ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    merMAID Princess!! เงือก เมด เจ้าหญิง ป่วน!

    ลำดับตอนที่ #30 : ผจญกับขี้นก! เสี่ยงตายกับอาหารทุกมื้อ! นี่ล่ะหน้าที่ของคุณเมดผู้กล้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 979
      1
      6 พ.ค. 56

     

     


    แสงทองของยามเช้าแยงผ่านช่องว่างของม่าน  สะกิดให้นัยน์ตาที่จมดิ่งในห้วงนิทราต้องตื่นขึ้นมา...

     

    ประสาทรับรู้ที่ยังคงหนักอึ้งค่อย ๆ รู้สึกถึงเสียงนกน้อยร้องเจื้อยจ้อยขับขานต้อนรับรุ่งอรุณวันใหม่  เป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาต้องลาจากที่นอนแสนอุ่นสบายนี้เสียแล้ว

     

    เพื่อปลุกห้วงคะนึงที่ยังอาลัยต่อหมอนนุ่มเหล่านี้  ชาอัสสัมพร้อมครัวซองหอมกรุ่น  เสิร์ฟโดยเมดสาวที่เข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน  และคำทักทายด้วยความนอบน้อมว่า  อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน  ย่อมทำให้จิตใจอันเซื่องซึมพลันกระจ่างชัด  ราวกับตะกอนที่เริ่มร่วงหล่นไปนอนก้นยามเมื่อหย่อนสารส้มลงไป  เหลือแต่เพียงน้ำ ใสไร้สิ่งเจือปน

     

    จากนั้นม่านและหน้าต่างจะถูกเปิดออก  ปล่อยให้แสงแดดอุ่น และสายลมเย็นพัดกลิ่นดอกลิลลี่ป่าจาง ๆ  ชำระล้างคราบแห่งความง่วงที่หลงเหลืออยู่จากยามราตรีเป็นขั้นสุดท้าย

     

    ดูแล้วเป็นยามเช้าที่น่ารื่นรมณ์เสียจริง  

     

    นุ่มนวล  หรูหรา  สะดวกสบาย  ไม่รีบเร่ง

     

    จะมีสักกี่คนที่ได้รับอภิสิทธิ์แสนสุขเช่นนี้หนอ

     

    สำหรับนักศึกษาแห่งวิทยาลัยโซเฟียนั้น  มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเช้าจนเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว  เหล่าลูกหลานเจ้าขุนมูลนายเคยชินอยู่กับสิทธิและเกียรติที่เหนือกว่าคนอื่นทำให้เรื่องพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นของตายขั้นพื้นฐาน  เป็นเรื่องโดยธรรมชาติที่ควรจะได้รับ

     

    แต่เพื่อความสุขสบายของคนหนึ่งคน  จะต้องมีอีกสักกี่คนที่ต้องเหนื่อยยาก

     

    ...................

    ............

    ....

     

    ขัดมันเข้าไปจนกว่าพื้นจะเงาจนเห็นก้นอ้วน ๆ ขี้เกียจของพวกแก !”

     

                    เสียงดุของคุณป้าหน้าย่นที่จิกกัดเหล่าลูกเจี๊ยบมานักต่อนักดังขึ้นอย่างไม่ขาด  แม้ยามเช้าฟ้าสางจะยังมืดสลัว  แต่เหล่าสาวใช้ต่างขยับตัวขึ้นลงตามเสียงบ่นที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที  พวกหล่อนจึงได้แต่นึกว่ามันคงจะดีกว่านี้ไม่น้อยถ้าคุณป้าที่เคารพจะขยับมือให้มากเท่ากับที่ปากกำลังขยับอยู่ในตอนนี้ 

     

                    อย่ามัวแต่เหม่อสิยะ  วิทยาลัยไม่ได้จ้างพวกเธอให้เดินเล่นลอยชายหรอกนะ

     

                    ว่าแล้วแม่นางก็เดินสะบัดชายกระโปรงบ่นกับตัวเองโดยการป่าวประกาศว่าทำไมมันเหนื่อยนักเหนื่อหนาราวกับเจ้าหล่อนทำงานหนักเหลือเกิน 

     

                    เฮ้อ...

