ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psalms of the New World

    ลำดับตอนที่ #8 : The League of Extraordinary Gentlemen

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 539
      1
      11 พ.ค. 51

                    อาราเนีย  ประเทศของเผ่าพันธุ์ผู้หญิง  เหล่าสัตว์ประหลาดป่าเถื่อนไร้ความเป็นอารยะ  พวกมันปฏิเสธศาสตร์วิชาแห่งเครื่องจักรกลและเทคโนโลยี  ใช้ศาสตร์นอกรีตสร้างพลังปาฏิหาริย์จอมปลอมท้าทายพระประสงค์ของพระเจ้า  พวกมันคือร่างเนื้อของบาปที่ได้ล่อลวงผู้ชายจมดิ่งสู่ความชั่วช้า  อันเป็นสาเหตุทำให้ผู้ชายอย่างเราต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์  ไม่มีอีกแล้วที่เผ่าพันธุ์ผู้ชายอย่างเราต้องแปดเปื้อนได้มากไปกว่าการต้องถูกผู้หญิงกดขี่ข่มเหงสารพัดในยุคโบราณกาล 

     

                    อย่าดื้อนะ  ไม่งั้นพวกผู้หญิงจะมาจับไปกินไม่รู้ด้วยนะ

     

                    พึงระวัง  มื้ออาหารโปรดของเหล่าผู้หญิงคือผู้ชายอย่างเรา

     

                    อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!”

     

                    ปีศาจ! ผู้หญิงคือปีศาจ!”

     

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยของรอสจ้องดูตัวเลขดิจิตอลที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว   แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยเสียงและข้อความตั้งแต่จำความได้ขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน  ภาพของบรรดาโปสเตอร์และภาพยนตร์ที่เขาเคยผ่านตาค่อยๆ ย้อนกลับมาเหมือนกำลังดูภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก

     

                    ตั้งแต่ได้รับรู้ถึงภารกิจที่ต้องปฏิบัติ  จนถึงเมื่อนายพลโคลท์นำรอสไปยังลิฟต์ที่แอบซ่อนไว้เบื้องหลังธงผืนโตที่อยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงาน  จนถึงตอนนี้  รอสก็มิอาจสลัดความกังวลใจออกไปได้

     

    รู้สึกดีขึ้นแล้วรึยังร้อยตรี นายพลโคลท์ตบไหล่รอสเบาๆ

     

                    ครับผม  ต้องขออภัยด้วยที่ผมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเมื่อสักครู่ครับ  รอสกล่าวอย่างหนักแน่น  แต่ก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกอันหวาดหวั่นในใจได้

     

                    ไม่แปลกหรอกที่ร้อยตรีจะตกใจนะ  ผมเองตอนที่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องพรรค์นี้ครั้งแรกก็เกือบจะรับไม่ได้เหมือนกันล่ะ  

     

                    แต่ว่า  ผมเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าตัวผมจะมีความเหมาะสมต่อภารกิจในครั้งนี้ครับ

     

                    ไม่ต้องห่วงหรอกร้อยตรี นายพลโคลท์บีบไหล่รอสเป็นการคลายกังวล  ผมไม่ได้คิดจะส่งคุณไปตายหรอกนะ  ผมมีทีมสนับสนุนชั้นยอดคอยเตรียมความพร้อมให้คุณอยู่แล้ว  และอีกอย่าง...

     

                    ท่าน ผบ. กล่าวพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ดูขัดกับตำแหน่งอันสูงส่งโดยสิ้นเชิง

     

                    ผมเป็นคนเลือกคุณเองกับมือ  ไม่คิดหรอกหรือว่าผมจะดูคนไม่เป็น

     

                    มันเป็นเพียงประโยคเดียวเท่านั้น  แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้  แต่ในขณะเดียวกันแรงกดดันต่อความคาดหวังที่นายพลโคลท์มีต่อตัวเขาก็หนักขึ้นตามไปด้วย

     

                    หลังจากรอคอยมานาน  ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลงพร้อมกับเสียงดัง กิ๊ง จากการคาดคะเนถึงเวลาที่ล่วงเลยมานานบ่งบอกถึงความลึกที่พวกเขาได้เดินทางลงมา

     

                    ป่านนี้คนอื่นๆ คงจะมารอกันพร้อมแล้ว  เดี๋ยวผมจะได้แนะนำฝ่ายสนับสนุนให้ร้อยตรีได้รู้จักก่อนเลย  แล้วค่อยไปบรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจกัน

