ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psalms of the New World

    ลำดับตอนที่ #7 : Mission Impossible

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 465
      0
      26 ส.ค. 51

    ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้

     

    มันเป็นความเคยชินของบรรดาชาวเมืองกรุงคอนแสตนติน  เมืองหลวงของราชอาณาจักรมูราลที่จะมองไม่เห็นท้องฟ้ายามเช้าอย่างที่มันควรจะเป็น  หมอกควันหนาทึบจากเครื่องจักรที่ทำงานไม่เคยหยุดพักบดบังแสงอาทิตย์ยามเช้าอันสดใสจนหมดสิ้น  เหลือไว้เพียงบรรยากาศมืดสลัวชวนหดหู่ใจเป็นยิ่งนัก 

     

    บรรดาตึกอาคารสูงตระหง่านดูหนาทึบราวกับเป็นเสาต้นยักษ์เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา  ฝุ่นควันได้จับตัวเป็นคราบติดตามอาคารเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์แยกความแตกต่างระหว่างแต่ละอาคารไปเสียแล้ว  เหล่าบรรดาเครื่องจักรทำหน้าที่ของมันต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะมีส่วนไหนชำรุดทรุดโทรม  ไม่ต่างกับเหล่าบรรดาผู้ให้กำเนิดพวกมันเลยแม้แต่น้อย  เหล่าบรรดาชายชาตรีต่างเดินไปตามทางของตนราวกับเป็นเพียงฟันเฟืองชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรที่เรียกว่าสังคมให้ทำงานต่อไป 

     

    แต่ท่ามกลางความน่าเบื่อและซ้ำซากนั้นกลับมีอาคารทรงโดมสีขาวขนาดมหึมาที่ดูจะไม่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าคอนกรีตเสริมเหล็ก  มันคืออาคารกองบัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพมูราลอันทรงเกียรติ  เป็นดั่งสัญลักษณ์ของนครหลวงนับตั้งแต่มันสร้างเสร็จเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว

     

    เมื่อก้าวเดินเข้ามาจากประตูหน้าก็จะพบกับห้องโถงภายในอาคารกองบัญชาการ  ซึ่งในเวลายามเช้านี้จะพบกับคลื่นมนุษย์ในชุดเครื่องแบบเดินผ่านเครื่องแสกนอย่างไม่ขาดสาย  สภาพอันไร้ซึ่งวิญญาณของบรรดาเหล่าเจ้าหน้าที่ประจำกองทัพทั้งหลายดูจะไม่ต่างจากหุ่นยนตร์รูปทรงสูงขนาดครึ่งตัวคนที่คอยทำงานเคียงคู่กับบรรดาพระเจ้าผู้สร้างของมันเลยสักนิด 

     

    เสียงเพลงปลุกเร้าโฆษณาชวนเชื่อของทางกองทัพดังขึ้นเป็นระยะ  ข้อความที่ว่า จงเชื่อในพระเจ้า จงเชื่อในกษัตริย์  จงเชื่อในมูราล เผ่าพันธุ์ผู้ชายคือความสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา กับ ปกป้องมูราลเพื่อมวลประชาเผ่าพันธุ์เรา คอยย้ำเตือนอยู่อย่างซ้ำซาก  สอดคล้องกับธงชาติสีแดงสดมีตราลายเกสรแดนดิไลออนสีทองตรงกลางที่ถูกแขวนไว้บนเพดานนับสิบผืน  แต่ดูเหมือนข้อความเหล่านั้นจะไม่ได้เข้าหูใครเลยแม้แต่น้อย

     

    ทว่านอกจากกลุ่มผู้คนอันน่าเบื่อหน่ายเหล่านั้นกลับมีหนุ่มน้อยในชุดเครื่องแบบสีดำเข้มยืนแหงนมองริ้วธงที่ประดับบนเพดานด้วยความภาคภูมิ  เขาสูดอากาศลึกๆ ด้วยความซาบซึ้งพลางหลับตาสีน้ำตาลใสอันกลมโตดื่มด่ำกับความรู้สึกโดยรอบ 