     

    เตเต้ที่กำไม้ม็อบแน่นได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  เหม่อมองเหล่าะสหายร่วมชะตาประมาณร่วมแปดชีวิตที่กำลังยืนขัดขี้นกอย่างซังกะตายบนลานกว้างที่ขนาบข้างด้วยอาคารปราสาทสีขาวนวล  พวกเธอล้วนเป็นเด็กผิวสีไม่ว่าจะผิวคล้ำมากหรือจะดำมืดกลืนไปกับท้องฟ้ายามค่ำเลยก็ตาม 

     

    เตเต้เข้าใจเป็นอย่างดีว่าพวกเธอถูกโยนขี้ให้มาทำงานที่พวกชาวผิวขาวไม่อยากทำเสียเท่าไร 

     

                    องค์หญิงน้อยมองลานที่ตนมีส่วนร่วมในการทำให้สะอาดได้ถึงขนาดนี้  แน่นอนว่าจะให้สะอาดจนสะท้อนเห็นก้นก็คงเป็นไปได้ยาก  แต่ถ้าเทียบกับเมื่อเช้าที่เต็มไปด้วยคราบสีขาวเป็นปืด ๆ เต็มลานแล้วสภาพในตอนนี้ดูดีกว่าเยอะ  อย่างน้อยลวดลายดาวเหนืออันเป็นที่เลื่องลือของลานกว้างใจกลางวิทยาลัยก็ได้อวดโฉมมันเสียที 

     

    พูดมาถึงขนาดนี้แล้วก็อดกล่าวถึงตัวการเบื้องหลังความสกปรกนี้เสียไม่ได้  ตัวอาคารที่อยู่โดยรอบทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ยามรุ่งเช้า  แต่อย่างน้อยเตเต้ก็มั่นใจว่าคุณพระอาทิตย์คงต้องโผล่หัวเหม่ง ๆ นั่นขึ้นมาที่ไหนสักแห่งเป็นแน่  เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นเงาทะมึนนับสิบนับร้อยยืนเรียงตัดกับแสงสลัวบนหลังคาอาคารเคียงคู่รูปปั้นนางฟ้าประทานพร

     

    ใช่แล้ว  มันคือฝูงอีกาอันเลื่องชื่อของวิทยาลัยโซเฟียนั่นเอง

     

    ตาสีดำขลับไร้ความรู้สึกของมันจ้องมองยังหญิงสาวเบื้องล่างราวกับยมทูตที่เฝ้ามองชีวิตของมนุษย์ที่หดสั้นไปกับทุกลมหายใจ  ขนสีดำขลับของมันยิ่งเสริมภาพลักษณ์อันชั่วช้าหนักขึ้นไปอีก  ถึงกระนั้นรูปร่างภายนอกก็มิอาจเทียบได้กับความร้ายกาจที่แท้จริงของพวกมัน  จงอยปากดำเรียวยาวของพวกมันสังหารคุณเต่าผู้น่าสงสารมานับไม่ถ้วน  ครั้งหนึ่งเตเต้เคยเห็นเจ้าอีกาตัวแสบพวกนี้จับคุณเต่าพลิกหงายท้องแล้วรุมทึ้งเข้ามาตามช่องว่างของกระดองอย่างไม่ปราณี  หล่อนพยายามจะไล่มันไปแต่มันก็สายไปเสียแล้ว... คุณเต่าน้อยเหลือแต่เพียงกระดองเปล่า ๆ ที่ข้างในกลวงโบ๋เบ๋ 

     

