คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ทั้งที่มองท้องฟ้าเดียวกันแท้ๆ ทำไมมันดูต่างกันถึงขนาดนี้
“อลาโม่ !”
เสียงตะโกนเล็ก ๆ ดังขึ้นพร้อมกับร่างเด็กสาวที่กระโดดลอยกลางอากาศ
การกระโดดจากกราบเรือไปยังท่าเทียบจอดอาจจะเป็นก้าวกระโดดที่ไกลเหลือเกินสำหรับองค์หญิงเตเต้ตัวน้อย แต่นั่นอาจเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ ก้าวหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังจะเริ่มต้นต่อไปนี้
ทว่าสำหรับเตเต้แล้วเรื่องในอนาคตช่างดูห่างไกลเหลือเกิน ผิดกับภาพเบื้องหน้าที่ดูตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก เตเต้ไม่เคยเหยียบแผ่นดินอื่นนอกจากบ้านเกิดและเมืองท่าอีกสองสามแห่งที่เรือแวะจอดกลางทางตลอดการเดินทางเดือนครึ่งที่ผ่านมา มันจึงไม่แปลกที่เตเต้จะมีความรู้สึกคล้ายเจ้าหมาน้อยสำรวจอาณาเขตใหม่
“ว้าว...อาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งสุดยอดไปเลย”
เตเต้อุทานประโยคนี้กี่ครั้งแล้วก็ไม่ทราบนับตั้งแต่ได้ยลโฉมแผ่นดินของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งเป็นครั้งแรก ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ไปหมดในสายตาขององค์หญิงตัวน้อย ตั้งแต่อ่าวที่เต็มไปด้วยเรือน้อยใหญ่ตั้งแต่เรือหาปลาลำน้อยไปจนถึงเรือแกลเลียนลำมหึมาจอดเรียงรายกันแน่นขนัด นำสินค้าและความมั่งคั่งจากทั่วโลกมาสู่อาณาจักรนี้ จวบจนตอนที่เดินผ่านท่าเรืออันคึกคักที่เต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ แต่งตัวในชุดดูแปลกตาเจรจาในภาษาแปลกถิ่นราวกับเป็นศูนย์รวมของโลก หรือตอนที่เดินผ่านตรอกเล็ก ๆ อันที่ถูกขนาบโดยอาคารร้านรวงโรงเตี๊ยมหรือสมาคมพ่อค้าที่สูงสุดลูกหูลูกตาอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน หรือตอนที่ได้เห็นม้าตัวเป็น ๆ ครั้งแรกจนทำเอาเกือบหวิดโดนม้าเหยียบเสียทีเดียว หรือในขณะนี้ที่พระองค์ทรงยืนอยู่กลางลานจัตุรัสที่ทำจากหินหลากสีสันวางเรียงกันเป็นรูปดวงอาทิตย์ โดยมีรูปหล่อสำริดพ่อค้าขนาดเท่าคนจริงชูมาตรวัดตราชั่งเหนือหัวกับมืออีกข้างที่ถือม้วนกระดาษไว้
“ซีเรีย ซีเรีย... ทำไมตานี่ถึงต้องถือตาชั่งกับม้วนกระดาษด้วยล่ะ” เตเต้ถามสาวรับใช้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังด้วยความสนอกสนใจกลางแดดยามบ่ายอ่อน ๆ โดยแทบจะลืมเรื่องอากาศหนาวที่บ่นมาตลอดการเดินทาง
“อ๋อ... นั่นเป็นรูปปั้นแสดงถึงหลักการของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งค่ะ ตาชั่งเป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนอย่างเที่ยงธรรม ส่วนม้วนกระดาษนั่นคือตัวบทกฎหมายและอัตราการแลกเปลี่ยน เมื่อทั้งสองรวมกันจะหมายถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างเที่ยงธรรมภายใต้หลักกฎหมายที่ระบุกำหนดไว้อย่างชัดเจนค่ะ”
ซีเรียกล่าวตอบ ซีเรียในตอนนี้ก็ดูเปลี่ยนไปจากยามปรกติมาก ตอนนี้เมดสาวสลัดคราบสาวใช้ สวมชุดลำลองกระโปรงบานธรรมดาแต่กลับดูสง่าราวกับเป็นคุณหญิงตระกูลชั้นสูง ในมือถือกระเป๋าสัมภาระที่เป็นเพียงกระเป๋าใบใหญ่เพียงหนึ่งใบ บรรจุสมบัติทุกอย่างสำหรับการเดินทางขององค์หญิงโทนแห่งราชอาณาจักรหอยกาบไว้
“โห... แล้วอาคารสีขาวหลังนั้นล่ะ” เตเต้ชี้ไปยังอาคารสีขาวนวลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า โดยที่บันไดทางขึ้นเต็มไปด้วยผู้คนเดินเข้าออกกันอย่างวุ่นวาย
“ด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ” ซีเรียตอบ “เราต้องไปจัดการเรื่องเอกสารขอเข้าเมืองกันก่อนถึงจะเข้าไปที่ตัวเมืองได้นะคะ”
“เห...แล้วที่เราเดินอยู่นี่ไม่ใช่ตัวเมืองหรอกหรือ ?”
