คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Blowing in the wind ลาจาก (4)
ในที่สุดก็ทำลงไปแล้ว !
ซิลวีปลีกตัวออกมาจากนายทหารทั้งสองด้วยหัวใจที่เบาหวิวราวกับขนนก
ไม่นึกเลยว่าจะกล้าพอที่ทำอย่างนั้นได้ !
ท่ามกลางแสงตะวันที่อ่อนล้า หญิงสาวผู้ปลดเปลื้องบ่วงโซ่แห่งจิตใจวิ่งกลับไปหาพวกพ้องที่ยังจมปลักอยู่ในห้วงนิทราอยู่ ซิลวีค่อย ๆ ก้าวเท้าช้าลงเมื่อภาพของโรงนาปรากฎขึ้นต่อหน้า และหยุดนิ่งเมื่อก้าวถึงทางเข้าที่เปิดกว้าง
ทุกคนยังหลับอยู่เหมือนเดิม เธอเห็นกาสตงเกาก้นพลางพลิกตัวเอาเท้าก่ายกับลังเก็บของ พี่น้องเครเมอร์ยังนอนบนกองฟางได้อย่างไม่รู้จักคัน มิเชลยังนอนกรนเบา ๆ รวมกับพวกที่ป่วยอย่างไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วง และภาพที่ทำให้ซิลวีต้องถึงกับอมยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้คือ...
ภาพของมารีนั่งห่อตัวอยู่เคียงข้างกับมิเกลที่นอนหลับตาพริ้มดูมีความสุขเสียจนเธอรู้สึกหมั่นไส้เหลือเกิน แต่ดูจากระยะห่างที่ยังมีช่องว่างเหลืออยู่ระหว่างสองคน ซิลวีก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเจ้ามิเกลคงยังมิได้คืบหน้าอะไรมากมายกับมารีนัก แต่เห็นความห่วงใยของมารีที่มีต่อชายหนุ่มเป็นที่รักแล้วมันก็อดทำให้เธอรู้สึกปลื้มใจแทนเจ้าซื่อบื่อนั่นเสียมิได้
ทว่า รอยยิ้มนั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก มันค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับการมาของบุคคลหนึ่งซึ่งเฝ้าดูเธอจากเบื้องหลังมานานแล้ว
“ไปพบกับท่าน ผบ. มาเป็นอย่างไรบ้างครับ”
ซิลวีไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็ทราบว่าน้ำเสียงสุภาพจนดูน่ารังเกียจอย่างนั้นเป็นของใคร
“ผบ. บอกให้ฉันไปรายงานตัวกับหมวดเลอร์วูค่ะ” ซิลวีตอบโดยยังคงหันหลังให้กับเอมิล
“วิเศษมากเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าโอกาสที่คุณซิลวีจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้”
“โอกาสให้ฉันตายเร็วขึ้นอย่างนั้นสินะคะ” ซิลวีกล่าวแดกดันพลางหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ แต่มิได้จุดไฟ
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ จุดประสงค์ของผมไม่ได้ต้องการให้คุณซิลวีตายเลยนะ”
“ช่างมันเถอะ” ซิลวียังคงเหม่อมองเพื่อนคู่รักทั้งสองอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับร้อยเอกเอมิลที่ยังยืนอมยิ้มอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลง “ว่าแต่ อย่าลืมข้อตกลงของเราเมื่อคืนนะคะ”
“ผมไม่ลืมแน่นอนครับผม” ว่าแล้วเอมิลก็นำหมวกที่เหน็บไว้ข้างแขนขึ้นมาสวม “ประเดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าจะได้พบคุณซิลวีอีกครั้งก่อนเคลื่อนพลหรือเปล่า แต่อย่างน้อยผมก็อยากอวยพรให้คุณซิลวีโชคดีมีชัย รอดชีวิตกลับมาสนทนากันต่อนะครับ”
เอมิลก้มตัวโค้งให้ในฐานะบุรษผู้หนึ่งก่อนจะเดินจากไป ปล่อยทิ้งให้ซิลวียืนกำหมัดแน่นอยู่คนเดียว
เมื่อผู้กองเดินลับสายตาไป ซิลวีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่จะคีบบุหรี่ออกจากปากพลางชูมันเข้าหาแสงอาทิตย์ราวกับว่ามันจะจุดไฟบนยาสูบติด ระหว่างนั้นเธอก็ฮัมเพลง “แขวนอยู่บนรั้วลวดหนาม” ที่พวกพลทหารเก่า ๆ ชอบร้องกันยามนายทหารไม่อยู่
แต่สิ่งที่ครอบครองห้วงความคิดของซิลวีนั้นไม่ใช่บุหรี่มวนที่เธอกำลังจะจุด หรือเนื้อเพลงท่อนที่กำลังร้องว่า “ฉันรู้ว่าพวกนายพลอยู่ไหน” แต่หากเป็นเรื่องของเมื่อคืนที่เธอได้เผชิญหน้ากับเอมิลบนเนินแห่งนั้น....
