ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 M บทเพลงของสองเราและหนึ่งตัว

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 ตอนต้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 282
      1
      5 ม.ค. 55

                    ภายในเรือนหอคอยแปดเหลี่ยมที่สว่างไสวไปด้วยแสงอาทิตย์อบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ  มิเชลและมาเรียนนั่งสนทนาอย่างสนุกสนาน  แต่ความสนิทสนมนั้นถูกขวางกั้นด้วยโต๊ะและการจับตามองอย่างใกล้ชิดของครูสอนส่วนตัว  ท่านคอมป์เตส เลอชอมบลู ที่มีหน้าตาราวกับราวกับแม่เลี้ยงใจร้ายในนิทานปรัมปรา  ตั้งแต่ตอนที่พวกเขากอดกัน  ก็เป็นครูวัยกลางคนผู้นี้ที่รีบโวยวายจับแยกเด็กทั้งสองออกด้วยเหตุผลว่ามันมิใช่มารยาทที่คู่ควรของราชนิกูล  หรือแม้แต่ตอนที่ทั้งสองเริ่มคุยกันออกรส  สตรีวัยกลางคนผู้มีอารมณ์ดุจสตรีใกล้วัยขาดระดูก็มักจะไอกระอ้อมกระแอ้มขัดขึ้นเสมอ 

     

                    แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม  ทั้งสองก็แอบหัวเราะเสมอยามเมื่อเจ้าโมนาร์ทรีบวิ่งไปตะกุยที่ชายกระโปรงของท่านคอมป์เตสทุกครั้งที่เธอพยายามขัดขวางความสุขของคู่ชายหญิง

     

                    ใครที่ได้เห็นรอยยิ้มของทั้งสองในช่วงเวลานั้นคงต้องรู้สึกได้ถึงความสุขอันไร้เดียงสาของทั้งสองอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

     

                    .........................................

                    .............................

                    ......................

                    ........

     

              ภายในห้องดนตรีที่จับจองชั้นบนของหอแปดเหลี่ยม  มิเชลและองค์หญิงมาเรียนต่างประจำเครื่องดนตรีที่ตนถนัด  มาเรียนกำลังตั้งสายไวโอลินตัวโปรดของหล่อนใหม่  ในขณะที่มิเชลพรมนิ้วไล่เสกลบนแป้นโน้ตเปียโนอย่างคล่องแคล่วเป็นการอุ่นเครื่อง 

     

    แต่จริง ๆ แล้วแล้วมันเป็นการข่มความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นในหัวใจของมิเชลเสียมากกว่า

     

                    ส่วนโมนาร์ทนั้นนอนกระดิกหางอยู่หน้าประตูราวกับพยายามเฝ้าไม่ให้คอมปเตส เลอชอมบลูเข้ามากวนช่วงเวลาของทั้งสอง

     

              เราล่ะรำคาญเจ้าดยุคอารียองนั่นมากเลยล่ะ  พยายามเซ้าซี้ชวนให้เราไปร่วมกลุ่มที่ซาลอนของเขาอยู่ได้นะ  มาเรียนพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนระหว่างใช้คีมตัดสายไวโอลินอย่างคล่องแคล่ว  อยากให้ไปเล่นดนตรีแสดงร่วมกับวงของเขาบ้าง  อยากชวนไปขี่ม้ากันสองคนบ้าง  เราล่ะเบื่อเหลือเกิน

     

                    แล้วมาเรียนไปกับดยุคอะไรนั่นหรือเปล่าล่ะ  มิเชลถาม

     

                    ก็ไปสิ... ไม่งั้นเราจะบ่นให้มิเชลฟังเรอะ  มาเรียนบ่นแก้มป่องดูน่ารักน่าชังเหลือเกิน  แต่ขืนมิเชลบอกไปตอนนี้คงไม่แคล้วโดนงอนข้อหาสนใจผิดเรื่องเป็นแน่  คนอะไรก็ไม่รู้  ไร้รสนิยมด้านดนตรีสิ้นดี  แถมยังหลงตัวเองเป็นบ้าเลย เป็นตาลุงพุงพลุ้ยแต่ทำอย่างกับตัวเองหล่อที่สุดในสามโลก  แถมยังชอบมองเราด้วยสายตาน่าขยะแขยงอีกต่างหาก  อยากจะอ้วก 

     

                    ถ้ามาเรียนไม่ชอบขนาดนั้นทำไมไม่ปฏิเสธไปเสียล่ะ 

     

                    นั่นเป็นคำแนะนำที่ผิดอย่างร้ายกาจ  และมิเชลก็ทราบได้โดยทันทีจากสายตาขวางขององค์หญิงที่จ้องเขม็งมาทางเขา

     

                    ถ้าปฏิเสธได้เราจะบ่นให้มิเชลฟังเรอะ 

     

                    เอ่อ... ขอโทษขอรับนายหญิง

     

                    เมื่อเห็นท่าทางเลิกลักของมิเชลแล้ว  มาเรียนจึงได้แต่ปลงลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  พลางหมกมุ่นอยู่กับการจูนเสียงไวโอลินต่อ  แต่ไม่วายที่ปากเรียวงามของพระองค์จะขยับต่อไปอย่างเป็นอัตโนมัติ

     

                    ก็เสด็จพ่อของเรานะสิ  วางแผนอยากให้เราหมั้นหมายของดยุคนั่นเหลือเกิน...