“อาณาจักรพ่อค้านี้ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางช่องแคบระหว่างสองทวีปค่ะ แต่ละเกาะก็จะถูกแบ่งเป็นเขตต่าง ๆ เช่นส่วนที่เราอยู่ตอนนี้คือส่วนของท่าเรือฝั่งตะวันตก เป็นเขตนานาชาติไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนก็ได้ แต่ส่วนที่เราจะไปเป็นเขตวิทยาลัยซึ่งอยู่ในเขตตัวเมืองซึ่งต้องขอบัตรอนุญาตก่อน แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะยุ่งยากอะไรหรอกนะคะ ทางนั้นแค่ต้องการลงบันทึกทำบัญชีคนเข้าออกอาณาจักรแค่นั้นเอง”
“สมแล้วที่เป็นซีเรีย ฉันถามอย่างตอบมาสิบอย่าง”
“ขอบคุณค่ะ” ซีเรียตอบรับราวกับเป็นคำชมก่อนจะเดินนำองค์หญิงน้อยสู่ตัวอาคาร
ถึงแม้ภายในจะกว้างใหญ่เพียงใด แต่ผู้คนที่จะเข้ามาทำธุระก็มากพอที่จะทำให้พื้นที่ห้องดูแคบลงทันตา โต๊ะนับสิบตัวตั้งเรียงรายพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทำงานกับกองกระดาษอย่างเคร่งเครียด โดยมีแถวยาวของคนที่ยืนรอเองก็แผ่รังสีความหงุดหงิดไม่แพ้กัน น่าเสียดายที่ภาพวาดสีน้ำมันอันวิจิตรที่เล่าเรื่องราววิถีชีวิตประจำวันของผู้คนในอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งมิได้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศอันเคร่งเครียดเลยแม้แต่น้อย
ซีเรียพาเตเต้ไปยืนต่อแถวคิวที่ยาวที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองของอาณาจักร สำหรับผู้ที่เป็นถึงระดับองค์หญิงของอาณาจักรหนึ่งแต่ต้องมาใช้บริการกับผู้คนเดินดินทั่วไปอาจจะดูแปลกในสายตาของผู้อื่น และอาจจะถือเป็นการดูถูกสำหรับพวกชนชั้นสูงที่คิดว่าตัวเองนั้นพิเศษกว่าคนอื่นทั่วไปจนต้องตะแคงตีนเดิน แต่กับองค์หญิงที่คลุกคลีเล่นหัวกับผู้คนบนเกาะราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แนวคิดของคำว่าชั้นสูงชั้นล่างดูเหมือนจะมีจริงอยู่ในเพียงนิทานและเรื่องเล่าในหนังสือเท่านั้น ซีเรียเองก็ทราบดีว่าสถานภาพของเตเต้เป็นเพียงเจ้าหญิงจากอาณาจักรบ้านนอกที่ไม่มีความสำคัญใด คงไม่มีใครสนใจจะให้การต้อนรับอย่างสมพระเกียรติได้ นอกจากนี้งบประมาณค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากบรรดาชาวเกาะทั้งหลายแล้วนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินที่ท่าเรือตามทาง เป็นค่าช่วยเหลือการเดินทางที่ทุกคนต่างหามาด้วยความยากลำบากดังนั้นจึงจะนำไปใช้อย่างสิ้นเปลืองมิได้!