     

                    เมื่อประตูเปิดออก  ไอเย็นยะเยือกลอยมาสัมผัสใบหน้าอันไร้ราคีพร้อมๆ กับภาพของบุคคลทั้ง 3 ยืนเรียงหน้ากระดานรอการมาของเขาอยู่แล้ว  นายพลโคลท์ก้าวเดินออกมาโดยมีรอสเดินตามติด

     

                    ในบรรดาสามคนนั่น  มีสองคนเป็นทหารและอีกคนหนึ่งเป็นพลเรือนสวมชุดเสื้อกาวน์สีขาวยาวเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์  แต่แทนที่นายทหารทั้งสองจะแสดงความเคารพตามระเบียบ  พวกเขาเพียงกล่าวทักทายว่า สวัสดีครับ/อรุณสวัสครับ บอส แทน  ซึ่งท่าน ผบ. ก็เพียงยกมือทักทายตอบอย่างไม่เป็นทางการ

     

                    จากนั้นนายพลโคลท์จึงกล่าวแนะนำรอสให้ทั้งสามรู้จักก่อนจะเปิดโอกาสให้แต่ละคนเข้ามาทำความรู้จักด้วยตนเอง

     

                    ยินดีที่ได้รู้จักครับ  ผม  ฟิลิปเป้  เบเร็ตต้า  เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ครับ พลเรือนผู้เดียวท่ามกลางทหารจับมือทักทายกับรอสอย่างกระตือรือร้นตั้งแต่ก่อนที่รอสจะมีโอกาสยกมือขึ้นมาด้วยซ้ำ  เขาเป็นชายร่างผอม  สูงปานกลางเตี้ยกว่ารอสหน่อยหนึ่ง  ผมสีดำผิวขาวซีด  แว่นกลมหนาที่เขาสวมอยู่ปิดบังแววตาที่เหมือนลูกหมาน้อยได้พบเพื่อนใหม่มากกว่าจะเป็นคนคงแก่เรียน  ผมล่ะอยากพบคุณรอสตัวจริงมานานแล้ว  ความจริงผมนั่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณมามาตลอด  ในที่สุดก็ได้พบกับตัวจริงซะที  ผมละดีใจเหลือเกิน

     

                    ต้องใช้เวลาสักครู่ใหญ่เพื่อจะแกะมือของฟิลิปเป้ออก  ก่อนที่รอสจะได้ไปทักทายกับคนต่อไป  เขาเป็นนายทหารผิวหมึกร่างยักษ์ศีรษะล้านเลี่ยน  ผู้มีใบหน้าน่ากลัว  ริมฝีปากหนายื่นเด่นออกมาเป็นเอกลักษณ์  ดาวสามดวงตรงปกคอแสดงถึงยศร้อยเอกที่เหนือกว่าเขา

     

                    รอสยืนตรงทำความเคารพ  แต่นายทหารผู้นั้นกลับเพียงยื่นมือให้แทนการเคารพตอบ

     

                    ที่นี่เราไม่ทำความเคารพให้กันเหมือนข้างนอกหรอกนะ  แค่จับมือกันก็พอ  นายพลโคลท์กล่าวแทรกขึ้นมากับผู้มาใหม่  แล้วที่นี่เราไม่เรียกกันด้วยยศ  เวลาเรียกผมเรียกว่า บอส ก็พอ

     

                    รอสยืนประมวลความคิดอยู่สักครู่  ก่อนจะจับมือตรงหน้าอย่างรู้สึกไม่คุ้นเคยนัก

     

                    รอส  เมาเซอร์ครับ  ยินดีที่ได้รู้จัก

     

    ซาดีน่า  แมกซิม เสียงโทนต่ำของชายผิวดำยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก  มันเป็นเพียงคำพูดห้วนๆ ประโยคเดียวที่ออกมาจากปากซาดีน่าก่อนที่เขาจะถอนตัวออกไปยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นเคียงข้างนายพลโคลท์  

     

    บอส  แน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะให้คนอย่างหมอนี่ทำภารกิจนี้นะครับ 

     