     

                    ทันทีที่มิเชลได้ยินคำพูดขององค์หญิง  เขาก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจหล่นวูบไปจนถึงตาตุ่ม  มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย 

     

    มาเรียน.... หมั้นหมายกับท่านดยุคผู้สูงศักดิ์....อย่างนั้นหรือ

     

    และแล้ว  ความจริงที่แสนโหดร้ายของโลกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงของหนุ่มสาวทั้งสองก็กลับมาย้ำเตือนมิเชลอีกครั้ง  ถึงตอนนี้ทั้งสองจะคุยเล่นชวนหัวอย่างไม่ถือตัว  แต่สุดท้ายความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ

     

    มาเรียนคือเจ้าหญิงราชนิกูลของราชอาณาจักร  ในขณะที่เขาเป็นเพียงแค่ลูกเจ้าหน้าที่การทูตระดับล่างเท่านั้นเอง

     

    นี่มันยิ่งกว่าดอกฟ้ากับหมาวัดเสียอีก  ถึงเขาจะเลี้ยงเจ้าพุซ  แมวในรองเท้าบู้ทไว้สักสิบตัวก็คงไม่อาจทำให้เขาสมหวังได้หรอก

     

    ว่าแล้วจินตนาการของเด็กหนุ่มก็เริ่มวาดภาพบางอย่างที่แสนสกปรก...

     

    มาเรียน กับ ดยุคอารียอง

     

    มาเรียนที่แสนบริสุทธิ์  ไร้ราคี...กับตาแก่พลุงพลุ้ยมากราคะ

     

                    มิเชล  ขอเสียง G อีกที 

     

                    เสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนสาวก็ปลุกเขาให้ตื่นจากความนึกคิดแสนสกปรก  มิเชลก็ไม่รีรอที่จะกดแป้นเปียโนตัว ซอล ลากเสียงยาว  มาเรียนหลับตาฟังเสียงอย่างใจเย็น  เธอค่อย ๆ สีคันชักไปบนสายไวโอลินพลางปรับเสียงให้โทนเสียงเท่ากับเปียโน

     

                    เรียบร้อย  สมบูรณ์แบบ 

     

    มาเรียนกล่าวกับมิเชลอย่างภาคภูมิกับผลงานการปรับแต่งเสียงของตน 

     

    ทว่า  สิ่งที่จับใจมิเชลในตอนนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่เห็นนั่นช่างดูใสซื่อบริสุทธิ์...

     

    ช่างน่าอายเหลือเกิน  มิเชล  จิราร์จ

     

    มันช่างน่าอายเหลือเกินที่เขากลับมีความคิดอันแสนโสมมกับเพื่อนคนสำคัญคนนี้

     

    พอได้เห็นรอยยิ้มนั่นแล้วความกังวลในใจเหมือนกับจะถูกชำระล้างไปจนหมดสิ้น

     

    ปล่อยให้เรื่องในอนาคตมันคลี่คลายไปเองเสียดีกว่า  แค่ตอนนี้เธอยิ้มให้เขาก็พอแล้ว 

     

    ใช่แล้ว... ของเพียงแค่ตัวเขาสามารถทำให้มาเรียนยิ้มได้อย่างนี้เสมอมันก็พอแล้ว

     

    มิเชล  เราปรับเสียงเสร็จแล้วนะ

     

    ทว่า  มิเชลมิได้หยุดมือกดแป้นนั้น  เขายังคงกดย้ำโน้ตตัวเดิมอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับการตัดสินใจ

     

    บีฮาเว่น  โซนาตา  จี  เมเจอร์... 

     

    หา ?

     

    เด็กหนุ่มมิได้ตอบองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ด้วยคำพูด  หากแต่เริ่มพรมนิ้วบรรเลงเพลงที่เพิ่งกล่าวออกมาอย่างคล่องแคล่วด้วยหัวใจที่ปลอดโปร่งไร้ซึ่งมลทิน 

     

    ...อัลเลโกร  วิวาเต้  มิเชลหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย  มาเรียนยังจำเพลงที่เราฝึกค้างไว้ตอนที่อยู่ที่สหราชอาณาจักรได้หรือเปล่าเอ่ย 

     

    เมื่อมาเรียนได้ยินท่วงทำนอง  เธอก็ยิ้มตอบรับคำท้า  ก่อนจะเริ่มเหน็บไวโอลินที่ซอกคอก่อนเริ่มบรรเลงเพลงท่วงทำนองร่าเริงขับกล่อมคลอเคลียไปกับเสียงเปียโนของมิเชล  เจ้าโมนาร์ทเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า  หางของมันปัดไปมาตามจังหวะเพลงอันสดชื่นราวกับเป็นเมโทรนอมจับจังหวะดนตรีก็มิปาน 

     

    เสียงบรรเลงเพลงของเครื่องดนตรีต่างชนิดส่งเสียงประสานกันภายในห้องแปดเหลี่ยมชั้นบนที่เปิดหน้าต่างให้ลมโกรกเข้าในอาคาร  แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องที่มีเพียงสองคนกับอีกหนึ่งตัว  ปล่อยให้บทเพลงขับขานไปตามสายลมพร้อมกับกลิ่นแห่งเสียงเพลงที่อบอวลไปทั่วคฤหาสน์หลังน้อยแห่งนี้

    b

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×