ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #69 : State of War โยนาส (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 184
      2
      4 พ.ย. 55

                    เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ ! หา !”

     

                    เคล้าส์เขย่าตัวโยนาสราวกับอีกฝ่ายเป็นสลากไม้เสี่ยงโชคของพวกชาวตะวันออกไกล  โดยไม่สนใจว่าโยนาสจะตาเหลือกไปมา

     

              เฮ้ย  ตอบมาสิ

     

                    ถึงเคล้าส์จะสั่งเด็กหนุ่มผมแดงเช่นนั้น  แต่การที่เขากระชากคอเสื้ออย่างที่ทำอยู่ไม่เปิดโอกาสให้โยนาสได้พูดออกมาเลยสักนิด 

     

                    ยอม... ยอมแล้ว 

     

                    ในที่สุดเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสารของโยนาสก็สื่อไปถึงเคล้าส์  อัศวินหนุ่มผู้สูงศักดิ์ปล่อยมือจากปกเสื้อของอีกฝ่าย  ปล่อยให้โยนาสไอค่อกแค่กสักครู่  ก่อนที่จะเรียกร้องคำอธิบายอีกครั้ง

     

                    เล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เราสลบไป

     

                    อ้อ... เราก็เอาเจ้าแพนนี่ของเคล้าส์ไปซ่อม  แล้วก็...

     

                    แพนนี่ ?  เคล้าส์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย

     

                    แพนนี่ก็เจ้า Pz. Kpfw. 4 ของเคล้าส์ไง...

     

                    ทันใดนั้นเคล้าส์ก็กระชากคอเสื้อของโยนาสที่ทำหน้าเหรอหราด้วยความโมโห

     

                    เรื่องสงครามโว้ย !  เราไม่ได้อยากรู้ว่าแกไปทำอะไรมาบ้าง !”

     

                    ยอมแล้ว  ยอมแล้ว... 

     

                    หลังจากเคล้าส์ปล่อยมือ  โยนาสยังทำเป็นยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับเคาะหัวตัวเองเบา ๆ หนึ่งทีราวกับจะกลบเกลื่อนความเปิ่นของตัวเอง 

     

                    แน่นอนว่าเคล้าส์ไม่รู้สึกว่ามันน่ารักเลยสักนิด 

     

                    ก็... ในข่าวเองก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนักหรอก  แต่คนอื่นเขาบอกกันว่าพอพวกฟรานส์มานประกาศสงครามปุ๊บ  มันก็เริ่มบุกทันที  ที่ชายแดนเริ่มยิงกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  เห็นว่าบางส่วนข้ามแม่น้ำถึงเมืองมาลเมอร์แล้วด้วย  ทางฝั่งเราเองก็เริ่มติดประกาศระดมพลทั้งประเทศแล้วด้วย 

     

              พวกนั้นประกาศสงครามกับเราก่อนหรือ ?

     

                    โยนาสพยักหน้าตอบ

     

                    อัศวินหนุ่มกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่โยนาสเล่าให้ฟัง  ในหัวเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเปกัน 

     

                    ส่วนหนึ่งเขารู้สึกโกรธแค้น... ความรู้สึกเกลียดชังต่อศัตรูผู้รุกรานบ้านเกิดเมืองนอนที่โหมกระหน่ำในหัว

     

    เคล้าส์รังเกียจพวกไพร่นอกรีตที่ทรยศนายเหนือหัวของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  การที่สาธารณรัฐรุกรานจักรวรรดิเป็นเพียงการกระพือความรู้สึกรักชาติให้โหมกระหน่ำมากขึ้น

     

                    กระนั้น  เคล้าส์ก็มีอีกความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาอย่างน่าละอาย

     

                    เขาตื่นเต้นเหลือเกิน  ตื่นเต้นจนมือไม่อาจหยุดสั่นได้ 

     

              หัวใจที่โหยหาความผจญภัย  เกียรติยศ และชื่อเสียงกำลังพองโต

     

                    ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่เขารอคอย...

     

    เวลาที่เขาจะได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองในสนามรบ !

     

    เคล้าส์ขอบคุณทวยเทพเหลือเกินที่ได้มอบโอกาสอันสำคัญในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะยิ่งนัก

     

    และในตอนนั้นเองที่อัศวินหนุ่มฉุกคิดได้ว่าไม่ควรที่จะรีรออยู่อีกแล้ว  เขาเสียเวลาตอนหมดสติไปเพียงวันเดียว  สถานการณ์ทุกอย่างพลิกผันไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน  ขืนรอช้าเขาอาจโดนคนอื่นทิ้งไว้เบื้องหลังก็เป็นได้

     

                    เคล้าส์เริ่มออกวิ่ง  สิ่งแรกคือต้องให้กิยอร์กรู้ว่าเขาฟื้นแล้ว  และแน่นอนว่าเขาจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาจะต้องมีโอกาสเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

     

                    กระนั้นเคล้าส์วิ่งเตาะแตะออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลง  หันมาทางโยนาสที่ยังยืนรออยู่ที่เดิม

     

                    นี่เจ้าน่ะ 

     

                    เรียกโยนาสสิโยนาสท้วง

     

                    พาเราไปหากิยอร์กหน่อยสิ 

     

              บู่~ ไม่เรียกว่าโยนาส  โยนาสก็ไม่ช่วยเคล้าส์หรอก 

     

                    ในเวลานั้นเคล้าส์รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ไม่ได้พกดาบติดตัวมาด้วย  เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงได้กระซวกพุงเจ้าโยนาสให้รู้แล้วรู้รอด  ดูสิว่าจะยังจะแกล้งทำตัวน่าเตะได้อย่างนี้อีกไหม 

     

                    เคล้าส์ขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด  แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันกล่าวออกไปอย่างช่วยไม่ได้

     

                    โยนาส... ช่วยพาเราไปหากิยอร์กหน่อย

     

                    พอได้ยินเช่นนั้น  เด็กหนุ่มผมสีแดงก็เปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแป้นทันที 

     

                    ตามโยนาสมาเลย  เดี๋ยวโยนาสจะพาไปทางลัดเอง  แป๊บเดียวถึงแน่นอน  ไม่ต้องห่วง !”

     

                    ......................

                    .............

                    ...

     

                    ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทางหลังจากที่ต้องทุลักทุเลหลงทางไปพักใหญ่เพราะ ทางลัด ของโยนาส

     

                    หอประชุมของภาคีอัศวินตั้งอยู่ภายในส่วนด้านในที่เป็นพื้นที่ส่วนดั้งเดิมของปราสาท  สภาพของอาคารยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแรกเริ่มของปราสาทไว้อย่างครบถ้วน  ถึงแม้ความงดงามและความยิ่งใหญ่อาจจะไม่ทัดเทียมเท่าอาคารส่วนอื่นที่ต่อเติมในภายหลัง  แต่หอประชุมแห่งนี้ก็โดดเด่นด้วยเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ครั้งอดีตที่ผูกพันกับประวัติศาตร์ตั้งแต่แรกเริ่มการก่อตั้งจักรวรรดิห้าชาติขึ้นมา

     

                    เคล้าส์และโยนาสเดินผ่านริ้วแถวรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงของเหล่าวีรบุรุษผู้ก่อตั้งภาคีที่ตั้งเรียงราวริมทางเดิน  เริ่มแรกพวกเขาถูกต้อนรับโดยรูปปั้นของแกรนด์มาสเตอร์ท่านแรกอย่างอุลริคผู้ห้าวหาญในชุดเกราะอัศวินโบราณ  รูปปั้นแกรนด์มาสเตอร์ลำดับต่อมาต่างเรียงรายต่อกันราวกับเล่าประวัติอันน่าภาคภูมิของภาคีอัศวิน  เมื่อเดินเข้าใกล้หอประชุมมากเท่าไหร่  เครื่องแต่งกายของเหล่าแกรนด์มาสเตอร์ในอดีตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ  จากชุดอัศวินหุ้มเกราะทั้งตัวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชุดเกราะครึ่งตัว  จนมาถึงยุคที่รูปปั้นสวมชุดเครื่องแบบทหารที่คล้ายคลึงกับรูปแบบในปัจจุบัน

     

                    กระนั้นที่สุดทางปลายทางเดิน  สถานที่ควรจะเป็นที่ตั้งของรูปสลักแกรนด์มาสเตอร์คนก่อนกลับมีเพียงแต่ฐานเปล่า ๆ 

     

              สนใจงั้นเหรอ ? 

     

    จู่ ๆ โยนาสก็ยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างวิสัยการมองของเคล้าส์ จนอัศวินหนุ่มถึงกับสะดุดเดินถอยหลังออกมา

     

                    สงสัยอะไรเกี่ยวกับที่นี่ก็ถามโยนาสได้หมดเลยน้า~”

     

                    โยนาสมีสีหน้ายิ้มแย้มกระตือรือร้นอย่างไร้เดียงสาจนเคล้าส์อยากเอาฝ่าเท้าไปทาบสักหน  และเพราะเหตุนั้นเคล้าส์ไม่มีวันที่จะถามอะไรกับเจ้าหมอนี่อย่างเด็ดขาด

     

    หึ... เราก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก

     

    โยนาสเอียงคอด้วยความสงสัย

     

    เห  แต่เคล้าส์หยุดยืนมองมันตั้งนานแน่ะ

     