    เจ้าอีกาตัวแสบพวกนี้ถือเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับประจำวิทยาลัยโซเฟีย  นครรัฐแห่งอาณาจักรพ่อค้าอันมั่งคั่งก็กว้างขวางอยู่หรอก  แต่ด้วยเหตุอันใดมิทราบ  มีเพียงที่นี้ที่เดียวที่อีกาพวกนี้ปักหลักตั้งป้อมอยู่กันอย่างไม่เกรงใจ  เท่านั้นยังไม่พอ  อีกาพวกนี้ยังไม่ค่อยจะเกรงกลัวมนุษย์เสียเท่าไหร่  แถมยังดุร้ายไล่จิกสัตว์เล็กสัตว์น้อยไปทั่ว  มีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าพวกอีกาเหิมเกริมหนักถึงขนาดไปรุมจิกเหยี่ยวตัวโปรดของ เจ้าชายต่างแดนองค์หนึ่งจนเกือบหวิดเป็นเรื่องระหว่างอาณาจักรไป แม้จะมีความพยายามขับไล่มันไปเท่าไหร่  เจ้าพวกอีกาจะยังหวนกลับมาเหมือนเดิม  ขนาดมีการประกาศให้เอาซากอีกามาแลกเงินก็แล้ว  มันก็รังแต่จะยกพวกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทางวิทยาลัยจะไม่มีปัญญาจ่ายรางวัลให้...

     

    การสู้รบระหว่างมนุษย์กับอีกาจบลงด้วยความสำเร็จเพียงแค่การไล่พวกมันให้พ้น ๆ จากอาคารหอพักของนักศึกษาเท่านั้น  จากนั้นเป็นต้นมาอาคารส่วนของคนรับใช้จึงกลายแหล่งชุมนุมของอีกาไปโดยปริยาย 

     

    ระหว่างที่เตเต้กำลังเผลอเหม่อมองเหล่านกกาอยู่  ก้อนของเหลวสีขาวปนเหลืองก็ร่วงหล่นลงมาดัง แปะ ตรงที่ยืนอยู่พอดี  ยังเป็นโชคดีขององค์หญิงหัวฟูที่หลบได้อย่างฉิวเฉียด  กระนั้นพื้นสะอาดที่เพิ่งทำความสะอาดไปได้ไม่เท่าไรต้องมีอันแปดเปื้อนไปอีกครา

     

    เตเต้แหงนมองฝูงอีกาด้วยความหงุดหงิดถึงที่สุด  ตอนที่เตเต้หลบพ้นมันยังอุตส่าห์มีตัวกรีดร้องออกมาราวกับผิดหวังอย่างสุดซึ้งที่ทิ้งมูลลงมาไม่โดน  ดูเหมือนว่าตรงที่ยืนอยู่จะเป็นส่วนที่เสี่ยงต่อโดนนกหย่อนระเบิดมากที่สุด  มิน่าทำไมจึงมีแต่หล่อนยืนอยู่แถวนี้คนเดียว

     

    และเพื่อไม่ให้โชคร้ายองค์หญิงน้อยต้องขาดช่วง  คุณป้าผู้แสนขยันก็ไม่พลาดที่จะทำหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของเธอ

     

    นี่  ยายหัวหยิกตรงนั้นนะ  อย่ามัวแต่เหม่อ...  อะไรกันนี่  ขัดอีท่าไหนของเธอนะ  ปล่อยให้ยังมีคราบเหลืออยู่ตั้งเยอะ

     

    เธอเดินตรงปรี่เข้ามาอย่างไม่รอช้า   ราวกับหมีที่วิ่งพุ่งเข้าหารังผึ้งแสนหอมหวาน  ใช่แล้ว...  สำหรับคุณป้าที่อายุปูนนี้แต่ยังย่ำที่อยู่กับการเป็นแค่สาวใช้ต๊อกต๋อยที่มักถูกโยนให้ไปทำงานอื่นที่ชาวบ้านไม่อยากทำนั้น  การได้ดุด่าวางอำนาจเหนือเหล่าลูกเจี๊ยบฝึกงานดูจะเป็นความสุขเล็กน้อยไว้คอยรักษาสุขภาพจิตของหล่อนไว้ 

     

    เอ่อ  แต่ว่าเมื่อสักครู่...