    เสียงเล็กแทรกขึ้นพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของบุคคลร่างบางในชุดเครื่องแบบที่เดินก้าวออกมาจากเงามืดเป็นคนสุดท้าย  เผยให้เห็นชายหนุ่มผิวแทนผู้มีผมดำมันขลับที่ถูกทาแว็กซ์ซะเรียบแปล้  แต่ก็ยังมีปล่อยให้มีปอยผมบางส่วนตกลงมา  เขามีใบหน้าดูอ่อนเยาว์เสียเกินกว่าที่จะสวมชุดนายทหารติดยศร้อยตรีแบบเดียวกับเขาได้  นัยน์ตาสีนิลดำขลับจ้องมองมายังรอสอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

     

    เพิ่งจะจบออกมาหมาดๆ  ประสบการณ์ภาคสนามเป็นศูนย์  แถมยังไม่เคยฝึกพื้นฐานการแทรกซึมมาก่อน  ผมว่าการที่ให้หมอนี่มาปฏิบัติภารกิจนี้จะเป็นการเสียงที่สูงมากเลยนะครับ

     

    เพราะฉะนั้นผมถึงเรียกตัวคุณมาเพื่อการฝึกเขาไงโดยเฉพาะไงล่ะ  ถ้ามีเจ้าหน้าที่ผู้มากประสบการณ์เป็นผู้ฝึกสอนอย่างคนแล้วผมก็คงจะคลายกังวลไปได้  นายพลโคลท์ตอบ

     

    แต่ว่า  ทำไมท่านไม่ให้ผมเป็นคนปฎิบัติการ...

     

    คิดว่าผมดูคนไม่เป็นหรือไงกัน  นายพลโคลท์กล่าวเสียงเย็นยะเยือกพร้อมจ้องเขม็งด้วยแววตาอันเหี้ยมกริบ  หน้าที่ของคุณคือการปฏิบัติตามคำสั่งของผมไม่ใช่หรือไง  หรือว่าคุณลืมกฎระเบียบไปแล้ว!”

     

    นายทหารหนุ่มผิวแทนหลบสายตาของนายพลโคลท์มาจ้องกับรอสอย่างหงุดหงิด  ก่อนจะเดินมาจับมือกับรอสอย่างไม่เต็มใจนัก

     

    ซาฮา  การาน  ขอโทษเรื่องเมื่อสักครู่ด้วยที่เสียมารยาทไป 

     

    แต่รอสก็ฟังดูออกว่าคำขออภัยที่กล่าวออกมาหาได้มีความจริงใจแม้แต่น้อย  แต่รอสเองก็ไม่ค่อยแปลกใจเสียเท่าไหร่ที่จะมีคนเกลียดขี้หน้าเขาเป็นนิจ  รอสเองชินกับเรื่องพรรค์นีเสียแล้ว  เพียงแต่การที่มีคนไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ยังไม่เคยได้คุยกันแม้แต่น้อยมันก็ค่อนข้างน่าแปลกใจอยู่พอสมควร

     

    เอาล่ะ  ถ้างั้นตอนนี้ฟิลิปเป้ว่างอยู่ใช่มั้ย  งั้นเดี๋ยวผมขอแรงช่วยพารอสไปที่ห้องพักทำธุระส่วนตัวก่อน  เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีช่วยพาเขามาที่ห้องประชุมด้วย

     

    ได้เลยครับบอส  ฟิลิปเป้ตอบรับคำสั่งก่อนจะเดินนำรอสไปยังห้องพักอย่างกระตือรือร้น โดยมีสายตาอีกสามคู่จับจ้องจนเดินลับออกไป

     

    .............................

    ..............

    .........

    ....

     

    เสื้อผ้า  เครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็นอยู่ในกล่องนี้ทั้งหมดนะครับ  ถ้าต้องการสิ่งของอะไรเพิ่มเติมหรือมีของสำคัญที่ทิ้งไว้ที่บ้านพักก็ขอให้บอกผมหรือซาฮาได้เลยนะครับ  เดี๋ยวพวกเราจะจัดการให้เอง  ฟิลิปเป้ตบกล่องพลาสติกกล่องโตสองกล่องบนพื้นก่อนจะถือวิสาสะลงไปนั่งบนเตียงอย่างสบายอารมณ์

     

    เตียงคุณรอสนี่นุ่มดีจังเลยน้า  น่าอิจฉาจริงๆ  ห้องของผมนี่อะไรมันก็เก่าไปหมด  ผมเลยตัดปัญหานอนในที่ทำงานซะเลย

     

                    ระหว่างที่ฟิลิปเป้พล่ามไปอย่างไม่หยุดยั้ง  รอสก็เปิดกล่องตรวจตราข้าวของโดยไม่สนใจฟิลิปเป้แม้แต่น้อย  ราวกับว่าไม่มีอีกคนอยู่ในห้องด้วย

