คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : State of War โยนาส (2)
“เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ ! หา !”
เคล้าส์เขย่าตัวโยนาสราวกับอีกฝ่ายเป็นสลากไม้เสี่ยงโชคของพวกชาวตะวันออกไกล โดยไม่สนใจว่าโยนาสจะตาเหลือกไปมา
“เฮ้ย ตอบมาสิ”
ถึงเคล้าส์จะสั่งเด็กหนุ่มผมแดงเช่นนั้น แต่การที่เขากระชากคอเสื้ออย่างที่ทำอยู่ไม่เปิดโอกาสให้โยนาสได้พูดออกมาเลยสักนิด
“ยอม... ยอมแล้ว”
ในที่สุดเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสารของโยนาสก็สื่อไปถึงเคล้าส์ อัศวินหนุ่มผู้สูงศักดิ์ปล่อยมือจากปกเสื้อของอีกฝ่าย ปล่อยให้โยนาสไอค่อกแค่กสักครู่ ก่อนที่จะเรียกร้องคำอธิบายอีกครั้ง
“เล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เราสลบไป”
“อ้อ... เราก็เอาเจ้าแพนนี่ของเคล้าส์ไปซ่อม แล้วก็...”
“แพนนี่ ?” เคล้าส์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“แพนนี่ก็เจ้า Pz. Kpfw. 4 ของเคล้าส์ไง...”
ทันใดนั้นเคล้าส์ก็กระชากคอเสื้อของโยนาสที่ทำหน้าเหรอหราด้วยความโมโห
“เรื่องสงครามโว้ย ! เราไม่ได้อยากรู้ว่าแกไปทำอะไรมาบ้าง !”
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว...”
หลังจากเคล้าส์ปล่อยมือ โยนาสยังทำเป็นยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับเคาะหัวตัวเองเบา ๆ หนึ่งทีราวกับจะกลบเกลื่อนความเปิ่นของตัวเอง
แน่นอนว่าเคล้าส์ไม่รู้สึกว่ามันน่ารักเลยสักนิด
“ก็... ในข่าวเองก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนักหรอก แต่คนอื่นเขาบอกกันว่าพอพวกฟรานส์มานประกาศสงครามปุ๊บ มันก็เริ่มบุกทันที ที่ชายแดนเริ่มยิงกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เห็นว่าบางส่วนข้ามแม่น้ำถึงเมืองมาลเมอร์แล้วด้วย ทางฝั่งเราเองก็เริ่มติดประกาศระดมพลทั้งประเทศแล้วด้วย”
“พวกนั้นประกาศสงครามกับเราก่อนหรือ ?”
โยนาสพยักหน้าตอบ
อัศวินหนุ่มกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่โยนาสเล่าให้ฟัง ในหัวเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเปกัน
ส่วนหนึ่งเขารู้สึกโกรธแค้น... ความรู้สึกเกลียดชังต่อศัตรูผู้รุกรานบ้านเกิดเมืองนอนที่โหมกระหน่ำในหัว
เคล้าส์รังเกียจพวกไพร่นอกรีตที่ทรยศนายเหนือหัวของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การที่สาธารณรัฐรุกรานจักรวรรดิเป็นเพียงการกระพือความรู้สึกรักชาติให้โหมกระหน่ำมากขึ้น
กระนั้น เคล้าส์ก็มีอีกความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาอย่างน่าละอาย
เขาตื่นเต้นเหลือเกิน ตื่นเต้นจนมือไม่อาจหยุดสั่นได้
หัวใจที่โหยหาความผจญภัย เกียรติยศ และชื่อเสียงกำลังพองโต
ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่เขารอคอย...
เวลาที่เขาจะได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองในสนามรบ !
เคล้าส์ขอบคุณทวยเทพเหลือเกินที่ได้มอบโอกาสอันสำคัญในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะยิ่งนัก
และในตอนนั้นเองที่อัศวินหนุ่มฉุกคิดได้ว่าไม่ควรที่จะรีรออยู่อีกแล้ว เขาเสียเวลาตอนหมดสติไปเพียงวันเดียว สถานการณ์ทุกอย่างพลิกผันไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ขืนรอช้าเขาอาจโดนคนอื่นทิ้งไว้เบื้องหลังก็เป็นได้
เคล้าส์เริ่มออกวิ่ง สิ่งแรกคือต้องให้กิยอร์กรู้ว่าเขาฟื้นแล้ว และแน่นอนว่าเขาจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาจะต้องมีโอกาสเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
กระนั้นเคล้าส์วิ่งเตาะแตะออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลง หันมาทางโยนาสที่ยังยืนรออยู่ที่เดิม
“นี่เจ้าน่ะ”
“เรียกโยนาสสิ” โยนาสท้วง
“พาเราไปหากิยอร์กหน่อยสิ”
“บู่~ ไม่เรียกว่าโยนาส โยนาสก็ไม่ช่วยเคล้าส์หรอก”
ในเวลานั้นเคล้าส์รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ไม่ได้พกดาบติดตัวมาด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงได้กระซวกพุงเจ้าโยนาสให้รู้แล้วรู้รอด ดูสิว่าจะยังจะแกล้งทำตัวน่าเตะได้อย่างนี้อีกไหม
เคล้าส์ขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันกล่าวออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“โยนาส... ช่วยพาเราไปหากิยอร์กหน่อย”
พอได้ยินเช่นนั้น เด็กหนุ่มผมสีแดงก็เปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแป้นทันที
“ตามโยนาสมาเลย เดี๋ยวโยนาสจะพาไปทางลัดเอง แป๊บเดียวถึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง !”
......................
.............
...
ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทางหลังจากที่ต้องทุลักทุเลหลงทางไปพักใหญ่เพราะ “ทางลัด” ของโยนาส
หอประชุมของภาคีอัศวินตั้งอยู่ภายในส่วนด้านในที่เป็นพื้นที่ส่วนดั้งเดิมของปราสาท สภาพของอาคารยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแรกเริ่มของปราสาทไว้อย่างครบถ้วน ถึงแม้ความงดงามและความยิ่งใหญ่อาจจะไม่ทัดเทียมเท่าอาคารส่วนอื่นที่ต่อเติมในภายหลัง แต่หอประชุมแห่งนี้ก็โดดเด่นด้วยเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ครั้งอดีตที่ผูกพันกับประวัติศาตร์ตั้งแต่แรกเริ่มการก่อตั้งจักรวรรดิห้าชาติขึ้นมา
เคล้าส์และโยนาสเดินผ่านริ้วแถวรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงของเหล่าวีรบุรุษผู้ก่อตั้งภาคีที่ตั้งเรียงราวริมทางเดิน เริ่มแรกพวกเขาถูกต้อนรับโดยรูปปั้นของแกรนด์มาสเตอร์ท่านแรกอย่างอุลริคผู้ห้าวหาญในชุดเกราะอัศวินโบราณ รูปปั้นแกรนด์มาสเตอร์ลำดับต่อมาต่างเรียงรายต่อกันราวกับเล่าประวัติอันน่าภาคภูมิของภาคีอัศวิน เมื่อเดินเข้าใกล้หอประชุมมากเท่าไหร่ เครื่องแต่งกายของเหล่าแกรนด์มาสเตอร์ในอดีตก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จากชุดอัศวินหุ้มเกราะทั้งตัวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชุดเกราะครึ่งตัว จนมาถึงยุคที่รูปปั้นสวมชุดเครื่องแบบทหารที่คล้ายคลึงกับรูปแบบในปัจจุบัน
กระนั้นที่สุดทางปลายทางเดิน สถานที่ควรจะเป็นที่ตั้งของรูปสลักแกรนด์มาสเตอร์คนก่อนกลับมีเพียงแต่ฐานเปล่า ๆ
“สนใจงั้นเหรอ ?”
จู่ ๆ โยนาสก็ยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างวิสัยการมองของเคล้าส์ จนอัศวินหนุ่มถึงกับสะดุดเดินถอยหลังออกมา
“สงสัยอะไรเกี่ยวกับที่นี่ก็ถามโยนาสได้หมดเลยน้า~”
โยนาสมีสีหน้ายิ้มแย้มกระตือรือร้นอย่างไร้เดียงสาจนเคล้าส์อยากเอาฝ่าเท้าไปทาบสักหน และเพราะเหตุนั้นเคล้าส์ไม่มีวันที่จะถามอะไรกับเจ้าหมอนี่อย่างเด็ดขาด
“หึ... เราก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก”
โยนาสเอียงคอด้วยความสงสัย
“เห แต่เคล้าส์หยุดยืนมองมันตั้งนานแน่ะ”
เมื่อถึงตอนนั้นเคล้าส์ถึงจะรู้สึกตัวว่าหยุดเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าของอัศวินหนุ่มเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่น่าให้อภัย
“เอาน่า ไม่ต้องอายหรอก โยนาสอยู่นานกว่าเคล้าส์ย่อมรู้จักที่นี่ดีกว่าอยู่แล้ว” โยนาสพยายามยืดอกให้ดูราวกับว่าเขาเป็นที่พึ่งสำหรับอัศวินน้องใหม่ได้ แต่ท่าทางที่โยนาสแสดงออกมาเพียงแต่จะทำให้เคล้าส์หงุดหงิดขึ้นไปใหญ่
โยนาสยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าเคล้าส์ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไปบริเวณฐานปูนเปล่านั่น พลางปัดฝุ่นที่แอบซ่อนสิ่งที่สลักอยู่
“เคล้าส์รู้จักเจ้าของชื่อนี้ไหมเอ่ย ?”