     

    เขาเป็นคนรูปร่างสูงปานกลางเมื่อเทียบคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมา  ผมสีน้ำตาลเข้มดูเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลใสอันคมคาย  ใบหน้าขาวนวลอันเกลี้ยงเกลากับริมฝีปากอันเรียวบางทำให้เขาดูยังเด็กเกินไปที่จะสวมเครื่องแบบทหารชุดนี้  ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างผอมบาง  แต่หารู้ไม่ว่าภายใต้ชุดเครื่องแบบเสื้อนอกที่ปิดจนถึงคอนั้นจะซ่อนร่างกายอันกำยำเข้ารูปที่เกิดจาการฝึกฝนมาตลอด  ตรงปกคอทั้งสองด้านมีแถบสีแดงที่มีดาวสีทองอยู่ตรงกลางคาดอยู่แสดงถึงยศร้อยตรีของเขา

     

    หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนพอใจแล้ว  รองเท้าหนังสีดำมันวาบก็ก้าวเดินไปยังจุดประชาสัมพันธ์ตรงหน้าอย่างหนักแน่น  มันเป็นแถวของเจ้าหุ่นกระป๋องที่ตั้งรอคอยให้บริการแก่ผู้ที่มาติดต่อจากภายนอก 

     

     

    ทันทีที่ชายหนุ่มยืนเผชิญหน้ากับเจ้าหุ่นกระป๋องตัวแรกของแถว  ลำแสงสีฟ้านวลจากเซ็นเซอร์ก็ยิงตรงเข้ามาที่นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น  ก่อนที่จะเลื่อนลงมาแสกนตัวเขาทั้งตัว

     

    ยินดีต้อนรับครับ  ร้อยตรีรอส  เมาเซอร์  ท่าน ผบ. กำลังรอพบท่านอยู่  กรุณาตามตนมาได้เลยครับ        

     

    เจ้าหุ่นกระป๋องไม่รอช้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากแถวก่อนที่จะนำรอสไปยังจุดหมายในวันนี้

     

    ระหว่างทางเดินอันคดเคี้ยวและซับซ้อนนั้นรอสต้องแสกนลายมือตามประตูเป็นระยะๆ  ซึ่งไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ต้องพบกับแผ่นโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อที่ติดอยู่แทบทุกตารางนิ้วบนกำแพง  มีทั้งรูปและข้อความกระตุ้นให้บรรดาผู้คนรักชาติ  ทำงานอย่างขยันขันแข็ง  มีความสามัคคีและ เสียสละเพื่อส่วนรวม 

     

    แต่นอกจากบรรดาโปสเตอร์รักชาติที่ดูจืดชืดนั้นกลับมีโปสเตอร์อีกแบบที่ดูโดดเด่นกว่า  สร้างสรรค์กว่า และ...

     

    สยดสยองกว่า

     

    มันเป็นภาพสัตว์ประหลาดรูปร่างน่าสะพรึงวิ่งไล่เข่นฆ่าเหล่าผู้ชายที่กำลังวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนก  ปีศาจนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ผมยาวและมีเต้านมดูน่าเกลียดน่ากลัวสองข้าง  ข้อความกำกับข้างๆ เขียนว่า พึงระวัง  อาหารมื้อโปรดของเหล่าผู้หญิงคือผู้ชายอย่างเรา

     

     ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นรูปปีศาจร้ายตัวเดิมนั่งบนเก้าอี้อย่างสุขสบาย  ถือแส้เฆี่ยนเหล่าบรรดาผู้ชายที่ถูกล่ามโซ่แบกก้อนหินก้อนโตบังคับให้ก่อนสร้างหอบาเบลอันน่าชัง  อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ข้อความเขียนระบุถึงช่วงเวลาที่เหล่าผู้ชายถูกผู้หญิงกดขี่ถูกใช้ให้ทำงานในขณะที่ผู้หญิงอยู่บ้านเสวยสุข 

     