     

                    ว่าแต่คุณนี่ดูไม่ตกใจกับสถานที่นี้เลยนะครับ  ตอนผมมาครั้งแรกผมนี่แทบตั้งตัวไม่ติดแน่ะ  อยู่ดีๆ ก็มีคำสั่งย้ายเข้ามาพร้อมๆ กับหน่วยทหารที่แทบจะลากผมไปจากที่ทำงานผมซะเดี๋ยวนั้นเลย  ข้าวของก็ไม่ทันได้เก็บ  ตอนแรกนึกว่าโดนตำรวจลับลักตัวไปซะแล้วด้วยซ้ำนะครับ  ตกใจแทบแย่นึกว่าซวยแล้ว  โดนอุ้มแหงมๆ... 

     

                    รอสดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าจวนจะได้เวลานัดแล้วจึงเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนที่จะบอกกล่าวฟิลิปเป้เลยด้วยซ้ำ  เขาหันไปมองรอบๆ ตามทางเดินอันคดเคี้ยวที่เต็มไปด้วยท่อและสายไฟระโยงรยางค์มีเพียงแสงไฟสลัวๆ คอยให้แสงสว่าง

     

                    เลี้ยวซ้ายครับคุณรอส!  ถ้าไปอีกทางจะเดินอ้อมโลกเลย  ฟิลิปเป้รีบตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาจากห้อง  ที่นี่ทางมันซับซ้อนกว่าที่เห็นมากนะครับ  ทำเอาเดินหลงเอาง่ายๆ เลยนะ

     

                    ว่าแล้วฟิลิปเป้ก็เดินนำรอสพร้อมๆ กับจ้อไม่หยุดโดยที่รอสไม่ได้ปริปากพูดออกมาแม้แต่น้อย 

     

                    ความจริงผมดีใจนะครับที่อย่างน้อยก็มีคุณรอสเข้ามา  ยังไงคนที่ไม่ค่อยรู้อะไรอย่างเราๆ ก็จับกลุ่มกันไว้ดีกว่านะครับ  ยังไงซะผมว่าพวกเราก็คงต้องติดแหง็กไปกับภารกิจนี้อีกนานเลยล่ะ

     

                    ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของรอสก็หยุดลง  “นายนะ”  รอสกล่าวเสียงเย็นชาออกมา

     

                    มีอะไรเหรอครับ  ฟิลิปเป้หันกลับมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

     

                    เราทำภารกิจนี้ร่วมกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเพื่อนกันหรอกนะ  คุณก็ทำงานส่วนของคุณไป  ผมก็ทำงานส่วนของผม  ขอให้เข้าใจไว้ด้วย

     

                    ฟิลิปเป้มองอย่างงงๆ พลางพยายามที่จะพูดจากลบเกลื่อนให้สถานการณ์ดีขึ้น  ทว่าใบหน้าเคร่งเครียดไม่รับแขกของรอสทำเอาฟิลิปเป้หงอยเดินนำต่อไปจนถึงที่หมายโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีก 

     

                    ....................................

                    ..........................

                    ............

                    ....

     

                    นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติที่สำคัญยิ่ง  จะให้เนื้อความหรือข้อมูลใดๆ เล็ดรอดออกไปไม่ได้เป็นอันขาด

     

                    นี่คือประโยคขึ้นต้นที่ซาดีน่ากล่าวเปิดการบรรยายสรุปภารกิจ  ภายในห้องประชุมอันมืดมิด  มีเพียงแสงไฟสีฟ้าเรืองรองที่ถูกฉายออกมาเป็นภาพแผนที่เกาะเอเดินจากฐานใจกลางห้องประชุมอันกว้างใหญ่  มีซาดีน่าเป็นคนกล่าวบรรยายสรุป  ส่วนที่เหลือนั่งคอยนั่งฟังโดยมีผู้เข้าร่วมคือรอสและทุกคนที่เขาพบในตอนแรก

     

                    การบรรยายสรุปได้ใจความว่าเมื่อราว 5 เดือนที่แล้วทางหน่วยได้ค้นพบพื้นที่หนึ่งซึ่งมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกต  พื้นที่ดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นสถานที่ให้การศึกษาทั่วไป  แต่ทางหน่วยเชื่อว่าโรงเรียนนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าสำหรับกิจกรรมโครงการลับบางอย่างซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของมูราลได้  ดังนั้นทางหน่วยจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มีรหัสว่า "โคลัมบัส" เข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว  แต่ปรากฏว่าหลังจากที่โคลัมบัสสามารถแทรกซึมเข้าไปในอาราเนียได้แล้วก็ขาดการติดต่อกับทางหน่วยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

