ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #1 : Advent of the Republic: จุดจบทรราชย์เก่า บังเกิดทรราชย์ใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.41K
      4
      21 พ.ค. 54

    เหล่าพ่อแม่พี่น้องเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย  ยุคสมัยแห่งการกดขี่ได้จบสิ้นลงแล้ว

     

    ทันทีที่โฆษกของคณะปฏิวัติกล่าวจบลง  ฝูงชนนับหมื่นที่ยืนแออัดกันบนจตุรัสแห่งกษัตริย์ต่างกู่ร้องอย่างยินดีปรีดาเฉลิมฉลองให้กับยุคใหม่  ธงสีเขียวแห่งการปฏิวัติโบกพลิ้วไสวไปพร้อมกับคลื่นมวลชนอันล้นหลาม  ลูกเด็กเล็กแดง  คนแก่คนเฒ่า  หรือแม้แต่คนพิการต่างร่วมใจออกมาคราคร่ำบนจตุรัสแห่งนครหลวง  เสียงระฆัง  เสียงพลุ  เสียงปืนใหญ่ต่างเร่งระเบิดเสียงฉลองสมทบกับกับเสียงของผู้คนจนคล้ายกับฟ้าจะถล่มลงมาเสียเดี๋ยวนั้น

     

    และท่ามกลางการเฉลิมฉลองให้กับอนาคตอันรุ่งโรจน์  สัญลักษณ์ตัวแทนแห่งอดีตอันขมขื่นเพียงแต่ห้อยต่องแต่งอยู่บนขื่ออย่างสงบนิ่ง 

     

    ร่างของบุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยถูกบูชาประดุจเทพเจ้า  อยู่เหนือบุรุษและสตรีทุกผู้ บัดนี้เป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ ที่มิอาจขวางสายธารแห่งความต้องการของมวลชนได้อีก  คำพูดที่เคยเอ่ยถึงบุรุษผู้นี้ด้วยความเคารพยำเกรงยิ่ง  กลับเหลือแต่เพียงคำด่าสาปแช่งอย่างร้ายกาจที่ภาษาหนึ่งพึงจะสรรหามาได้   

     

                    รูปปั้นหินอ่อนของเหล่าวีรกษัตริย์ประจำทิศทั้งสี่ที่เคยตั้งตระหง่านเป็นที่สักการะ  เวลานี้เหลือแต่เพียงเศษข้อเท้าเป็นสักขีพยานบทสุดท้ายของราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรนี้มาอย่างยาวนาน 

     

                    ยุคสมัยของกษัตริย์ได้จบสิ้นลงแล้ว

     

                    หลังจากปล่อยให้เหล่ามวลชนต่างปลดปล่อยความยินดีไปได้พักใหญ่  ในที่สุดโฆษกคณะปฏิวัติที่ยืนเด่นอยู่กลางลานเคียงข้างกับร่างของอดีตกษัตริย์บนขื่อก็ยกมือขึ้นก่อนที่เสียงร่ำร้องจะเริ่มซาลงจนเป็นเงียบกริบราวกับว่าพวกเขานั้นไม่มีตัวตน

     

                    ต่อไปนี้  จะไม่มีคำว่าราชอาณาจักรอีก  ชื่อที่เป็นตัวแทนแห่งทรราชย์จะต้องถูกกำจัดออกไปให้หมดสิ้น  พวกเรามิใช่เป็นข้าทาสของพระราชาผู้ละโมบอีกต่อไป  แต่เป็นพลเมืองแห่งรัฐที่พวกเราทุกคนจะกำหนดอนาคตของพวกเราเอง

     

                    ระหว่างนั้นเอง  ราวกับนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว  เสียงหนึ่งจากมวลชนก็ตะโกนตอบรับเสียงดังว่า

     

                    สาธารณรัฐจงเจริญ!”

     

              แทบจะทันใดนั้น  คลื่นเสียงของประโยค สาธารณรัฐจงเจริญ ก็ดังกึกก้อง  เป็นคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากนับหมื่นที่อยู่ตรงนั้น  และอีกหลายล้านเสียงจากผู้คนทั้งประเทศที่รับชมการถ่ายทอดจากทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์

     

              เมื่อชายที่อยู่กลางลานโบกมืออีกครา  ประโยค สาธารณรัฐจงเจริญ ก็ค่อย ๆ เลือนหายจากปากของทุกคน 

     