    ในขณะที่อีกรูปเป็นภาพของทหารมูราลในชุดเกราะกำลังยิงใส่เหล่าบรรดาปีศาจผู้หญิงนับร้อยที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวเพียงลำพัง  หรือรูปสุดท้ายก่อนที่รอสจะมาถึงที่หมายเป็นรูปของชายหนุ่มกำลังถูกปีศาจหญิงหลอกล่อในขณะที่มืออีกข้างถือมีดแอบไว้ข้างหลังเตรียมพร้อมที่จะจ้วงแทงเหยื่อตรงหน้ายามเมื่อเผลอ

     

    โปสเตอร์เหล่านี้ถูกติดกระจายไว้ทุกที่ทั่วทั้งเมือง  ย้ำเตือนมิให้ลืมถึงภัยอันตรายอีกฟากของแผ่นดินที่ไม่ได้เผชิญหน้ากันมากว่า 300 ปี 

     

    ในที่สุดเจ้าหุ่นกระป๋องหยุด ณ ประตูเหล็กบานใหญ่ที่อยู่ปลายสุดของทางเดิน  มันค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างๆ ก่อนที่เซนเซอร์จากตัวมันจะทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับแผงควบคุมข้างๆ

     

    ท่าน ผบ. อนุญาตให้เข้าพบได้แล้วครับ เจ้าหุ่นเปล่งเสียงโมโนโทนของมันออกมาก่อนจะลงท้ายด้วยวลีปิดท้ายการสนทนาตามธรรมเนียมของมูราล พระเจ้าคุ้มครองกษัตริย์

     

    พระเจ้าคุ้มครองกษัตริย์ รอสตอบเบาๆ ก่อนจะก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าประตู  เขามองป้ายชื่อสีทองที่สลักอยู่หน้าห้องอยู่สักครู่  พลโท แมทธิว  โคลท์  ผบ. กองทัพภาคกลาง  รอสเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ  พลางสูดอากาศเข้าเสียเต็มปอดเพื่อดับความตื่นเต้น  ก่อนที่จะทาบมืออันหยาบกร้านจากการฝึกฝนมาอย่างยาวนานเข้ากับแผงควบคุมบนบานประตู

     

    ทันทีที่บานประตูเปิดออก  เสียงเพลงบรรเลงของวงออเครสตร้าก็ดังกระหึ่ม  เสียงไวโอลินเสียดสีประสานกับเสียงเป่าของทรัมเป็ตและทรอมโบนดังสนั่น กระแทกเข้าโสตประสาทของรอสอย่างไม่ทันตั้งตัว  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ตั้งสมาธิได้อย่างทันท่วงทีก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้อง

     

    นอกจากเสียงเพลงที่ดังโหวกเหวกจนเกินความเพราะไปเสียแล้ว  ภายในห้องยังมืดสลัวเห็นแต่เพียงเงาตะคุ่มๆ ของหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ 

     

    รอสที่ยังยืนอยู่หน้าห้องตบเท้ายืนตัวตรง  ยืดอกขึ้นพร้อมกล่าวตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลงดัง กระผม ร้อยตรี รอส  เมาเซอร์  ขออนุญาตรายงายตัวต่อท่าน ผบ. เพื่อรับตำแหน่งเข้าประจำการครับ!”

     

    แต่เสียงของเขามิอาจสู้กับเสียงเพลงได้  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น  กล่าวตะเบ็งเสียงแข่งต่อไป

     

                    กระผม ร้อยตรี รอส  เมาเซอร์  ขออนุญาตรายงายตัวต่อท่าน ผบ. เพื่อรับตำแหน่งเข้าประจำการครับ!”