    เมื่อถึงตอนนั้นเคล้าส์ถึงจะรู้สึกตัวว่าหยุดเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ใบหน้าของอัศวินหนุ่มเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่น่าให้อภัย

     

    เอาน่า  ไม่ต้องอายหรอก  โยนาสอยู่นานกว่าเคล้าส์ย่อมรู้จักที่นี่ดีกว่าอยู่แล้ว  โยนาสพยายามยืดอกให้ดูราวกับว่าเขาเป็นที่พึ่งสำหรับอัศวินน้องใหม่ได้  แต่ท่าทางที่โยนาสแสดงออกมาเพียงแต่จะทำให้เคล้าส์หงุดหงิดขึ้นไปใหญ่

     

    โยนาสยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าเคล้าส์ไม่ได้ตอบอะไร  ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไปบริเวณฐานปูนเปล่านั่น  พลางปัดฝุ่นที่แอบซ่อนสิ่งที่สลักอยู่

     

    เคล้าส์รู้จักเจ้าของชื่อนี้ไหมเอ่ย ?

     

    แกรนด์มาสเตอร์คนก่อนใช่ไหม ?

     

    โยนาสมีสีหน้าแปลกใจปนทึ่งกับคำตอบจากปากของอัศวินหนุ่ม

     

    โห... เคล้าส์รู้จักท่านด้วยเหรอ  นึกว่ามีแต่คนเก่า ๆ ที่รู้จักเสียอีก

     

    เคล้าส์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโยนาสถึงได้พูดออกมาเช่นนั้น

     

    อ็อตโต้  ฟอน  เฮลซิงบวร์ก

     

                    ชื่อที่หลายคนไม่อยากเอ่ยถึง

     

              ชื่อที่เป็นตัวแทนของความอับอาย

     

                    ชื่อที่หลายคนพยายามอยากลืม

     

                    และสำหรับเคล้าส์แล้ว  ชื่อที่ปรากฎอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับปริศนาของรูปปั้นที่หาย

     

              เขาคือแกรนด์มาสเตอร์ของภาคีคนก่อนที่ทำให้ฉายา ไร้พ่ายของรุ่งอรุณแห่งแบรนแดนเบิร์ก  ผู้ครอบครองนามแห่งสนามรบพยัคฆ์แห่งทุ่งหิมะอาสเทอร์ลิงค์ต้องมัวหมอง 

     

                    ตลอดประวัติศาสตร์สี่ร้อยปีของภาคี  ไม่มีแกรนด์มาสเตอร์คนไหนพ่ายแพ้ให้กับการดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ตอนอยู่ในตำแหน่งมาก่อน  แกรนด์มาสเตอร์ที่พลีชีพในสนามรบไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ชุดสีขาวของแกรนด์มาสเตอร์ไม่เคยแปดเปื้อนโลหิตของตัวเองในการประลองกับคู่ต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว...

     

                    จนกระทั่งถึงสมัยแกรนด์มาสเตอร์คนก่อนที่แพ้พ่ายให้กับสายฟ้าสีเงินแห่งอารียองในการประลองที่ตัดสินชะตาของการรบอันนองเลือดเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

     

                    และการที่ไม่มีรูปปั้นของแกรนด์มาสเตอร์ผู้นี้ตั้งอยู่ในสวนแห่งเกียรติยศก็เป็นอีกหนึ่งความอัปยศที่ลงโทษให้กับอัศวินชราผู้วายชนม์

     

                    น่าสงสารท่านนะ  แค่แพ้แค่ครั้งเดียวทุกคนก็พร้อมใจกันลืมสิ่งดี ๆ ที่ท่านเคยทำไว้หมดเลย

     

                    หึ  มันไม่ใช่การแพ้ครั้งเดียวนะสิ  เล่นแพ้ในการประลองที่เดิมพันผลแพ้ชนะของสงครามอย่างนั้นมันจะเป็นการแพ้ แค่ครั้งเดียวได้อย่างไรกัน  แถมยังทำให้ชื่อเสียงของ —

     

                    ในตอนนั้นเองที่โยนาสดูมีสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

     

                    มันก็จริงอยู่  แต่ขอร้องอย่างหนึ่งนะเคล้าส์  อย่าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้ามาเรียอย่างนั้นเลยนะ

     

              แกรนด์มาสเตอร์เหรอ ?

     

                    โยนาสพยักหน้าตอบรับ

     

                    ทำไมล่ะ

     

              เอาเป็นว่าเชื่อโยนาสเรื่องนี้เถอะนะ

     

    โยนาสเพียงแต่ยิ้มแหยง ๆ ออกมาอย่างผิดธรรมชาติ  ก่อนจะเดินนำไปยังจุดหมายต่อราวกับว่าเรื่องสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น



    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: Nov 4, 2012: จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×