ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #14 : พ่อปลาไหลกับสาวหญ้าอ่อน 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.45K
      24
      21 ต.ค. 60

    ตอนเย็นพลับพลึงได้เจอกับสองหนุ่มสาวที่กัลปพฤกษ์บอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน พลับพลึงยกมือไหว้ทั้งสองคน คนหนึ่งรับไหว้ อีกคนเชิดหน้าวางตัวเป็นคุณหนูสมบทบาทเสียจนกัลปพฤกษ์คิ้วกระตุก ไพลินเมินสายตาตำหนิของเจ้านาย หญิงสาวปลายตามองหญ้าอ่อน ก่อนหน้านี้เธอพยายามนึกถึงท่าทางหัวอ่อนไม่ทันคนของหญิงสาว ไม่อย่างนั้นคงไม่ตกหลุมพรางของกัลปพฤกษ์ ต่อให้เจ้านายเธอเล่นละครเก่งแค่ไหน อย่างไรยายเด็กเอ๋อตรงหน้าควรเอะใจเสียบ้าง 

    ครั้นได้มาพบตัวจริง ได้จ้องตา ได้เห็นแววตาใสซื่อ ทว่ามุมปากกลับกดลึกอย่างรู้ทัน เลขาฯ สาวถึงกับผงะจนต้องมองเมินด้วยกิริยาเชิดหยิ่ง

    พลับพลึงส่งยิ้มให้พอล ชายหนุ่มยิ้มตอบพรางขนลุก สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างในตัวสาวน้อยตรงหน้าเหมือนกับพี่สาว เหลียวมองหาเสี่ยวตงก็พบว่ารายนั้นหนีหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอลสรุปในใจว่าไม่ใช่แค่เขากับไพลินที่สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างเท่านั้น เสี่ยวตงคงรู้เป็นคนแรกเพราะฝ่ายนั้นได้ใกล้ชิดสาวน้อยนามพลับพลึงมากกว่าพวกเขา

    “บ้านหลังที่พี่กับพลับพลึงจะพักเคยเป็นบ้านของคุณพอลมาก่อน ส่วนหลังตรงข้ามของคุณไพลิน ตอนนี้เธอยังพักอยู่” กัลปพฤกษ์อธิบายให้หญิงสาวฟัง เหมือนกำลังประกาศว่าเขากับเธอต้องอยู่บ้านเดียวกัน 

    คุณพอลกับคุณไพลินต่างสบตากันอย่างขนลุก เนื่องด้วยไม่เคยถูกผู้เป็นนายเรียกคุณ

    “อ้าว งั้นหนูก็ต้องพักบ้านเดียวกันกับคุณพริกน่ะสิคะ”

    สรรพนามแทนตัวเองของสาวดอกไม้ เล่นเอาผู้คนแถวนั้นต่างกลั้นยิ้ม ยกเว้นไพลินที่ตอนนี้หันมาจับจ้องหญิงสาวไม่วางตาพร้อมกับสังเกตเจ้านายไปในที

    “อืม แค่มาขอพักที่นี่ก็รบกวนจะแย่แล้ว ทนเอาหน่อยนะ”

    ภายในบ้านหลังน้อยมีเพียงห้องโล่งๆ ซึ่งมีเตียงขนาดหกฟุตกับเฟอร์นิเจอร์จำเป็นอย่างตู้เสื้อผ้า ตู้กระจกกับห้องน้ำเท่านั้น 

    “แต่เราไม่ได้ขนที่นอนมานี่คะ”

    “ก็นอนบนเตียงด้วยกันไปก่อน พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ให้คนไปขนมา” คนตั้งใจไม่เอาที่นอนติดมาด้วยบอก

    ท่าทางกล่อมสาวตกอยู่ในสายตาหลายคู่ ไพลินยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอนตัวกระซิบกระซาบกับน้องชาย

    “ปลาไหลกับหญ้าอ่อนชัดๆ”