     

                    ทันใดนั้นเสียงเพลงอลังการก็พลันดับลงพร้อมกับแสงไฟสีขาวนวลทำให้ห้องสว่างไสวในชั่วพริบตา  พร้อมกับการมาของผู้หนึ่งจากทางด้านหลัง 

     

                    ตามสบายเลยร้อยตรี 

     

                    รอสที่เพิ่งปรับสายตาได้ไม่นานนักก็พบว่าเงาที่เฝ้าตะโกนเรียกหาเมื่อสักครู่เป็นเพียงเก้าอี้นั่งตัวใหญ่  เขารีบหันไปยังทิศต้นเสียงด้วยความตื่นตกใจก็พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอมยิ้มอยู่  เขามีร่างสูงใหญ่ดูสง่ามีราศี  รอยบากตามใบหน้าผิวขาวอมชมพูมิได้ทำให้ความดูดีลดลงไปเลย  มันกลับยิ่งทำให้ดูมีเอกลักษณ์น่าเกรงขามขึ้นไปอีก  แต่ถึงกระนั้นดวงตาสีฟ้าใสกลับแสดงถึงความมีเมตตาของบุคคลนี้อย่างเห็นได้ชัด  ผมบลอนด์ตัดสั้นแต่ก็ดูเข้าได้ดีกับรูปหน้า  ชุดเครื่องแบบสีเทาที่มีแถบเครื่องหมายสีแดงคาดบนปกสีทองแสดงถึงยศระดับนายพล  ถึงรอสจะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็ทราบได้ทันทีว่าบุคคลผู้นี้คือนายพล โคลท์ นั่นเอง 

     

                    ผมต้องอภัยจริงๆ ครับที่ไม่ทราบว่าท่าน ผบ. ยืนอยู่ตรงนี้ครับ  รอสยืนตัวเกร็งกล่าวกับนายพลตรงหน้า

     

                    อยู่ดีๆ ก็โผล่มาคงจะทำให้ร้อยตรีตกใจละสิท่า  น้ำเสียงใจดีกล่าวต่อไปอย่างไม่ถือตัว  พอดีห้องนี้มันก็เก่าแล้วละนะ  ระบบเดินสายต่างๆ มันมั่วไปหมด  ไอ้เจ้าระบบสั่งการด้วยเสียงก็เสียอยู่ช่างมันก็ไม่มาซ่อมเสียทีมันก็ลำบากคนแก่ๆ อย่างผมต้องถ่อสังขารมาปิดเปิดเหลือเกิน

     

                    ไม่ครับ  ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขออภัยครับ  รอสยังคงยืนตัวตรงตอบอย่างหนักแน่นเหมือนเดิม

     

                    ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้  เมื่อสักครู่ผมก็บอกให้ตามสบายแล้วไม่ใช่หรือ 

     

                    ครับผม  รอสเปลี่ยนจากท่ายืนตรงเป็นยืนพักตามระเบียบ

     

                    นายพลโคลท์ได้แต่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างก่อนจะเดินไปนั่งประจำโต๊ะทำงาน  เป็นผืนธงลายดอกหญ้าสีทองพื้นสีแดงสดเป็นฉากหลัง

     

                    ลากเก้าอี้แถวๆ นั้นมานั่งเลย  เดี๋ยวเราคงต้องมีเรื่องต้องคุยกันยาว            

                   

                    หลังจากรอสจัดแจงลากเก้าอี้มานั่งเบื้องหน้านายพลโคลท์เรียบร้อยแล้วการสนทนาจึงได้เริ่มขึ้น

     

                    เอาล่ะ  ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องแนะนำตัวก่อนเลยแล้วกัน  ผมชื่อ พลโท แมทธิว โคลท์  เป็นผบ. ของที่นี่  ในฐานะของ ผบ. กองทัพภาคกลางแล้วผมต้องขอแสดงความยินดีกับร้อยตรีด้วยที่ได้รับการบรรจุยศหลังจากการฝึกอันหนักหน่วงจากโรงเรียนนายร้อยละนะ

     

                    หน้าจอโฮโลแกรมสีฟ้าใสลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับรูปถ่ายใบหน้าของรอสพร้อมประวัติผลการฝึกและคำแนะนำ

     

                    ร้อยตรีรอส  เมาเซอร์  จบการศึกษาในภาควิชาเหล่าหน่วยยานเกราะ  มีผลการเรียนเป็นเลิศ  เข้ารับการฝึกภาควิชาการหน่วยพลซุ่มยิงได้รับเข็มพลแม่นปืน  ชนะเลิศการแข่งขันยิงปืน 2 สมัยในกีฬาภายในของวิทยาลัย และ...