                    แต่พลเมืองแห่งสาธารณรัฐจงอย่านิ่งนอนใจ  ภัยคุกคามของการปฏิวัติเพื่ออิสรภาพยังไม่จบสิ้น  แม้แผ่นดินนี้จะเป็นไทแล้ว  แต่เหล่าศัตรูภายนอกที่คอยจ้องล้มล้างความสำเร็จของเรายังรายล้อมเราอยู่และพร้อมที่จะแย่งชิงอิสรภาพของเราไปได้ทุกเมื่อ  ใช่แล้ว  พลเมืองแห่งสาธารณรัฐทั้งหลาย  จงดูซากศพอันน่าสมเพชของชายผู้ที่เราเคยต้องทุกข์ระทมเพราะมันให้ดี  ก่อนหน้านี้ไม่นาน  มันและลูกเมียผู้แสนทุรยศคบคิดกับศัตรูภายนอกเพื่อนำกองทัพต่างชาติเข้ามาเข่นฆ่าประชาชนของมันเอง  หลักฐานนั้นชัดแจ้งพ่อแม่พี่น้องผู้รักชาติ  นางแพศยาและหน่อเชื้อแห่งความอัปยศทั้งสามได้รับความช่วยเหลือและอาศัยกบดานอยู่ในดินแดนของมหาจักรวรรดิที่เคยเป็นศัตรูเก่าแก่ของเรามาอย่างช้านาน

     

                    เสียงโห่ร้องตะโกนถ้อยคำหยาบคายสนับสนุนคำพูดของโฆษกดังระงม

     

                    ท่ามกลางเงามืดแห่งความกดขี่  มีแต่เพียงสาธารณรัฐของเราเท่านั้นที่เป็นเหมือนแสงแห่งความหวังสำหรับทุกคนที่แสวงหาเสรีภาพ  และมันทำให้เจ้าพวกทรราชนั้นกลัวความสำเร็จของเรา  มันกลัวว่าสักวันหนึ่งอำนาจเผด็จการที่มันถือครองอยู่จะถูกประชาชนของมันเองลุกฮือขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้องเฉกเช่นพวกเรา  ตอนนี้กองทัพจักรวรรดิห้าชาติแห่งระบอบเผด็จการต่างรวมกำลังกันเพื่อหักโค่นต้นกล้าแห่งการปฏิวัติที่กำลังแตกหน่ออยู่ที่นี่  พวกมันจ้องทำลายความสำเร็จที่แลกมาด้วยเลือดและเนื้อของผู้เสียสละนับพันนับหมื่น เหล่าพี่น้องร่วมอุดมการณ์ในต่างแดนต่างถูกทรมานเข่นฆ่าสารพัดเพียงเพราะพวกเขายึดถือในความยุติธรรม  ในช่วงเวลาแห่งการทดสอบสำคัญเช่นนี้  ข้าพเจ้าขออ้อนวอนเหล่าพ่อแม่พี่น้องผู้รักชาติทั้งหลายต่างร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤติในครั้งนี้ให้จงได้  ไม่มีการต่อสู้ครั้งใดในประวัติศาสตร์ของชนชาติเราจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของพวกเราเองอีก  ถึงเวลาแล้วที่พลเมืองแห่งสาธารณรัฐจะต้องจับอาวุธลุกขึ้นมาทำหน้าที่ปกป้องบ้านเกิดมาตุภูมิ

     

                    เสียงตะโกนเรียกร้อง สงคราม ดังกระหึ่มไปทั่วเมืองหลวงที่กำลังลุกเป็นไฟ  ใบหน้าของผู้ปลุกระดมฉีกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเฉกเช่นเดียวกับอารมณ์พุ่งพล่านของคนนับหมื่นนับแสนที่รับชมอยู่

     

              นอกเหนือจากเสียงตะโกนกู่ร้องไม่จบสิ้น  มีเพียงร่างของกษัตริย์ผู้วายชนม์เท่านั้นเฝ้ามองอนาคตของชาติที่พระองค์เคยกุมอยู่ภายใต้ฝ่ารองเท้าบูทหลุดลอยไปท่ามกลางความบ้าคลั่งของกาลเวลา

     

                    และคำว่าสงคราม  จะลุกลามจากเพียงคำพูดของคนนับหมื่นในวันนั้นกลายเป็นมหาสงครามที่กลืนกินชีวิตมนุษย์นับแสนนับล้าน  เผาผลาญทุกสิ่งจนเหลือแต่เพียงกองเศษซากแห่งความทุกข์ระทม



    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    Edit Log: Dec 29th, 2008: จบตอน
    Edit Log: Dec 31th, 2008: แก้ชื่อตอนเล็กน้อย
    Edit Log: June 4th, 2009: แก้คำผิดเล็กน้อย  ขอบคุณท่านพันดารามากครับ
    Edit Log: June 12th, 2009: แก้คำผิด  ขอบคุณท่านบิ๊กบอล  + แก้เนื้อหาเล็กน้อยตามคำแนะนำของท่านหน่อง
    Edit Log: Oct 20th, 2009: แก้คำผิดเล็กน้อย ขอบคุณท่านเคจมากเลยครับ
    Edit Log: Jan 5th, 2011: แก้ชื่อประเทศเล็กน้อย
    Edit Log: May 21st, 2011: แก้ชื่อผู้อำนวยการประหารเป็นโฆษกคณะปฏิวัติ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×