     

    ไม่ต้องมาแต่เลย  ให้ตายสิ  เธอนี่เด็กใหม่ใช่ไหม  มิน่าถึงว่าทำไมไม่คุ้นหน้า  ว่าแล้วเธอก็แย่งไม้ม็อบมาจากมือของเตเต้  ดูตัวอย่างที่ฉันทำให้ดี ๆ แล้วจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ  ก่อนอื่นมันต้องราดน้ำก่อน  เห็นไหม  แล้วค่อย ๆ ขัดอย่างนี้  ออกแรกด้วย  อย่ามัวแต่สำออย 

     

    เอ่อ  คือตรงนั้นนะ เตเต้มองคุณป้าอย่างไม่สบายใจนัก  โดยเฉพาะกับบริเวณที่คุณป้ายืนอยู่

     

    บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ดูฉัน

     

    ยังไม่ทันจบประโยค  ของเหลวเหนียวสีขาวปนมูลสีดำก็หล่นใส่กลางหน้าผากเถิก ๆ ของคุณป้าตรงเป้าเผง  เจ้ากาบนหลังคาก็ต่างสงเสียงเจี้ยวจ้าวราวกับแฟนกีฬาที่ลุกฮือกระดี๊กระด๊าเวลาทีมที่ตัวเองทำคะแนนจากอีกฝ่ายได้ ส่วนสีหน้าของคุณป้าหรือ... คงเหมือนกับแฟนกีฬาอีกฝ่ายที่ทำแต้มล่ะกระมัง

     

    ..............................

    .....................

    .............

    .....

     

    สิ่งที่เธอต้องทำมีอย่างเดียวคือติดตามรับใช้เจ้านายของเธอ  งานจิปาถะพวกนั้นนะไม่ใช่หน้าที่ของเธอ  จำเอาไว้ด้วยล่ะ  ทีหลังจะได้ไม่ต้องให้ฉันเที่ยวหาตัวเธออีก

     

                    รุ่นพี่แครอลกล่าวกับเตเต้เป็นรอบที่เท่าไรก็มิทราบนับตั้งแต่เธอไปฉกตัวองค์หญิงน้อยมาจากการขัดลานขี้นกนั่น  แต่ก็เพราะรุ่นพี่แครอลนี่ล่ะที่ช่วยให้เตเต้รอดก่อนจะเป็นเหยื่อบันดาลโทสะของคุณป้าคนนั้นไป 

     

    กระนั้นเตเต้ก็ต้องเผชิญกับความหงุดหงิดของรุ่นพี่แครอลแทน  ในมือของหล่อนยังมีแท่งไม้เปล่า ๆ กับขนนกหลากสีติดตามเสื้อผ้า  เป็นเพราะเธอตามหาเตเต้ไม่พบ  รุ่นพี่แครอลจึงต้องไปแขวนกรงนกริมหน้าต่างคนเดียว 

     

                    ให้ตายสิ  ฉันอยากเอาไม้นี่ไปฟาดเจ้าพวกที่ออกความคิดงี่เง่าให้เอานกไปแขวนริมหน้าต่าง  เพื่อเวลาพวกท่านตื่นจะได้ยินเสียงนกต้อนรับยามเช้าเสียเหลือเกิน

     

                    คำพูดของรุ่นพี่แครอลคงพอจะอธิบายทุกสิ่งให้เตเต้ได้ทราบทั้งหมด

     

                    ระหว่างที่รอกาน้ำเดือดนั้น  รุ่นพี่แครอลก็เริ่มเอาซองจดหมายสามสี่ฉบับมายื่นให้กับเตเต้  มันเป็นกระดาษเนื้อดีที่ถูกพับและผนึกครั่งสีแดงฉาดไว้อย่างปราณีต 

     

                    นี่เป็นจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงทั้งสัปดาห์นี้ขององค์ชาย  แล้วถ้าว่าอย่างไรเดี๋ยวฉันจะไปช่วยเธออ่านให้...

     

                    ท่านเคาท์วีเล็คคินี่  โดมเบนิโต  หัวหน้าตระกูลราโมส  มาดามแซงค์รี  แห่งคฤหาสน์กุลาบ  จดหมายเชิญของทางวิทยาลัย  เท่านี้ใช่ไหม ?