     

                    คุณสมบัติข้อสุดท้ายทำให้นายพลโคลท์อดอมยิ้มเสียมิได้

     

                    ได้รับการเลือกให้เป็นหนุ่มน้อยหน้าใสประจำรุ่นโดยผลการโหวตภายในระดับชั้นเรียน

     

                    รอสต้องพยายามอดกลั้นข่มความอายไว้ขนาดไหนก็ไม่มีใครทราบ  เขาไม่อยากจะเชื่อในตอนแรกเลยว่าเรื่องการประกวดงี่เง่าพรรค์นี้จะปรากฏขึ้นในประวัติของเขาด้วย

     

                    ท่านนายพลแอบเหลือบดูรอสที่กำลังกระอ่วนใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะอ่านส่วนอื่นๆ ต่อไป  ผลการประเมินผลจากร้อยเอกสปริงฟิล  ครูฝึกที่ปรึกษา... อ้าวนี่ร้อยตรีเรียนกับโทมัสด้วยหรือนี่

     

                    ครับ

     

                    ร้อยเอกโทมัส  สปริงฟิลเนี่ยเป็นรุ่นน้องของผมปีนึง  ผมเป็นรุ่นพี่รหัสเขาเอง  สงสัยผมคงฝึกเขาไว้ซะดีจนกระทั่งติดใจไปบรรจุเป็นครูฝึกฝึกพวกร้อยตรีต่อล่ะมั้ง

     

                    สิ่งที่นายพลโคลท์พูดมาทำให้รอสต้องแอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย  ถ้าระลึกความหลังระหว่างช่วงเป็นนักเรียนนายร้อยแล้ว  ครูฝึกสปริงฟิลมีชื่อเรียกเล่นๆ ในหมู่นักเรียนว่าครูฝึกนรกซึ่งการฝึกและระเบียบวินัยนั้นเข้มงวดและโหดนรกสมชื่อ  

     

    ถ้าเกิดความโหดของครูฝึกได้รับการถ่ายทอดมากจากนายพลผู้นี้แล้ว  ชะตาของเขาจะเป็นต่อไปเช่นไร

     

                    นึกถึงสมัยนั้นแล้วพวกร้อยตรีนี่โชคดีกว่าพวกผมเยอะ  ผมเองก็จบมาจากเหล่ายานเกราะเหมือนกัน  ตอนนั้นหุ่นรุ่นที่ผมขับเนี่ยเสียงมันดังสุดๆ จนทำหูผมเสียมาจนถึงทุกวันนี้เลย ท่านนายพลแกะหูฟังเล็กๆ ออกมาจากหูให้รอสดู  ถ้าไม่เครื่องนี้ล่ะก็ผมคงไม่ได้ยินอะไรที่ร้อยตรีพูดแน่ๆ  แต่เจ้าเครื่องนี้มันทำให้ฟังเพลงไม่รู้รสเอาซะเลย  ผมก็เลยต้องจำใจเปิดเพลงดังๆ ฟังเอาอย่างที่ร้อยตรีได้ยินนั่นล่ะ

     

                    รอสเหลือบไปดูรูปเก่าๆ ของนายพลโคลท์บนโต๊ะ  มันเป็นภาพสมัยท่านนายพลตอนยังหนุ่มที่ไม่มีรอยบากบนใบหน้า  ถ่ายคู่กับนายทหารผมสีแดงตาสีทองแดงอีกนายบนหุ่นรบรุ่นเก่าที่ตอนนี้พบเห็นได้แต่ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น  นายพลโคลท์ในตอนนั้นดูเคร่งขรึมและจริงจังกว่าในปัจจุบันมาก

     

                    ผลการประเมินระบุว่าร้อยตรีมีความประพฤติตัวดี  มีระเบียบวินัย  ขยันขันแข็ง  จดจำบทเรียนและการฝึกฝนได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง...  ท่านนายพลอ่านต่อไปเรื่อยๆ จนถึงอีกส่วนหนึ่ง ยึดตามหลักทฤษฎีจนขาดความพลิกแพลงและความยืดหยุ่นในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิบัติจริง  ขาดซึ่งจินตนาการที่จะนำไปสู่การพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ รวมไปถึงการขาดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย 