องค์หญิงพินิจป้ายที่เขียนข้อความเดียวกัน 6 ภาษาก่อนจะถามถามซีเรียไป
“นี่ทำไมซีเรียมาต่อแถวนี้ล่ะ ซีเรียไม่ใช่คนของอาณาจักรนี้หรอกเหรอ ทำไมไม่ไปทำตรงอีกฝากสำหรับคนของอาณาจักรล่ะ แถวก็สั้นกว่า แถมผ่านกันฉลุยด้วย”
เตเต้หมายถึงแถวอีกฟากที่มีจำนวนโต๊ะพอๆ กัน แต่แถวนั้นเคลื่อนตัวไปได้คล่องตัวกว่า ผิดกับแถวที่พระองค์ต่ออยู่ที่คนข้างหน้ากำลังโวยวายสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอกสารยืนยันสถานะของดิฉันก็หายไปตั้งแต่ตอนเรือล่มแล้ว ดิฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้มันเรื่องวุ่นวายโดยไม่จำเป็น....”
เมื่อเห็นองค์หญิงทำหน้าไม่เข้าใจกับตอบ ซีเรียก็เพียงแต่ส่งยิ้มอันอบอุ่นให้ แล้วกล่าวต่อว่า
“อีกอย่าง ตัวดิฉันในตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเกาะหอยกาบไปแล้วล่ะค่ะ ต้องขอบคุณทั้งองค์หญิงและทุกคนบนเกาะจริง ๆ ที่ได้มอบความรู้สึกที่เรียกว่า บ้าน ให้แก่ดิฉันนะคะ”
...................................
.........................
............
...
มันใช้เวลาสักครู่ใหญ่กว่าที่ทั้งสองจะเดินออกมาพร้อมกับม้วนกระดาษสีน้ำตาลในมือ
“ท่านเทพแห่งท้องทะเลมาทรงโปรดเถอะ เจ้าคนข้างหน้านี่มันโค-ตะ-ระ ช้าเลย เจ้าหน้าที่งี่เง่านั่นก็อีก ก็เห็นอยู่แล้วว่าเจ้าหมอนั่นมันพูดภาษากลางไม่ได้ก็ยังดันทุรังถามเป็นภาษากลางอยู่ได้ ถ้าอีกคนไม่ไปเรียกล่ามมาละก็แม่จะแปลให้พร้อมด่าไปอีกฉาดเป็นค่าแปลเลยคอยดู” เตเต้บ่นอุบอิบถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ซีเรียได้แต่เพียงยิ้มโดยแฝงความโล่งอกที่องค์หญิงไม่ได้ทำอย่างที่ว่าไว้ ไม่อย่างนั้นทั้งสองคงอดเข้าเมืองเป็นแน่
เป้าหมายถัดไปของทั้งสองคือท่าเรือเพื่อที่โดยสารต่อเข้าไปในเขตตัวเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะอีกแห่งหนึ่ง ทั้งสองยื่นเอกสารผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อนจะเข้ามาสู่ส่วนที่เป็นลานรอเรือโดยสาร มีเรือกอนโดล่าลำน้อยใหญ่จอดเทียบท่าพร้อมกับฝีพายยืนยืนเจรจาราคาค่าโดยสารกับลูกค้าที่ต่อคิวเป็นแถวยาว
“ขอเอกสารเข้าเมืองของเตเต้ด้วยค่ะ”
“จะเอาไปทำอะไรหรือ ?”