     

                    รุ่นพี่แครอลมองหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินลูกเจี๊ยบฝึกหัดไล่ทวนหน้าซองจดหมายอย่างไม่มีติดขัด  มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายเล็กน้อยที่เตเต้สามารถอ่านหนังสือออกได้เช่นนี้

     

                    ถ้าเช่นนั้นเธอก็คงไม่มีปัญหาที่จะแจ้งให้ท่านทราบนะ  โดยเฉพาะจดหมายของทางวิทยาลัย  ขอให้เน้นย้ำกับพระองค์เป็นพิเศษ  เพราะมันเกี่ยวกับพิธีปฐมนิเทศเปิดการภาคการเรียนของปีนี้นะ  รายละเอียดแจ้งไว้ในนั้นแล้ว  แล้วรายงานคำตอบขององค์ชายให้ฉันตอนเย็นด้วยล่ะ

     

                    เตเต้อ่านจดหมายฉบับนั้นด้วยความรู้สึกค่อนข้างจะสับสน  ในความเป็นจริงนั้นหล่อนจะต้องเป็นผู้เตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมงานวันเปิดภาค  ย่างก้าวเฉิดฉายกลางห้องบอลรูมที่ผนังเป็นสีทองตกแต่งศิลปะรูปแบบโรโคโค่  กองทหารเกียรติยศตั้งแถวรอรับขนาบข้างพร้อมผู้ขานพระนามเต็มก้องกังวาลไปทั่ว  เหล่ารูปปั้นทวยเทพต่างจดจ้องการปรากฏกายขององค์หญิงผู้เลอโฉม  ฉลองพระองค์ทรงเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงของราชอาณาจักรนั้นสะกดสายตาของทุกคนให้ต้องก้มถวายความเคารพ  เบื้องหลังชายกระโปรงกรุยกรายที่เดินตามอย่างนอบน้อมไม่ห่างคือซีเรียผู้สวมชุดผู้ติดตามที่ไม่เพียงแค่เน้นความงดงามของเธอ  แต่ยังได้ส่งเสริมบารมีของผู้เป็นเจ้านายเหนือหัวอีกด้วย  และตรงสุดปลายแถวอิสริยยศนั้นมีอัศวินหนุ่มรูปงามยิ่งกว่ารูปปั้นเทพบุตรแห่งสวรรค์  ผู้ที่เส้นผมราวไหมทองเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าท้องพระโรงทองคำแห่งจักรวรรดิกลางอันเกรียงไกร  สวมชุดสีขาวขลิบลวดลายสีทอง  ยืนรอคอยการมาของพระองค์  พระองค์จะทรงยื่นพระหัตถ์ให้  และอัศวินหนุ่มจะค่อย ๆ บรรจงจุมพิตที่มือ  ก่อนจะประคององค์หญิงน้อยไปสู่ลานพิธี....

     

                    ทันใดนั้นเอง  แรงกระแทกหนัก ๆ ก็กระทบเข้ากลางหน้าผาก  ปลุกให้เตเต้ตื่นจากพระสุบินยามเช้าอันแสนหอมหวาน

     

    ฟังที่ฉันพูดรึเปล่าเนี่ย !” 

     

    เตเต้ส่ายหัว  ซึ่งรางวัลที่ได้รบแด่ความสัตย์ซื่อคือฝ่ามือที่ตบลงมาอีกหนึ่งฉาด 

                                          

    ให้ตายสิ  อย่าคิดว่าแค่เจ้าชายถูกใจแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ  รุ่นพี่ตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิด  ดูวิธีการชงชาของฉันให้ดี ๆ ล่ะ  เพราะอีกหน่อยเธอจะต้องเป็นคนทำเองทั้งหมด

     

    ว่าแล้วรุ่นพี่แครอลก็เริ่มการชงชาพร้อมอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด  ซึ่งแน่นอนว่าเตเต้ไม่มีทางจดจำวิธีการและหลักการอันละเอียดอ่อนของการชงชาพิลึกนี่ได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น  จนกระทั่งสักพักเมื่อชาดูเหมือนจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว  รุ่นพี่แครอลจึงรินส่วนหนึ่งของน้ำชาใส่แก้วเล็กเท่าฝ่ามือ  แล้วจึงยื่นให้เตเต้

     

    เอ้า  ลองดื่มดูสิ

     

    องค์หญิงทรงรับแก้วนั้นมาอย่างงง ๆ สงสัยว่าจะให้ชิมรสชาติของน้ำชาล่ะกระมัง  พระองค์จึงดื่มมันภายในอึกเดียว

     

    รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ

     

    องค์หญิงทำหน้าเหยเกเล็กน้อย  แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าพระองค์โปรดปรานเจ้าน้ำชานี่มากสักแค่ไหน  พระองค์ได้แต่ฝืนกล้ำกลืนพยักหน้าเป็นนัยว่าทุกอย่างเรียบร้อย

     

    ไม่รู้สึกชาที่ปลายลิ้น  แสบ ๆ คัน ๆ หรือคลื่นไส้อาเจียนนะ ?