     

                    ท่านนายพลปิดหน้าจอลงพร้อมกับจ้องมองตรงมายังรอส

     

                    ที่กล่าวมานี่ร้อยตรีเห็นว่าอย่างไร

     

                    ครับ  เป็นไปตามที่กล่าวไว้ทุกประการครับ  รอสตอบอย่างหนักแน่น

     

                    ไม่มีความเห็นอื่นๆ เลยหรือ นายพลโคลท์นั่งพิเคราะห์ร้อยตรีหนุ่มอย่างละเอียด  ถูกทุกข้อรวมถึงข้อเสียที่ว่านั้นๆ ด้วยรึ

     

                    ครับผม  สิ่งที่ครูฝึกกล่าวไว้ถูกทุกประการครับ  รอสยังคงตอบราวกับเครื่องอัดเทปที่เตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว   

     

                    ถ้างั้นทำไมไม่แก้ไขมันซะล่ะ

     

                    ประโยคสุดท้ายที่นายพลโคลท์กล่าวออกมานั้นดูเคร่งเครียดราวกับท่าทางสบายๆ เมื่อสักครู่เป็นเรื่องโกหก 

     

                    ก็ร้อยตรีรู้ข้อเสียดีอยู่แล้วทำไมยังไม่แก้ไขซะล่ะ

     

                    รอสได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนยืดอกขึ้นมาตอบ ผมไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องนี้ครับ

     

                    ท่าน ผบ. นั่งวิเคราะห์ร้อยเอกหนุ่มตรงหน้าสักพักก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

     

                    ไม่เป็นไรหรอก  ไม่ต้องวิตกไป  ร้อยตรียังหนุ่มยังแน่น  ยังมีเวลาที่จะเรียนรู้อีกมาก  นายพลโคลท์ไขกุญแจเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนหยิบแฟ้มเอกสารสีน้ำตาลเล่มหนาออกมา

     

                    เอาล่ะ  ทิ้งเรื่องพวกนั้นไว้ก่อน  ผมไม่ได้เรียกร้อยตรีมาพบเป็นการส่วนตัวในวันแรกของการประจำการเพื่อตักเตือนในเรื่องนี้หรอกนายพลโคลท์ทาบนิ้วไปบนแถบสีดำบนแฟ้ม  ลำแสงสีฟ้ายิงขึ้นมาแสกนม่านตาของท่านนายพล  เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนายพลโคลท์จึงทาบแหวนบนนิ้วชี้บนร่องก่อนที่แฟ้มจะถูกปลดล็อคออก

     

                    มันอาจจะเป็นคำสั่งที่แปลกสักหน่อยสำหรับร้อยตรีเพิ่งจบมาหมาดๆ อย่างคุณ  แต่ผมมีภารกิจพิเศษบางอย่างที่ต้องการอาสาสมัครโดยสมัครใจอย่างร้อยตรีอยู่ในแฟ้มนี้  นายพลโคลท์หยิบแฟ้มเอกสารบางๆ อีกชุดที่อยู่ในแฟ้มหนาออกมา 

     

                    ร้อยตรีสนใจที่จะรับทำภารกิจนี้ไหม?

     

    คำว่า อาสาสมัครโดยสมัครใจ นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากคำว่า คำสั่งที่ต้องปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย  มันเป็นเพียงคำพูดไว้สำหรับให้ทางกองทัพหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้  ซึ่งรอสเองก็เข้าใจในความหมายนี้เป็นอย่างดี

     

    ครับผม  รอสตอบอย่างไม่ลังเล

     

    ร้อยตรีไม่คิดจะถามก่อนหรือว่าภารกิจนี้ต้องไปเกี่ยวพันกับอะไรบ้าง  ท่านนายพลถาม  มันอาจจะหมายถึงต้องเสี่ยงชีวิตของร้อยตรีก็ได้นะ

     

    ไม่ครับ  ถึงแม้ภารกิจนั้นจะหนักหนาสาหัส และอาจจะหมายถึงชีวิตของผม  ผมก็ยินดีที่จะสละให้เพื่อพระเจ้า  กษัตริย์ และมูราลครับผม!”