..........................
...............
.....
“อยากพบบิดาของคุณไหมครับ ?”
เป็นคำถามที่ดูหลุดโลกเหลือเกินสำหรับคำพูดที่หลุดออกมาเป็นคำแรก แต่สำหรับซิลวีแล้วมันเป็นคำพูดที่เธอรออยู่พอดี คำว่า “ใช่แล้ว” เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล
ซึ่งเองซิลวีก็คิดไม่ผิด ข้อเสนอของเอมิลย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนแน่นอน ทว่า ก่อนจะเสนอข้อแลกเปลี่ยน สิ่งที่เอมิลทำก่อนคือร่ายยาวถึงความสำคัญของตัวป๊าในคณะปฏิวัติ “คุณซิลวีอาจจะนึกไม่ถึง แต่บิดาของคุณเป็นคนที่มีความสำคัญกับคณะปฏิวัติมากเลยนะครับ ท่านดำรงตำแหน่งระดับสูงขนาดที่สมาชิกพรรคระดับล่างอย่างผมไม่มีโอกาสเข้าพบได้ง่ายเลย” เพื่อทำให้เรื่องยาวสั้นลง เอมิลอยากจะบอกกับซิลวีว่ามันยากเหลือเกินในตอนนี้ที่จะเข้าถึงตัวป๊าของซิลวีได้
และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น นำมาสู่ผลสรุปถึงข้อตกลงที่ซิลวีเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมาลงที่อีหรอบนี้ได้
“ผมอยากได้วีรบุรุษครับ”
หากใครได้ยินข้อเสนออย่างนี้เป็นครั้งแรกก็ต้องพากันงงไปตาม ๆ กัน และซิลวีเองก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่อาจตามความคิดอันแสนยิ่งใหญ่ของเอมิลได้เลย แม้แต่เอมิลจะแอบติดตลกต่อท้ายว่า “แต่ในกรณีของคุณซิลวีคงต้องเป็นวีรสตรีเสียมากกว่านะครับ” มันก็ไม่ทำให้ซิลวีเข้าใจได้ไปกว่าตอนแรกเลย จนกระทั่ง...
“ผมอยากได้ที่ตัวแทนของความดีงามที่ผู้คนจะมองเป็นตัวอย่าง ผมอยากได้เรื่องราวของความกล้าหาญที่จะจุดประกายความหวังในยามที่ทุกอย่างดูมืดมัวไร้หนทางออก ผมอยากได้วีรสตรีที่เป็นคบเพลิงแห่งอิสรภาพและเสรีภาพ เป็นตัวแทนของยุคสมัยแห่งสาธารณรัฐแห่งความเที่ยงธรรม นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการจากคุณ...ผมอยากได้เรื่องราวของวีรสตรีที่จะเป็นความภาคภูมิใจของทั้งชาติ และเมื่อนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะขัดขวางคุณซิลวีกับบิดาคุณอีกแล้ว ผมอยากจะจัดงานเลี้ยงฉลองการพบหน้าของครอบครัวอีกครั้งของมหาบุรุษของคณะปฎิวัติและวีรสตรีแห่งสาธารณรัฐ มันต้องเป็นเรื่องราวที่ตราตรึงใจคนทั้งชาติอย่างแน่นอน”
จากสิ่งที่เอมิลกล่าวมานั้น มันจัดแจ้งยิ่งแล้วว่าสิ่งที่เอมิลต้องการคืออะไร
“ผู้กองต้องการให้ฉัน...สู้อย่างนั้นหรือ ?” แน่นอนว่ามันมีความหมายอื่นอีกหรือของการเป็นวีรสตรีท่ามกลางสนามรบนอกเสียจากที่กล่าวมา ซึ่งเอมิลพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยน
“ทำไมต้องเป็นฉัน”
เอมิลเพียงแค่แสยะยิ้มก่อนตอบออกไปว่า “เพราะว่าเป็นคุณซิลวีอย่างไรล่ะครับ”
...............................
