต่หลานชายคุณตาเจอผู้หญิงที่รักแล้วเหรอคะ”

    “อืม เห็นว่าเจอแล้ว ฉันเลยมาให้เห็นกับตา” ดวงตาเล็กที่แม้จะมองโลกมาเกือบแปดสิบห้าปีแต่ยังคงใช้การได้ดี พินิจใบหน้าที่มีเครื่องหน้าสะสวยน่ารัก ตาใสๆ นั่นไม่ได้ซื่อหากแต่เปี่ยมไปด้วยความฉลาดถูกใจเข้าพ่อเฉิงยิ่งนัก ผู้หญิงแบบนี้แหละที่จะเอาหลานชายเขาอยู่

    “แล้วเป็นไงคะ ได้เจอหรือยัง”

    “เจอแล้ว”

    “เธอคนนั้นเป็นไงบ้างคะ” พลับพลึงหักห้ามความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้ คุณตาเฉิงผู้นี้ดูหวงห่วงหลานชายไม่น้อย เธอชักอยากรู้ว่าผู้หญิงของหลานชายจะถูกใจชายชราหรือไม่

    “ใช้ได้ สวย น่ารัก ฉลาด”

    “โอ้โห...ดีใจแทนผู้หญิงคนนั้นจัง ในที่สุดความรักก็สมหวัง”

    “ลื้อจะดีใจแทนทำไมกัน” คนที่ยังไม่แนะนำตัวง่ายๆ ท้วงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

    “แหม...หนูดูแวบเดียวก็พอทราบ ตาเฉิงเนี่ยท่าจะหวงหลานชายมากๆ”

    เจ้าพ่อเฉิงไม่ได้พูดอะไร เห็นคนสนิทเดินเข้ามาก้มหน้ากระซิบบางอย่างสองสามประโยคจึงล่าถอยไปยืนห่างๆ 

    “หวงแต่ไม่ห้ามหรอก ผู้หญิงดีๆ หายาก อีกอย่างหลานชายฉันมันกะล่อนขี้เล่นเลยห่วงมากกว่าคนอื่น”

    “แบบนี้แสดงว่าตาเฉิงชอบผู้หญิงที่หลานชายเลือกสิคะ” หญิงสาวกระเซ้าก่อนก้มมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าตัวเองสมควรเดินทางไปสนามบินได้แล้ว เธอต้องไปให้ถึงก่อนเวลาเครื่องออกสักสามสี่ชั่วโมงเพื่อกันพลาด “หนูต้องไปแล้วค่ะ เครื่องออกคืนนี้”

    “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

    “ฮื้อ ไม่รบกวนหรอกค่ะ”

    “ไม่ได้รบกวนอะไร ไปเถอะ ฉันไม่พาหนูไปขายหรอก” ว่าแล้วคนสูงวัยก็ลุกเดินนำไปที่รถ พลับพลึงทำอะไรไม่ได้จึงเดินตามไป ก่อนออกจากร้านไม่วายหันไปไหว้ลาทุกคนในร้านรวมถึงลุงหม่าที่โผล่หน้าออกมาดูอีกแล้ว



    หลังๆ จะเจ้มจ้นกว่านี้ค่ะ เรื่องนี้ไม่ดรามานะคะ สำหรับเจี๊ยบคิดว่ามันมีฉากซึ้งเป็นพักๆ แล้วเหตุการณ์บางอย่างในแง่มุมของคนในครอบครัวมันเรียลดีค่ะ

    ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ดีใจที่มีคนอ่านเด้อค่า

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×