     

    คำพูดและเนื้อหาของประโยคนั้นดูราวกับลอกออกมาจากภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อถูกๆ สักเรื่อง  แต่แววตาและสีหน้าอันภาคภูมิใจยามกล่าวคำพูดเหล่านั้นแสดงถึงความเชื่อมั่นและความสำนึกในหน้าที่ที่มีต่อสถาบันเหล่านั้นอย่างสนิทใจ

     

    ภายใต้รอยยิ้มของนายพลโคลท์ที่ชื่นชมต่อความจงรักภักดีของร้อยตรีหนุ่มนั้นกลับแอบถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจ

     

    ดีแล้ว  ตอบได้ดีมากร้อยตรี

     

    ขอบคุณครับ

     

    ท่านนายพลนั่งดูแฟ้มในมือสักพักก่อนจะยื่นมันให้กับรอส

     

    นี่เป็นแฟ้มที่บรรจุข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้  เนื้อหาภายในแฟ้มและภารกิจทั้งหมดอยู่ในชั้นความลับสุดยอด  ห้ามเผยแพร่ให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาตทราบเป็นอันขาด

     

    ครับผม รอสตอบรับพร้อมกับยื่นมือรับแฟ้มนั้น  แต่พอทันทีที่มือเขาสัมผัส  มืออันใหญ่โตอีกข้างของนายพลโคลท์ก็คว้าเข้าตรงข้อมือของรอสทันที

     

    ร้อยตรีเข้าใจที่ผมกล่าวมาทั้งหมดใช่ไหม  เมื่อยามที่คุณเห็นข้อมูลภายในแฟ้มนั่น  คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะถอนตัวไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม

     

    แรงบีบของมือแสดงถึงความจริงจังเป็นอย่างดี  แต่ถึงกระนั้นรอสก็ยังคงตอบ ครับ อย่างหนักแน่นไม่หวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น 

     

    เมื่อได้ยินดังนั้น  นายพลโคลท์จึงคลายมือออกพร้อมกับเอนตัวไปนั่งพิงพนักอย่างสบายใจ

     

    ดีมาก นายพลกล่าวพลางสายตาจับจ้องกับรูปเมื่อสมัยครั้นยังหนุ่ม  แต่ผมอยากจะแนะนำร้อยตรีอย่างหนึ่งสำหรับภารกิจในครั้งนี้

     

    รอสจ้องมองดูนายพลโคลท์พร้อมกับแฟ้มเล่มสำคัญในมือที่กำลังจะถูกเปิดออก

     

    หัดถามก่อนตอบรับอะไรมันก็ไม่เสียหายหรอกนะ

     

    คำสอนที่ดูราวจะออกมาจากใจของท่านนายพลจบลงพร้อมๆ กับแฟ้มเอกสารที่ถูกเปิดออกต่อหน้าร้อยตรีหนุ่ม

     

    ..............................

    ...........

     

    มันเป็นเวลาสักครู่กว่ารอสจะวางแฟ้มเอกสารลงกับโต๊ะพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองนายพลตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้อ่านมา  บัดนี้ความเยือกเย็น และความมั่นใจต่างๆ ของรอสพลันหายจนหมดสิ้น 

     

    ไม่จริงใช่ไหมครับท่าน 

     

                    ก็อย่างที่เขียนไว้ในแฟ้มนั่นล่ะ นายพลโคลท์กล่าวอย่างใจเย็น

     

    ภารกิจพิเศษของคุณคือการแทรกซึมเข้าไปในประเทศอาราเนียตามที่เขียนไว้นั่นล่ะ

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: August 18th, 2008: แก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย
    Edit Log" August 25th, 2008: แก้จากดอกหญ้าเป็นเกสรต้นแดนดิไลออน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×