    “แรงอ่ะพี่ลิน ว่าแต่คุณพริกไม่ใช่โคแก่เหรอไง ทำไมเป็นปลาไหล”

    “ปลาไหลนี่แหละ ลื่น...เลี่ยน... เด็กนี่รอดยาก คุณพริกขี้อ่อยแถมยังเล่นละครเก่ง”

    พอลกรอกตามองเพดานเพลียกับความเถรตรงของผู้เป็นพี่สาว เพราะอย่างนี้สิถึงยังไม่มีแฟนกับเขาเสียที

     

    มื้อเย็นสองหนุ่มสาวดอกไม้ต่างตั้งสำหรับตรงระเบียง กัลปพฤกษ์ชี้ชวนให้หญิงสาวกินกับข้าวที่แป้นทำสุดฝีมือ แม่บ้านวัยกลางคนถึงกับเอ่ยปากว่ามื้อนี้ทำเพื่อต้อนรับคุณพลับพลึงโดยเฉพาะ ท่าทางชื่นชอบสาวน้อยของคนในบ้านเป็นที่พอใจของชายหนุ่ม

    “หนูไม่ชอบคะน้า” หญิงสาวเขี่ยผักคะน้าไว้ข้างจาน

    “มันมีประโยชน์นะ”

    “ใช่ค่ะ แต่หนูไม่ชอบ หนูไม่กิน” 

    “เด็กดื้อ โตแล้วกินให้ได้ทุกอย่างสิ ของมีประโยชน์แบบนี้เขี่ยมันไว้ข้างจานได้ไง”

    “คุณพริกบอกหนูเป็นเด็กไปแหมบๆ ยังจะบังคับให้กินอีก” หญิงสาวย้อนตาใส

    “แก้ใหม่ก็ได้ ยายขี้ดื้อโตแล้วกินให้ได้ทุกอย่างสิ” ชายหนุ่มสวนกลับอย่างกวนๆ เห็นยายขี้ดื้อหน้าง้ำจึงอดยิ้มไม่ได้

    “โตแล้วจะกินอะไรก็ได้ คุณพริกอย่ามาบังคับหนู” คิ้วโก่งสีปีกกาเลิกขึ้น หญิงสาวไม่รู้เลยว่าดวงตาใสซื่อที่เคลือบฉายด้วยความฉลาดเฉลียวเป็นที่โปรดปราณของชายหนุ่มมากแค่ไหน

    “ไม่กินผัก มิหน่าล่ะโตขึ้นมาเอ๋อ” 

    “เอ๊ะ กินข้าวอยู่ใครให้ชวนทะเลาะ” สาวดอกไม้แหวเสียงเบา ถ้าไม่ติดว่าหิวเธอจะลุกหนี ไม่รู้ยังไงเขาถึงได้ชอบด่าเธอว่าโง่นัก

    “ตักกับข้าวให้ ใครชวนทะเลาะกัน”

    “ก็มันเป็นกับข้าวที่ไม่ชอบนี่คะ”

    “ไม่ลองกินหน่อยล่ะ” ชายหนุ่มยังเซ้าซี้ อยู่ด้วยกันเป็นเดือน เขาพอทราบว่ายายเอ๋อเนี่ยไม่ชอบผักทุกชนิดนั่นแหละ ไม่ได้สมกับที่คุยว่าเป็นลูกเกษตรสักนิด มุมปากหยักกดลึกยามนึกถึงสีหน้าของหญิงสาวยามเล่าถึงผู้เป็นพ่อ เผลอเข้าหน่อยเธอมักชอบเล่าเรื่องพ่อให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็ชอบฟังซะด้วย

    “ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”

    “ไม่สมกับที่คุยไว้เลย ชักไม่เชื่อแล้วสิ ว่าลูกชาวสวนขนานแท้”