“เดี๋ยวดิฉันจะเก็บรักษาเอกสารของเตเต้ไว้เองค่ะ เก็บไว้ด้วยกันจะดูแลสะดวกกว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกซีเรีย ฉันรับผิดชอบตัวฉันเองได้น่า อีกอย่าง เอกสารนี้เค้าก็บอกไม่ใช่หรือว่าให้เอาติดตัวไว้ตลอด” เตเต้ตอบซีเรียอย่างมั่นใจก่อนจะเหน็บม้วนกระดาษนั้นไว้ในเสื้อ
“แล้วจดหมายเชิญเข้าเรียนยังอยู่ดีหรือเปล่าคะ”
“แน่นอน เก็บอยู่ในที่เดียวกับเอกสารเข้าเมืองนี่ล่ะ” เตเต้ตบกระเป๋าเบา ๆ มีสีพระพักตร์มั่นใจเต็มเปี่ยม
“งั้นเดี๋ยวฉันไป...อุ๊ย!”
ระหว่างที่ซีเรียกำลังจะก้าวเท้าเดินก็เผลอไปสะดุดกับชายแก่ผิวขาวผมหงอกที่กำลังกวาดเศษใบไม้อยู่ใกล้เคียงเสียจนชายแก่เซถลาเกือบลงไปกลิ้งกับพื้นทีเดียว
“นี่แม่หนู เดินระวังหน่อยสิ” ชายแก่ตวาดใส่ซีเรียที่รีบวิ่งมากุลีกุจอพยุงตัวชายชราไว้พลางขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง
“ดิฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดี...อ้าว”
เมื่อซีเรียมองหน้าชายแก่ผู้นี้อย่างตั้งใจก็พบว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่ของเธอนั่นเอง
“ลุงเปโดรนี่นา”
“หือ...แล้วหนูเป็นใครล่ะ หือ...อืม” ชายชราจ้องมองพินิจซีเรียอยู่สักครู่ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น อ้าปากกว้างอุทานชื่อ “ซีเรีย!” ออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรผิดกับเมื่อสักครู่
“นี่ซีเรียจริง ๆ หรือเนี่ย!”
“ไม่ได้พบกันตั้งนานเลยนะคะ ดีใจจังที่คุณลุงยังจำหนูได้อยู่” ซีเรียยิ้มหวานตอบ
“โห กี่ปีมาแล้วเนี่ยที่ไม่ได้เจอหนูน่ะ โตขึ้นซะสวยจนแทบไม่เหลือเค้าหนูน้อยซีเรียคนนั้นเลยนะ” ลุงเปโดรกล่าวด้วยน้ำเสียงดูสดใสขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก “ไปอยู่ไหนมาตั้งหลายปีเนี่ย ตั้งแต่หนูไป ร็อคซาน่าอินน์ มันก็ไม่คึกครื้นเหมือนเก่าเลยนะ....” ลุงเปโดรกล่าวระลึกความหลังตามภาษาคนแก่จนสายตาอันพร่ามัวสังเกตเห็นองค์หญิงที่ยืนแกร่วอยู่ข้างเคียง
“โฮ่...กลับมาคราวนี้พ่วงลูกพ่วงหลานมาด้วยเหรอเนี่ย”
ซีเรีย มีสีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงเปโดรกล่าว
“ฮุฮุ ๆ เวลามันผ่านไปเร็วจริงเนอะ เผลอแป็บเดียวหนูน้อยซีเรียที่เคยยังเล่นซนออกเย้าออกเรือนซะแล้ว”
“ลุงเปโดรเข้าใจผิดแล้ว นี่เป็นองค์หญิงตาลอสติเตส เตเต้ รัชทายาทอันดับหนึ่งของอาณาจักรหอยกาบที่หนูรับใช้อยู่ค่ะ” ซีเรียรีบอธิบายพลางกล่าวแนะนำตัวเจ้านายของตน
“ไหนๆ เจ้าหญิงที่หนูว่าล่ะ” ลุงเปโดรมองหันไปมาโดยมองข้างองค์หญิงเตเต้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง “ไม่เห็นเจ้าหญิงอยู่แถวนี้เลยนี่นา”
“ก็อยู่ตรงหน้าลุงนี่ล่ะค่ะ”
เสียงเล็ก ๆ ของเด็กสาวดึงความสนใจให้ลุงเปโดรก้มลงมองเตเต้ทำกำลังยืนหน้าเบ้อยู่ข้างซีเรียน
“เห ยายหนูกะโปโลเนี่ยเหรอเป็นเจ้าหญิง”
อึก...