     

                    ในที่สุดฝันร้ายที่พวกเราหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นจริงขึ้นมา  นายพลโคลท์กล่าวแทรกขึ้น ไม่มีครั้งไหนอีกแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์กบฏของเหล่าแอนดรอยด์ที่จะเสี่ยงต่อความมั่นคงของมูราลได้เท่าเหตุการณ์นี้  การค้นพบการแทรกแซงของเราโดยพวกผู้หญิงอาจหมายถึงความหายนะของนโยบายโดดเดี่ยวไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน  และอาจหมายถึงสงครามที่อาจจะตามมาได้  ไม่มีใครในมูราลจะทราบได้เลยว่าว่าพวกผู้หญิงป่าเถื่อนมันจะใช้เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างอะไรได้บ้าง  พวกมันอาจจะรอคอยเวลานี้มานานแล้วก็ได้ที่จะถือโอกาสรุกรานแผ่นดินอันศักดิสิทธิ์ของพวกเรา!”

     

                    มันเป็นความกลัวที่ฝังรากมากับประวัติศาสตร์มูราลนับตั้งแต่เริ่มต้น  ความกลัวการรุกรานของเหล่าอนารยชนกระหายเลือดอันน่าหวาดหวั่นผู้มาพร้อมกับศาสตร์นอกรีตที่ปฏิเสธกฎวิทยาศาสตร์ของพระเจ้าทั้งปวง  ถึงแม้ว่าการกบฏของเหล่าแอนดรอยด์จะหันเหความสนใจไปสู่ปัญหาภายในได้บ้างก็ตาม  แต่สุดท้ายแล้วภัยคุกคามอันดับหนึ่งก็ยังคงเป็นเหล่าผู้หญิงอยู่

     

                    การบรรยายสรุปกล่าวต่อไปเกี่ยวกับสถานะของเจ้าหน้าที่ โคลัมบัส  ที่พอจะยืนยันได้เพียงอย่างเดียวว่ายังมีชีวิตอยู่และยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในพื้นที่เป้าหมาย  แต่จุดประสงค์และเหตุผลของการขาดการติดต่อยังเป็นปริศนา  ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรอสที่จะต้องแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายและนำตัว โคลัมบัส กลับมา

     

                    และข้อที่สำคัญที่สุดคือ  โคลัมบัส  จะต้องไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น  การฝ่าฝืนข้อสำคัญนี้อาจหมายถึงภารกิจอันล้มเหลว และทุกคนจะต้องรับโทษขั้นสูงสุด!  แน่นอนรวมทั้งตัวผมผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย  นายพลโคลท์กล่าว  เอาล่ะรอส   คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม

     

                    รอสนั่งครุ่นคิดอยู่สักครู่  ความจริงแล้วการบรรยายสรุปครั้งนี้ยังมีอีกหลายๆ ข้อที่ดูคลุมเครือ  แต่ตามที่เขาได้ถูกสั่งสอนไว้  ถ้าทางหัวหน้าไม่ได้บอกก็แสดงว่าเขาไม่จำเป็นต้องทราบ  จงหุบปากแล้วทำงานตามที่ได้รับมอบหมายไป

     

                    แล้วข้อมูลรายละเอียดหรือหน้าตาของโคลัมบัสล่ะครับ?”

     

                    แต่คนที่เอ่ยปากถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยกลับเป็นฟิลิปเป้นั่นเอง  ท่ามกลางเสียงเงียบของผู้คนรอบกาย  ฟิลิปเป้หันมองไปมาอย่างประหลาดใจ  อ้าว...ทำไมทุกคนเงียบล่ะครับ  ผมเองก็เพิ่งได้รับรู้รายละเอียดของภารกิจนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกันนา

     

                    ซาดีน่าจ้องเขม็งทำเอาฟิลิปเป้นั่งหัวหดไปเลย  ส่วนรอสได้แต่มองฟิลิปเป้อย่างหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะหันไปมองหน้านายพลโคลท์เพื่อรอการตอบรับ

     