...................
......
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะตอบตกลงกับข้อเสนอแสนพิศดารนั่น แต่เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ซิลวีมองพระอาทิตย์ที่ลับตาด้วยใจที่เป็นอิสระดั่งนก ข้อสงสัยที่ค้างคาได้มลายสิ้น เหลือแต่เพียงความแน่วแน่ที่ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งได้
เจ้าผู้กองเอมิลนั่นอาจจะวาดภาพของการพบหน้าของครอบครัวที่พลัดพลาดกันมาอย่างยาวนาน ความซาบซึ้งสุดแสนน้ำเน่าชวนปลื้ม เอมิลอาจจะอยากได้ยศหรือชื่อเสียงเพิ่มจากความสำเร็จนี้มันก็เป็นสิ่งที่เกินซิลวีจะคาด แต่สำหรับซิลวีแล้วหาได้วาดภาพเช่นนั้นในหัวเลย นับตั้งแต่หล่อนเห็นหน้าเอมิลในตอนนั้นคำตอบมันก็ชัดแจ้งหมดแล้ว
เธออยากเจอหน้าป๊า ไม่ใช่เพราะความโหยหา หรืออยากถามเหตุผลที่ทิ้งสองแม่ลูกไป สิ่งที่เธออยากจะทำมีเพียงอย่างเดียว...
เธออยากจะต่อยหน้าผู้เป็นบิดาสักหมัดให้สาสมแก่ใจ
“มันต้องเจ็บแน่ ๆ เลย”
เธอมองดูฝ่ามือหยาบกร้านที่ใหญ่โตไม่แพ้บุรุษใด ๆ
ฝ่ามือนี้ล่ะจะตัดขาดความอาลัยอาวรณ์ที่มีต่อป๊าในฝัน ตัดขาดความเกลียดชังต่อแนวคิดอันไร้ค่า และฝ่ามือนี้ล่ะที่จะไขว่คว้าอนาคตที่ไม่มีโซ่อันใดจะมาฉุดล่ามตัวหล่อนได้อีก !
เสียงแตรสัญญาณบ่งบอกถึงยามเมื่อธงเขียวแห่งสาธารณรัฐถึงชักลงจากเสา ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลอดไฟที่ถูกจุดสว่างขึ้นรอบทั่วทั้งค่าย
อีกสักพักจะได้เวลารวมพลแล้ว เธอต้องรีบไปรายงานตัวกับหมวดดูบัวร์เสียก่อนจะไม่ทันการ แต่ก่อนจะปลีกตัวออกจากโรงนา ซิลวีก็หันไปมองหามิเกลและมารีอีกครั้ง
“มิเกล ตอนฉันกลับมาฉันจะเสนอให้นายย้ายมาอยู่หน่วยทหารช่างแทนฉันเอง เรื่องอย่างนี้ผู้กองเอมิลคงช่วยได้อยู่แล้ว ตอนนั้นหวังว่าพวกเธอจะไม่ต้องแยกจากกันอีกนะ ส่วนมารีเอ๋ย... หลังจากภารกิจนี้ฉันจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังเอง เพราะฉะนั้น รอจนถึงตอนนั้นหน่อยนะ”
หล่อนยิ้มให้กับอนาคตแสนสุขของทั้งสอง ก่อนจะเดินอาบแสงสุดท้ายของวัน ลาจากไปตามเส้นทางของตน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log 23 Jan, 2011: จบตอน ในที่สุด !
ความคิดเห็น