     

    องค์หญิงทรงส่ายหน้า

     

    งั้นก็ดี  เอาแก้วนั่นติดตัวไปด้วย  ประเดี๋ยวเธอต้องใช้มันชิมต่อหน้าองค์ชายอีกที  อย่าลืมว่าก่อนองค์ชายจะเสวยอะไรเธอจะต้องเป็นคนชิมมันก่อนเสมอ  เข้าใจนะ

     

    ทำไมต้องชิมก่อนด้วยล่ะ ? 

     

    ก็ถ้าเกิดมีใครคิดจะวางยาพิษองค์ชายเธอจะได้โดนก่อนไง  อย่างว่า  ชีวิตของท่านมีค่ามากกว่าคนรับใช้อย่างเรา ๆ อยู่แล้วนี่  เห็นว่ามันช่วยให้พวกนักเรียนรุ่นก่อนรอดชีวิตมาหลายครั้งเลยล่ะ  แต่อย่าถามถึงชะตาของคนชิมเลย  เธอคงไม่อยากฟังนักหรอก  รุ่นพี่แครอลตอบอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก  ปล่อยให้องค์หญิงน้อยกลืนเสมหะข้น ๆ ลงไปอย่างเสียวใส้   แต่มันก็มีข้อดีเหมือนกันนะ  อย่างน้อยพวกเราก็มีโอกาสได้ชิมอาหารอร่อยระดับเดียวกับเจ้านายเชียว  ว่าแล้วรุ่นพี่ผู้แสนดีก็หั่นขนมปังครัวซองค์ออกมาก่อนจะยื่นให้องค์หญิง

     

    คราวนี้ก็ตาของขนมปังครัวซองค์  เอ้า  อ้าปากหน่อยสิ

     

    ................................

    .....................

    ............

    ....

     

    เอาล่ะ  ต่อจากนี้ก็เป็นงานของเธอแล้ว  จำสิ่งที่ฉันบอกไว้ในตอนแรกได้ใช่ไหม

     

    อ่อนน้อม  และสง่างาม  ใช่ไหมคะ

      

    จำแล้วก็ทำให้ได้ด้วยก็แล้วกัน  อย่าให้เสียชื่อแม่บ้านแห่งวิทยาลัยโซเฟียล่ะ” 

     

    รุ่นพี่แครอลทวนองค์หญิงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้เตเต้จัดการงานด้วยตัวเอง เมื่อมั่นใจว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดรุ่นพี่แครอลก็จึงเดินจากไป  ทว่ารุ่นพี่เจ้าเนื้อพลันฉุกคิดบางอย่างออกมาได้   

     

    จริงสิ  ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอนัก  ก็ช่วนกล่อมให้องค์ชายท่านลงมาเสวยอาหารเย็นร่วมโต๊ะกับท่านอื่นด้วยล่ะ  ท่านไม่ได้มาร่วมหลายวันแล้ว

     

    รุ่นพี่ว่าอะไรนะคะ ?