    “แท้ร้อยเปอร์เซ็นค่า แต่ลูกชาวสวนใช่จะชอบกินผักทุกคนนี่คะ ถูกแม่กับยายบ่นมามากแล้ว คุณพริกอย่าบ่นหนูเพิ่มอีกเลย” หญิงสาวออด เธอไม่ชอบกินผักเสียจนถูกแม่กับยายบ่นบ่อยๆ ส่วนพ่อไม่บ่น ท่านได้แต่ส่ายหน้าพร้อมทั้งบอกว่าไม่ชอบก็กินบ้างเพราะมันมีประโยชน์ ไม่เหมือนแม่กับยายที่ชอบบังคับให้กิน แล้วต้องกินให้หมดต่อหน้าพวกท่านด้วย

    “อยากให้แข็งแรง”

    “หนูถึกจะตาย คุณพริกคงยังไม่รู้ล่ะสิ เข่งกวางตุ้งหนักเกือบสิบโลหนูก็ยกมาแล้ว” สาวที่ชอบไปช่วยงานในสวนคุยโว กระบอกตาหญิงสาวร้อนผ่าว อดคิดถึงผู้เป็นพ่อไม่ได้ ตั้งแต่ท่านจากไปแม่ก็ไม่ได้สานต่องานในสวน ได้แต่ปล่อยให้คนเช่าซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น คนงานของพ่อนั่นเอง

    “คิดถึงพ่อล่ะสิ” ตาแดงๆ ทำให้กัลปพฤกษ์เอ็นดูเป็นทวีคูน ยายเอ๋อของเขาเป็นลูกแหง่ติดพ่อ ฟังจากที่เธอชอบเล่าเขาก็สรุปได้ว่าหญิงสาวสนิทกับผู้เป็นพ่อมากกว่าแม่กับยาย

    “ค่ะ พ่อเป็นทุกอย่างของหนู”

    ดวงตาสีเปลือกไม้หรี่ลงนิดก่อนจะยิ้มกว้างโชว์ไรฟันขาว รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์เล่นเอาหัวใจสาวแทบวาย พลับพลึงเสก้มหน้า ฝืนใจตักผักคะน้าเข้าปากด้วยสีหน้ากล้ำกลืนจนเป็นที่น่าขบขันในสายตาคนจับจ้องอยู่

    กัลปพฤกษ์เอื้อมมือไปลูบศีรษะทุยของคนนั่งตรงข้าม

    “เก่งมากเด็กดี”

    หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ หญิงสาวรู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนแทบปริแตก คุณพริกช่างชอบถึงเนื้อถึงตัวเธอเสียจริง แม้ว่ามันไม่ได้จาบจ้วง ลวนลามหรือออกไปทางไม่ประสงค์ดีก็ตามเถอะ พลับพลึงรู้สึกว่าเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาว แต่เป็นเธอที่อดหวั่นไหวไม่ได้ ด้วยว่าเกิดมาไม่เคยมีพี่ชายกับเขาสักครั้ง แถมพี่ชายยังหล่อเอามากๆ หล่อขนาดที่ดารานายแบบบางคนตกขอบเวทีได้เลย ยิ่งเวลาเขายิ้มด้วยแล้ว เหมือนแสงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าแยงตาเสียจนเธอต้องเสมองทางอื่น 

    เพราะมัวแต่หลบตา หญิงสาวเลยไม่ทันได้เห็นแววตาเข้มขึ้นของคนตรงข้าม เป็นครั้งแรกที่กัลปพฤกษ์ชอบมองผู้หญิงอาย แต่ก่อนแต่ไรเห็นคู่ควงทำท่าสะเทิ้นอายทีไรเขาตะขวิดตะขวางใจทุกที ราวกับว่าพวกเจ้าหล่อนกำลังแสดงละครให้ชมอย่างไรอย่างนั้น ผิดกับสาวน้อยตรงหน้า ยามอายเธอมักหลุบสายตาต่ำ ไม่ก็มองไปทางอื่น ที่สำคัญ...แก้มเธอแดงน่าจูบเอามากๆ