                    ข้อมูลทุกอย่างของโคลัมบัสเป็นความลับขั้นสุดยอด  ส่วนข้อมูลที่จำเป็นต่อภารกิจเราจะแจ้งให้ทราบอีกที  ถ้าไม่มีคำถามอื่นแล้วก็ขอจบการบรรยายสรุปเพียงเท่านี้  นายพลโคลท์กล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะตัดบทแต่เพียงเท่านี้

     

                    ทันใดนั้นห้องก็พลันสว่างวาบก่อนที่ทุกคนจะทยอยเดินออกจากห้องไป  ฟิลิปเป้ที่เพิ่งถูกซาดีน่าถลึงตาใส่นั้นก็เดินหงอยตามรอสต้อยๆ ราวกับเจ้าหมาน้อยที่เพิ่งถูกทำโทษ  แต่พอเมื่อลับตาผู้อื่นแล้วเขากลับสลัดความหดหู่นั้นได้อย่างรวดเร็วก่อนจะหันมากระซิบคุยกับรอสอย่างตั้งอกตั้งใจ

     

                    คุณรอสว่ามั้ยว่าภารกิจนี้มันน่าสงสัยอยู่นา  เหมือนกับข้อมูลที่บอสให้มามันไม่เคลียร์แถมยังดูขัดแย้งในตัวเองอีกด้วย  คุณรอสไม่คิดบ้างเหรอว่ามันแปลกนะ  ทั้งๆ ที่บอกว่าขาดการติดต่อแต่ทำไมกลับยืนยันได้ว่ายังมีชีวิตอยู่  ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความว่าโคลัมบัสแปรพักตร์งั้นสิ  แต่ทำไมถึงให้นำตัวกลับมา...

     

                    คุณเบเร็ตต้า  เนื้อความที่อยู่ในห้องนั้นถือเป็นความลับสุดยอดไม่ใช่หรือ  ไม่คิดหรือว่ามันจะเป็นการเสี่ยงต่อภารกิจนี้

     

                    ต...แต่ว่า

     

                    ทว่าใบหน้าของรอสกลับไร้ซึ่งความใส่ใจในตัวฟิลิปเป้โดยสิ้นเชิง  ทำหน้าที่ของคุณไปโดยไม่ถามคำถามให้มากนักมันจะดีกับตัวนายเองนะ

     

                    รอสเดินจากไปโดยทิ้งฟิลิปเป้ไว้เบื้องหลังอย่างไร้เยื่อใย  ใช่...ที่จริงแล้วรอสเองก็มีข้อกังขามากมายในภารกิจนี้  ตั้งแต่การที่กองทัพมีปฏิบัติการลับแทรกแซงอาราเนียที่ใครๆ ต่างนึกว่าตัดขาดการติดต่อมาอย่างยาวนาน  ซ้ำยังอาการที่เก็บไว้ไม่มิดของบอสยามที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของโคลัมบัส 

     

                    แต่ก็เป็นตามที่เขาถูกฝึกไว้  มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบจัดการไป  ส่วนเขาก็ปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบมาอย่างแข็งขันมันก็แค่นั้น

     

                    แต่พอรอสเดินออกมาจากห้องก็พบกับซาฮายืนเล่นปอยผมรออยู่

     

                    เสร็จธุระแล้วนะ 

     

                    รอสพยักหน้ารับ  ซาฮาก้าวเท้าเดินมาประชิด  ตัวของซาฮาค่อนข้างเตี้ยกว่ารอสพอสมควรทำให้เขาต้องก้มลงมองคู่สนทนาร่างเล็กนี้

     

                    ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่เคยคิดว่านายเหมาะสมกับภารกิจนี้เลยแม้แต่น้อย  ซาฮาพูดสบประมาทรอสหน้าตาเฉย  แต่คำสั่งก็เป็นคำสั่ง  ต่อจากนี้ไปจะเป็นการเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของภารกิจนี้

     

                    ซาฮาทิ้งช่วงไว้สักครู่ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้รอสต้องทนทุกข์ไปอีกหลายสัปดาห์

     

                    ต่อจากนี้ไปชีวิตของนายเป็นของฉันแล้ว  ฉันจะฝึกนายให้กลายเป็นผู้หญิงจนลืมไปว่าเคยมีกระเจี๊ยวเลยทีเดียว!” 

     

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


    Edit Log: 26 Jan, 2008: จบตอนรีไรท์
    Edit Log: 08 Feb, 2008: แก้ไขสำนวนเล็กน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×