     

    ก็อย่างที่ได้ยินล่ะ  ฝากด้วยก็แล้วกัน  อาหารที่พวกห้องครัวตั้งใจทำวางโดยไม่มีคนกินมานานแล้ว  ประเดี๋ยวพวกนั้นจะได้อ้วนจากอาหารเหลือพอดีหรอก

     

    รุ่นพี่แครอลโบกมือไล่องค์หญิงไปพลางสะบัดหน้าเดินจากไป  เสียงรองเท้ากระทบพื้นจางหาย  เหลือแต่องค์หญิงกับถาดน้ำชาเงินที่ยืนอยู่ต่อหน้าประตูบานใหญ่อันน่าเกรงขาม  ภาพความทรงจำครั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าประตูบานนี้เป็นครั้งแรกยังคงตรงตรึง แน่นในความทรงจำ... มันเป็นเรื่องแน่นอนที่เตเต้จะจำได้ดี  ก็เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวานเองนี่นา 

     

    นี่ต้องเจอกับเจ้าชายเพี้ยนนั่นอีกแล้วหรือ...  นึกถึงเรื่องเมื่อวานทีไร  ถึงแม้เจ้าตัวจะบอกเช่นนั้นแล้วก็เถิด  แต่จะให้วางใจก็ใช่ที่...   

     

    เตเต้สูดลมหายใจดังเฮือก....  ไม่มีประโยชน์ที่จะมากังวลกับเรื่องในอนาคตที่เราไม่รู้  ว่าแล้วหล่อนก็เคาะประตู

     

    อาหารเช้าเจ้าค่ะ

     

    เข้ามาเลย” 

     

    เสียงตะโกนเชื้อเชิญจากเบื้องหลังประตูบ่งบอกว่าองค์ชายนั้นคงจะตื่นนอนมาได้พักใหญ่แล้ว 

     

    เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับองค์ชายนั่งไขว่ห้างสบายใจเฉิบบนเก้าอี้กลางห้อง  เขาเพียงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวโปร่งมีระบายไม่ติดกระดุม  เผยให้เห็นเนินอกผายและกล้ามหน้าท้องเป็นร่องราวกับสัตว์ป่า  ส่วนล่างสวมเพียงโจงกระเบนสีน้ำตาลดินเลน    

     

    นอกจากตัวองค์ชายแล้ว  ถัดออกไปแทบจะห่างเพียงไม่กี่เส้นขนยังมีชายหนุ่มผิวคล้ำร่างเล็กอีกคนก้มหัวงุด ๆ แทบเท้าขององค์ชายเสียจนอดนึกมิได้ว่าเขากำลังตามหาญาติที่เกิดใหม่มาเป็นเชื้อโรคบนพื้นกระมัง  เมื่อรับรู้การมาของเตเต้  เขาเพียงแต่ยกศีรษะขาวสามด้านที่มีหย่อมผมกระจุกอยู่กลางหัวขึ้นมามองราวกับลูกหมาตัวน้อย  ดูจากเค้าหน้าของเขาบอกได้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นคนพื้นเพเดียวกับองค์ชาย  เพียงแต่ดูจากท่าทางนอบน้อมซะจนแทบจะเลียขาเจ้านายทำหูลู่กระดิกหางดุ๊กดิ๊กนั้นแล้ว  บ่งบอกถึงฐานะข้ารับใช้ได้เป็นอย่างดี

     

    ทว่านอกเหนือจากท่าทีอันนอบน้อมต่อผู้เป็นนายแล้ว  ขอบนัยน์ตาเล็กเรียวมีคราบของน้ำตาเจืออยู่ราวกับเขาเพิ่งผ่านการร่ำไห้มาไม่นาน... 

     

    และที่ยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับองค์หญิงน้อยมากกว่านั้นคือนัยน์ตาน้ำตาคลอเบ้าที่ว่า  จ้องมองด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อราวกับหล่อนเพิ่งแย่งอะไรบางอย่างไปจากเขา


    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: Jan 30th, 2009: จบตอนทั้ง ๆ ที่ยืดอย่างนี้ล่ะ  มันอาจจะดูยืด ๆ อย่างนี้หน่อยอีกประมาณสองตอนก่อนจะเข้าเรื่องจริง ๆ จัง ๆ นะครับ  ขอให้อดทนรออีกนิด....
    Edit Log: Jan 31th, 2009: แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาเล็กน้อย
    Edit Log: April 15th, 2009: rewrite complete
    Edit Log: April 15th, 2009:แก้คำผิด
    Edit Log: May 31th, 2009: เพิ่มเติมข้อมูลอีกเล็กน้อย
    Edit Log: June 15th, 2011: มหกรรมรีไรท์

    Edit Log: May 6th, 2013: รีไรท์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×