    ตั้งแต่เกิดมากัลปพฤกษ์ไม่เคยคิดอยากกอด อยากจูบใครเท่านี้ ขนาดหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนยังไม่มีความรู้สึกอยากกอดฟัดเท่านี้มาก่อน

     

    “อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก!” แป้นหนึ่งในผู้ซุ่มดูถึงกับอุทานเบาๆ “เห็นไหม... คุณพริกทำตาเหมือนเสือ” คนที่เลี้ยงหนุ่มดอกไม้มาแต่อ้อนแต่ออดตบอกตัวเอง

    “เหมือนเสือยังไงป้า” รุจีที่เห็นเหมือนกันกระเซ้า รู้สึกเขินแทนพลับพลึงไม่น้อย แถมยังอิจฉาเอามากๆ ด้วย

    “ก็คุณพริกมองเหมือนจะกินคุณพลับพลึง”

    “คงกินได้ง่ายๆ ล่ะ ผมว่าคุณพลับพลึงดูท่าไม่เบานะป้า” พอลที่มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยแทรกกลางป้อง แม้ใบหน้าจะใส่ซื่อ ทว่าแววฉลาดเฉลียวในดวงตาก็ไม่อาจปกปิดได้

    “แบบนั้นก็ดี จะได้สมกับคุณพริก แหม...แต่แปลกนะ คุณพริกเหมือน...” รุจีครุ่นคิดเพื่อหาคำอธิบายที่ใกล้เคียง

    “เหมือนอะไร” แป้นเขย่าแขนหลานสาว

    “บอกไม่ถูกอะป้า ฉันรู้สึกว่าคุณพริกละมุนแปลกๆ”

    “หือ อะไรของเอ็ง ละมุนแปลกๆ”

    “จริงๆ นะ คุณพอลคิดเหมือนกันไหมคะ” รุจีหันไปถามพอลซึ่งนั่งยองๆ อยู่ติดกับไพลินที่ยังคงจับจ้องไปยังสองหนุ่มสาวที่นั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน

    “ก็คงแปลกเหมือนจีว่านั่นแหละ” พอลว่ายิ้มๆ

    “โอ๊ย อธิบายหน่อย ละมุนแปลกๆ นี่มันยังไงกัน” แป้นที่ไม่เข้าใจนิ่วหน้า 

    “ก็ไม่สมกับเป็นคุณพริกไงป้า”

    “ยังไงวะนังจี”

    “คุณพริกต้องแซบพริกสิบเม็ดน่ะสิ คุณพริกที่นั่งกินข้าวกับคุณพลับพลึงตอนนี้แซบแค่สองเม็ด”

    แป้นหันไปมองทางเดิมแล้วเผลอยิ้มขำ จริงอย่างรุจีว่าทุกคำ คุณพริกในตอนนี้แซบแค่พริกสองเม็ดเท่านั้น

    “จีรู้จักม่านลวงตาไหม” พอลถามเสียงกลั้วหัวเราะ

    “คุณพอลจะบอกว่าคุณพริกกำลังหลอกคุณพลับพลึงเหรอคะ”

    “ไม่ได้หลอกแค่ลวงน่ะ ทำให้คุณพลับพลึงเชื่อใจ”

    “อย่างคุณพริกมีอะไรให้ไม่เชื่อใจกันคะ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมนิสัยดีอีกด้วย”

    “ใครว่าล่ะ... คุณพริกสองเม็ดนั่นเป็นหลานพ่อครัว หล่อแต่ไม่รวย อ้อ นิสัยดีด้วย”

    “หวายๆ จีลืมเรื่องที่คุณพริกหลอกคุณพลับพลึงไปเสียสนิท ถ้าความแตกเธอจะไม่โกรธเหรอคะ”

    “ไม่หรอก” เป็นไพลินที่ตอบ

    “คุณลินดูมั่นใจจัง”

    ไพลินสบตาน้องชายแล้วยักไหล่ วกสายตากลับไปยังหนุ่มสาวดอกไม้

    “ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ได้เอ๋อสักหน่อย” 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×