“แกรนด์มาสเตอร์คนก่อนใช่ไหม ?”
โยนาสมีสีหน้าแปลกใจปนทึ่งกับคำตอบจากปากของอัศวินหนุ่ม
“โห... เคล้าส์รู้จักท่านด้วยเหรอ นึกว่ามีแต่คนเก่า ๆ ที่รู้จักเสียอีก”
เคล้าส์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโยนาสถึงได้พูดออกมาเช่นนั้น
อ็อตโต้ ฟอน เฮลซิงบวร์ก
ชื่อที่หลายคนไม่อยากเอ่ยถึง
ชื่อที่เป็นตัวแทนของความอับอาย
ชื่อที่หลายคนพยายามอยากลืม
และสำหรับเคล้าส์แล้ว ชื่อที่ปรากฎอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับปริศนาของรูปปั้นที่หาย
เขาคือแกรนด์มาสเตอร์ของภาคีคนก่อนที่ทำให้ฉายา “ไร้พ่าย” ของรุ่งอรุณแห่งแบรนแดนเบิร์ก ผู้ครอบครองนามแห่งสนามรบพยัคฆ์แห่งทุ่งหิมะอาสเทอร์ลิงค์ต้องมัวหมอง
ตลอดประวัติศาสตร์สี่ร้อยปีของภาคี ไม่มีแกรนด์มาสเตอร์คนไหนพ่ายแพ้ให้กับการดวลตัวต่อตัวกับคู่ต่อสู้ตอนอยู่ในตำแหน่งมาก่อน แกรนด์มาสเตอร์ที่พลีชีพในสนามรบไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ชุดสีขาวของแกรนด์มาสเตอร์ไม่เคยแปดเปื้อนโลหิตของตัวเองในการประลองกับคู่ต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว...
จนกระทั่งถึงสมัยแกรนด์มาสเตอร์คนก่อนที่แพ้พ่ายให้กับสายฟ้าสีเงินแห่งอารียองในการประลองที่ตัดสินชะตาของการรบอันนองเลือดเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
และการที่ไม่มีรูปปั้นของแกรนด์มาสเตอร์ผู้นี้ตั้งอยู่ในสวนแห่งเกียรติยศก็เป็นอีกหนึ่งความอัปยศที่ลงโทษให้กับอัศวินชราผู้วายชนม์
“น่าสงสารท่านนะ แค่แพ้แค่ครั้งเดียวทุกคนก็พร้อมใจกันลืมสิ่งดี ๆ ที่ท่านเคยทำไว้หมดเลย”
“หึ มันไม่ใช่การแพ้ครั้งเดียวนะสิ เล่นแพ้ในการประลองที่เดิมพันผลแพ้ชนะของสงครามอย่างนั้นมันจะเป็นการแพ้ ‘แค่’ ครั้งเดียวได้อย่างไรกัน แถมยังทำให้ชื่อเสียงของ —”
ในตอนนั้นเองที่โยนาสดูมีสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“มันก็จริงอยู่ แต่ขอร้องอย่างหนึ่งนะเคล้าส์ อย่าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้ามาเรียอย่างนั้นเลยนะ”
“แกรนด์มาสเตอร์เหรอ ?”
โยนาสพยักหน้าตอบรับ
“ทำไมล่ะ”
“เอาเป็นว่าเชื่อโยนาสเรื่องนี้เถอะนะ”
โยนาสเพียงแต่ยิ้มแหยง ๆ ออกมาอย่างผิดธรรมชาติ ก่อนจะเดินนำไปยังจุดหมายต่อราวกับว่าเรื่องสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: Nov 4, 2012: จบตอน
ความคิดเห็น