องค์หญิงเตเต้สะอึกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ถึงแม้องค์หญิงเตเต้จะไม่ถือตัว แต่โดนมองข้ามขนาดนี้ย่อมรู้สึกขุ่นเคืองเป็นธรรมดา
“ใช่ซี่ เรามันก็แค่เจ้าหญิงอาณาจักรบ้านนอก โดนคนอื่นมองข้ามมันก็ไม่แปลกอยู่แล้วนี่”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นแล้ว เตเต้จึงทักทายผู้สูงอายุตามมารยาทก่อนจะเดินผละตัวออกไปจากอย่างไม่สบอารมณ์
“อ้าว...นี่ลุงไปทำอะไรให้ลูกหนูโกรธละเนี่ย”
“ลุงเปโดร หนูบอกแล้วไงว่าท่านไม่ใช่ลูกของหนูไงล่ะคะ” ซีเรียยิ้มแห้ง ๆ พลางหันไปมององค์หญิงน้อยด้วยความเป็นห่วง
..................................
....................
..........
....
“ใช่ซี่ เรามันก็แค่เจ้าหญิงบ้านนอก”
เตเต้บ่นอุ่บพลางเหม่อท่าเรือโดยรอบอย่างไร้จุดหมาย ภาพของมหานครที่อยู่อีกฟากหนึ่งของผืนน้ำบนฉากหลังของท้องฟ้าสีครามดูราวกับเป็นภาพวาดที่เตเต้เคยได้แต่เพียงมองดูจากรูปภาพในหนังสือ ท่ามกลางอาคารของมหานครของอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่ง ปราสาทสีขาวสูงตั้งเด่นเป็นสง่าราวกับเป็นหัวใจของมหานครก็มิปาน
องค์หญิงเหลือบไปมองซีเรียที่ยืนพูดคุยกับลุงเปโดรอย่างรู้สึกแปลกประหลาด การที่ได้รู้จักตัวตนอีกด้านของคนที่เราคิดว่ารู้จักดีแล้วมันรู้สึกว้าเหว่ชอบกล ตามปรกติแล้วเตเต้ไปไหนมาไหนมักจะพบกับผู้คนที่คุ้นหน้าตลอดเวลา แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นคนแปลกถิ่นที่มองไปทางไหนก็พบแต่คนแปลกหน้าทั้งนั้น ซีเรียเองตอนที่มาอยู่บนเกาะใหม่ ๆ ก็คงมีความรู้แบบนี้ละมั้ง เตเต้ได้แต่ครุ่นคิดในใจ
“กลิ่นของทะเล บรรยากาศรอบข้าง หรือแม้แต่สีของท้องฟ้า...ไม่เหมือนที่บ้านเลย”
องค์หญิงน้อยรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้อีกครั้งเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายของผู้คนโดยรอบ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ต้นคอถูกรัดจากด้านหลังด้วยท่อนแขนอันกำยำเสียแล้ว
“เฮ้ย !”
ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีใบมีดแหลมคมเย็นเฉียบอันสั่นระริกจ่อตรงใบหน้า น้ำเสียงอันแข็งกร้าวตวาดออกไปอย่างร้อนรน
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นยายหนูนี่โดนเชือดแน่!”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: April 04th, 2008: แก้ไขรายละเอียดเรื่องการแต่งตัวของซีเรีย
Edit Log: April 13th, 2008: แก้คำผิด
Edit Log: May 1st, 2008: เพิ่มรายละเอียดของลุงเปโดร
Edit Log: June 25th, 2011: มหกรรมรีไรท์
Edit Log: June 14th, 2012: รีไรท์
ความคิดเห็น